ตอนที่แล้วบทที่ 20 เวทแปลงโฉม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 เห็ดศักดิ์สิทธิ์

บทที่ 21 ทดลองเพาะปลูก


อังเกอร์เอียงศีรษะไปข้างหนึ่งด้วยท่าทีสงสัย เนเกริสถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ "เทพธิดาแห่งแสงสว่าง!? ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น โอ้โห ไม่น่าเชื่อ ปีศาจร้ายนี่นะแต่งงานกับเทพธิดาแห่งแสงสว่าง? เจ๋งสุดๆ!"

ปีศาจร้ายแต่งงานกับเทพธิดาแห่งแสงสว่าง? ความเสี่ยงนั้นไม่ต่างอะไรกับการแช่กรดกำมะถัน ไม่กลัวตัวละลายหรือไง?

ลิซ่าผู้เต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อศรัทธาเดินจากไปด้วยความปลาบปลื้ม ทิ้งให้อังเกอร์อยู่ตามลำพังด้วยความงุนงง สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เกินความเข้าใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ความศรัทธา พลังของพระเจ้า พลังธาตุ หรืออะไรทำนองนั้น เขารู้เพียงว่าลิซ่ายืมพลังเวทของเขาไปแล้วจะคืนให้ในรูปของเปลวไฟวิญญาณที่ใหญ่ขึ้น เขาจึงไม่ขาดทุนอะไร แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

มองดูกองกระดูกที่เฟลินทิ้งไว้ และมองดูต้นมอสเรืองแสงที่เขาปลูกไว้ อังเกอร์เอากะโหลกวัวโยนลงกองกระดูกอย่างไม่ลังเล แล้ววิ่งกลับไปดูแลต้นมอสเรืองแสงของเขา เมื่อเทียบกับระบบพลังที่ซับซ้อนเหล่านั้น สิ่งนี้ต่างหากที่เขาคุ้นเคย

ต้นมอสเรืองแสงเติบโตอย่างแข็งแรง สูงกว่าตอนที่อังเกอร์เก็บพวกมันมาจากซอกหินอย่างน้อยสี่ถึงห้าเท่า มองดูคล้ายกับพืชจำพวกเฟิร์น

ถ้าจะใช้เป็นอาหาร โตขนาดนี้ก็พร้อมเก็บเกี่ยวได้แล้ว ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้จะแก่เกินไป

ทว่าอังเกอร์ร์ไม่ได้ปลูกพวกมันเอาไว้กินแน่ๆ แต่ปลูกไว้เพื่อใช้เป็นแสงสว่าง เขาแยกพวกมันเป็นแถวๆ แล้วขนดินที่อุดมสมบูรณ์มากองเป็นสันดินตรงกลาง จากนั้นก็หว่านเมล็ดลงไป เช่นเดียวกับที่เขาทำในทุ่งมอสเรืองแสง

แต่ครั้งนี้ปลูกบนแผ่นหิน จึงกองสันดินได้ไม่มากนัก แต่ไม่เป็นไร ลองทำดูก่อน พอพืชโตขึ้นหน่อย เมื่อสันดินยึดรากพืชไม่อยู่ก็ค่อยย้ายที่ปลูกใหม่

หลังจากจัดการเสร็จ สวนผักหลายชั้นบนแผ่นหินขนาดใหญ่ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ตอนที่กำลังจะรดน้ำ อังเกอร์ก็นึกถึงวิชาชำระล้างขึ้นมาได้

วิชาชำระล้างกำจัดสิ่งโสโครกได้ แล้วจะชำระสิ่งเจือปนในน้ำและดินได้ไหมนะ?

ในการปลูกพืช เรื่องศัตรูพืชเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ ที่จริงวิชาเผาไร่ของเขาก็เกิดจากแรงบีบของแมลงศัตรูพืชนี่แหละ พร้อมๆ กับการเผาไร่ แมลงในดินก็จะถูกเผาตายไปด้วย

คิดแล้วก็ลงมือทำเลย อังเกอร์เลือกแผ่นหินแผ่นหนึ่ง แล้วใช้วิชาชำระล้างก่อน จากนั้นก็ฝังเมล็ดลงไป และขีดเส้นขวางหนึ่งเส้นที่ขอบแผ่นหิน

เขาเลือกแผ่นหินอีกแผ่นหนึ่ง รดน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ชำระล้างแล้ว และขีดเส้นขวางสองเส้นที่ขอบแผ่นหิน

สุดท้าย เลือกแผ่นที่สาม ชำระล้างดินก่อน แล้วค่อยรดด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ขีดเส้นขวางสามเส้น

แบบนี้แผ่นหินทั้งสามแผ่นก็จะเป็นกลุ่มควบคุมการทดลอง แผ่นไหนที่พืชงอกงามที่สุดก็จะเห็นได้ชัดเจน

นิสัยแบบนี้ อังเกอร์ได้เรียนรู้ตอนที่เขาฝังผงกระดูกเมื่อหลายปีก่อน ปีแรก ฝังกระดูกในไร่ผืนหนึ่ง พืชเจริญงอกงาม ปีที่สอง ฝังผงกระดูก พืชเจริญงอกงามยิ่งกว่า พอปีที่สาม ฝังผงกระดูกเยอะขึ้น ปรากฏว่าพืชกลับเหี่ยวเฉาหมด

อังเกอร์ใช้เวลาครุ่นคิดเป็นครึ่งปี มองดูไร่นาที่เหี่ยวเฉา ในที่สุดก็นึกวิธีดีๆ ออก เขาเอาผงกระดูกไปฝังในพื้นที่ห้าสิบไร่ โดยใช้สัดส่วนต่างๆ กัน ดูว่าผืนไหนพืชจะงอกงามที่สุด แล้วค่อยใช้เกณฑ์นี้ในการฝังต่อไป

หลังจากนั้น ก็หยุดไม่อยู่ อังเกอร์เอาทุกอย่างที่หาได้ไปฝังในดิน แถมยังแบ่งสัดส่วนต่างๆ เพื่อหาสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด

แต่ของที่หาได้ในวิหารสงบจิตมีไม่มาก สิ่งที่มีประโยชน์ต่อพืชมีแค่ผงกระดูก เถ้าถ่าน กับมูลนก สามอย่างเท่านั้น แต่มูลนกมีปริมาณน้อยเกินไป อังเกอร์เลยหาสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดไม่ได้

เมื่อผลจากประสบการณ์ได้แล้ว ก็ต้องสร้างให้เป็นนิสัย ชุดการทดลองแบบเดียวกัน อังเกอร์จัดไว้สามชุด ก็คือเรื่องของเก้าแผ่นหินนั่นแหละ

ระหว่างทางกลับไปตักน้ำ เมื่อเดินผ่านกองกระดูก จู่ๆ ก็มีเสียงคำรามอันโกรธาของวิญญาณดังขึ้น โครงกระดูกร่างสูงใหญ่หัววัวปีนออกมาจากกองกระดูก

อังเกอร์โยนกะโหลกวัวลงไปตรงนั้น ในกะโหลกนั้นมีวิญญาณอยู่แล้ว วิญญาณที่กำลังโกรธจัด

ต่อให้เป็นวิญญาณอื่นใด ถ้าถูกแขวนทิ้งไว้บนผนังเป็นสิบๆ ปี ก็คงจะโกรธเดือดเหมือนวัวหัวนี้ แต่น่าเสียดาย มันไม่มีแขนขา ปลดตัวเองออกจากผนังไม่ได้

ในกองกระดูกที่เฟลินส่งมา บังเอิญมีโครงกระดูกเต็มชุดของคนหัววัวด้วย คาดว่าเฟลินคงเห็นอังเกอร์อุ้มหัววัวอยู่ เลยส่งมาเป็นพิเศษ

ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อยในการเชื่อมโยงกระดูกเหล่านั้น ในที่สุดโครงกระดูกหัววัวที่โกรธและกำลังเดือดก็ยืนขึ้นได้ มันต้องการกำราบทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า!!!

โครงกระดูกหัววัวที่โกรธจัดยืนขึ้น มันก้าวเท้าออกไปก้าวแรก มันเห็นอังเกอร์อยู่ด้านหน้า มันคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด มันก้มหัวลง ชี้เขาวัวอันแหลมคมไปทางอังเกอร์ มันพุ่งเข้าชน อังเกอร์แต่เป็นมัน...ที่ ล้มลงไปซะเอง!

ซอมบี้ตัวเล็กพุ่งปรี๊ดออกมาจากข้างๆ ชนไปที่เขาของมันโดยตรง ทำให้ขาท่อนล่างหลุดร่วง โครงกระดูกทั้งชุดล้มคว่ำฟุบลง กระดูกขาวัวที่หลุดยังถูกซอมบี้ตัวเล็กคว้าไปถือเล่นอีกต่างหาก

โครงกระดูกหัววัวผู้โกรธเกรี้ยวพยายามลุกขึ้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็ถูกซอมบี้ตัวเล็กใช้กระดูกขาของมันเองฟาดเข้าที่แก้มเต็มแรง ตรงจุดที่เคยถูกโครงกระดูกสีเทาฟันเอาไว้

จุดนั้นก็เป็นจุดอ่อนของโครงกระดูกจริงๆ ถูกฟาดเข้าไปแล้วมักจะทำให้วิญญาณสั่นคลอนได้ง่าย เหมือนอาการสมองสั่นสะเทือนของมนุษย์

วิญญาณของโครงกระดูกหัววัวนิ่งไปอยู่นาน ไม่ฟื้นคืนสติสักที พอฟื้นขึ้นมาได้ ไม้กระดูกของซอมบี้ตัวเล็กก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้มันสลบไปอีกรอบ

วนเวียนอยู่อย่างนี้หลายครั้ง ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า โครงกระดูกไม่ได้โง่จริงๆ หรอก โดนทุบไปสองสามทีก็เรียนรู้แล้ว มันเลยกอดหัวแล้วนอนแบนราบไปกับพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมาอีกเลย

ซอมบี้ตัวน้อยคว้าขาอีกข้างที่ยังดีอยู่ของมันแล้วลากมันไปมา ถ้าไม่ใช่เพราะอังเกอร์ห้ามไม่ให้มันสังหารโครงกระดูกอย่างบ้าคลั่ง มันคงจะทุบจนให้โครงกระดูกหัววัวคอหักไปแล้ว แล้วล้วงเอาเปลวไฟแห่งวิญญาณจากเบ้าตามันออกมาบีบจนแตก ก่อนกลืนกินเข้าไป

โครงกระดูกวัวถูกซอมบี้ตัวน้อยลากไปมา อังเกอร์ถึงได้ยืดตัวตรง เมื่อครู่เขาก้มตัวลงเตรียมคำรามอยู่แล้ว ด้วยพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้ เสียงกรีดร้องวิญญาณดังขึ้นสักทีหรือสองที วิญญาณของโครงกระดูกหัววัวนี่คงแตกสลายไปแล้ว เท่ากับว่าซอมบี้ตัวน้อยช่วยชีวิตวัวตัวนี้ไว้

วันรุ่งขึ้น อังเกอร์พบว่า สามแผ่นหินที่รดน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวนั้น มอสเรืองแสงส่องสว่างขึ้นอีกนิด มองเผินๆ อาจมองไม่เห็น แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางมอสจำนวนมากที่ไม่เคยรดน้ำศักดิ์สิทธิ์ มันก็โดดเด่นขึ้นมาพอสมควร

ส่วนอีกสามแผ่นที่ทำความสะอาดอย่างเดียวไม่ได้รดน้ำศักดิ์สิทธิ์ มอสเรืองแสงบนนั้นกลับดูซีดเซียวไปบ้าง

สำหรับอีกสามแผ่นที่ทั้งรดน้ำทั้งชำระล้าง มอสเรืองแสงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ในดินกลับมีสิ่งใหม่ๆงอกขึ้นมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด