ตอนที่แล้วบทที่ 201 ทักษะเวทย์หมื่นปรานกระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 203 สำนักเทพมังกรบริสุทธิ์

บทที่ 202 สำนักกระบี่มังกรเร้นลับ


ทักษะศาสตร์เวทย์นั้นลึกลับซับซ้อน มันเข้าใจได้ยากกว่าทักษะวรยุทธขั้นเซียนสวรรค์เสียอีก ไม่ต้องกล่าวถึงทักษะระดับมหาจอมเวทย์อย่างทักษะหมื่นปราณกระบี่

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หยางเสี่ยวเทียนอ่านศึกษามันอย่างละเอียด เขาก็ไม่พบสิ่งใดที่เป็นปัญหาหรือยากจะเข้าใจเลยแม้แต่น้อย

จากนั้น เขาก็เปิดอ่านมันอีกครั้งเพราะเกรงว่าอาจอ่านไม่ครบทุกตัวอักษรหรือพลาดสิ่งใดไป ครั้นอ่านจบครบสองรอบแล้ว เขาก็เริ่มฝึกฝนมันทันที

ทันใดนั้น ปราณกระบี่อันเจิดจรัสก็ส่องสว่างไปทั่วลานฝึกยุทธ์

หยางเสี่ยวเทียนขณะนี้ กำลังเพลิดเพลินไปกับปราณกระบี่มากมายอันน่าตื่นตะลึง ซึ่งปราณกระบี่เคลื่อนไหวทั้งขึ้นและล่อง ดุจเดียวกับมังกรมิมีผิด

ในระหว่างที่หยางเสี่ยวเทียนกำลังฝึกฝนทักษะหมื่นปราณกระบี่ หยางเฉาและหวงอิ๋งกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้อง ทั้งสองสนทนากันเกี่ยวกับบุตรของตน ความยากลำบาก ความสุข และเรื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ครั้นกล่าวถึงความยากลำบากก่อนหน้านี้ ดวงตาของหวงอิ๋งก็เปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับน้ำใสๆ ปริ่มขอบตา “ท่านพี่ ในชีวิตชาติที่แล้วของข้า ข้าได้ช่วยยุทธภพเอาไว้หรือไม่”

เหตุที่นางกล่าวเช่นนั้นก็เพราะว่า นางรู้สึกโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ชาตินี้มีบุตรที่ดีถึงสองคน

หยางเฉาก็กล่าวด้วยอารมณ์เช่นเดียวกับนาง “ใช่ ชาติที่แล้วเจ้าคงช่วยยุทธภพไว้ ส่วนข้าได้ช่วยดวงดาวนับล้านเอาไว้กระมัง”

หวงอิ๋งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา แล้วทั้งสองหัวเราะพร้อมกันอย่างสำราญใจ

ในวันต่อมา นอกจากการบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่มแล้ว หยางเสี่ยวเทียนยังฝึกฝนทักษะหมื่นปราณกระบี่ เพลงกระบี่นับร้อย และเพลงกระบี่ตงเทียนอีกด้วย

ทักษะเพลงกระบี่นับร้อยนั้น ได้ก้าวข้ามวรยุทธขั้นเซียนสวรรค์ไปแล้ว เมื่อเขาควบคุมกระบี่นับร้อยเล่มให้โจมตี มันก็หาได้มีพลังด้อยไปกว่าทักษะหมื่นปราณกระบี่แต่อย่างใด

ส่วนเพลงกระบี่ตงเทียน มันเป็นหนึ่งในสิบเพลงกระบี่ที่ดีที่สุดในยุทธภพ พลังของมันนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเลย

นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว หยางเสี่ยวเทียนยังใช้เวลาที่เหลืออยู่กับครอบครัว บางครั้งเขาชี้แนะเรื่องการฝึกฝนให้พวกเขา และบางครั้งก็พาครอบครัวไปเยี่ยมชมเมืองเสินเจี้ยน

ซึ่งทุกครั้งที่เข้าไปเยี่ยมชมเมืองเสินเจี้ยน หยางหลิงเอ๋อร์จะลากหยางเสี่ยวเทียนไปยังร้านขายขนมอยู่เสมอ

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน หยางหลิงเอ๋อร์ก็รู้ว่าร้านขนมร้านไหนในเมืองเสินเจี้ยน มีรสชาติเอร็ดอร่อย และร้านไหนรสชาติแย่

ในวันนี้ เป็นวันที่แสงแดดแรงกล้าและท้องนภาสดใส

ในขณะที่ หยางเสี่ยวเทียนกำลังชี้แนะให้บิดามารดาฝึกฝนอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วเมืองเสินเจี้ยน!

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนี้ถูกปล่อยออกมาจากชายทั้งสอง พานให้ผู้แข็งแกร่งในเมืองเสินเจี้ยนแห่งนี้ ต่างมีสีหน้าซีดเซียวลงในทันที

ไม่ว่าจะเป็นหลินหยงจากสำนักเสินเจี้ยน หรือเผิงจื้อกังผู้เป็นเจ้าเมือง พวกเขาต่างเหนื่อยมองไปยังร่างทั้งสองที่ลอยอยู่เหนือนภากาศด้วยความหวาดหวั่นในดวงตา

พวกเขาทุกคนล้วนเคยเห็นผู้แข็งแกร่งในขั้นจักรพรรดิยุทธ์ของจักรวรรดิเทียนโต้ว แต่จักรพรรดิยุทธ์ผู้นั้น ก็ไม่ได้มีแรงกดดันอันน่าสะพรึงถึงเพียงนี้

แรงกดดันนั่นมาจากสองคนนี้กระนั้นหรือ…

ระหว่างนั้นเอง สองร่างที่ลอยอยู่เหนือนภากาศ ก็เคลื่อนมายังจวนของหยางเสี่ยวเทียนในชั่วพริบตา เมื่อทั้งสองมายืนอยู่เหนือจวนของหยางเสี่ยวเทียน แรงกดดันอันมหาศาลที่มีต่อทุกคนในเมืองเสินเจี้ยนก็ลดลงทันที

ผู้ที่มาเยือนในครานี้ หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีเศษ และอีกหนึ่งเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าหยิ่งผยอง

ชายวัยกลางคนเหลือบมองหยางหลิงเอ๋อร์ ดวงตาของเขาก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ ก่อนเขาจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าใช่หยางหลิงเอ๋อร์หรือไม่”

หลังได้ยินคำถามนั้น หยางหลิงเอ๋อร์ก็มิได้ตอบแต่อย่างใด นางเคลื่อนตัวหลบไปอยู่ข้างหลังของหยางเสี่ยวเทียนทันที

ครั้นชายวัยกลางคนเห็นท่าทางเช่นนั้น จึงยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วกล่าวว่า “อย่าได้กลัวไปเลยสาวน้อย นามของข้าคือจิ่วอู๋ มาจากสำนักกระบี่มังกรเร้น ซึ่งเป็นสำนักชั้นยอดแห่งอาณาจักรมังกรศักดิ์สิทธิ์ ส่วนนี่คือศิษย์ของข้าหลันอี้ เราไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเจ้า”

“การที่เรามาในครั้งนี้ เพื่อเชิญชวนให้เจ้าเข้าร่วมกับสำนักกระบี่มังกรเร้นลับเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง”

“เจ้าจงมากับพวกเราเถิด”

สำนักกระบี่มังกรเร้นลับ!

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัวว่าเขานั้นเป็นใคร หัวใจของหยางเสี่ยวเทียนก็ดำดิ่งสู่เหวลึก

ทุกวันนี้ เขาได้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสำนักมหาอำนาจต่างๆ ในอาณาจักรมังกรศักดิ์สิทธิ์

สำนักกระบี่มังกรเร้นลับและสำนักเทพมังกรบริสุทธิ์ ต่างก็เป็นหนึ่งในสิบสำนักสุดยอดของอาณาจักรมังกรศักดิ์สิทธิ์

หลังได้ฟังวาจาของจิ่วอู๋อีกครั้ง หยางหลิงเอ๋อร์ก็ยิ่งซ่อนตัวเข้าไปด้านหลังของหยางเสี่ยวเทียนมิดชิดขึ้น มือของนางคว้าอาภรณ์ของหยางเสี่ยวเทียนไว้อย่างกระชับแน่นแล้วส่ายศีรษะ

เมื่อศิษย์ของจิ่วอู๋ หลันอี้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง จึงเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ ท่านไม่จำเป็นต้องพูดกับนางให้มากความ เรารีบพานางกลับสำนักเลยดีกว่า”

เจตนาในวาจานั้นของเขา เห็นได้ชัดว่าต้องการพาหยางหลิงเอ๋อร์กลับไปด้วยกำลัง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด