ตอนที่ 5 : ผู้ใช้ค่ายกล ค่ายกลเคลื่อนย้าย !
ตอนที่ 5 : ผู้ใช้ค่ายกล ค่ายกลเคลื่อนย้าย !
เช้าวันต่อมาหลินลั่วก็มาถึงตึกใจกลางเมืองตั้งแต่เช้า
กิลด์ผู้ปลุกพลังเมืองปิ้นไห่
ที่นี่คือศูนย์กลางกิจกรรมของผู้ปลุกพลังทุกคนในเมืองปิ้นไห่ ผู้ปลุกพลังสามารถมาทำกิจกรรมต่างๆเช่นการขอใบรับรอง, หาของและอุปกรณ์, แลกเปลี่ยน, ฝึกแบบจำลอง, เรียนการต่อสู้และกิจกรรมอื่นๆที่นี่ได้
ปกติแล้วที่นี่จะมีคนเยอะตลอดทั้งวัน
ผู้คนเดินเข้าออกตึกแห่งนี้ในชุดที่ ‘ดูแปลกตา’
บางคนใส่ชุดนักเวทย์ บางคนถือดาบใหญ่ บางคนไม่ใส่เสื้อ บางคนหน้าตาคล้ายกับเอเลียน
มันมีออร์ค, เอลฟ์, คนแคระและภูติอยู่ด้วย
พวกนี้คือผู้ปลุกพลังขั้น 3 พวกนี้จะได้รับสายเลือดอื่นทำให้แกร่งขึ้นกว่าเดิม
หลินลั่วมองไปรอบๆด้วยความอิจฉา เมื่อไหร่เขาจะได้เป็นผู้ปลุกพลังที่แท้จริงเหมือนพวกเขา ?
เขาตามผู้ดูแลไปถึงด้านข้างของกิลด์ผู้ปลุกพลังมายังอีกตึก
ที่นี่มีผู้ปลุกพลังเข้าออกมากมาย ส่วนมากมากันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน
ด้านในตึก มันมีผู้ปลุกพลังกว่า 10 คนที่สวมชุดคลุมตามมาตรฐานกำหนด ผู้ดูแลคอยสั่งให้ผู้ปลุกพลังเดินไปที่แท่นกลม
ที่แท่นนี้มีค่ายกลที่ซับซ้อนสลักเอาไว้
ค่ายกลเคลื่อนย้าย
ผู้ปลุกพลังสามารถเคลื่อนย้ายรึวาร์ปไปยังพื้นที่อื่นที่อยู่ไกลเป็นสิบๆรึหลายล้านกิโลเมตรได้ในเวลาอันสั้น
เจ้าหน้าที่ที่ดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายเองก็เป็นผู้ใช้ค่ายกลเช่นกัน
อาชีพเสริมเหมือนกับหลินลั่วแต่เป็นที่ต้องการมากกว่า !
พวกนี้พึ่งสกิลของตัวเองเพื่อสร้างค่ายกลต่างๆขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น
ค่ายกลที่สร้างขึ้นมาง่ายที่สุดคือค่ายกลเขาวงกต, ค่ายกลไฟ, ค่ายกลอสรพิษและอื่นๆ
ค่ายกลที่ซับซ้อนกว่านั้นก็มีค่ายกลเคลื่อนย้าย, ค่ายกลป้องกันแบบต่างๆ...
หลินลั่วเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่และบอกกับอีกฝ่าย “สวัสดี ผมอยากไปที่เมืองปิศาจ”
เจ้าหน้าที่มองไปที่หลินลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดขึ้น “นายน่าจะเป็นผู้ปลุกพลังฝึกหัดที่เพิ่งจะปลุกพลังขึ้นมาได้ นายไม่ไปฝึกกับเพื่อนที่โรงเรียน ดูเหมือนว่านายจะมั่นใจในตัวเองพอตัว”
“มันเป็นไปได้มั้ยว่าอาชีพที่นายปลุกพลังขึ้นมาได้นั้นเป็นอาชีพชั้นสูงและอยู่ระดับ B ขึ้นไป ?”
หลินลั่วพูดขึ้นมา “แค่ระดับ D ผมแค่อยากไปหาประสบการณ์ที่อื่นสักหน่อย”
“ระดับ D ?” เจ้าหน้าที่ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ทว่าเขากังพูดออกมา “นอกจากเมืองปิศาจแล้ว มันยังมีแผนที่อื่นอย่างที่ราบปิศาจหนู, เขตแดนมนุษย์หนู ถึงจะเป็นแผนที่สำหรับพวกฝึกหัดแต่มอนเตอร์ที่เกิดที่นั่นก็มีมันสมองและยังเจ้าเล่ห์อีก นายไปที่นั่นก็ระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณครับ”
“วารป์ไปเมืองปิศาจ เดินทางไปกลับ 1,000 หยวน”
หลังจากที่หลินลั่วจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ก็ให้บางอย่างที่เหมือนกับเหรียญตราให้กับเขา
“นี่เป็นเหรียญสำหรับวาร์ปใช้ได้ครั้งเดียว เก็บไว้ดีๆ ตอนที่นายกลับมาก็ส่งมันให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่อีกฝั่ง”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ”
เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้หลินลั่วเดินไปที่ใจกลางค่ายกลก่อนจะเริ่มสะบัดมือไปมา
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ แสงสีขาวก็ห่อหุ้มร่างของหลินลั่วก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไป
“หึหึหึ ผู้ปลุกพลังฝึกหัดที่เพิ่งปลุกพลังขึ้นมาได้กลับกล้าไปฆ่ามอนเตอร์ตัวคนเดียว ฉันหวังว่าเขาจะรอดกลับมาได้นะ...”
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ๆก็มีแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นมาตรงหน้าหลินลั่ว
จากนั้นเขาก็เวียนหัวเล็กน้อยจนเขาเซเกือบล้มลงกับพื้น
“ฮาฮา ผู้ปลุกพลังฝึกหัดอีกคนงั้นเหรอ ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นมา “ไอ้หนู นี่คือผลจากการวาร์ปครั้งแรก หลังจากที่ทำการวาร์ปบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”
หลินลั่วเงยหน้าและเห็นเจ้าหน้าที่อีกคนที่ดูเป็นกันเอง มันมีผู้ใช้ค่ายกลที่เป็นเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ
ตึกรอบตัวที่เคยมีหายไปแล้ว
“อย่าเอาแต่นิ่ง คนอื่นจะวาร์ป ออกมาได้แล้ว”
หลินลั่วพยักหน้าและรีบเดินออกมา
ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆมีตึกอาคารโทรมๆ สิ่งก่อสร้างส่วนมากทำขึ้นมาจากหิน
มีผู้ปลุกพลังหลายคนที่เดินทางเข้าออกที่นี่ แต่ส่วนมากแล้วยังเป็นพวกหนุ่มสาว ชัดแล้วว่าพวกเขาเป็นผู้ปลุกพลังฝึกหัดที่เลเวลต่ำกว่า 30
หลินลั่วเปิดแผนที่ขึ้นมาดูและพบว่าพื้นที่โดยรอบนั้นยังเป็นสีดำเทา มันมีตัวอักษร ‘เมืองปิศาจ’ กำกับเอาไว้
สีดำเทาพวกนี้คือหมอก มีแค่ที่ที่เราเคยไปเท่านั้นรึได้รับการแชร์แผนที่จากคนอื่นๆที่จะทำให้เห็นรายละเอียดในแผนที่
“ที่ราบปิศาจหนู เท่าที่ฉันนึกออก มันอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองปิศาจ ห่างไปประมาณ 10 กม....”
เมื่อรู้ที่หมาย หลินลั่วก็ออกเดินทางทันที จากนั้นเขาก็พบว่ามีคนจำนวนมากมาออกันที่ประตูเมือง
“ทีม 5 จะไปที่ที่ราบปิศาจหนู รับเลเวล 5 ขึ้นไป อาชีพนักรบ, อัศวิน, ดรูอิด(พวกที่เปลี่ยนร่างได้)และพวกสายโล่อื่นๆ ถ้าของดรอปจะได้สิทธิ์เลือกของก่อน !”
“หานักธนูกับนักเวทย์โจมตี, นักบวชกับผู้ใช้ค่ายกลไม่เอา....”
“หาคนโจมตี รีบมาที...”
พวกนี้คือพวกที่มาคนเดียว ทุกครั้งที่เข้าไปในแผนที่อื่น พวกเขาก็มักจะเลือกร่วมทีมกับคนแปลกหน้า
ด้วยวิธีนี้ถึงจะแบ่งค่าประสบการณ์กับคนอื่นๆ ถึงจะต้องแย่งอุปกรณ์และของที่มอนเตอร์ดรอปมา แต่ไม่ต้องเดาเลยว่ามันปลอดภัยกว่าการไปคนเดียว
หลินลั่วไม่ได้เข้าทีมกับใครและเดินไปที่ป้อมที่ประตูเมือง
มีรถทั้งใหญ่และเล็กจอดอยู่ที่นั่น
ผู้ปลุกพลังที่ขัดสนเงินเลือกที่จะขึ้นรถบัสเพื่อไปยังที่หมายได้
ทีมที่มีเงินหน่อยก็จะเช่ารถเพื่อความสะดวก
จุดเกิดมอนเตอร์ในที่ราบปิศาจหนูนั้นอยู่ไกล ดังนั้นแน่นอนว่าหลินลั่วจะเดินเท้าเปล่าไปคงไม่ได้
หลินลั่วจึงเลือกที่จะขึ้นรถบัส คนขับนั้นเป็นชายวัยกลางคนดูเป็นกันเอง
พวกนี้คือคนธรรมดาที่เลือกที่จะทำมาหากินในพื้นที่ใกล้ๆกับจุดที่มีมอนเตอร์
ผ่านไป 30 นาที รถก็มีคนขึ้นเกือบ 70% ส่วนมากมากันเป็นทีม คนที่มาคนเดียวมีแค่หลินลั่ว
คนขับดูเวลาก่อนจะปิดประตูและสตาร์รถ
หลินลั่วหลับตาเพื่อพักผ่อนโดยไม่พูดกับใครเลยตลอดทาง
คนในรถ มีแค่ไม่กี่คนที่พูดคุยกันเบาๆ พวกเขาพากันมองไปรอบๆด้วยท่าทีระวังตัว
ไม่นานผ่านไปไม่ถึง 30 นาที รถก็มาหยุดที่เนินเขาแปลกๆแห่งหนึ่ง
ที่ราบปิศาจหนู ฉันมาแล้ว...