ตอนที่แล้วตอนที่ 4 : สกิลของฉันกลายพันธุ์ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 : ทดสอบสกิลกลายพันธุ์ !

ตอนที่ 5 : ผู้ใช้ค่ายกล ค่ายกลเคลื่อนย้าย !


ตอนที่ 5 : ผู้ใช้ค่ายกล ค่ายกลเคลื่อนย้าย !

เช้าวันต่อมาหลินลั่วก็มาถึงตึกใจกลางเมืองตั้งแต่เช้า

กิลด์ผู้ปลุกพลังเมืองปิ้นไห่

ที่นี่คือศูนย์กลางกิจกรรมของผู้ปลุกพลังทุกคนในเมืองปิ้นไห่ ผู้ปลุกพลังสามารถมาทำกิจกรรมต่างๆเช่นการขอใบรับรอง, หาของและอุปกรณ์, แลกเปลี่ยน, ฝึกแบบจำลอง, เรียนการต่อสู้และกิจกรรมอื่นๆที่นี่ได้

ปกติแล้วที่นี่จะมีคนเยอะตลอดทั้งวัน

ผู้คนเดินเข้าออกตึกแห่งนี้ในชุดที่ ‘ดูแปลกตา’

บางคนใส่ชุดนักเวทย์ บางคนถือดาบใหญ่ บางคนไม่ใส่เสื้อ บางคนหน้าตาคล้ายกับเอเลียน

มันมีออร์ค, เอลฟ์, คนแคระและภูติอยู่ด้วย

พวกนี้คือผู้ปลุกพลังขั้น 3  พวกนี้จะได้รับสายเลือดอื่นทำให้แกร่งขึ้นกว่าเดิม

หลินลั่วมองไปรอบๆด้วยความอิจฉา เมื่อไหร่เขาจะได้เป็นผู้ปลุกพลังที่แท้จริงเหมือนพวกเขา ?

เขาตามผู้ดูแลไปถึงด้านข้างของกิลด์ผู้ปลุกพลังมายังอีกตึก

ที่นี่มีผู้ปลุกพลังเข้าออกมากมาย ส่วนมากมากันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน

ด้านในตึก มันมีผู้ปลุกพลังกว่า 10 คนที่สวมชุดคลุมตามมาตรฐานกำหนด ผู้ดูแลคอยสั่งให้ผู้ปลุกพลังเดินไปที่แท่นกลม

ที่แท่นนี้มีค่ายกลที่ซับซ้อนสลักเอาไว้

ค่ายกลเคลื่อนย้าย

ผู้ปลุกพลังสามารถเคลื่อนย้ายรึวาร์ปไปยังพื้นที่อื่นที่อยู่ไกลเป็นสิบๆรึหลายล้านกิโลเมตรได้ในเวลาอันสั้น

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายเองก็เป็นผู้ใช้ค่ายกลเช่นกัน

อาชีพเสริมเหมือนกับหลินลั่วแต่เป็นที่ต้องการมากกว่า !

พวกนี้พึ่งสกิลของตัวเองเพื่อสร้างค่ายกลต่างๆขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น

ค่ายกลที่สร้างขึ้นมาง่ายที่สุดคือค่ายกลเขาวงกต, ค่ายกลไฟ, ค่ายกลอสรพิษและอื่นๆ

ค่ายกลที่ซับซ้อนกว่านั้นก็มีค่ายกลเคลื่อนย้าย, ค่ายกลป้องกันแบบต่างๆ...

หลินลั่วเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่และบอกกับอีกฝ่าย “สวัสดี ผมอยากไปที่เมืองปิศาจ”

เจ้าหน้าที่มองไปที่หลินลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดขึ้น “นายน่าจะเป็นผู้ปลุกพลังฝึกหัดที่เพิ่งจะปลุกพลังขึ้นมาได้ นายไม่ไปฝึกกับเพื่อนที่โรงเรียน ดูเหมือนว่านายจะมั่นใจในตัวเองพอตัว”

“มันเป็นไปได้มั้ยว่าอาชีพที่นายปลุกพลังขึ้นมาได้นั้นเป็นอาชีพชั้นสูงและอยู่ระดับ B ขึ้นไป ?”

หลินลั่วพูดขึ้นมา “แค่ระดับ D ผมแค่อยากไปหาประสบการณ์ที่อื่นสักหน่อย”

“ระดับ D ?” เจ้าหน้าที่ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ทว่าเขากังพูดออกมา “นอกจากเมืองปิศาจแล้ว มันยังมีแผนที่อื่นอย่างที่ราบปิศาจหนู, เขตแดนมนุษย์หนู ถึงจะเป็นแผนที่สำหรับพวกฝึกหัดแต่มอนเตอร์ที่เกิดที่นั่นก็มีมันสมองและยังเจ้าเล่ห์อีก นายไปที่นั่นก็ระวังตัวด้วย”

“ขอบคุณครับ”

“วารป์ไปเมืองปิศาจ เดินทางไปกลับ 1,000 หยวน”

หลังจากที่หลินลั่วจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ก็ให้บางอย่างที่เหมือนกับเหรียญตราให้กับเขา

“นี่เป็นเหรียญสำหรับวาร์ปใช้ได้ครั้งเดียว เก็บไว้ดีๆ ตอนที่นายกลับมาก็ส่งมันให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่อีกฝั่ง”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ”

เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้หลินลั่วเดินไปที่ใจกลางค่ายกลก่อนจะเริ่มสะบัดมือไปมา

หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ แสงสีขาวก็ห่อหุ้มร่างของหลินลั่วก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไป

“หึหึหึ ผู้ปลุกพลังฝึกหัดที่เพิ่งปลุกพลังขึ้นมาได้กลับกล้าไปฆ่ามอนเตอร์ตัวคนเดียว ฉันหวังว่าเขาจะรอดกลับมาได้นะ...”

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ๆก็มีแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นมาตรงหน้าหลินลั่ว

จากนั้นเขาก็เวียนหัวเล็กน้อยจนเขาเซเกือบล้มลงกับพื้น

“ฮาฮา ผู้ปลุกพลังฝึกหัดอีกคนงั้นเหรอ ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นมา “ไอ้หนู นี่คือผลจากการวาร์ปครั้งแรก หลังจากที่ทำการวาร์ปบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”

หลินลั่วเงยหน้าและเห็นเจ้าหน้าที่อีกคนที่ดูเป็นกันเอง มันมีผู้ใช้ค่ายกลที่เป็นเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ

ตึกรอบตัวที่เคยมีหายไปแล้ว

“อย่าเอาแต่นิ่ง คนอื่นจะวาร์ป ออกมาได้แล้ว”

หลินลั่วพยักหน้าและรีบเดินออกมา

ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆมีตึกอาคารโทรมๆ สิ่งก่อสร้างส่วนมากทำขึ้นมาจากหิน

มีผู้ปลุกพลังหลายคนที่เดินทางเข้าออกที่นี่ แต่ส่วนมากแล้วยังเป็นพวกหนุ่มสาว ชัดแล้วว่าพวกเขาเป็นผู้ปลุกพลังฝึกหัดที่เลเวลต่ำกว่า 30

หลินลั่วเปิดแผนที่ขึ้นมาดูและพบว่าพื้นที่โดยรอบนั้นยังเป็นสีดำเทา มันมีตัวอักษร ‘เมืองปิศาจ’ กำกับเอาไว้

สีดำเทาพวกนี้คือหมอก มีแค่ที่ที่เราเคยไปเท่านั้นรึได้รับการแชร์แผนที่จากคนอื่นๆที่จะทำให้เห็นรายละเอียดในแผนที่

“ที่ราบปิศาจหนู เท่าที่ฉันนึกออก มันอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองปิศาจ ห่างไปประมาณ 10 กม....”

เมื่อรู้ที่หมาย หลินลั่วก็ออกเดินทางทันที จากนั้นเขาก็พบว่ามีคนจำนวนมากมาออกันที่ประตูเมือง

“ทีม 5 จะไปที่ที่ราบปิศาจหนู รับเลเวล 5 ขึ้นไป อาชีพนักรบ, อัศวิน, ดรูอิด(พวกที่เปลี่ยนร่างได้)และพวกสายโล่อื่นๆ ถ้าของดรอปจะได้สิทธิ์เลือกของก่อน !”

“หานักธนูกับนักเวทย์โจมตี, นักบวชกับผู้ใช้ค่ายกลไม่เอา....”

“หาคนโจมตี รีบมาที...”

พวกนี้คือพวกที่มาคนเดียว ทุกครั้งที่เข้าไปในแผนที่อื่น พวกเขาก็มักจะเลือกร่วมทีมกับคนแปลกหน้า

ด้วยวิธีนี้ถึงจะแบ่งค่าประสบการณ์กับคนอื่นๆ ถึงจะต้องแย่งอุปกรณ์และของที่มอนเตอร์ดรอปมา แต่ไม่ต้องเดาเลยว่ามันปลอดภัยกว่าการไปคนเดียว

หลินลั่วไม่ได้เข้าทีมกับใครและเดินไปที่ป้อมที่ประตูเมือง

มีรถทั้งใหญ่และเล็กจอดอยู่ที่นั่น

ผู้ปลุกพลังที่ขัดสนเงินเลือกที่จะขึ้นรถบัสเพื่อไปยังที่หมายได้

ทีมที่มีเงินหน่อยก็จะเช่ารถเพื่อความสะดวก

จุดเกิดมอนเตอร์ในที่ราบปิศาจหนูนั้นอยู่ไกล ดังนั้นแน่นอนว่าหลินลั่วจะเดินเท้าเปล่าไปคงไม่ได้

หลินลั่วจึงเลือกที่จะขึ้นรถบัส คนขับนั้นเป็นชายวัยกลางคนดูเป็นกันเอง

พวกนี้คือคนธรรมดาที่เลือกที่จะทำมาหากินในพื้นที่ใกล้ๆกับจุดที่มีมอนเตอร์

ผ่านไป 30 นาที รถก็มีคนขึ้นเกือบ 70% ส่วนมากมากันเป็นทีม คนที่มาคนเดียวมีแค่หลินลั่ว

คนขับดูเวลาก่อนจะปิดประตูและสตาร์รถ

หลินลั่วหลับตาเพื่อพักผ่อนโดยไม่พูดกับใครเลยตลอดทาง

คนในรถ มีแค่ไม่กี่คนที่พูดคุยกันเบาๆ พวกเขาพากันมองไปรอบๆด้วยท่าทีระวังตัว

ไม่นานผ่านไปไม่ถึง 30 นาที รถก็มาหยุดที่เนินเขาแปลกๆแห่งหนึ่ง

ที่ราบปิศาจหนู ฉันมาแล้ว...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด