ตอนที่แล้วตอนที่ 36 รักษาการแทน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 ตุ๊กตา

ตอนที่ 37 ความยากจนมันน่ากลัวกว่าผีนะ


'เมื่อความผิดปกติเข้าสู่ระดับสี่ ความเสี่ยงที่มันจะควบคุมไม่ได้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เราต้องรีบทําลายมันก่อน' เวลาเป็นเรื่องเร่งด่วน เกาหมิงวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปที่ถนนซือสุ่ยในช่วงเช้า ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลา เพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมโดยละเอียด

"สิบเจ็ด ว่านหยู พวกคุณตามผมมา" เกาหมิงหยิบกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายมรณกรรมขึ้นมา "เหมียวเซียว ผมต้องการให้คุณรออยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้โทรหาผม"

"ฉันขอไปด้วย" จูเหมียวเซียวยืนขึ้น กระตือรือร้นที่จะเข้าร่วม "ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่เป็นภาระให้คุณ"

"มันไม่ใช่เรื่องนั้น" เกาหมิงเดินเข้าหาจูเหมียวเซียว ลดระยะห่างระหว่างพวกเขาเหลือเพียงครึ่งก้าว เขามองเธออย่างจริงจัง "แต่เป็นเรื่องของความเชื่อใจ ผมสามารถเชื่อใจคุณได้เต็มร้อยไหม? ถ้าคำสั่งของผมขัดแย้งกับศูนย์ คุณจะฟังใคร?"

จูเหมียวเซียวตกตะลึงกับคําถามของเกาหมิง ในฐานะนักผจญเพลิงการปฏิบัติตามกฎถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญของเธอ

เกาหมิงพูดต่อว่า "ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ..."

จูเหมียวเซียวพูดขัดจังหวะ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเชื่อมัน "คุณช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันจะฟังคุณ!"

เกาหมิงยิ้มเล็กน้อย "งั้นก็ไปหยิบขวานมา"

ทุกคนรวมตัวกันที่ประตูหลังของศูนย์ ไม่มีใครสนใจหรือถามอะไรพวกเขา ทุกคนในสำงานสืบสวนรู้ถึงสถานการณ์ของทีมหนึ่งดี บางคนเศร้าโศก บางคนแสดงความเห็นอกเห็นใจ บางคนคิดถึงเรื่องของอนาคตของตัวเอง เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะเริ่มถอนหายใจ

นับตั้งแต่ความผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นที่ฮั่นไห่ ศูนย์สืบสวนยืนหยัดไม่เคยยอมแพ้ พยายามค้นหาความหวังอยู่เสมอแม้จะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็ตาม

ในระหว่างเดินทางไปเขตตะวันออก หยายฮัวและว่านหยูนั่งอยู่เบาะหลัง ทั้งคู่พยายามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความผิดปกติจากสายรัดข้อมือด้วยกัน ซึ่งหยานฮัวได้รับมาจากเกาหมิง

แม้จะมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัว แต่หยานฮัวกลับแสดงความอดทนอย่างน่าทึ่งกับว่านหยู ซึ่งเคยประสบกับวัยเด็กที่ยากลําบากเช่นกัน ความแข็งแกร่งของเขาไม่เคยสะท้อนผ่านผู้ที่อ่อนแอกว่า

เกาหมิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขโดยไม่แม้แต่จะดูรายชื่อผู้ติดต่อ

ไม่นานก็รับสาย เสียงอ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่งดังผ่านเข้ามา "คุณต้องการให้ฉันไปหาใช่ไหม"

ก่อนที่เกาหมิงจะพูดอะไร ซวนเหวินก็เดาเจตนาของเขาออกแล้ว

"ถนนซือสุ่ยเขตตะวันออก เราจะมีงานใหญ่คืนนี้ คุณช่วยมาแต่เช้าเพื่อสํารวจพื้นที่ได้ไหม?"

"ไม่ใช่ว่าคุณเข้าร่วมกับศูนย์สืบสวนหรอ? ทำไมยังพูดเหมือนพวกนักเลงอยู่อีก" ซวนเหวินดูเหมือนจะยังทำงานอยู่ เสียงของเธอเต็มไปด้วยเสียงของแป้นคีย์บอร์ดที่ดังคลิกอยู่ตลอดเบื้องหลัง

"ผมเชื่อว่ามีคนคอยป้อนอาหารอยู่เพื่อเร่งการเติบโต เราจําเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงก่อนที่สิ่งต่างๆจะหลุดการควบคุมไปมากกว่านี้" เกาหมิงอยู่ในรถของสํานักงานสืบสวน จึงไม่สะดวกที่จะพูดรายละเอียดมากเกินไป "เจอกันในอีกสองชั่วโมง คืนนี้คุณจะได้ทานอาหารมื้อใหญ่แน่"

"โอเค แต่ฉันมีอีกหนึ่งคําถามสําหรับคุณ" ทันใดนั้นเสียงคีย์บอร์ดของซวนเหวินก็หยุดลง เสียงของเธอมีความหวานมากขึ้น

"มีปัญหาอะไร?"

"ทําไมคุณถึงวิดีโอคอลหาแต่เว่ยต้ายู่แต่ไม่ใช่ฉัน? เป็นเพราะฉันหน้าตาไม่ดีเท่าเขาหรือเปล่า? หรือคุณไม่อยากเจอฉันแล้ว?"

"......" เกาหมิงปิดลําโพงมือถือทันทีก่อนเหลือบมองไปรอบๆ จูเหมียวเซียวกำลังขับรถ หยานฮัวและว่านหยูกำลังหมกหมุ่นอยู่กับข้อมูลจำนวนมาก ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ร่างกายของของทุกคนกลับเอนเอียงมาทางเกาหมิงอย่างเห็นได้ชัด "เรายังต้องการเวลาทําความรู้จักกันมากกว่านี้"

เสียงของซวนเหวินดูขี้เล่นขึ้นอีกเล็กน้อย "คุณดื่มชานมสองถ้วยในขณะที่ฉันถูกมัด นั่นคือความคิดของคนที่ต้องการเวลามากขึ้นหรอ?"

"แล้วค่อยคุยกัน" เกาหมิงรีบกดวางสายก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

ในเวลาเดียวกันภายในไนท์ไลท์สตูดิโอ ซวนเหวินมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ถอดหูฟังออกเบาๆ มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ

เธอต้องการเป็นอิสระจากความยับยั้งชั่งใจทั้งหมด กลายเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ มีความสุขกับทุกสิ่งเหมือนมนุษย์ ทั้งเสรีภาพ ศักดิ์ศรีและความรักอย่างแท้จริง

......

เวลา 9.00 น. กลุ่มของเกาหมิงมาถึงร้านบะหมี่เกี๊ยวเหม่ยหลิงบนถนนซือสุ่ย

หลังจากหาที่จอดรถได้ พวกเขาวางแผนที่จะกินข้าวเช้ากันที่นี่ แต่ทันทีที่พวกเขาลงจากรถก็ถูกหยุดโดยชายชราที่ดูสกปรก

"ฉันเห็น! ฉันเห็นแล้ว! พวกแกทุกคนกําลังจะตาย! ใช่ คืนนี้! คืนนี้แหละ!"

ชายชราตะโกนเสียงดัง เขาสวมเสื้อโค้ทหนาขาดรุ่งริ่งและรองเท้าที่ไม่เข้าคู่กัน คำพูดฟังดูยากเล็กน้อยเพราะฟันหน้าที่หายไป

เมื่อตระหนักถึงภารกิจอันตรายที่พวกเขาวางแผนไว้สําหรับคืนนี้ เกาหมิงจึงถามอย่างใจเย็น "คุณเห็นอะไร"

ชายชราชี้นิ้วใส่หน้าทุกคน "แก แก!แก!และแก! คืนนี้พวกแกทุกคนจะต้องเดือดร้อนกันหมด! ถ้าอยากรอดจงแปะยันต์นี้ไว้บนหัวเตียงเท่านั้น!" ชายชรายกเสื้อแจ็คเก็ตที่ขาดขึ้นหยิบเครื่องรางที่ดูขาดรุ่งริ่งออกมาจํานวนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะมีอายุหลายปี

"ผมขอตรวจดูสินค้าก่อนได้ไหม?" เกาหมิงเรียกชายชราให้เข้ามาใกล้ เขาแสดงเครื่องรางของขลังให้ว่านหยูดู แต่เด็กหนุ่มกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

"เป็นยังไง? พวกแกจะซื้อไหม!" ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆเจือด้วยความบ้าคลั่งเล็กน้อย

"ไม่ล่ะ" เกาหมิงหยิบขวานขึ้นมา "ผมเชื่อมันมากกว่า"

ชายชราสะดุ้งตกใจหันหลังวิ่งหนีทันที

"ทําไมคุณถึงเอาขวานของฉันมาขู่ให้คนกลัว" จูเหมียวเซียวบ่นพลางเก็บขวานไว้ใต้ที่นั่งของเธอ "คุณไม่มีอาวุธเป็นของตัวเองหรือไง"

หลังจากพวกเขาเข้าไปในร้าน ก่อนที่พวกเขาจะสั่งอาหาร พนักงานเสิร์ฟก็เข้ามาโรยเกลือกำมือหนึ่งลงบนรองเท้าของทุกคน

หลังจากที่เธอโรยเกลือเสร็จ เธอก็รีบโค้งคํานับและขอโทษ ทัศนคติของเธอก็ดูปกติดี ทําให้เกาหมิงสับสนเล็กน้อย "คุณทำแบบนี้ทำไม?"

พนักงานเสิร์ฟสาวดูอายุราวสี่สิบปีและดูใจดี รีบอธิบาย "ชายชราที่พวกคุณเจอ เขาสกปรก!"

"ถ้าไม่สะอาดก็ต้องใช้แอลกอฮอล์ โรยเกลือจะมีประโยชน์อะไร?" เกาหมิงมองไปทางผู้หญิงคนนั้นทันทีไม่พอใจที่มีคนดูถูกคนอื่นในลักษณะเช่นนี้

"ไม่ใช่สกปรกแบบนั้น!" เธอกวักมือเรียกให้ทุกคนนั่งลงก่อนที่จะพูด "นามสกุลของชายชราคืออู๋ ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา ทุกคนถึงเรียกเขาว่าลุงอู๋ เขาอาศัยอยู่ที่อาคารผีสิงบนถนนนี้"

พนักงานเสิร์ฟสาวพูดอย่างลึกลับ "พวกเธอได้สังเกตไหมว่าเขาสวมแจ็คเก็ตหนาแค่ไหน แล้วเขาซ่อนเครื่องรางของขลังไว้กี่ชิ้น"

"ใช่มันแปลกมากที่จะสวมแจ็คเก็ตหนาในสภาพอากาศแบบนี้" เกาหมิงพลิกดูเมนู

"อพาร์ทเมนท์บนถนนซือสุ่ย มีชื่อเสียงมากในเรื่องการถูกหลอกหลอน เป็นเรื่องปกติที่ผู้อยู่อาศัยใหม่จะได้รับเครื่องรางของขลังโดยหวังว่าจะป้องกันวิญญาณชั่วร้ายได้ ส่วนเครื่องรางที่อยู่บนตัวลุงอู๋ก็ล้วนมากจากการที่แกเข้าไปฉีกออกมาและเพราะการที่แกชอบเข้าไปในที่แบบนั้น น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แกรู้สึกหนาวอยู่ตลอดเวลา คนแถวนี้เลยสงสัยกันว่าผีคอยตามแกอยู่!" พนักงานเสร์ฟอธิบายด้วยความตื่นเต้น

"ฉีกยันต์บ้านคนอื่น ชายชราคนนี้ค่อนข้างขาดศีลธรรม" เกาหมิงรินชาหนึ่งถ้วยและเริ่มสั่งอาหาร

"อพาร์ทเมนท์ซือสุ่ย เป็นอาคารผีสิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตตะวันออก มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นทุกปี จำนวนห้องผีสิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม แต่ก็มีบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่นี้ราวกับว่ามีเวทมนตร์ที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาอย่างไม่อาจต้านทานได้" จูเหมียวเซียวพูดขึ้นตามข้อมูลที่เธอได้รับมา ตอนนี้เธอเริ่มเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าว่านหยูได้สัมผัสกับยันต์ก่อนหน้านี้ เธอจึงหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดมือว่านหยู

"สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์คือค่าเช่าที่ถูกที่สุดในเขตตะวันออกทั้งหมดยังไงล่ะ ในยุคนี้อะไรจะน่ากลัวไปกว่าความยากจนล่ะ!" หญิงวัยกลางคนที่มีลูกอยู่ที่โต๊ะถัดไปพูดขึ้น "ฉันเองก็อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์นั้น อยู่ๆไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น เรื่องหลอนพวกนั้นส่วนใหญ่ก็คงเป็นแค่ข่าวลือตามอินเทอร์เน็ตนั่นแหละ"

"คุณอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์นั้น?"

"ใช่ ฉันยังอาศัยหนึ่งในห้องผีสิงด้วย! แล้วไง!? ลูกๆของฉันยังเล่นไปรอบๆแถวนั้นโดยไม่เห็นจะเจออะไรเลย" เธออธิบายโดยเน้นถึงการใช้งานจริงและความจําเป็นของการใช้ชีวิตในสถานที่ดังกล่าวแม้จะมีประวัติฆาตกรรมเกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม "ห้องผีสิงแถมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด นั่นช่วยให้ฉันประหยัดเงินได้มากทีเดียว เมื่อเทียบกับที่อื่น ห้องผีสิงมีราคาถูกกว่ามาก นอกจากนี้ยังไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเพื่อนบ้านอีก!"

"คุณไม่กลัวเหรอ" จูเหมียวเซียวไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกอีกฝ่าย แค่อยากรู้อยากเห็นธรรมดา

"กลัว?" ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเบาๆเกือบจะไม่สนใจ "ฉันไม่กลัวตายหลอกแต่ฉันกลัวไม่มีเงินใช้มากกว่า แบบนี้แล้วจะมีอะไรให้กลัวอีก?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด