ตอนที่ 289 หนึ่งความคิด หนึ่งทักษะ ราวกับเดินบนพื้นราบ! (ฟรี)
ตอนที่ 289 หนึ่งความคิด หนึ่งทักษะ ราวกับเดินบนพื้นราบ!
แล้วการทดสอบของพวกเขาเองล่ะ ทำเช่นนี้จะไม่เสียเวลาอันมีค่าไปหรอกเหรอ?
พวกเขาไม่สนใจ ด้วยความเร็วของซูหยางในการผ่านแต่ละบททดสอบ จะเสียเวลามากเท่าไรเชียว
และการมองดูอาจทำให้พวกเขารู้แจ้งบางอย่าง ซึ่งอาจจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสผ่านการทดสอบมากขึ้นได้
เวลาอันน้อยนิดนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการทดสอบของพวกเขา แต่จะช่วยให้พวกเขาได้เห็นปาฏิหาริย์ และความก้าวหน้าของสัตว์ประหลาด!
ไม่มีผู้ฝึกฝนหรือแม้แต่เทพมารตนใดที่จะละทิ้งโอกาสนี้
ภายในสายตาที่คาดหวังของพวกเขา ซูหยางก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง
“ดาบที่สอง ฝน!”
เขายังคงเหวี่ยงดาบอย่างไม่ใส่ใจนัก
ภายใต้การบีบอัดพลัง ดาบเล่มนี้ส่งผลกระทบเพียงพื้นที่เล็กๆ ตรงหน้าเขาเท่านั้น
เมฆดำมืดขนาดเล็กถือกำเนิดขึ้นจากดาบของเขา จากนั้นเม็ดฝนขนาดใหญ่ก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วราวกับดาบที่คมกริบ
ฝนทุกหยดมีพลังของกึ่งปราชญ์ขั้นต้น
เสียงก้องดังขึ้นบนขั้นบันได รอยดาบที่สองก็ปรากฏ
เพียงสองลมหายใจ ซูหยางก็บรรลุความเข้าใจ และสร้างทักษะระดับกึ่งปราชญ์ได้ถึง 2 อย่าง
ภายใต้การตรวจสอบของบันไดสวรรค์ วิชาดาบของซูหยางจะต้องเป็นวิชาใหม่โดยสิ้นเชิง หากเขาเคยเชี่ยวชาญมันมาก่อน มันจะไม่ถูกยอมรับ
ณ จุดนี้ จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมของบันไดสวรรค์
หลังจากที่ซูหยางเหวี่ยงดาบที่สองออกไป หลายคนก็สูดหายใจลึกพร้อมๆ กัน
พวกเขาต่างจับจ้องไปที่ซูหยางอย่างกระตือรือร้นเพื่อที่จะเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนที่ถูกทดสอบ แต่พวกเขาก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาสำคัญนี้ โดยอยากดูซูหยางจะไปได้ไกลแค่ไหน...
ลมหายใจที่สาม ดาบที่สามก็ถูกเหวี่ยงออกมา
“ดาบที่สาม ไฟ!”
ดาบเล่มนี้เป็นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ หากมองจากภายนอก เปลวไฟนี้ดูเหมือนกำลังลุกไหม้อย่างอ่อนแรง และไม่มีพลัง
แต่จากมุมมองของหลายๆ คน พลังที่บรรจุอยู่ในดาบเล่มนี้ถึงขีดจำกัดของกึ่งปราชญ์ขั้นต้นแล้ว!
นอกจากซูหยาง พวกเขาไม่คิดว่าจะมีกึ่งปราชญ์ขั้นต้นคนใดมาถึงจุดๆ นี้ได้!
ต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งของผู้เข้าร่วมการทดสอบหลายคนโดยพื้นฐานแล้วเป็นกึ่งปราชญ์ขั้นสูงหรือแม้แต่กึ่งปราชญ์ขั้นสูงสุด พวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลย
กึ่งปราชญ์ขั้นต้นคนอื่นๆ หากไม่นับรวมซูหยางคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมการทดสอบเลยด้วยซ้ำ
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ซูหยางได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ภายใต้การจ้องมองของหลายๆ คน ดาบเล่มนี้ยังคงทิ้งรอยดาบไว้บนบันไดสวรรค์ขั้นที่สี่ซึ่งหมายความว่าดาบเล่มนี้มีพลังมากพอ และถูกยอมรับ
นั้นทำให้หลายคนที่จับจ้องอยู่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“เหลืออีกดาบเดียว ตราบใดที่เขาเหวี่ยงได้อีกดาบหนึ่ง เขาก็จะไปถึงบันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าได้!”
“ใช่ จากที่เห็นมันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นก็ที่เขาจะก้าวไปสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้า แต่ไม่รู้ว่าเขาจะไปได้ไกลกว่านี้หรือไม่”
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ ข้าอยากจะรู้ว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน ขั้นห้า หก หรือเจ็ด?”
“ด้วยพรสวรรค์ด้านความเข้าใจที่น่าทึ่งเช่นนี้ เขาจะไปถึงขั้นที่เก้าได้หรือไม่?”
“ขั้นเก้างั้นเหรอ? นั้นมันยากมาก แต่หากเขาทำได้จริงๆ เขาจะได้รับเมล็ดเต๋าระดับสูง!”
“ว่ากันว่านั่นคือ สิ่งที่แม้แต่ปราชญ์ก็ยังต้องการครอบครอง!”
หลังจากพูดถึงเรื่องนี้ ผู้ฝึกฝนหลายคนก็เริ่มตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะคว้ามาได้ด้วยมือของตัวเอง แต่หากซูหยางได้มาก็เทียบเท่ากับการเพิ่มแข็งแกร่งให้กับฝ่ายผู้ฝึกฝน
ในสงครามอมตะครั้งนี้ พวกเขาก็จะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่ามีเพียงเหล่าผู้ฝึกฝนเท่านั้นที่คิดเช่นนี้
ฝ่ายเทพมารไม่ได้อารมณ์ดีนัก พวกเขาหวังว่าศักยภาพของซูหยางจะหมดลง และไปไม่ได้ไกลนัก
แต่ความจริงมักจะไม่เป็นไปตามที่คิด
ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ซูหยางก็เหวี่ยงดาบที่สี่ออกมา!
“ดาบที่สี่ ดิน!”
เมื่อดาบถูกเหวี่ยง เสียงแปลกๆ ก็ดังขึ้นตรงหน้าซูหยาง
ดินสีเหลืองพลิ้วไหวราวกับมังกร
เขย่าโลก และฉีกท้องฟ้าเป็นชิ้นๆ!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ถูกยับยั้งเหมือนดาบสามเล่มก่อนอีกต่อไป
เพียงมองดู หลายคนก็มีความคิดเดียวกัน...
ซูหยางผ่านบททดสอบที่สี่แล้ว!
แข็งแกร่งมาก ช่างเป็นพรสวรรค์ด้านความเข้าใจที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!
หนึ่งความคิด หนึ่งทักษะ ราวกับเดินบนพื้นราบ แม้จะต้องเผชิญกับการทดสอบเหล่านี้ ซูหยางก็สามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย
สมเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตจริงๆ!
ต้องรู้ว่าผู้ทดสอบทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบนี้ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง การได้รับความเคารพจากพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย
กว่าจะมายืนมาถึงจุดๆ นี้ได้ โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาต่างมีจุดแข็งของตัวเอง
ใครบ้างที่ไม่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ?
แต่ในเวลานี้ พวกเขาต้องยอมรับว่าซูหยางเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าพวกเขา เป็นดั่งสัตว์ประหลาดที่มีชีวิต!
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ในขณะที่มองดูซูหยางก้าวขึ้นสู่บันไดสวรรค์ทีละขั้น และผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ ทั้งหกคนได้แก่ โมจงเยว่ โม่เหวินเหยียน โมจิ่วหยิง โจวเทียนหยู่ หลัวเทียนโหว และกวงเฟิงหยุน ซึ่งอยู่บนบันไดสวรรค์ขั้นที่สี่ต่างก็ตกตะลึง
มีคลื่นสาดซัดในใจของพวกเขา ด้วยการที่พวกเขาอยู่บนบันไดสวรรค์ขั้นที่สี่ พวกเขาจึงเข้าใจมากกว่าคนอื่นๆ ว่ามันยากเพียงใด!
พวกเขาจึงตระหนักถึงความน่ากลัวของซูหยางได้มากกว่าคนอื่นๆ!
ภายใต้การจ้องมองของคนนับพัน ซูหยางก็ก้าวเข้าสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้า
[ จงทำความเข้าใจ และสร้างห้าทักษะใหม่ที่ไม่เคยเชี่ยวชาญมาก่อนภายในหนึ่งวัน ระดับพลังของทักษะนั้นจะต้องเทียบเท่ากับฐานการบ่มเพาะ ]
ขณะที่ซูหยางก้าวสู่บันไดสวรรค์ขั้นนี้ เขาก็ได้ยืนเสียงเดิม แค่มีการเปลี่ยนแปลงบททดสอบเล็กน้อย โดยเพิ่มจากสี่ทักษะเป็นห้าทักษะ
“ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ คงไม่มีอะไรหยุดข้าได้…”
ในเวลาเดียวกัน หลายคนจับจ้องมองไปที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
เมื่อมองไปที่ร่างของซูหยาง พวกเขาต้องการรู้ว่าเขาจะยังคงสามารถสร้างหนึ่งทักษะต่อหนึ่งลมหายใจได้อีกหรือไม่!
แม้ว่าซูหยางจะยังไม่ได้เคลื่อนไหว แต่พวกเขาก็เชื่อมั่นว่าซูหยางจะต้องตอบรับความคาดหวังของพวกเขาได้
เพราะพวกเขาไม่เห็นความกังวลใจใดๆ ในตัวซูหยางเลย
มันผ่อนคลาย และสบายตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนกับการเดินเล่นบนสวนหลังบ้านของตัวเอง
เพียงแต่ว่าสถานการณ์แตกต่างออกไป สิ่งที่ซูหยางทำในตอนนี้คือ การสร้างทักษะระดับกึ่งปราชญ์
“ดาบแรก!”
หลังจากที่ซูหยางเหวี่ยงดาบหยวนหลิงในมือ บางคนที่กำลังมองดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา
ดาบแรกถูกเหวี่ยงออกไป และทิ้งรอยดาบไว้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหมายความว่าบรรลุเงื่อนไขของบททดสอบแล้ว
“ดาบที่สอง...”
“ดาบที่สาม...”
“ดาบที่สี่…”
“ดาบที่ห้า…”
หลายคนที่เฝ้าดูภาพนี้ต่างกลั้นหายใจ
แม้จะเห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็ยังตกตะลึง
แม้ว่าจะมาถึงบันไดสวรรค์ขั้นที่ห้าแล้ว แต่บททดสอบนี้ก็ไม่ได้หยุดซูหยางจากการก้าวไปข้างหน้า
ซูหยางยังคงผ่านการทดสอบได้ภายในไม่กี่อึดใจ และก้าวเข้าสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่หกได้สำเร็จ!
ในเวลานี้ แม้แต่คนที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ซูหยางจะก้าวขึ้นไปสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่เก้าก็เปลี่ยนใจ
ซูหยางสามารถผ่านการทดสอบแต่ละขั้นได้อย่างรวดเร็ว บททดสอบต่อไปจะหยุดเขาได้จริงหรือ?
หลายคนต่างตั้งคำถามอยู่ในใจ
แม้ว่าเหล่าเทพมารไม่ต้องการให้ซูหยางก้าวขึ้นสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่เก้า แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ด้านความเข้าใจของซูหยางนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
ซูหยางสามารถสร้างทักษะระดับกึ่งปราชญ์ได้ไม่ต่างจากการกินและดื่ม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากความยากในการทดสอบไม่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน มันจะหยุดยั้งซูหยางได้อย่างไร
ตามความเร็ว และความยากของการทดสอบ การที่ซูหยางก้าวสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่เก้าดูเหมือนจะเป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้