ตอนที่แล้วตอนที่ 21 คัมภีร์ปฐมกาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 กลุ่มสังหารมังกรตงโจว

ตอนที่ 22 ตัวร้ายที่มีรสนิยม


ตอนที่ 22 ตัวร้ายที่มีรสนิยม

ซูอันถอนพลังเวทออก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วพลังเวทที่ปล่อยออกมาของเขาถือว่าทรงพลังขึ้นมากและความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเคล็ดวิชามุทราเจินเสวียนก็ลึกซึ้งขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ

ทั้งความเข้าใจและคุณสมบัติของเขาทะลุขีดจำกัดแล้ว

“ถึงเวลาจัดการเยี่ยเสวียนแล้วจริงๆ”

ในฐานะตัวเอกสำคัญคนแรกที่เขาได้เผชิญหน้า การปล่อยให้เยี่ยเสวียนวิ่งไปรอบๆ เป็นเวลานานเช่นนี้ ถือเป็นการแสดงความเคารพจากเขาแล้ว

บัดนี้สถานที่ได้ถูกกำหนดไว้ เพียงรอให้เยี่ยเสวียนก้าวตกลงไป

และโอกาสยิ่งใหญ่ในตงโจวก็มีเยี่ยเสวียนเปิดทางให้ด้วย

  ……

“เจ้าอยากไปตงโจวหรือ?”

ในพระตำหนักไท่หยวน จักรพรรดินีนั่งไขว่ห้างพลางทอดมองซูอันซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง

นิ้วเท้ากระดิกเบาๆ ดูเหมือนกำลังไตร่ตรอง

สิ่งที่นางคิดคือ ‘เสี่ยวอันจื่อไม่ใส่ใจงานเลย ก่อนหน้านี้เขาไม่สนใจยังพอทน แต่ตอนนี้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งแล้วยังต้องการออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองหลวงอีก’

ใช้ไม่ได้...ไม่เข้าท่าเลย!

แม้แต่นางยังไม่เคยออกจากเมืองหลวงสักครั้ง

ชิงหลิงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้านี้ได้ นางจึงทำเพียงเบือนหน้าไปทางอื่นโดยไม่มองซูอัน ทำราวกับว่าข้าไม่มองเจ้า เจ้าก็จะไม่เห็นข้า

“เพราะกระหม่อมอยากจัดการเยี่ยเสวียนไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ซูอันใช้เข่าเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าวแล้วมาหยุดคุกเข่าอยู่ข้างเตียง จากนั้นเขาค่อยๆ ประคองปลีน่องหยกของจักรพรรดินีมาวางบนขาของเขาเองแล้วช่วยบีบนวดให้ด้วยความเอาใจ

“ฝ่าบาทลองตรองดูให้ดี เยี่ยเสวียนสร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่ในเมืองหลวงและทำลายจวนของกระหม่อม จากนั้นเขาก็สะบัดก้นวิ่งหนีไป คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่ากระหม่อมโง่มาก และการที่เยี่ยเสวียนทำลายบ้านของกระหม่อมก็เท่ากับเขาฉีกพระพักตร์ของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมทำให้ฝ่าบาทต้องอับอายเช่นนี้ หากไม่กำจัดเยี่ยเสวียนเพื่อฝ่าบาทแล้วกระหม่อมคงไม่มีความสุข!”

“เฮอะ” จักรพรรดินีมองซูอันด้วยสายตาเหน็บแนม “ถ้าเช่นนั้นเจิ้นจะส่งปรมาจารย์ระดับหยางบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งไปตามล่าเยี่ยเสวียนที่ตงโจว รับประกันว่าสังหารเขาได้แน่”

ได้ไง!

ซูอันปฏิเสธด้วยคำพูดชอบธรรมทันที “ฝ่าบาท นี่เป็นหน้าที่ของกระหม่อม เพราะสาเหตุของเรื่องนี้คือกระหม่อม จึงเป็นหน้าที่ของกระหม่อมในการยุติเรื่องราวแล้วจะกล้ารบกวนฝ่าพระบาทได้อย่างไร”

“ยิ่งกว่านั้นคือเยี่ยเสวียนกลายเป็นกบฏ ในฐานะที่กระหม่อมเป็นขุนนางตงฉินสมควรปราบกบฏเพื่อพิสูจน์หนทางของตน!” จากนั้นเขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นประจบประแจง “บังเอิญว่ากระหม่อมยังไม่เคยออกนอกเมืองหลวงเลย ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมออกไปดูหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท~พี่รั่วซี~ข้ารู้ว่าท่านใจดีที่สุด!” ประโยคสุดท้ายนี้ทำให้เขารู้สึกขนลุก

ความจริงคือเยี่ยเสวียนต้องถูกเขาสังหารเองเท่านั้น อีกทั้งเขายังกังวลว่าด้วยความโชคดีของพวกตัวเอกจะทำให้แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์เพียงไม่กี่คนเอาชีวิตเยี่ยเสวียนไม่ได้ มิหนำซ้ำอาจพลาดท่าเสียทีให้ตัวเอกก็ได้

และเขาไม่ต้องการทิ้งโอกาสสำคัญในตงโจวไปด้วย

“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้ามันก็แค่คนปากหวาน!”

เท้าหยกของจักรพรรดินีเตะหน้าอกของซูอัน

เสี่ยวอันจื่อมาทำตัวออดอ้อนต่อนางเช่นนี้ ทำให้นางทนไม่ไหวจริงๆ

แม้ว่านางกับซูอันจะมีความสัมพันธ์แบบจักรพรรดินีและขุนนาง แม้ว่านางเคยชอบรังแกซูอัน แต่บ่อยครั้งที่นางถือว่าซูอันเป็นน้องชายและทั้งสองสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องทางสายเลือดเสียอีก

เมื่อน้องชายขอร้องขนาดนี้แล้ว นางยังจะปฏิเสธได้อย่างไร?

“เกิดอุทกภัยในตงโจวและมีข่าวลือว่าสัตว์อสูรกำลังออกอาละวาด เช่นนั้นเจ้าไปตงโจวในฐานะผู้ตรวจการของจักรพรรดินีเพื่อตรวจสอบ ส่วนจะพาใครไปด้วยก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”

ซูอันมีความยินดียิ่ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท...ขอบคุณพี่รั่วซี”

แม้ว่าจักรพรรดินีจะไม่เห็นด้วยกับการปล่อยให้เขาไปที่นั่นเป็นการส่วนตัว แต่การใช้อำนาจเบียดเบียนให้เขาลำบากใจ นางก็ทำไม่ได้

“เอาล่ะ เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านี้”

“แต่เจ้าควรอธิบายเรื่องที่ไม่กี่วันก่อนเจ้าพานางกำนัลคนหนึ่งออกจากวังหลวงไม่ใช่หรือ?” ทันใดนั้นสีหน้าของจักรพรรดินีก็เปลี่ยนไป ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย รัศมีของนางทั้งดุร้ายและคุกคาม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม้แต่ชิงหลิงที่หลีกเลี่ยงการสบตากับซูอันยังเงี่ยหูรอฟังด้วยความแนบเนียนและเหลือบมองทางหางตา

“แคกแคก!” ซูอันสำลัก เขาไม่คาดคิดว่าจักรพรรดินีจะสังเกตเห็นนางกำนัลผู้ต่ำต้อยในวังด้วย 

เขารีบอธิบายว่า “ทูลฝ่าพระบาท นางกำนัลคนนั้นมีพฤติกรรมผิดปกติและปลุกปั่นความคิดไม่ดีในวังซึ่งสร้างความสั่นคลอนแก่ระบบปกครองของเรา กระหม่อมสงสัยว่านางมีเจตนาชั่วร้ายจึงนำตัวนางออกจากวังเพื่อสอบสวน ตอนนี้กระหม่อมกำจัดนางแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ซูอันรายงานตามตรงเพราะเขาไม่มีความคิดอื่นใดต่อหลินเจวียนจริงๆ

ถึงเขาจะเป็นตัวร้าย แต่ก็เป็นตัวร้ายที่มีรสนิยม ไม่ใช่ว่าเห็นเศษผ้าที่ใดแล้วจะรีบเก็บไว้หมด

แต่ถ้าต้องการเจาะลึกลงไปในรายละเอียดจริงๆ เขาก็ยากที่จะอธิบายต่อฝ่าบาท

โชคดีที่จักรพรรดินีถามแบบสบายๆ เท่านั้น นางแค่ต้องการกลบเกลื่อนความใจอ่อนเพราะลูกอ้อนของซูอัน

จากนั้นนางโยนพระราชโองการเปล่าที่ประทับตราวิหคดำอยู่บนนั้นให้ซูอันหนึ่งฉบับ

“นี่เป็นราชโองการให้เจ้าทำหน้าที่ผู้ตรวจการของจักรพรรดินี เจ้าเขียนเอง”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ซูอันประคองเท้าของจักรพรรดินีด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้เกิดสัมผัสอบอุ่นบนฝ่ามือของเขาชัดเจน เขาค่อยๆ วางเท้าหยกที่สมบูรณ์แบบคู่หนึ่งลงจากขา จากนั้นหยิบพระราชโองการมาวางแทนที่

“ฝ่าบาท กระหม่อมขอทูลลา”

“อืม”

“ฝ่าบาทใจดีเหลือเกิน~”

“ไสหัวไปซะ”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

  ……

ตงโจวตั้งอยู่ทางตะวันออกของต้าซาง อยู่ใกล้กับทะเลตะวันออกและห่างไกลจากเมืองหลวงมาก

ซูอันจึงเลือกใช้ยานพาหนะแบบพิเศษของต้าซางที่เรียกว่า...เรือเซียน

เรือเซียนมีอีกชื่อหนึ่งว่าวิมานเทียนอวี่

และวิมานเทียนอวี่ที่ซูอันกำลังโดยสารอยู่นั้นเป็นเรือเซียนที่ทันสมัยที่สุด

แม้เรียกว่าเรือ แต่พื้นที่จริงของมันใหญ่กว่าจวนโหวของซูอันด้วยซ้ำ มันมีอาคารหยกงามและอาคารวิจิตรเหมือนในวังหลวง แม้จะสามารถรองรับคนนับหมื่นได้ แต่ดูไม่แออัดเลย นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนพลังวิญญาณให้เป็นพลังเวทได้โดยอัตโนมัติ การป้องกันของมันก็แข็งแกร่งสุดๆ

แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์ขั้นแรกก็ไม่สามารถทะลวงแนวป้องกันของเรือเซียนได้ในช่วงเวลาอันสั้น

ถ้าไม่อยากทำตัวเอิกเกริกก็สามารถเปิดโหมดล่องหนให้เรือเซียนได้

ดังนั้นมูลค่าของเรือเซียนระดับนี้จึงประเมินค่าไม่ได้

เรือเซียนลำนี้ได้มาหลังจากที่ซูอันเป็นผู้นำในการบุกยึดตระกูลจี้ ซึ่งเรือเซียนลำนี้เพียงลำเดียวก็มีมูลค่าครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งของตระกูลจี้แล้ว

เมื่อคิดว่าในอนาคตอาจจะออกจากเมืองหลวงบ่อยๆ ซูอันจึงเก็บมันไว้เพื่อใช้ในการเดินทางส่วนตัวและเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะถ้าเขาบุกยึดบ้านแล้วหยิบแค่ของกระจอกๆ เขาคงเสียสติ

ต้องทราบด้วยว่าทรัพย์สินที่ได้จากการยึดบ้านจะส่งเข้าท้องพระคลังหลวงเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ถูกเก็บเข้าคลังส่วนพระองค์ของจักรพรรดินี

สิ่งที่ซูอันคว้ามาครองก็เหมือนการแบ่งเงินจากจักรพรรดินีมาครึ่งหนึ่ง

และเขาเป็นคนเดียวที่กล้าทำเช่นนี้

จักรพรรดินีสามารถพูดอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง

แค่ปล่อยให้เขาทำไป

แม้ว่าจักรพรรดินีจะเก็บทั้งหมดเข้าคลังส่วนตัว แต่ผู้ชายคนนี้จะแอบนำออกมาใช้แน่นอน ดังนั้นแค่ปล่อยเขาไป

ซูอันนั่งอยู่ด้านหน้าของเรือเซียนพลางชื่นชมทิวทัศน์เหนือท้องฟ้า ถัดจากเขาคือเยี่ยหลีเอ๋อร์ที่นั่งคุกเข่าและนวดขาให้เขา ถัดไปข้างหลังคือถูเซิ่งหนานที่กำลังฝึกฝน ‘เคล็ดวิชาหลอมกระดูกเทพอสูร’ ที่นางเพิ่งได้รับมา

นี่คือสิ่งที่ซูอันได้มาจากตระกูลจี้ เพียงแต่เขาอ่านไม่เข้าใจ เขาจึงทำแค่คัดลอกวิทยายุทธเสินทงของตระกูลจี้เท่านั้น

ทันใดนั้นซูอันก็มองขึ้นไปเหนือศีรษะของนางโดยอัตโนมัติ

“พี่ชิงหลิงกลับเข้ามาข้างในเถอะ ข้างนอกลมแรงนะ”