ตอนที่แล้วตอนที่ 58 อัจฉริยะเยาว์วัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 60 ตกอยู่ในกำมือ

ตอนที่ 59 ฝั่งเหนือ น้ำเต้าทะยานฟ้า


ตอนที่ 59 ฝั่งเหนือ น้ำเต้าทะยานฟ้า

“โจวสวี่ พาศิษย์น้องจี้คนนี้ไปยังฝั่งเหนือด้วย” ซุนเหวินค่อนข้างพึงพอใจกับท่าทีของจี้เตี๋ย กระทั่งตบไหล่เป็นการกล่าวบอก

ตามกฎของสำนัก เมื่อใดสามารถทะลวงสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ดได้ เมื่อนั้นจะสามารถเข้าร่วมยังฝั่งเหนือ และปัจจุบันจี้เตี๋ยได้ผ่านเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ดังนั้นย่อมได้เป็นศิษย์ของฝั่งเหนือ

“ขอรับ” ชายหนุ่มประสานหมัดกับฝ่ามือตอบรับ ถัดจากนั้นจึงขยับกายไปคว้าไหล่ของจี้เตี๋ย ตอนนี้เองที่กระดานซึ่งซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสั่นไหวอย่างรุนแรง ขณะพลังวิญญาณเริ่มถ่ายเทใส่เข้าไปด้านในนั้น ไม่ช้าสายลมจึงพัดพาในฟ้าดินปกคลุมคนทั้งสอง จนกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งสีขาวพัดพาออกไปภายนอกหอ

ปัจจุบันดวงตะวันยังขึ้นสูงเหนือฟากฟ้า จี้เตี๋ยรู้สึกได้ถึงเสียงเสื้อผ้าที่สะบัดตามสายลมอย่างรุนแรง โจวสวี่นำพาร่างของเขาเดินทางบนฟากฟ้าสูง ขณะนี้กำลังบินเหนือยอดเขาสรรพสัตว์เพื่อไปยังชายฝั่งแม่น้ำ

ครั้งนี้จี้เตี๋ยไม่จำเป็นต้องหลับตาลงเหมือนดังครั้งก่อน เพราะเขาสามารถต้านกระแสลมแรงเพื่อมองด้วยตนเองได้แล้ว

‘เมื่อใดเราจะบินด้วยตนเองเช่นนี้ได้กันนะ’ เขากำลังรู้สึกตื่นเต้นขณะมองไปยังฝั่งเหนือซึ่งอยู่อีกฟากของแม่น้ำสีมรกต มันคือพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยเมฆหมอก ดังนั้นจึงยากจะมองให้เห็นชัดว่าแท้จริงมีภูมิประเทศเช่นไร แต่ยามเมื่อฝ่าหมอกนั้นมาได้ เขาจึงได้เห็นสองยอดเขาตั้งตระหง่านประหนึ่งหอคอยคู่พิทักษ์ขุนเขามรกตที่อยู่ริมฝั่งของแม่น้ำ

“ฝั่งเหนือ!” จี้เตี๋ยมองยอดเขาทั้งสามพร้อมได้ทราบ ว่าที่แห่งนี้คือฝั่งเหนือ มันทำเอาเขาตื่นเต้นยินดีจนพูดไม่ออก

เนื่องจากฝั่งเหนือถือเป็นพื้นที่แกนหลักของสำนักเจ็ดลึกล้ำ ภายหลังได้เข้าร่วมกับฝั่งเหนือ เมื่อนั้นจะสามารถดื่มด่ำกับทรัพยากรการฝึกฝนที่อุดมสมบูรณ์กว่าฝั่งใต้

เพียงไม่นาน โจวสวี่จึงนำพามาจนถึงจุดครึ่งทางของขุนเขาสูง

ภูเขาแห่งนี้ปกคลุมด้วยป่ารกชื้นและเสียงนกร้อง ราวกับเป็นการบ่งบอกว่ามีผู้คนอยู่น้อยว่าสรรพสัตว์ นอกจากนี้บริเวณยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงยังพอจะได้เห็นหอสูงตระหง่านอยู่จำนวนหนึ่ง

ไม่ไกลจากคนทั้งสองคือถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งมีประตูหินปิดเอาไว้ บริเวณพื้นค่อนข้างมีฝุ่นจับตัวหนา เห็นได้ว่าที่นี่ไม่มีใครใช้อยู่อาศัยมานานพอสมควรแล้ว

จี้เตี๋ยหันมองกลับไป ยังพบว่าสามารถมองเห็นแม่น้ำอันกระจ่างที่ไหลไปทางทิศตะวันออก ส่วนอีกฝั่งของแม่น้ำมีเมฆหมอกบดบังอยู่

“ศิษย์น้องจี้ ถ้ำนี้เป็นของเจ้า ภายนอกมีค่ายอาคมติดตั้งเอาไว้ จะเข้าไปได้ก็จำเป็นต้องมีป้ายยืนยันตัวตน” โจวสวี่เผยยิ้มขณะนำเอาป้ายออกมาส่งมอบให้

“ส่วนนี่คือป้ายของเจ้า นอกจากนี้เพราะเพิ่งเคยมาฝั่งเหนือ ข้าจะแนะนำสิ่งต่าง ๆ ให้ เนื่องจากฝั่งเหนือค่อนข้างเงียบสงบ วันปกติศิษย์สำนักจะไม่มีกิจธุระใดต้องจัดการ หนึ่งเดียวที่มุ่งเน้นคือทุ่มเทไปกับการฝึกตน นอกจากนี้ทุกหนึ่งเดือนทางสำนักจะมอบยาย้อนฝันให้หนึ่งเม็ด รวมถึงศิลาวิญญาณอีกหนึ่งร้อยก้อน”

“ขอบคุณศิษย์พี่โจวขอรับ ข้าทราบแล้ว” จี้เตี๋ยประสานหมัดกับฝ่ามือเป็นการตอบรับ ทว่าท่าทีค่อนข้างเย็นชา

โจวสวี่พอคาดเดาได้ ว่าจี้เตี๋ยน่าจะยังมีความคับข้องเรื่องที่เขายืนเฉยรับชมเรื่องราวก่อนหน้านี้

ทว่าเขาก็เพียงแค่ยิ้มรับ

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน สิ่งที่พึงได้ประจำเดือนของเดือนแรกจะนำมาส่งให้อีกครั้งรวมกับเสื้อผ้าและสิ่งของจำเป็นอื่น กล่าวไปแล้ว เมื่อแรกเข้ามาเยือนฝั่งเหนือ ทางสำนักจะมอบวัตถุวิเศษบินได้ให้กับเจ้า ภายหลังจะนำมาส่งให้อีกทีหนึ่ง”

“ขอรับ” จี้เตี๋ยเกิดรู้สึกตื่นเต้นยินดี เพราะไม่คาดคิดว่าการได้เป็นศิษย์ฝั่งเหนือจะนำพาผลประโยชน์มากมายขนาดนี้

แม้ว่าเขาจะมีธงวายุอยู่ภายในถุงมิติ แต่มันเป็นของที่เซี่ยปินขัดเกลาสร้างรอยพันธะไปแล้ว คนอื่นจึงไม่สามารถใช้งาน

“กล่าวไปแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ศิษย์น้องหญิงซ่งกระทำในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เพราะเห็นแก่สำนัก คาดหวังว่าเจ้าจะไม่เก็บเรื่องราวเข้าใจผิดเหล่านั้นมาใส่ใจ…” โจวสวี่ลังเลก่อนจะพูดกล่าวออกมา

“เดิมเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องใดกับข้า เพียงแต่เพราะข้าคือหัวหน้าของเหล่าศิษย์จึงไม่อาจเอนเอียงให้กับใครจนเกิดข้อครหา”

จี้เตี๋ยเพียงแค่ประสานมือเป็นการตอบรับ

“ศิษย์พี่โจว ข้าทราบขอรับ ตราบเท่าที่นางไม่มาสร้างปัญหาใด ข้าก็ไม่ไปสร้างปัญหาขอรับ…”

โจวสวี่ยิ้มตอบและพยักหน้าให้

“ดีแล้ว! ข้าจะชี้แนะศิษย์น้องหญิงซ่งเอง ส่วนเจ้าก็รักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นไปก่อน”

ภายหลังอีกฝ่ายกลับไปแล้ว จี้เตี๋ยจึงถือป้ายขณะเดินไปยังถ้ำตรงหน้า และราวกับว่ามันตระหนักได้ถึงป้ายในมือ ประตูหินที่เดิมปิดอยู่จึงค่อยเปิดออกอย่างเชื่องช้า

จี้เตี๋ยรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันแปลกประหลาด จนไม่อยากเข้าไปด้านในถ้ำ

แต่เมื่อเข้ามาแล้วจึงได้พบ ว่าตัวถ้ำค่อนข้างกว้างขวาง และแรกสุดที่พบคือห้องโถงทำจากหิน พลังวิญญาณแห่งฟ้าดินของที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์จนฝั่งใต้ไม่อาจเทียบเปรียบ ใจกลางยังมีบ่อน้ำที่มีตาน้ำผุด นอกจากนี้ยังมีชุดเก้าอี้และโต๊ะทำจากหินตั้งอยู่ข้างเคียง พวกเครื่องเรือนและการประดับค่อนข้างคล้ายกับถ้ำของซูลั่ว และสองฝั่งของน้ำต่างก็มีห้องหินอยู่

จี้เตี๋ยนั่งลงข้างตาน้ำผุดอย่างเงียบงัน เขาขมวดคิ้วเพราะอาการบาดเจ็บในร่างกายรุนแรงขึ้นจากการขยับเคลื่อนไหวที่มากเกินไป

ยามนึกถึงคนร้ายที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเหล่านี้ สีหน้าของเขาแทบไม่อาจสงบใจลงได้

“ตราบเท่าที่นางไม่มาสร้างเรื่อง ตอนนี้ก็คงต้องปล่อยวางเรื่องราวความแค้นเอาไว้ก่อน…”

เพราะตัวเขาในปัจจุบันยังไม่อาจเอาชนะอีกฝ่าย อาการบาดเจ็บที่เขากำลังเผชิญคือสิ่งยืนยันอย่างดี

เพียงปะทะกับอีกฝ่ายแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็แทบไม่ทราบแล้วว่ากระดูกภายในกายหักไปกี่ท่อน ทุกครั้งที่ขยับตัว เขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดราวกับถูกไฟแผดเผา ที่ยังยืนและเดินจนถึงตอนนี้ได้คือการอดทนกลั้นใจทั้งนั้น…

ส่วนว่าหากภายหลังการฝึกตนก้าวเหนือกว่านางได้เมื่อไหร่จะกลับไปแก้แค้นหรือไม่นั้น… คงต้องเอาไว้ตัดสินใจกันอีกทีหนึ่ง…

“ยาปรับต้นกำเนิด…” เขานำเอาขวดหยกที่ซุนเหวินมอบให้ก่อนหน้านี้ออกมา

มันคือยาขั้นสูงระดับหนึ่ง ตามบันทึกนักปรุงยา กล่าวว่าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บอันร้ายแรงได้ในเวลาอันสั้น

ภายหลังทานเข้าไปแล้ว จี้เตี๋ยรับรู้ได้ถึงกระแสพลังอบอุ่นที่ไหลเวียนไปยังแขนขาและกระดูกทุกส่วน สีหน้าที่ซับซ้อนเหยเกเริ่มผ่อนคลาย อาการบาดเจ็บที่อดกลั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้เริ่มได้รับการรักษา จนปัจจุบันอาการบาดเจ็บลดเลือนลงไปมาก

เพียงไม่นานหลังจากนั้น โจวสวี่จึงนำสิ่งของพึงได้รายเดือนและสิ่งอื่นที่จำเป็นมามอบให้

ไม่ว่าจะเป็นชุดเสื้อผ้าสีเขียวที่เป็นเครื่องแบบของศิษย์สำนัก มันถูกตัดเย็บอย่างประณีตและงดงาม สีที่เห็นยังดูค่อนข้างเข้มกว่าของฝั่งใต้ นอกจากนี้ยังมีขวดหยกบรรจุยาและศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยก้อน รวมถึงน้ำเต้าสีเหลืองใบหนึ่ง

มันดูค่อนข้างธรรมดา จนเหมือนน้ำเต้าบรรจุของเหลวธรรมดาไม่มีผิดเพี้ยน!

“น้ำเต้านี้ถูกเรียกว่าน้ำเต้าทะยานฟ้า เป็นอาวุธวิเศษขั้นสูง ภายหลังศิษย์น้องจี้หยดแก่นเลือดลงไปและขัดเกลามัน เช่นนั้นจะเกิดรอยพันธะที่เชื่อมโยงเข้ากับทะเลจิตสำนึกเพื่อใช้โบยบิน” โจวสวี่เอ่ยคำแนะนำ

“น้ำเต้าทะยานฟ้า…” จี้เตี๋ยมองขวดน้ำเต้าอันเป็นอาวุธวิเศษตรงหน้าด้วยลมหายใจรัวเร็ว เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักอาวุธวิเศษขั้นสูง แม้ไม่ทราบว่าหมายความถึงอะไร แต่เพียงแค่ได้ยินว่ามันสามารถช่วยให้บินเดินทางได้ ก็มากพอทำให้เขาตื่นเต้นและยินดีแล้ว

ภายหลังบอกลาโจวสวี่ เขาจึงกลับเข้าถ้ำ ก่อนจะกัดลิ้นตนเองเล็กน้อยเพื่อหยดเลือดลงบนตัวน้ำเต้า

การขัดเกลาอาวุธวิเศษถือว่ามีความซับซ้อนยิ่งกว่าถุงมิติ เพราะมันจำเป็นต้องใช้แก่นเลือด

แก่นเลือดคือเลือดที่หลั่งออกจากปลายลิ้นของผู้ฝึกตน และหากว่าสูญเสียมากจนเกินไป มันสามารถส่งผลกระทบถึงรากฐานจนเกิดความเสียหาย และจะกระทบไปถึงการฝึกตนในภายหน้า

ทั้งหมดนั้นคือข้อมูลที่โจวสวี่บอกให้ทราบ

เพียงเลือดหยดลงไป จี้เตี๋ยตระหนักได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างตนเองและอาวุธวิเศษ มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ราวกับจิตของเขาได้รับการเชื่อมโยง

“ส่งถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป…” ยามนึกถึงวิธีการที่โจวสวี่เอ่ยบอก จี้เตี๋ยจึงทำตามโดยการส่งพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปในน้ำเต้า

เพียงแค่ชั่วพริบตา น้ำเต้าที่เดิมมีขนาดปกติธรรมดาเริ่มขยายขนาดราวถูกสูบลม มันขยายใหญ่ขึ้นราวสิบเท่า จนมีพื้นที่ขนาดให้คนคนหนึ่งขึ้นไปขี่ได้

“แล้วจะใช้มันบินอย่างไร?” จี้เตี๋ยนึกสงสัยขณะมองน้ำเต้าที่อยู่ตรงหน้า เพียงนึกว่าตนเองต้องขี่น้ำเต้าบินบนฟากฟ้าก็ต้องชักสีหน้าแปลกประหลาดออกมาแล้ว แต่พอขึ้นไปขี่มันและส่งถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปนั้นเอง

“บิน!” ขณะเวลาเดียวกันนี้เองที่จิตของเขาสั่งการพร้อมกับเสียงตะโกน

ตอนนี้เองที่น้ำเต้าลอยตัวขึ้นจากพื้นเชื่องช้า แต่ก็สูงขึ้นมาจากพื้นแค่ไม่กี่ฉื่อ เนื่องจากยังควบคุมพลังวิญญาณได้ไม่ดีพอ เสียงดังจึงเกิดขึ้น ถึงขนาดตัวคนที่อยู่บนน้ำเต้าพลิกกลับด้านร่วงหล่นมายังพื้น

*ฉื่อ เป็นหน่วยวัดความยาว มีค่าราว 1 ฟุตหรือ 33 เซนติเมตร

“โชคดีที่ยังอยู่เหนือพื้นไม่สูงมาก ถ้าตกจากฟ้า เกรงว่าคงได้กลายเป็นก้อนเนื้อบดไปแล้ว”

อาการบาดเจ็บที่เดิมยังไม่ได้ดีขึ้นมากมายกลับถูกซ้ำเติม จี้เตี๋ยจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกเป็นครั้งที่สอง อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บซ้ำซ้อนจนต้องส่งเสียงแผดร้องออกมา

เขาจึงเตรียมตัวฝึกฝนอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ…

5 1 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด