ตอนที่ 58 อัจฉริยะเยาว์วัย
ตอนที่ 58 อัจฉริยะเยาว์วัย
ชายในชุดสีม่วงผู้ปรากฏตัวใหม่ไม่มีท่าทีอธิบายการมาเยือน
ด้วยสถานะผู้ฝึกตนสร้างรากฐานหนึ่งเดียวแห่งสำนักเจ็ดลึกล้ำ และเป็นผู้อาวุโสหนึ่งเดียวแห่งฝั่งเหนือ ซุนเหวินจึงมีอำนาจสะกดข่มศิษย์สำนักทั้งสองโดยพวกเขาไม่อาจโกรธเคือง และเวลานี้เขาเลือกเมินเฉยคนทั้งสามขณะจ้องมองจี้เตี๋ยและพิจารณา ยามรับรู้ถึงการฝึกตนของจี้เตี๋ย ดวงตาของเขาถึงขั้นทอประกาย
“กลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ด!” ไม่นานมานี้มีคนบอกกล่าวเรื่องของจี้เตี๋ยให้เขาทราบ ทว่าตอนนั้นเขาไม่เชื่อ แต่ยามนี้ได้มาพบเจอกับตาตนเองจึงได้ตระหนัก ว่ามันเกินกว่าที่ฟังคำบอกเล่าจากคนอื่นเสียด้วยซ้ำ…
เพราะมันไม่ใช่การกลั่นลมปราณขั้นที่หกจุดสูงสุด แต่เป็นขั้นที่เจ็ดอันกระจ่างชัด!
แม้เขาไม่ทราบว่าจี้เตี๋ยเข้าร่วมสำนักมาเมื่อใด แต่ด้วยอายุที่ยังเยาว์จนเรียกว่าอ่อนวัย แต่กลับประสบความสำเร็จได้ถึงขั้นนี้… มันมากพอกล่าวบอกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเยาว์วัยอย่างไม่ต้องสงสัย
กระทั่งว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้สืบทอดตระกูลใหญ่เลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เขายังได้ยินมาเพิ่มเติม ว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยาอันยอดเยี่ยม โดยยาปรุงขึ้นนั้นมีสรรพคุณอันยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุด…
ทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกัน มันจึงแทบกลายเป็นความหวังในการฟื้นคืนสำนักเจ็ดลึกล้ำ!
“เหตุใดเจ้าถึงฆ่าหวังอวิ๋น?” ซุนเหวินทราบเรื่องราวแล้ว เวลานี้จึงต้องการตรวจสอบอุปนิสัย
หากว่าจี้เตี๋ยเป็นคนโหดเหี้ยมมีแต่ความอาฆาต ก็คงจำเป็นต้องโยนอำนาจการตัดสินใจต่อไปยังจ้าวสำนัก…
“แค่ก แค่ก…” จี้เตี๋ยไอพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากมุมปาก ซ่งเจียนั้นแข็งแกร่งอย่างไร้ข้อกังขา ภายหลังถูกนางโจมตีหลายครั้งต่อเนื่อง ปัจจุบันเขาจึงอ่อนแอจนแทบไร้เรี่ยวแรง
แม้เป็นตอนนี้เขาก็ยังจ้องมองยังสตรีโฉด ทำให้ได้ตระหนักถึงความนอบน้อมที่กลุ่มคนมีต่อบุคคลตรงหน้า หมายความถึงอีกฝ่ายมีสถานะอันสูงส่ง เป็นเหตุให้เขาเลือกกล่าวตอบอย่างสงบนิ่ง “พวกมันต้องการสังหารข้าก่อนขอรับ หากว่าข้าไม่สังหารพวกมัน สุดท้ายคนที่ตายจะกลายเป็นข้าเสียเอง”
“วาจาไร้สาระ! คิดหรือว่าผู้อาวุโสซุนจะเชื่อ?!” ซ่งเจียเผยสีหน้าเหยียดหยัน หากว่าไม่ใช่เพราะซุนเหวินอยู่ที่ตรงนี้ นางคงพุ่งเข้าไปฉีกร่างจี้เตี๋ยออกเป็นชิ้น
“ทุกคำพูดของศิษย์เป็นความจริงขอรับ” จี้เตี๋ยโค้งกายให้แม้อ่อนแรง “และเรื่องราวนี้มีผู้อื่นที่สามารถยืนยันคำให้การขอข้าได้ขอรับ”
“ใคร?” ดวงตาของซุนเหวินเผยประกายเจิดจ้า
“เหอเฉียง! มันและผู้ดูแลหวังรวมหัวกันวางแผนสังหารข้า หากไม่ใช่เพราะข้าตระหนักรู้ตัวก่อนก็คงถูกมันสังหารไปแล้ว เพียงแต่มันไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดออกมาขอรับ!” จี้เตี๋ยไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเชื่อตนเองหรือไม่ ตอนนี้จึงทำได้แค่ภาวนาอาศัยโชค
“เหอเฉียง…” ซุนเหวินเอ่ยนามนี้ขึ้นมาด้วยสายตาคมกล้า
“ผู้อาวุโสเจิ้ง นำตัวเหอเฉียงมาที่นี่”
“ขอรับ” เจิ้งอี้ในปัจจุบันไม่กล้าต่อความยาวสาวความยืด ขณะนี้จึงเดินออกจากโถงไปด้วยตนเอง และไม่นานจึงกลับมาพร้อมเหอเฉียงที่เดินตามหลัง
เหอเฉียงได้เห็นจี้เตี๋ยแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น แต่ก็พอตระหนักทราบว่าบรรยากาศดูไม่ถูกต้อง เป็นเหตุให้ร่างเริ่มเกิดอาการสั่นเทา
“ผู้อาวุโสซุน นำตัวมาแล้วขอรับ” เจิ้งอี้ประสานมือให้ก่อนจะถอยไปยืนด้านข้าง
“เจ้าคือเหอเฉียงใช่หรือไม่?” ซุนเหวินเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขณะตวัดสายตามองเหอเฉียง
“ขอรับ ศิษย์เหอเฉียงขอรับ!” เหอเฉียงรับคำด้วยเสียงสั่น เพราะยามถูกสายตาจับจ้อง สัญชาตญาณของเขาร้องบอกให้รับรู้ถึงความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในใจ
“ข้าขอถาม เจ้าและหวังอวิ๋นได้วางแผนสังหารจี้เตี๋ยใช่หรือไม่!”
เสียงของผู้ถามนี้เป็นประหนึ่งสายฟ้าผ่าและระเบิดที่รูหู เหอเฉียงเผยสีหน้าซีดเผือด เพียงแต่เรื่องราวเช่นนี้จะให้เขายอมรับออกมาได้เช่นไร? ดังนั้นแม้ตัวสั่นก็ยังกล่าวตอบ “ศิษย์… ไม่ทราบว่าผู้อาวุโส… หมายความถึงอย่างไรกันขอรับ เพราะเรื่องราวสมควรชัดเจนแล้วว่าจี้เตี๋ยสังหารผู้ดูแลหวัง และเพื่อหนีความผิดจึงเจตนาหลอกลวง ขอผู้อาวุโสอย่าโดนมันหลอกขอรับ...”
“วาจาอันไร้สาระ!” ซุนเหวินที่พบเจอคนมามากมาย เพียงมองแค่ชั่วครู่ก็มากพอทราบความในใจของอีกฝ่าย
“ข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้าย สารภาพมาแล้วข้าจะลดหย่อนโทษ! หากไม่แล้วจะถึงคราวข้าใช้วิธีการง้างปากเอาความจริงออกมา!”
เสียงตะโกนนี้เย็นเยียบ สีหน้าท่าทียังสงบและสูงส่ง เพียงแต่เวลานี้สภาวะพลังที่สูงส่งว่าการกลั่นลมปราณขั้นที่เก้าแผ่ออกและรวมเป็นหนึ่งเดียวที่เหอเฉียง
ต่อหน้าสภาวะพลังอันยิ่งใหญ่ ผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับมดแมลง
สีหน้าของแต่ละคนภายในโถงเริ่มซีดเซียว
เพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดของผู้อาวุโสซุน!
ส่วนเหอเฉียงผู้อยู่ใกล้ที่สุดจึงเป็นประหนึ่งเรือน้อยท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง ความรู้สึกของเขากำลังสั่นคลอนขณะพยายามดิ้นรนและลังเล ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจอดกลั้นต่อแรงกดดันได้ไหว เวลานี้จึงตอบออกมาด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ผู้อาวุโสละเว้นชีวิตด้วยขอรับ ทั้งหมดนั้นเป็นแผนการที่ศิษย์ถูกผู้ดูแลหวังบีบบังคับให้ร่วมมือขอรับ”
“ในตอนนั้นจี้เตี๋ยก้าวหน้ารวดเร็วจนเกินไป ผู้ดูแลหวังเกิดความสงสัยว่าอีกฝ่ายมีผลยกวิญญาณจำนวนมาก ดังนั้นจึงฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายออกไปจากพื้นที่โรงนาในยามค่ำคืนเพื่อวางแผนสังหาร ทั้งหมดก็เพื่อช่วงชิงผลยกวิญญาณขอรับ ทั้งยังบอกกล่าวให้ข้าคอยดูต้นทางเอาไว้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นข้าไม่ได้มีส่วนร่วมลงมือใดขอรับ”
เหอเฉียงที่ถูกกดดันจนหน้าซีด เวลานี้จึงโพล่งเรื่องราวทั้งหมดออกมาในคราวเดียว
“หาญกล้าดียิ่งนัก…” ซุนเหวินที่รับฟังเรื่องราวครบแล้ว เวลานี้จึงเผยสีหน้าดำมืดประหนึ่งถูกราดด้วยน้ำเย็น
ปัจจุบันที่ความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย กล่าวว่าผู้ดูแลถึงขั้นเกิดความคิดฆ่าเพื่อปล้นชิงทรัพย์จากศิษย์น้องร่วมสำนัก
หากตายก็สมควรแล้ว!
“ผู้อาวุโสเจิ้ง ทราบหรือไม่ว่าเรื่องราวเช่นนี้ต้องจัดการอย่างไร?” ซุนเหวินพยายามหักห้ามใจไม่ให้ลงโทษอีกฝ่ายจนตายเสียที่นี่
หากว่าวันนี้เขาไม่ได้มาด้วยตนเอง ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดและถี่ถ้วน สำนักเจ็ดลึกล้ำคงสูญเสียคนหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ไปโดยเปล่า เพียงเพราะโจรร้ายสองคนที่กล้าก่อเหตุแต่ไม่กล้ายอมรับ!
“ข้าจะทำลายการฝึกตนของมันและขับไล่ออกจากสำนักเจ็ดลึกล้ำขอรับ” เจิ้งอี้กำหมัดแน่น
“ไม่ใช่สิขอรับ! ทั้งหมดนี้เป็นผู้ดูแลหวังอวิ๋นบีบบังคับให้ข้ากระทำ ขอผู้อาวุโสเมตตาด้วยขอรับ!”
เหอเฉียงเผยสีหน้าสิ้นหวัง เขากำลังมองซุนเหวินด้วยแววตาอ้อนวอนร้องขอ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าภายนอกสำนักเจ็ดลึกล้ำ มันคือป่าเขาที่รกร้างซึ่งมีสัตว์ป่าอยู่เต็มไปหมด หากว่าถูกทำลายการฝึกตนและถูกขับไล่ออกจากสำนัก เขาคงไม่มีทางหนีรอดพ้นจากภูเขาลูกนี้
เพียงแต่ซุนเหวินแค่โบกมือเป็นการส่งสัญญาณให้เจิ้งอี้จัดการ ขณะเสียงอ้อนวอนด้วยความสิ้นหวังเริ่มดังออกไปไกลห่าง ในใจจี้เตี๋ยไม่มีความรู้สึกเวทนาเลยแม้แต่น้อย
เพราะอีกฝ่ายเกือบจะฆ่าเขาจนตาย ตอนนี้แค่ถูกทำลายการฝึกตนยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ
“เด็กน้อยเอ๋ย การสืบสวนลุล่วงแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกซ่งเจียเข้าใจผิดไป คนร้ายก็ถูกจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว นับว่าเป็นเรื่องดี…” ซุนเหวินหันกลับมาพูดคุยด้วยท่าทีโอบอ้อม เรียกได้ว่าแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
เหอเฉียงถูกตัดสินให้ทำลายการฝึกตนและขับไล่ออกจากสำนัก มันมากพอเป็นการผดุงธรรมให้กับจี้เตี๋ยแล้ว ขณะเดียวกันก็ถือว่าอีกฝ่ายหมดความคับข้องต่อสำนักเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าด้วยเช่นกัน
จี้เตี๋ยที่ได้ยินจึงหันมองตามออกไปภายนอกหอ ขณะเขากำลังจะพูดกล่าวอะไรออกมานั้น ตอนนี้เองที่น้ำเสียงซึ่งเปี่ยมด้วยความเกลียดชังดังขึ้น
“ผู้อาวุโสซุน ต่อให้หวังอวิ๋นคิดสังหารเขา แต่เรื่องราวนี้จำเป็นต้องให้ทางสำนักเป็นผู้ตัดสิน เพราะความจริงที่เขาสังหารผู้อื่นยังไม่ได้หายไปไหนเจ้าค่ะ!” ซ่งเจียเผยสายตาคับแค้นออกมา นางไม่มีทางยอมนิ่งเฉยทนดูจี้เตี๋ยรอดพ้น
“ก็แค่ตาย และสมควรตายแล้วด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นผู้ดูแลแต่กลับกล้าปล้นชิงสิ่งของจากศิษย์ร่วมสำนัก ถือว่าสมควรตายอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง!” ซุนเหวินมองตอบด้วยท่าทีไม่พอใจ
ซ่งเจียงกัดฟันแน่น นางไม่ยินดีที่ได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ แต่ยามโจวสวี่ส่ายศีรษะให้ ท้ายที่สุดนางจึงยอมเงียบ
“ก็ตามนี้ ในเมื่อไม่มีอะไรคัดค้านแล้วก็ถือว่าให้จบเรื่องราวที่ตรงนี้! ข้าทราบว่าเมื่อครู่มีเรื่องเข้าใจผิดต่อกันเกิดขึ้น ในนี้มียาปรับต้นกำเนิดอยู่เม็ดหนึ่ง โดยเป็นส่วนที่หักจากค่าดูแลที่สำนักมอบให้แก่ซ่งเจีย ถือเป็นของชดเชยความผิดพลาด ซ่งเจีย ไม่มีอะไรคัดค้านใช่หรือไม่?” ซุนเหวินตบไหล่จี้เตี๋ยพร้อมกับนำขวดหยกออกมา
“ไม่คัดค้านเจ้าค่ะ…” น้ำเสียงของซ่งเจียอัดแน่นด้วยความคับแค้น เพราะหากเทียบเป็นศิลาวิญญาณแล้วก็ถือว่าเล็กน้อย แต่ประเด็นที่ทำให้นางไม่อาจยอมรับคือต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่จี้เตี๋ย
“พวกเจ้าต่างก็เป็นอนาคตของสำนักเจ็ดลึกล้ำ คาดหวังว่าภายหน้าจะเข้ากันได้ดี!”
คำกล่าวนี้เห็นได้ว่าไม่ได้พูดแค่กับซ่งเจีย แต่ยังรวมถึงจี้เตี๋ย
“ขอรับ” จี้เตี๋ยยังคงท่าทีอันสงบขณะมองขวดหยกภายในมือ เขาทราบดีว่าซุนเหวินเองก็ไม่อยากกดดันสตรีโฉดจนเกินไปกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่กำหมัดตอบรับเอาไว้โดยไม่เอื้อนเอ่ยตอบคำอื่นใด