ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 193 ทะลวงผ่านขอบเขตเทพ เช่นนี้ คงเหวินจึงได้เข้าร่วมเป็นศิษย์ใต้ชายคาของฮุ่ยเจิน กลายเป็นถึงผู้นำในปัจจุบันของแคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว ส่วนแคว้นพุทธ??? ขุมกำลังอำนาจที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนานี้ ในขณะนี้กำลังดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงอยู่ห่าง ๆ โดยไม่จุ่มมือ รอจนกว่ามนุษย์เงือกจะทำให้เมืองเซวียนหมิงล่มสลาย และนำพาความสิ้นหวังที่แท้จริงมาสู่ผู้คน แคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัวก็จะได้ส่งกำลังรบไป เพื่อบดขยี้เผ่ามนุษย์เงือกให้สิ้นซาก หลังจากนั้น พวกเขาไม่เพียงแต่สามารถเรียกคืนดินแดนจำนวนมหาศาลได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลจากความศรัทธาจากผู้คนธรรมดาจำนวนมหาศาลอีกด้วย เช่นนี้ จะไม่ดีงามหรือ? ส่วนที่ว่าผู้คนธรรมดาจะสูญเสียชีวิตไปเท่าไรภายใต้น้ำมือของเผ่ามนุษย์เงือก หรือหลังจากการเข่นฆ่าของเผ่ามนุษย์เงือกแล้ว จะเหลือผู้รอดชีวิตอยู่มากน้อยเพียงใด จุดนี้สำหรับแคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ สิ่งที่แคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว ขุมกำลังที่ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาแห่งทวีปซวนหยวน ให้ความสนใจ คือพวกเขาควรจะออกโรงช่วยเหลือผู้คนในจังหวะไหน จึงจะดูดีที่สุด ทวีปซวนหยวน มณฑลตงหวง อาณาเขตตระกูลหลัว ภายในห้องที่ดูว่างเปล่าแห่งหนึ่ง หลัวเหริน ผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวในปัจจุบันกำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน โต๊ะหน้ามีแผนที่โบราณวางอยู่ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย สีหน้าสงบนิ่งอย่างยิ่ง "ศาลาห้วงเร้นลับถูกทำลายล้าง?" "มณฑลเซวียนหมิงตกอยู่ในกำมือศัตรู?" มองไปยังตำแหน่งที่มณฑลเซวียนหมิงถูกระบุไว้บนแผนที่แล้ว หลัวเหรินค่อย ๆ ยื่นมือหยิบปากกามา แล้ววาดเครื่องหมายกากบาทใหญ่ ๆ ไว้ตรงตำแหน่งของมณฑลเซวียนหมิง "มณฑลเซวียนหมิงพ่ายแพ้" "ต่อไป เผ่ามนุษย์เงือกจะเลือกบุกยึดมณฑลใดเป็นเป้าหมายต่อไปกัน" ครุ่นคิดแล้ว หลัวเหรินก็ตกอยู่ในห้วงความคิด ตามหลักแล้ว มณฑลตงหวงถูกขนานนามว่าเป็นมณฑลที่อ่อนแอ ล้าหลัง และแห้งแล้งที่สุดใน 13 มณฑล เผ่ามนุษย์เงือกหลังจากยึดครองมณฑลซุยอวิ๋นได้แล้ว ควรจะรวมมณฑลตงหวงที่อยู่ติดกันเข้าไปด้วย แต่เผ่ามนุษย์เงือกไม่เพียงแต่ไม่ทำเช่นนั้น กลับยังเปลี่ยนเส้นทางไปยึดครองมณฑลเซวียนหมิง นี่ทำให้หลัวเหรินผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวปัจจุบัน เกิดความสงสัยขึ้นในใจอย่างยิ่ง แต่พอได้รู้ว่าหลัวฮ่วยผู้อาวุโสปลิดชีพเซิงต้าน๋าน้องชายของเซิงต้าฉี ผู้มีสายเลือดราชวงศ์เผ่ามนุษย์เงือก และยังเป็นรองนายน้อยเผ่า ความสงสัยในใจของหลัวเหริน ก็คลี่คลายลง "ดูเหมือนเป้าหมายต่อไปของเผ่ามนุษย์เงือก จะเป็นตระกูลหลัวแห่งมณฑลตงหวงของข้าสินะ" ขณะที่หลัวเหรินกำลังหรี่ตาลงเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่กับคำถามนี้ ห้องที่ดูว่างเปล่าแห่งนี้ มิติก็บิดเบี้ยวไปชั่วขณะ มีสมาชิกตระกูลหลัวนามสกุลอื่นผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีดำ ฐานพลังยุทธ์อยู่ขอบเขตอมตะระดับสมบูรณ์ เดินเข้ามา คุกเข่าข้างเดียว กล่าวขึ้น "จ้าวตระกูล" "กองทัพใหญ่เผ่ามนุษย์เงือกนับหมื่นล้าน กำลังจะบุกเข้ามายังมณฑลตงหวงของเราแล้ว" "หากไม่เกิดเหตุผิดคาด พวกมันจะเดินทางมาถึงพรมแดนมณฑลตงหวงในสามวัน" เสียงดังก้องก้อนอยู่ภายในห้องนี้ "กองทัพนับหมื่นล้าน จะบุกเข้ามายังมณฑลตงหวงของพวกเรา?" "หากไม่เกิดเหตุผิดคาด จะมาถึงภายในสามวัน?" ได้ยินเช่นนั้นแล้ว หลัวเหรินเริ่มแรกทำเพียงโบกมือไล่ และหลังจากสมาชิกตระกูลหลัวนามสกุลอื่นผู้นั้นจากไป เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง "เผ่ามนุษย์เงือกเลือกมณฑลตงหวงของพวกเราเป็นเป้าหมายในการโจมตีจริง ๆ ด้วยสินะ" "คิดว่ามณฑลตงหวงของพวกเราอ่อนแอเหมือนเช่นที่กล่าวขวัญกันรึ?" "หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็รอคอยการมาเยือนของพวกมันอยู่นะ!" หัวเราะพลางส่ายหน้าแล้ว หลัวเหรินก็ไม่สนใจเรื่องราวของเผ่ามนุษย์เงือกอีกต่อไป แต่หันไปจัดการเรื่องอื่นแทน หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจจะยังใส่ใจเผ่ามนุษย์เงือกอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ที่ตระกูลหลัวมีท่านบรรพบุรุษประจำอยู่ และได้วิจัยพัฒนาปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 1, 2 และ 3 ขึ้น ซึ่งเสริมกำลังรบโดยรวมให้แก่ตระกูลหลัวและมณฑลตงหวงอย่างมหาศาลแล้ว เผ่ามนุษย์เงือก... ความจริงแล้ว มันไม่ค่อยได้รับความสนใจสักเท่าไร ด้วยฝีมือของบรรพบุรุษ 1,000 เมืองใหญ่ของมณฑลตงหวงแต่ละเมือง มีปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 1 เมืองละ 1,000 กระบอก รุ่นที่ 2 เมืองละ 100 กระบอก และรุ่นที่ 3 เมืองละ 10 กระบอก บวกกับค่ายกลอันน่าสะพรึงกลัวอีกมากมาย เผ่ามนุษย์เงือก? แม้จะมากระทั่งนับหมื่นล้าน แม้แต่เพิ่มอีกเป็นแสนล้าน การยึดครองมณฑลตงหวงก็ยังเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์ ส่วนในลานโบราณแห่งหนึ่งในอาณาเขตตระกูลหลัว หลัวจิ่วเกอ ในสามวันนี้นั่งขัดสมาธิอยู่กลางลาน ด้านหน้ามีแก่นเทวะจอมเทพลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกายแผ่กลิ่นอายที่ไร้ความโดดเด่น ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เวลาผ่านไป ประมาณสามชั่วโมงให้หลัง ทันใดนั้น หลัวจิ่วเกอลืมตาขึ้น ภายในร่างกาย แก่นเทวะเทียมก้อนนั้น ในขณะนี้ กำลังดูดกลืนพลังอย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการจะเปลี่ยนแปลงจากแก่นเทวะเทียมกลายเป็นแก่นเทวะเทพชั้นต่ำ "ขอบเขตเทพชั้นต่ำ... ทะลวง!" พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา ร่างของหลัวจิ่วเกอ ทันใดนั้นก็ปะทุพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับสามารถแยกผืนมิติออกจากกันได้ด้วยกำลังล้วน ๆ อย่างไรก็ตาม พลังเช่นนี้มิได้คงอยู่นาน จนกระทั่งแก่นเทวะเทียมในร่างหลัวจิ่วเกอดูดกลืนพลังเทพจนเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแก่นเทวะเทพชั้นต่ำ กลิ่นอายนั้นจึงค่อย ๆ สลายหายไป "นี่คือขอบเขตเทพชั้นต่ำสินะ" หลัวจิ่วเกอสัมผัสได้ถึงกำลังมหาศาลในร่างกายที่เหนือกว่าขอบเขตกึ่งเทพหลายเท่านัก รวมถึงแก่นเทวะเทพชั้นต่ำที่ก่อร่างขึ้นแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา "ดูเหมือน..." "โชคจะเข้าข้าง" "ถึงได้ข้ามขอบเขตเทพชั้นต่ำในเวลาอันสั้น" กล่าวพึมพำแล้ว หลัวจิ่วเกอก็ไพล่มือไว้ด้านหลัง เดินฮัมเพลงไปที่สวนวิญญาณ 3 หมู่ใกล้ ๆ ด้วยสวนวิญญาณ 3 หมู่มีค่ายกลเร่งเวลาร้อยเท่าผนึกครอบอยู่ ดังนั้น รากสมุนไพร ผลไม้เซียนในสวนล้วนอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว และยังสะสมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง เหมือนอยากจะวิวัฒน์ไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้นอีก
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 193 ทะลวงผ่านขอบเขตเทพ
เช่นนี้ คงเหวินจึงได้เข้าร่วมเป็นศิษย์ใต้ชายคาของฮุ่ยเจิน
กลายเป็นถึงผู้นำในปัจจุบันของแคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว
ส่วนแคว้นพุทธ???
ขุมกำลังอำนาจที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธศาสนานี้ ในขณะนี้กำลังดำเนินการตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงอยู่ห่าง ๆ โดยไม่จุ่มมือ
รอจนกว่ามนุษย์เงือกจะทำให้เมืองเซวียนหมิงล่มสลาย และนำพาความสิ้นหวังที่แท้จริงมาสู่ผู้คน
แคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัวก็จะได้ส่งกำลังรบไป
เพื่อบดขยี้เผ่ามนุษย์เงือกให้สิ้นซาก
หลังจากนั้น พวกเขาไม่เพียงแต่สามารถเรียกคืนดินแดนจำนวนมหาศาลได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลจากความศรัทธาจากผู้คนธรรมดาจำนวนมหาศาลอีกด้วย
เช่นนี้ จะไม่ดีงามหรือ?
ส่วนที่ว่าผู้คนธรรมดาจะสูญเสียชีวิตไปเท่าไรภายใต้น้ำมือของเผ่ามนุษย์เงือก
หรือหลังจากการเข่นฆ่าของเผ่ามนุษย์เงือกแล้ว
จะเหลือผู้รอดชีวิตอยู่มากน้อยเพียงใด
จุดนี้สำหรับแคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ
สิ่งที่แคว้นพุทธแห่งมณฑลหนานหัว ขุมกำลังที่ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนาแห่งทวีปซวนหยวน ให้ความสนใจ
คือพวกเขาควรจะออกโรงช่วยเหลือผู้คนในจังหวะไหน จึงจะดูดีที่สุด
ทวีปซวนหยวน มณฑลตงหวง อาณาเขตตระกูลหลัว
ภายในห้องที่ดูว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
หลัวเหริน ผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวในปัจจุบันกำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน โต๊ะหน้ามีแผนที่โบราณวางอยู่
ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย สีหน้าสงบนิ่งอย่างยิ่ง
"ศาลาห้วงเร้นลับถูกทำลายล้าง?"
"มณฑลเซวียนหมิงตกอยู่ในกำมือศัตรู?"
มองไปยังตำแหน่งที่มณฑลเซวียนหมิงถูกระบุไว้บนแผนที่แล้ว หลัวเหรินค่อย ๆ ยื่นมือหยิบปากกามา
แล้ววาดเครื่องหมายกากบาทใหญ่ ๆ ไว้ตรงตำแหน่งของมณฑลเซวียนหมิง
"มณฑลเซวียนหมิงพ่ายแพ้"
"ต่อไป เผ่ามนุษย์เงือกจะเลือกบุกยึดมณฑลใดเป็นเป้าหมายต่อไปกัน"
ครุ่นคิดแล้ว หลัวเหรินก็ตกอยู่ในห้วงความคิด
ตามหลักแล้ว
มณฑลตงหวงถูกขนานนามว่าเป็นมณฑลที่อ่อนแอ ล้าหลัง และแห้งแล้งที่สุดใน 13 มณฑล
เผ่ามนุษย์เงือกหลังจากยึดครองมณฑลซุยอวิ๋นได้แล้ว
ควรจะรวมมณฑลตงหวงที่อยู่ติดกันเข้าไปด้วย
แต่เผ่ามนุษย์เงือกไม่เพียงแต่ไม่ทำเช่นนั้น กลับยังเปลี่ยนเส้นทางไปยึดครองมณฑลเซวียนหมิง
นี่ทำให้หลัวเหรินผู้เป็นจ้าวตระกูลหลัวปัจจุบัน
เกิดความสงสัยขึ้นในใจอย่างยิ่ง
แต่พอได้รู้ว่าหลัวฮ่วยผู้อาวุโสปลิดชีพเซิงต้าน๋าน้องชายของเซิงต้าฉี ผู้มีสายเลือดราชวงศ์เผ่ามนุษย์เงือก และยังเป็นรองนายน้อยเผ่า
ความสงสัยในใจของหลัวเหริน
ก็คลี่คลายลง
"ดูเหมือนเป้าหมายต่อไปของเผ่ามนุษย์เงือก จะเป็นตระกูลหลัวแห่งมณฑลตงหวงของข้าสินะ"
ขณะที่หลัวเหรินกำลังหรี่ตาลงเล็กน้อย
ครุ่นคิดอยู่กับคำถามนี้
ห้องที่ดูว่างเปล่าแห่งนี้ มิติก็บิดเบี้ยวไปชั่วขณะ
มีสมาชิกตระกูลหลัวนามสกุลอื่นผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีดำ ฐานพลังยุทธ์อยู่ขอบเขตอมตะระดับสมบูรณ์ เดินเข้ามา
คุกเข่าข้างเดียว กล่าวขึ้น
"จ้าวตระกูล"
"กองทัพใหญ่เผ่ามนุษย์เงือกนับหมื่นล้าน กำลังจะบุกเข้ามายังมณฑลตงหวงของเราแล้ว"
"หากไม่เกิดเหตุผิดคาด พวกมันจะเดินทางมาถึงพรมแดนมณฑลตงหวงในสามวัน"
เสียงดังก้องก้อนอยู่ภายในห้องนี้
"กองทัพนับหมื่นล้าน จะบุกเข้ามายังมณฑลตงหวงของพวกเรา?"
"หากไม่เกิดเหตุผิดคาด จะมาถึงภายในสามวัน?"
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว
หลัวเหรินเริ่มแรกทำเพียงโบกมือไล่ และหลังจากสมาชิกตระกูลหลัวนามสกุลอื่นผู้นั้นจากไป
เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
"เผ่ามนุษย์เงือกเลือกมณฑลตงหวงของพวกเราเป็นเป้าหมายในการโจมตีจริง ๆ ด้วยสินะ"
"คิดว่ามณฑลตงหวงของพวกเราอ่อนแอเหมือนเช่นที่กล่าวขวัญกันรึ?"
"หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็รอคอยการมาเยือนของพวกมันอยู่นะ!"
หัวเราะพลางส่ายหน้าแล้ว
หลัวเหรินก็ไม่สนใจเรื่องราวของเผ่ามนุษย์เงือกอีกต่อไป แต่หันไปจัดการเรื่องอื่นแทน
หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจจะยังใส่ใจเผ่ามนุษย์เงือกอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้ที่ตระกูลหลัวมีท่านบรรพบุรุษประจำอยู่ และได้วิจัยพัฒนาปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 1, 2 และ 3 ขึ้น
ซึ่งเสริมกำลังรบโดยรวมให้แก่ตระกูลหลัวและมณฑลตงหวงอย่างมหาศาลแล้ว
เผ่ามนุษย์เงือก...
ความจริงแล้ว มันไม่ค่อยได้รับความสนใจสักเท่าไร
ด้วยฝีมือของบรรพบุรุษ
1,000 เมืองใหญ่ของมณฑลตงหวงแต่ละเมือง มีปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 1 เมืองละ 1,000 กระบอก รุ่นที่ 2 เมืองละ 100 กระบอก และรุ่นที่ 3 เมืองละ 10 กระบอก
บวกกับค่ายกลอันน่าสะพรึงกลัวอีกมากมาย
เผ่ามนุษย์เงือก?
แม้จะมากระทั่งนับหมื่นล้าน แม้แต่เพิ่มอีกเป็นแสนล้าน
การยึดครองมณฑลตงหวงก็ยังเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์
ส่วนในลานโบราณแห่งหนึ่งในอาณาเขตตระกูลหลัว
หลัวจิ่วเกอ ในสามวันนี้นั่งขัดสมาธิอยู่กลางลาน ด้านหน้ามีแก่นเทวะจอมเทพลอยอยู่กลางอากาศ
ร่างกายแผ่กลิ่นอายที่ไร้ความโดดเด่น ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป
เวลาผ่านไป
ประมาณสามชั่วโมงให้หลัง
ทันใดนั้น หลัวจิ่วเกอลืมตาขึ้น
ภายในร่างกาย แก่นเทวะเทียมก้อนนั้น
ในขณะนี้ กำลังดูดกลืนพลังอย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการจะเปลี่ยนแปลงจากแก่นเทวะเทียมกลายเป็นแก่นเทวะเทพชั้นต่ำ
"ขอบเขตเทพชั้นต่ำ... ทะลวง!"
พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา
ร่างของหลัวจิ่วเกอ ทันใดนั้นก็ปะทุพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับสามารถแยกผืนมิติออกจากกันได้ด้วยกำลังล้วน ๆ
อย่างไรก็ตาม พลังเช่นนี้มิได้คงอยู่นาน
จนกระทั่งแก่นเทวะเทียมในร่างหลัวจิ่วเกอดูดกลืนพลังเทพจนเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแก่นเทวะเทพชั้นต่ำ
กลิ่นอายนั้นจึงค่อย ๆ สลายหายไป
"นี่คือขอบเขตเทพชั้นต่ำสินะ"
หลัวจิ่วเกอสัมผัสได้ถึงกำลังมหาศาลในร่างกายที่เหนือกว่าขอบเขตกึ่งเทพหลายเท่านัก
รวมถึงแก่นเทวะเทพชั้นต่ำที่ก่อร่างขึ้นแล้ว
เขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา
"ดูเหมือน..."
"โชคจะเข้าข้าง"
"ถึงได้ข้ามขอบเขตเทพชั้นต่ำในเวลาอันสั้น"
กล่าวพึมพำแล้ว
หลัวจิ่วเกอก็ไพล่มือไว้ด้านหลัง เดินฮัมเพลงไปที่สวนวิญญาณ 3 หมู่ใกล้ ๆ
ด้วยสวนวิญญาณ 3 หมู่มีค่ายกลเร่งเวลาร้อยเท่าผนึกครอบอยู่
ดังนั้น รากสมุนไพร ผลไม้เซียนในสวนล้วนอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยว
และยังสะสมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง
เหมือนอยากจะวิวัฒน์ไปสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้นอีก