ตอนที่แล้วบทที่ 83 ตระกูลหมั่วเอาหินจิตวิญญาณมาจากไหน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 85 เก็บเกี่ยว

บทที่ 84 กระบี่ป้องกัน


บทที่ 84 กระบี่ป้องกัน

“ท่านผู้ดูแล เหล่าผู้ฝึกตนที่เหลืออีกหกคนของตระกูลหมั่ว และผู้ฝึกตนอิสระผู้นี้ทั้งหมดถูกจับได้แล้ว โปรดสั่งการด้วยขอรับ”

บนดาดฟ้าเรือฟ้าคราม

ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นคนหนึ่งนำทีมผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายของตระกูลโจว จับกุมผู้ฝึกตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่เหลืออยู่ของตระกูลหมั่วทั้งหมด รวมถึงผู้ฝึกตนชุดดำที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

โจวมู่เฉิงเหลือบมอง “นำตัวกลับไปที่เรือรบก่อน”

จากนั้นชี้นิ้วไปที่หมั่วหยูฉิง แล้วพูดว่า “นำตัวเขากลับไปด้วย”

“ขอรับ ท่านผู้ดูแล!”

หลังจากพูดจบ ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นคนนั้น ก็ลากหมั่วหยูฉิงที่เป็นลมอยู่บนพื้น และเหาะกลับไปที่เรือรบหลิงซวีทันที

เมื่อเห็นดังนั้น

โจวมู่เฉิงหันไปมองเฉินเต้าเสวียน แล้วถามว่า “หลานเสวียน เจ้าอยากไปเป็นพยานที่ตระกูลหมั่วกับข้าไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเต้าเสวียนและเฉินเซียนเหอมองหน้ากัน จากนั้นยกมือขึ้นคำนับ “เช่นนั้นก็รบกวนท่านลุงโจวแล้ว”

“ฮ่าฮ่า ไม่รบกวนหรอก ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”

“พี่ชายโจว เดินทางปลอดภัยขอรับ เต้าเสวียน การเดินทางในครั้งนี้ เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่านลุงโจวนะ”

“ขอรับ ท่านอาสิบสาม”

เฉินเต้าเสวียนยกมือขึ้นคำนับ จากนั้นก็ขึ้นเรือรบหลิงซวีที่อยู่เหนือหัวของทุกคนไปพร้อมกับโจวมู่เฉิง

นี่เป็นครั้งที่สองที่เฉินเต้าเสวียนได้เห็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมานี้

แต่ต่างจากครั้งแรกที่เขาเห็นมัน ครั้งนี้ เฉินเต้าเสวียนได้รับเชิญให้ขึ้นเรือรบลำนี้ในฐานะแขก ความรู้สึกจึงแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ร่างของเฉินเต้าเสวียนและโจวมู่เฉิง เล็กราวกับแมลงวันสองตัว เมื่อเทียบกับเรือรบหลิงซวี

เมื่อเข้าไปในเรือรบหลิงซวี

เฉินเต้าเสวียนรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในดินแดนแห่งเทพเซียน เขารู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

“นี่คือ... พลังปราณ?”

เฉินเต้าเสวียนมองไปที่โจวมู่เฉิงอย่างประหลาดใจ

“ถูกต้อง!”

โจวมู่เฉิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “ภายในเรือรบหลิงซวีลำนี้ มีสระพลังปราณอยู่ สระพลังปราณนี้ไม่เพียงแต่สามารถจ่ายพลังงานให้กับเรือรบหลิงซวีได้เท่านั้น แต่ยังสามารถจ่ายพลังปราณเพื่อให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในเรือรบหลิงซวีบำเพ็ญเพียรได้อีกด้วย ถ้าจะเปรียบเทียบ มันก็เหมือนกับเส้นพลังปราณที่เคลื่อนที่ได้”

“เส้นพลังปราณที่เคลื่อนที่ได้…”

ตระกูลเฉินเพิ่งสร้างเส้นพลังปราณระดับหนึ่งได้ไม่นาน ในความรู้ของเขา เส้นพลังปราณทั้งหมดถูกสร้างขึ้นตามลักษณะภูมิประเทศ จะมีแบบที่เคลื่อนที่ได้ได้อย่างไร?

แต่เรือรบหลิงซวีลำนี้ที่อยู่ตรงหน้า ได้ทำลายจินตนาการของเขาเกี่ยวกับเส้นพลังปราณอย่างเห็นได้ชัด

บางทีสิ่งที่เรียกว่าสระพลังปราณนี้ อาจเทียบได้กับเครื่องยนต์พลังงานนิวเคลียร์บนเรือบรรทุกเครื่องบินในโลกก่อนก็เป็นได้!

เฉินเต้าเสวียนที่ไม่รู้หลักการของมัน ทำได้เพียงเปรียบเทียบเช่นนี้เท่านั้น

อาวุธสงครามขนาดใหญ่นี้ เป็นรากฐานของอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลเล็กๆ และกลุ่มอำนาจเล็กๆ ไม่ต้องพูดถึงการสร้างมันขึ้นมา แม้แต่จะซื้อก็ยังไม่มีทางซื้อได้!

โจวมู่เฉิงแนะนำต่อว่า “เรือรบหลิงซวีของตระกูลโจวข้า มันสามารถบรรทุกผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานได้ยี่สิบเอ็ดคน และผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณได้หนึ่งร้อยยี่สิบหกคน หากร่วมมือกันควบคุม พลังโจมตีสูงสุดสามารถเทียบเท่ากับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นปลาย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเฉินเต้าเสวียนก็เต้นเร็วขึ้นทันที

ทันใดนั้น

ราวกับนึกอะไรบางอย่างออก เฉินเต้าเสวียนยกมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า “ท่านลุงโจว ถ้าอย่างนั้น… เรือรบหลิงซวีลำนี้เทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงคนหนึ่งเลยใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวมู่เฉิงก็หัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้า “มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม้ว่ามันจะสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีที่เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วงได้ แต่ก็ไม่มีความยืดหยุ่นเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง”

โจวมู่เฉิงหยุดไปครู่หนึ่ง “หลานเสวียน เจ้าเคยเห็นหุ่นเชิดหรือไม่?”

“หุ่นเชิด? ท่านลุงโจวกำลังพูดถึง สัตว์อสูรหุ่นเชิดที่ผลิตโดยหอเทียนจี๋แห่งแคว้นเซียนอวิ๋นโจวหรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว มันนั่นแหละ”

โจวมู่เฉิงพยักหน้า “พันธมิตรเสวียนชิงเต๋าใช้สัตว์อสูรหุ่นเชิดที่ขายโดยหอเทียนจี๋เป็นจำนวนมากในการต่อสู้กับดินแดนหมื่นดาราของเรา หากสัตว์อสูรหุ่นเชิดเหล่านี้สามารถเทียบได้กับผู้ฝึกตน ดินแดนหมื่นดาราของเราก็คงถูกพันธมิตรเสวียนชิงเต๋ายึดครองไปนานแล้ว เรือรบหลิงซวีลำนี้ก็เหมือนกับสัตว์อสูรหุ่นเชิด การโจมตีส่วนใหญ่สามารถโจมตีไปในทิศทางเดียวล่วงหน้าได้เท่านั้น และยิ่งความแรงของการโจมตีสูงเท่าไหร่ ความยากในการเปลี่ยนทิศทางกลางคันก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หากเรือรบหลิงซวีโจมตีอย่างเต็มกำลัง การโจมตีของมันจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลางคันได้อย่างแน่นอน การโจมตีแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานก็สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย”

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ เฉินเต้าเสวียนก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเรือรบหลิงซวีลำนี้แล้ว

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรือรบหลิงซวีจะใช้จัดการกับผู้ฝึกตนไม่ได้ แต่มันก็มีประโยชน์อย่างหนึ่ง”

โจวมู่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้มอันลึกลับ “ประโยชน์นี้ เดี๋ยวเจ้าก็ได้เห็นเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเต้าเสวียนก็นิ่งเงียบเพื่อเฝ้ารอ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวมู่เฉิงก็ถามว่า “หลานเสวียน เมื่อครู่นี้ข้าเห็นเจ้าต่อสู้กับผู้ฝึกตนของตระกูลหมั่ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะการป้องกันเลยใช่หรือไม่?”

“เต้าเสวียนละอายใจ ตระกูลเฉินของข้าเล็กและอ่อนแอ ภายในตระกูลไม่มีมรดกทักษะการป้องกันและวิธีการสร้างอาวุธวิเศษสำหรับป้องกันเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวมู่เฉิงก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ทักษะป้องกัน และวิธีการสร้างอาวุธวิเศษสำหรับป้องกันนั้น หายากกว่าทักษะการโจมตีอย่างแท้จริง”

พูดจบ เขาก็หยิบแผ่นหยกออกมาจากถุงเก็บของแล้วยื่นให้ “นี่คือกระบี่ป้องกันระดับหนึ่ง [กระบี่ศิลา] ที่ข้าใช้ความดีความชอบแลกมาจากสนามรบอาณาจักรฉู่หยุนเมื่อหลายปีก่อน ข้าขอมอบให้เจ้า”

“ท่านลุงโจว นี่... นี่ข้ารับไม่ได้ขอรับ”

เฉินเต้าเสวียนรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

“ทำไม? หลานชายของข้าสามารถมอบไข่มุกจิตวิญญาณวารีระดับสองอันล้ำค่าให้กับโจวซือเลี่ยงได้ แต่ข้ามอบกระบี่ป้องกันระดับหนึ่งให้กับเจ้า เจ้ากลับปฏิเสธ หรือว่าเจ้าดูถูกท่านลุงโจวผู้นี้?”

โจวมู่เฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“เต้าเสวียน ไม่กล้าขอรับ!”

เมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เฉินเต้าเสวียนย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้อีก

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมทัศนคติของโจวมู่เฉิงที่มีต่อเขา ถึงเปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละคน

หรือว่า...

เฉินเต้าเสวียนมีการคาดเดาอยู่ในใจเลือนราง แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก

เห็นเขาไม่พูด โจวมู่เฉิงจึงถามว่า “เป็นอะไรไป?”

เฉินเต้าเสวียนส่ายหน้า ยกมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า “เต้าเสวียนไม่ได้ทำคุณงามความดีใด ๆ แต่กลับได้รับความกรุณาอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ รู้สึกตื้นตันใจและหวาดหวั่นอยู่บ้างขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวมู่เฉิงก็พูดด้วยความหมายแฝงว่า “ในเมื่อเจ้าสนิทกับโจวซือเลี่ยง บุตรชายของข้า ข้าก็มองเจ้าเป็นเหมือนหลานชายคนหนึ่ง เป็นเรื่องปกติที่ผู้ใหญ่จะมอบของขวัญให้กับรุ่นเยาว์ จะมีความหวาดหวั่นใดอีก ใช่ไหมท”

เฉินเต้าเสวียนมองเขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เข้าใจความหมายโดยนัยของโจวมู่เฉิง เขายกมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า “ท่านลุงโจว ต่อไปข้าจะสนิทสนมกับน้องซือเลี่ยงให้มากขึ้น”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดีมาก หนุ่มๆ ก็ควรสนิทสนมกันไว้”

เมื่อโจวมู่เฉิงได้รับคำตอบจากเฉินเต้าเสวียน ในที่สุดเขาก็วางใจ ความพยายามอย่างหนักทั้งหมดของเขาในครั้งนี้ มันก็เพื่อหาที่พึ่งที่ดีให้กับโจวซือเลี่ยงในอนาคต

และเฉินเต้าเสวียนก็คือที่พึ่ง ที่เขามองไว้!

ราวกับต้องการตอบแทนเฉินเต้าเสวียน โจวมู่เฉิงก็บอกเป็นนัยต่อ “จากนี้ไหป ตลาดอาวุธวิเศษของผู้ฝึกตนอิสระในเมืองกวงอัน ก็เป็นของตระกูลเฉินเจ้าแล้ว”

เมื่อได้ยินคำตอบที่หนักแน่นที่สุดนี้ เฉินเต้าเสวียนก็ดีใจจนเนื้อเต้น พูดว่า “ขอบคุณที่ท่านลุงโจวเมตตา!”

“ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าท่านลุงโจวแล้ว พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจกัน”

“ขอรับ ท่านลุงโจวพูดถูกต้องที่สุด”

ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน

เรือรบหลิงซวีก็มุ่งหน้าไปยังเกาะลอยฟ้าของตระกูลหมั่วอย่างรวดเร็ว

เมื่อเทียบกับความเร็วของเรือมังกรฟ้าของตระกูลเฉินแล้ว ความเร็วในการบินของเรือรบหลิงซวีนั้นเร็วกว่าลำแสงของผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานถึงสามเท่า

และตามที่โจวมู่เฉิงกล่าว นี่ไม่ใช่ความเร็วในการบินสูงสุดของเรือรบหลิงซวี

หากเรือรบหลิงซวีบินด้วยความเร็วเต็มที่ ความเร็วจะเกือบจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตคฤหาสน์ม่วง มันสามารถข้ามผ่านระยะทางนับหมื่นลี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เร็วกว่าความเร็วของเครื่องบินรบในโลกก่อนอย่างมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด