ตอนที่แล้วบทที่ 81 สหายเต๋า สบายดีไหม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 83 ตระกูลหมั่วเอาหินจิตวิญญาณมาจากไหน?

บทที่ 82 ฆ่าจนขวัญผวา


บทที่ 82 ฆ่าจนขวัญผวา

เมื่อเห็นภาพนี้

เฉินเซียนเหอและเฉินเต้าเสวียนต่างมองหน้ากัน มุมปากเผยรอยยิ้มจางๆ

เฉินเซียนเหอก้าวไปข้างหน้า โต้ตอบกับหมั่วฉางเซิงว่า “สหายเต๋าหมั่ว ขวางทางพวกข้าเช่นนี้ เจ้ามีจุดประสงค์อันใด?”

ทางด้านหลัง

เฉินเต้าเสวียนแอบหยิบหยกบันทึกภาพออกมา เขาพยายามบันทึกหลักฐาน

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

หมั่วฉางเซิงหัวเราะลั่น “เฉินเซียนเหอ ไม่ต้องพูดมากความ วันนี้ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ร้านขายอาวุธตระกูลเฉิน เจ้าจะมอบให้ข้าหรือไม่?”

ได้ยินคำข่มขู่ที่ตรงไปตรงมานี้

เฉินเซียนเหอก็หน้าซีดลงอย่างกะทันหัน เขาพูดอย่างตึงเครียดว่า “สหายเต๋าหมั่ว อย่าได้ทำผิดพลาด ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อน ข้าแจ้งกองเรือลาดตระเวนตระกูลโจวแล้ว พวกเขากำลังเดินทางมา เจ้าคิดให้ดีๆ การปล้นฆ่าสหายเต๋ษ ถือเป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นฆ่าล้างตระกูล ตระกูลหมั่วอยากถูกฆ่าล้างตระกูลงั้นหรือ?”

ได้ยินคำว่าฆ่าล้างตระกูล ดวงตาของหมั่วฉางเซิงก็เผยความหวาดกลัวออกมาอย่างลางๆ

เห็นได้ชัดว่า

การปล้นฆ่าอาหลานเฉินเซียนเหอกลางคัน ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก

ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้ฝึกตนทุกคนที่อาศัยอยู่ในทะเลหมื่นดวงดาว ชื่อเสียงของนิกายกระบี่เฉียนหยวนนั้นยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ

“ดื้อด้าน รนหาที่ตาย!”

หมั่วฉางเซิงรู้สึกไม่สงบเล็กน้อยในใจ รีบสั่งผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วที่อยู่ด้านหลังว่า “ลงมือ!”

ได้ยินดังนั้น

ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วก็แยกย้ายกันล้อมเรือฟ้าครามของอาหลานเฉินเซียนเหอเอาไว้ทันที

คราวนี้…

อาหลานเฉินเซียนเหอย่อมหนีไม่พ้นแน่ๆ!

เมื่อเห็นว่าเฉินเซียนเหอยังคงต้องการจะพูด เฉินเต้าเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้า พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาสิบสาม ข้าบันทึกหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว”

พูดพลางยกหินบันทึกภาพในมือขึ้น

ได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอที่กำลังจะแสดงละครต่อก็รีบหุบปากทันที สั่งเสียว่า “ทุกอย่างต้องระวัง คนของตระกูลโจวน่าจะอยู่แถวนี้ เจ้าแค่ถ่วงเวลาพวกเขาไว้สักพักก็พอ”

“ท่านอาสิบสาม วางใจเถอะ”

พูดจบ เฉินเต้าเสวียนก็หยิบกระบี่หิมะบินเงาบินสองเล่มออกมาจากถุงเก็บของ

บนท้องฟ้า

เรือรบล่องหนซ่อนตัวอยู่ในก้อนเมฆ

ภายในเรือรบล่องหน โจวมู่เฉิงร่ายร่ายเวทกระจกเงาทรงกลมออกมาเบื้องหน้า

ภายในกระจกเงาทรงกลม

กำลังฉายภาพผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วกำลังปล้นอาหลานตระกูลเฉิน

เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของโจวมู่เฉิงก็เย็นชาลง เขาสั่งการว่า “รีบลงไป!”

“ขอรับ ท่านผู้ดูแล!”

บนท้องทะเล

หลังจากที่คนของตระกูลหมั่วล้อมอาหลานตระกูลเฉินเอาไว้แล้ว ต่างก็หยิบอาวุธวิเศษออกมาจากถุงเก็บของ เมื่อดูจากรูปร่างของอาวุธวิเศษแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกระบี่บิน

มีไม่ถึงสามคนที่ใช้อาวุธวิเศษรูปแบบอื่น

“ฆ่า!”

หมั่วฉางเซิงตะโกนเสียงดัง นำคนอื่นพุ่งเข้าโจมตีเฉินเต้าเสวียน

“หืม?”

ทว่าในชั่วลมหายใจต่อมา

ภายในรัศมีร้อยจั้ง ท้องทะเลก็มีฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน หยาดฝนเชื่อมต่อกับผืนน้ำ กลายเป็นม่านฝน

ฉากนี้้ ทำให้หมั่วฉางเซิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย

ขณะที่เขากำลังตกตะลึง จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังเข้ามาในหู

“อ๊า! มือข้า!”

หมั่วฉางเซิงมองตามเสียงไป เขาก็เห็นผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นเจ็ดคนหนึ่งของตระกูลหมั่ว กำลังกุมมือขวาที่ขาดสะบั้นร้องโหยหวนอยู่กลางอากาศ ร่างกายสั่นคลอน

ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้เขารักษาวิชาเหินเวหาได้อย่างยากลำบาก

“หยาดฝนนี่...”

รูม่านตาของหมั่วฉางเซิงหดเล็กลง “แย่แล้ว! เป็นปราณกระบี่!”

เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็ตะโกนออกมาทันที “หยาดฝนนี่คือปราณกระบี่ รีบใช้ยันต์ป้องกัน!”

หลังจากตะโกนเสร็จ

หมั่วฉางเซิงก็หยิบยันต์โล่ห์ทองคำออกมาหนึ่งใบ แล้วเปิดใช้งาน

ทันใดนั้น

แสงสีทองก็ห่อหุ้มหมั่วฉางเซิงเอาไว้ ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที

ยันต์โล่ห์ทองคำเป็นยันต์ระดับหนึ่งขั้นสูง ภายในมีอักขระเวทย์ป้องกันที่เรียกว่าโล่ห์ทองคำ

ในบรรดายันต์ทั้งหมด โล่ห์ทองคำมีพลังป้องกันเป็นเลิศ มันมีพลังป้องกันแข็งแกร่งกว่ายันต์น้ำแข็งในมือของเฉินเต้าเสวียนเกือบสองเท่า

โดยทั่วไปแล้ว

หลังจากที่ผู้ฝึกตนใช้โล่ห์ทองคำแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นเก้า ก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ในชั่วขณะหนึ่ง

แต่หมั่วฉางเซิงกลับพบด้วยความตกใจว่า

โล่ห์ทองคำที่สร้างจากยันต์ มันกำลังสั่นคลอนภายใต้การกัดเซาะของปราณกระบี่หยาดฝน ดูเหมือนว่าจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ในชั่วลมหายใจต่อมา

เฉินเต้าเสวียนเห็นว่า พวกเขาค้นพบความลับของปราณกระบี่หยาดฝนแล้ว เขาก็ไม่คิดจะลอบโจมตีอีกต่อไป เขาใช้วิชากระบี่ไล่ล่าสายลมฝนโปรยปรายออกมาอย่างเต็มกำลัง!

ในชั่วพริบตา

ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายเจ็ดคนของตระกูลหมั่วก็ถูกเขาสังหารในทันที ร่างกายถูกปราณกระบี่ฉีกเป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อปะปนกับแขนขาที่ขาดกระเด็น ตกลงไปในทะเลหมื่นดวงดาว

เลือดเนื้อย้อมน้ำทะเล ให้กลายเป็นสีแดงสดอย่างน่าหวาดกลัว!

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้

หมั่วฉางเซิงไม่มีเวลาดูแลคนอื่น เขาเองก็รักษาตัวเองไว้ได้ยาก เมื่อเห็นโล่ห์ทองคำที่กำลังสั่นคลอน หมั่วฉางเซิงก็ตัดสินใจ ควบคุมกระบี่บิน พุ่งเข้าโจมตีเฉินเต้าเสวียน

เขารู้ว่าวิธีเดียวที่จะพลิกสถานการณ์ได้ คือการสังหารเฉินเต้าเสวียนก่อนที่โล่ห์ทองคำจะถูกทำลาย

ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าเฉินเต้าเสวียนจะมีวิถีกระบี่ที่ไร้เทียมทานอย่างเดียว แต่ความสามารถในการป้องกันกลับไม่เพียงพอ

มิฉะนั้น ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วสิบเก้าคนในวันนี้ คงต้องตายที่นี่ทั้งหมด!

แน่นอนว่า หมั่วฉางเซิงไม่มีทางรู้ว่าเขาเดาจุดอ่อนของเฉินเต้าเสวียนถูก

เทียบกับพลังโจมตีของเขาแล้ว วิธีการป้องกันของเฉินเต้าเสวียนคือจุดอ่อนที่สุดของเขา

ในแง่ของวิธีการป้องกัน เฉินเต้าเสวียนไม่ได้เหนือกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายทั่วไปมากนัก

แต่ทว่า…

ในบางครั้ง การรุกก็เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด อย่างเช่นในตอนนี้

แสงกระบี่ของหมั่วฉางเซิงฉีกม่านฝน พุ่งเข้าใส่เฉินเต้าเสวียน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แสงกระบี่ของเขาจะเข้าใกล้เฉินเต้าเสวียนในระยะสิบจั้ง รอยสีขาวที่น่าสะพรึงกลัวกว่าก็วาบผ่านไป

รอยสีขาวแทงทะลุแสงกระบี่ของหมั่วฉางเซิงในทันที

ทำให้กระบี่บินของเขาร้องครวญครางและบินกลับไป

“นี่มัน...”

หมั่วฉางเซิงมองดูฉากตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่นอย่างที่สุด ทันใดนั้น ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็เข้ามาโจมตีเขา

“สหายเต๋า ได้โปรดไว้ชีวิต...”

ก่อนจะพูดจบ รอยสีขาวที่น่าสะพรึงกลัวก็ฉีกโล่ห์ทองคำที่ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันทรงกลมราวกับแทงทะลุฟองสบู่

จากนั้นรอยสีขาวก็เปลี่ยนทิศทาง

กะโหลกศีรษะของหมั่วฉางเซิงก็ร่วงหล่นลงสู่ทะเล พร้อมกับร่างกายที่แตกสลายของเขา

“ผู้... ผู้นำตายแล้ว! ผู้นำตระกูลตายแล้ว!!”

ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมา

ทันใดนั้น ความกล้าหาญในการต่อต้านของผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วก็พังทลายลงในทันที

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันมาจนถึงตอนนี้ พูดว่าช้าก็ช้า พูดว่าเร็วมันก็เร็ว…

ยกเว้นหมั่วฉางเซิง ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วคนอื่นๆ ยังไม่สามารถฉีกปราณกระบี่ม่านฝนได้ด้วยซ้ำ ยันต์ป้องกันของตัวเองกลับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

ถ้าเฉินเต้าเสวียนไม่ได้จงใจเก็บแรงไว้เล็กน้อย ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วสิบกว่าคนนี้ คงต้องตายคาที่ทั้งหมด

ถึงอย่างนั้น

ตอนที่เฉินเต้าเสวียนเก็บวิชากระบี่ไล่ล่าสายลมฝนโปรยปรายกลับไป ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วที่ยังยืนอยู่บนท้องฟ้าอย่างปลอดภัย ก็เหลือเพียงหมั่วหยูฉิงคนเดียว

ส่วนคนอื่นๆ ไม่แขนขาดก็ขาขาด

คนที่แขนขาขาดยังถือว่าโชคดี อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้

ที่น่าอนาถยิ่งกว่าคือ ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วสิบเอ็ดคนที่ตกลงไปในทะเล พวกเขาถูกเฉือนเป็นชิ้นเนื้อ ตายอย่างน่าสยดสยอง

“จะ... เจ้า... เจ้า...”

หมั่วหยูฉิงที่เดิมทีหน้าซีดอยู่แล้ว ก็ยิ่งหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นภาพนี้ เขายกนิ้วชี้ไปที่เฉินเต้าเสวียน พูดตะกุกตะกักอยู่นานก็พูดไม่ออก

ส่วนผู้ฝึกตนชุดดำที่นำพวกเขามาติดตาม เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

เฉินเต้าเสวียนได้กลิ่นฉุนของปัสสาวะ

ผู้ฝึกตนชุดดำคนนี้ ผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ กลับกลัวจนฉี่ราดกางเกงในเวลานี้ นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง

ทั้งสองคนนี้ เป็นคนที่เฉินเต้าเสวียนจงใจเก็บไว้ มิฉะนั้น อย่าว่าแต่หมั่วหยูฉิง แค่ผู้ฝึกตนชุดดำที่มีระดับพลังเพียงขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นห้า เขาคงจะต้านทานปราณกระบี่ของเฉินเต้าเสวียนแม้แต่ครั้งเดียวยังไม่ได้

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้อย่างปลอดภัยด้วยซ้ำ!

การต่อสู้ครั้งนี้… ไม่สิ ควรเรียกว่าการสังหารหมู่ครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้เวลาไม่ถึงสามลมหายใจ

หลังจากการต่อสู้

ผู้นำตระกูลหมั่วถูกตัดหัว ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วสิบเอ็ดคนกลายเป็นชิ้นส่วน ร่างกายกระจัดกระจายไปทั่วทะเล ผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วที่เหลืออีกเจ็ดคน ยกเว้นหมั่วหยูฉิง ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

แม้ว่าหมั่วหยูฉิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ในเวลานี้เขากลับหวาดผวาจนขวัญเสีย สิ่งเดียวที่เขาคิดในตอนนี้คือ… การมีชีวิตอยู่ต่อไป!

มีเพียงในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตายเท่านั้น ที่เขาจะรู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่เงินทอง

แต่เป็นชีวิต!

ทว่าในเวลานี้เอง

จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังมาจากท้องฟ้า เรือรบล่องหนลำหนึ่งพุ่งทะยานลงมาจากท้องนภาในทันที

ใครจะรู้

เมื่อหมั่วหยูฉิงเห็นเรือรบล่องหน เขาก็เหมือนกับคนที่กำลังจะจมน้ำคว้าฟางเส้นสุดท้ายได้

เขาชี้นิ้วไปที่เฉินเต้าเสวียน ร้องไห้อย่างน่าเวทนาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแหลมสูงว่า “ฆ่าคน! เขาฆ่าคน! ช่วยด้วย! ท่านผู้อาวุโสช่วยด้วย!!!”

เฉินเต้าเสวียน “...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด