บทที่ 81 สหายเต๋า สบายดีไหม
บทที่ 81 สหายเต๋า สบายดีไหม
ท่าเรือเมืองกวงอัน
เฉินเต้าเสวียนมองดูแร่จิตวิญญาณถูกขนขึ้นเรือบรรทุกสินค้ามังกรฟ้าทีละคันรถ เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ท่านอาสิบสาม ท่านว่าตระกูลหมั่วจะติดกับเราไหม?”
เมื่อถึงเวลาลงมือ เฉินเต้าเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจ
ตระกูลเฉินวางแผนอย่างรอบคอบมากขนาดนี้ หากตระกูลหมั่วไม่มา พวกเขาก็คงเสียแรงเปล่า
เฉินเซียนเหอค่อนข้างมั่นใจ ตบไหล่เฉินเต้าเสวียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเขาต้องมาแน่นอน เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่า ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณที่อายุเกือบหกสิบปี จะโหยหาขอบเขตสร้างรากฐานมากแค่ไหน!”
และเฉินเซียนเหอ ยังมีคำพูดที่ไม่ได้พูดออกมาอีก
ในตอนนั้น ข้าก็เคยโหยหาหรือสิ้นหวังแบบนี้มาก่อน…
เฉินเต้าเสวียนมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง ปัจจุบันตระกูลเฉินก็ไม่ขาดแคลนทรัพยากร สำหรับเขาแล้ว การไปถึงขอบเขตสร้างรากฐานในอนาคต มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
แน่นอน เฉินเต้าเสวียนย่อมไม่เข้าใจคนที่ไม่สามารถไปถึงขอบเขตสร้างรากฐาน หรือแม้แต่คนที่อยู่ห่างจากขอบเขตสร้างรากฐานเพียงก้าวเดียว ลองคิดดู พวกเขาจะสิ้นหวังและบ้าคลั่งแค่ไหน?
…
ในตอนนี้ ทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลหมื่นดวงดาว
กองเรือลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่บนท้องทะเลสีคราม
นอกจากเรือมังกรฟ้าจะบรรทุกเสบียงที่ตระกูลเฉินซื้อมาแล้ว เรือฟ้าครามที่เป็นผู้นำ ยังบรรทุกทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนชุดใหม่ด้วย
เพียงแต่ทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนที่ซื้อมาในครั้งนี้ น้อยกว่าที่เฉินเต้าเสวียนซื้อในครั้งแรกมาก
เหตุผลก็คือ…
ไม่ใช่ว่าตระกูลเฉินไม่มีเงินซื้อ แต่ทาสสตรีในเมืองกวงอันส่วนใหญ่ถูกขายไปหมดแล้ว
บวกกับเรือขนส่งทรัพยากรแนวหน้ายังไม่มา
เพราะเรื่องนี้ ทำให้ราคาทาสสตรีในเมืองกวงอันช่วงนี้จึงสูงขึ้นมาก เกือบจะแตะระดับราคาที่น่ากลัวถึงสองหินจิตวิญญาณต่อหนึ่งคน
ด้วยราคาที่แพงเช่นนี้ ตระกูลเฉินจึงไม่เต็มใจที่จะซื้อมาจำนวนมาก เหมือนครั้งที่แล้ว
ประกอบกับทาสสตรีที่ดูดีถูกคนอื่นเลือกไปหมดแล้ว ครั้งนี้เฉินเต้าเสวียนจึงซื้อทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนมาเพียงพันกว่าคนเท่านั้น
ต้องบอกเลยว่า กว่าหนึ่งปีมานี้…
สมาชิกตระกูลเฉินผู้ชายที่เป็นปุถุชนบนเกาะซวงหู ต่างใช้ชีวิตอยู่ในความสุขและความทุกข์ทรมาน
ในตอนแรกพวกเขารู้สึกมีความสุข ต่อมาพวกเขาก็ค่อนข้างทรมาน!
เฉินเต้าเสวียนพบเห็นว่า ชายฉกรรจ์ในตระกูลหลายคนเดินเอามือกุมเอวขณะเดินอยู่บ่อยครั้ง…
ในเวลานี้้ ทั้งสองยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือฟ้าคราม
เฉินเซียนเหอมองไปที่ห้องโดยสารด้านหลังอย่างลังเลแล้วพูดว่า “เต้าเสวียน พวกเราควรจะชะลอการซื้อทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนก่อนดีไหม? ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ข้ากลัวว่าร่างกายของคนในตระกูลจะทนไม่ไหว!”
เฉินเซียนเหอลูบเคราพลางพูดเกลี้ยกล่อม
ได้ยินดังนั้น เฉินเต้าเสวียนเหลือบมองไปที่ห้องโดยสาร พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าซื้อยาบำรุงร่างกายจำนวนมากมาให้คนในตระกูลแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรอีก”
“...”
ได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็เกือบจะดึงเคราตัวเองขาด
ตอนนี้เขาค่อนข้างดีใจที่ตัวเองเป็นผู้ฝึกตน ไม่ใช่ปุถุชนของตระกูลเฉิน
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสบายๆ
เบื้องหน้ามีเรือลำใหญ่แล่นตรงมาที่พวกเขาอย่างเลือนราง
เรือลำใหญ่นี้แล่นด้วยความเร็วสูงมาก ในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป พวกเขาก็เข้าใกล้กองเรือของตระกูลเฉินแล้ว
อาหลานตระกูลเฉินสั่งให้กองเรือหลบ
ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเล็งกองเรือของตระกูลเฉินไว้แล้ว ตั้งใจบังคับเรือเข้ามาใกล้กองเรือของตระกูลเฉิน
เมื่อเห็นภาพนี้
เฉินเต้าเสวียนและเฉินเซียนเหอก็เดาได้ลางๆ อยู่ในใจ
ทั้งสองกวาดจิตสำนึกออกไป
ทั้งสองก็พบว่า มีผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณอยู่บนเรือของอีกฝ่ายถึงยี่สิบคน
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากผู้ฝึกตนชุดดำคนนั้นแล้ว ขอบเขตบำเพ็ญเพียรปลูกของคนอื่นๆ ล้วนอยู่ในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายทั้งสิ้น!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในบรรดาผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วเหล่านี้ แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุด พวกเขาก็บรรลุถึงขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นเจ็ดแล้ว
“ทำไมคนของตระกูลหมั่วถึงวิ่งมาอยู่ข้างหน้าพวกเราได้?”
เฉินเต้าเสวียนมองไปที่เฉินเซียนเหอแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ
เฉินเซียนเหอส่ายหน้า ตอบย่างเคร่งขรึมว่า “ในโลกแห่งการฝึกตน วิธีการติดตามมีมากมายแปลกประหลาด ไม่แปลกที่พวกเขาจะสามารถรอพวกเราอยู่ระหว่างทางได้”
เห็นได้ชัดว่า
เฉินเซียนเหอเคยเห็นวิธีการติดตามที่แปลกประหลาดบางอย่างมาบ้างแล้ว
พูดจบ เขาก็ย้ำเตือนว่า “อีกสักพักเจ้าต้องระวังตัวหน่อย ระมัดระวังผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วสิ้นหวังจนทำร้ายเจ้า!”
ได้ยินดังนั้น เฉินเต้าเสวียนก็เม้มปาก
เขาไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเขา พูดตามตรง สำหรับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เฉินเต้าเสวียนเองก็ไม่รู้แน่ชัด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นคือความแข็งแกร่งของเขา ในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณนั้น ถือว่าอยู่ใกล้เคียงกับอยู่ยงคงกระพัน!
นับตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรมา
เฉินเต้าเสวียนเรียนรู้วิชากระบี่เพียงสองวิชา คือ “กระบี่ไล่ล่าสายลม” และ “กระบี่ฝนโปรย”
โดยทั่วไปแล้ว
ศิษย์lสายนอกของนิกายกระบี่เฉียนหยวนในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ ต้องฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่ง เช่น "กระบี่ไล่ล่าสายลม" หรือ "กระบี่ฝนโปรย" จนถึงขั้นสำเร็จยิ่งใหญ่ จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์
ส่วนศิษย์สายใน นอกจากข้อกำหนดด้านรากจิตวิญญาณแล้ว ยังต้องฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่งอย่างน้อยสองวิชา จนถึงขั้นสำเร็จยิ่งใหญ่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
แม้แต่นิกายกระบี่เฉียนหยวน ก็จะไม่บังคับให้ศิษย์สายในฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่ง จนถึงขั้นสมบูรณ์
เพราะข้อกำหนดนี้ มันยากเกินไปสำหรับศิษย์ขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ
หากศิษย์ในคนใดสามารถฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่งจนถึงขั้นสมบูรณ์ได้ ในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ
พวกเขาก็สามารถกลายเป็นผู้สมัครศิษย์เอก ของนิกายกระบี่เฉียนหยวนได้ทันที!
เพียงแค่เลื่อนไปขอบเขตสร้างรากฐาน และเข้าใจเจตจำนงกระบี่ พวกเขาก็สามารถก้าวขึ้นเป็นศิษย์เอกได้
โจวมู่ไป๋แห่งเมืองกวงอัน หากเขาเกิดในนิกายกระบี่เฉียนหยวน เขาก็น่าจะได้เป็นศิษย์เอกคนหนึ่ง
ส่วนเฉินเต้าเสวียน เขาใช้เวลาสามเดือนในการฝึกฝน "กระบี่ไล่ล่าสายลม" จนถึงขั้นสมบูรณ์ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสามเดือนในการฝึกฝน "กระบี่ฝนโปรย" จนถึงขั้นสมบูรณ์
หลังจากนั้นก็ติดอยู่กับการหลอมรวม "กระบี่ไล่ล่าสายลม" และ "กระบี่ฝนโปรย" เป็นเวลานานถึงสี่เดือน
จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เขาได้ไปที่ศาลากวนไห่และรู้แจ้ง เขาก็เข้าใจแก่นแท้ของวิชากระบี่ไล่ล่าสายลมฝนโปรยปราย
นับแต่นั้นมา ระดับวิถีกระบี่ของเขาก็เข้าสู่ดินแดนใหม่
หลังจากนั้น… ตลอดทั้งปี
เฉินเต้าเสวียนหมกมุ่นอยู่กับการบำเพ็ญเพียรบนเกาะซวงหูทุกวัน รู้แจ้งครั้งหนึ่งทุกๆ สิบวัน ทุกครั้งที่รู้แจ้ง ระดับวิถีกระบี่ของเขาก็จะก้าวหน้าขึ้น
หลังจากรู้แจ้งมาตลอดทั้งปี เฉินเต้าเสวียนก็ไม่รู้ว่า ขอบเขตวิถีกระบี่ของตัวเองไปถึงระดับใดแล้ว?
เขารู้เพียงว่า หากเขาในตอนนี้ต้องสู้กับตัวเองเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียว!
เขารู้สึกเลือนลางว่าขอบเขตวิถีกระบี่ของตัวเอง มันกำลังเผชิญกับคอขวด
หากเขาก้าวข้ามผ่านไปได้ มันก็จะเป็นดินแดนใหม่เอี่ยม!
น่าเสียดายที่ในด้านนี้
ไม่มีบรรพบุรุษคนใดของตระกูลเฉินทิ้งคำแนะนำไว้ให้เขาเลย
เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ขอบเขตวิถีกระบี่แบ่งระดับอย่างไร?
เขารู้เพียงว่า โจวมู่ไป๋เข้าใจเจตจำนงกระบี่ในช่วงขอบเขตสร้างรากฐาน และกลายเป็นมือกระบี่!
นี่น่าจะเป็นคำอธิบายอย่างหนึ่งของขอบเขตวิถีกระบี่ละมั้ง?
เฉินเต้าเสวียนไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจเจตจำนงกระบี่หรือไม่? และเขานับเป็นมือกระบี่หรือไม่?
แต่ตามข่าวเล่าลือ เขาน่าจะยังไม่เข้าใจเจตจำนงกระบี่
เพราะมีตำนานเล่าว่า หลังจากที่ผู้ฝึกตนเข้าใจเจตจำนงกระบี่แล้ว จะเป็นการชำระล้างปราณแก่นแท้ของผู้ฝึกตนอย่างทั่วถึง เปลี่ยนปราณแก่นแท้ให้กลายเป็นปราณกระบี่ที่ไม่มีวันถูกทำลาย
และนี่คือที่มาของการที่มือกระบี่สามารถต่อสู้กับศัตรูในระดับเดียวกัน หรือแม้แต่เอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าได้
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด
เรือของอีกฝ่ายก็จอดลงไม่ไกลจากกองเรือของตระกูลเฉิน
เมื่อเห็นฉากนี้้
ตระกูลเฉินจึงต้องหยุดกองเรือ และรออยู่ที่นี่
ไม่นานนัก
ผู้ฝึกตนยี่สิบคนก็พุ่งขึ้นฟ้า ใช้ทักษะบังคับสายลม บินตรงมายังกองเรือของตระกูลเฉินทันที
ผู้ที่อยู่หน้าสุดก็คือผู้นำตระกูลหมั่ว หมั่วฉางเซิง ที่ทั้งสองเพิ่งพบหน้ากันเมื่อยี่สิบวันก่อน
ในเวลานี้
หมั่วฉางเซิงกำลังมองอาหลานตระกูลเฉินจากมุมสูง มุมปากมีรอยยิ้มเยาะเย้ย และพูดว่า “ไม่ได้เจอกันหลายวัน สหายเต๋า เจ้าสบายดีหรือไม่?”