ตอนที่แล้วบทที่ 80 เชือดไก่ให้ลิงดู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82 ฆ่าจนขวัญผวา

บทที่ 81 สหายเต๋า สบายดีไหม


บทที่ 81 สหายเต๋า สบายดีไหม

ท่าเรือเมืองกวงอัน

เฉินเต้าเสวียนมองดูแร่จิตวิญญาณถูกขนขึ้นเรือบรรทุกสินค้ามังกรฟ้าทีละคันรถ เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ท่านอาสิบสาม ท่านว่าตระกูลหมั่วจะติดกับเราไหม?”

เมื่อถึงเวลาลงมือ เฉินเต้าเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลใจ

ตระกูลเฉินวางแผนอย่างรอบคอบมากขนาดนี้ หากตระกูลหมั่วไม่มา พวกเขาก็คงเสียแรงเปล่า

เฉินเซียนเหอค่อนข้างมั่นใจ ตบไหล่เฉินเต้าเสวียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเขาต้องมาแน่นอน เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่า ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณที่อายุเกือบหกสิบปี จะโหยหาขอบเขตสร้างรากฐานมากแค่ไหน!”

และเฉินเซียนเหอ ยังมีคำพูดที่ไม่ได้พูดออกมาอีก

ในตอนนั้น ข้าก็เคยโหยหาหรือสิ้นหวังแบบนี้มาก่อน…

เฉินเต้าเสวียนมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง ปัจจุบันตระกูลเฉินก็ไม่ขาดแคลนทรัพยากร สำหรับเขาแล้ว การไปถึงขอบเขตสร้างรากฐานในอนาคต มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

แน่นอน เฉินเต้าเสวียนย่อมไม่เข้าใจคนที่ไม่สามารถไปถึงขอบเขตสร้างรากฐาน หรือแม้แต่คนที่อยู่ห่างจากขอบเขตสร้างรากฐานเพียงก้าวเดียว ลองคิดดู พวกเขาจะสิ้นหวังและบ้าคลั่งแค่ไหน?

ในตอนนี้ ทะเลทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลหมื่นดวงดาว

กองเรือลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่บนท้องทะเลสีคราม

นอกจากเรือมังกรฟ้าจะบรรทุกเสบียงที่ตระกูลเฉินซื้อมาแล้ว เรือฟ้าครามที่เป็นผู้นำ ยังบรรทุกทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนชุดใหม่ด้วย

เพียงแต่ทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนที่ซื้อมาในครั้งนี้ น้อยกว่าที่เฉินเต้าเสวียนซื้อในครั้งแรกมาก

เหตุผลก็คือ…

ไม่ใช่ว่าตระกูลเฉินไม่มีเงินซื้อ แต่ทาสสตรีในเมืองกวงอันส่วนใหญ่ถูกขายไปหมดแล้ว

บวกกับเรือขนส่งทรัพยากรแนวหน้ายังไม่มา

เพราะเรื่องนี้ ทำให้ราคาทาสสตรีในเมืองกวงอันช่วงนี้จึงสูงขึ้นมาก เกือบจะแตะระดับราคาที่น่ากลัวถึงสองหินจิตวิญญาณต่อหนึ่งคน

ด้วยราคาที่แพงเช่นนี้ ตระกูลเฉินจึงไม่เต็มใจที่จะซื้อมาจำนวนมาก เหมือนครั้งที่แล้ว

ประกอบกับทาสสตรีที่ดูดีถูกคนอื่นเลือกไปหมดแล้ว ครั้งนี้เฉินเต้าเสวียนจึงซื้อทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนมาเพียงพันกว่าคนเท่านั้น

ต้องบอกเลยว่า กว่าหนึ่งปีมานี้…

สมาชิกตระกูลเฉินผู้ชายที่เป็นปุถุชนบนเกาะซวงหู ต่างใช้ชีวิตอยู่ในความสุขและความทุกข์ทรมาน

ในตอนแรกพวกเขารู้สึกมีความสุข ต่อมาพวกเขาก็ค่อนข้างทรมาน!

เฉินเต้าเสวียนพบเห็นว่า ชายฉกรรจ์ในตระกูลหลายคนเดินเอามือกุมเอวขณะเดินอยู่บ่อยครั้ง…

ในเวลานี้้ ทั้งสองยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือฟ้าคราม

เฉินเซียนเหอมองไปที่ห้องโดยสารด้านหลังอย่างลังเลแล้วพูดว่า “เต้าเสวียน พวกเราควรจะชะลอการซื้อทาสสตรีจากอาณาจักรฉู่หยุนก่อนดีไหม? ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ข้ากลัวว่าร่างกายของคนในตระกูลจะทนไม่ไหว!”

เฉินเซียนเหอลูบเคราพลางพูดเกลี้ยกล่อม

ได้ยินดังนั้น เฉินเต้าเสวียนเหลือบมองไปที่ห้องโดยสาร พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่เป็นไร ครั้งนี้ข้าซื้อยาบำรุงร่างกายจำนวนมากมาให้คนในตระกูลแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรอีก”

“...”

ได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็เกือบจะดึงเคราตัวเองขาด

ตอนนี้เขาค่อนข้างดีใจที่ตัวเองเป็นผู้ฝึกตน ไม่ใช่ปุถุชนของตระกูลเฉิน

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสบายๆ

เบื้องหน้ามีเรือลำใหญ่แล่นตรงมาที่พวกเขาอย่างเลือนราง

เรือลำใหญ่นี้แล่นด้วยความเร็วสูงมาก ในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป พวกเขาก็เข้าใกล้กองเรือของตระกูลเฉินแล้ว

อาหลานตระกูลเฉินสั่งให้กองเรือหลบ

ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเล็งกองเรือของตระกูลเฉินไว้แล้ว ตั้งใจบังคับเรือเข้ามาใกล้กองเรือของตระกูลเฉิน

เมื่อเห็นภาพนี้

เฉินเต้าเสวียนและเฉินเซียนเหอก็เดาได้ลางๆ อยู่ในใจ

ทั้งสองกวาดจิตสำนึกออกไป

ทั้งสองก็พบว่า มีผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณอยู่บนเรือของอีกฝ่ายถึงยี่สิบคน

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากผู้ฝึกตนชุดดำคนนั้นแล้ว ขอบเขตบำเพ็ญเพียรปลูกของคนอื่นๆ ล้วนอยู่ในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นปลายทั้งสิ้น!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในบรรดาผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วเหล่านี้ แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุด พวกเขาก็บรรลุถึงขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นเจ็ดแล้ว

“ทำไมคนของตระกูลหมั่วถึงวิ่งมาอยู่ข้างหน้าพวกเราได้?”

เฉินเต้าเสวียนมองไปที่เฉินเซียนเหอแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ

เฉินเซียนเหอส่ายหน้า ตอบย่างเคร่งขรึมว่า “ในโลกแห่งการฝึกตน วิธีการติดตามมีมากมายแปลกประหลาด ไม่แปลกที่พวกเขาจะสามารถรอพวกเราอยู่ระหว่างทางได้”

เห็นได้ชัดว่า

เฉินเซียนเหอเคยเห็นวิธีการติดตามที่แปลกประหลาดบางอย่างมาบ้างแล้ว

พูดจบ เขาก็ย้ำเตือนว่า “อีกสักพักเจ้าต้องระวังตัวหน่อย ระมัดระวังผู้ฝึกตนตระกูลหมั่วสิ้นหวังจนทำร้ายเจ้า!”

ได้ยินดังนั้น เฉินเต้าเสวียนก็เม้มปาก

เขาไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเขา พูดตามตรง สำหรับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เฉินเต้าเสวียนเองก็ไม่รู้แน่ชัด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นคือความแข็งแกร่งของเขา ในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณนั้น ถือว่าอยู่ใกล้เคียงกับอยู่ยงคงกระพัน!

นับตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรมา

เฉินเต้าเสวียนเรียนรู้วิชากระบี่เพียงสองวิชา คือ “กระบี่ไล่ล่าสายลม” และ “กระบี่ฝนโปรย”

โดยทั่วไปแล้ว

ศิษย์lสายนอกของนิกายกระบี่เฉียนหยวนในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ ต้องฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่ง เช่น "กระบี่ไล่ล่าสายลม" หรือ "กระบี่ฝนโปรย" จนถึงขั้นสำเร็จยิ่งใหญ่ จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์

ส่วนศิษย์สายใน นอกจากข้อกำหนดด้านรากจิตวิญญาณแล้ว ยังต้องฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่งอย่างน้อยสองวิชา จนถึงขั้นสำเร็จยิ่งใหญ่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง

แม้แต่นิกายกระบี่เฉียนหยวน ก็จะไม่บังคับให้ศิษย์สายในฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่ง จนถึงขั้นสมบูรณ์

เพราะข้อกำหนดนี้ มันยากเกินไปสำหรับศิษย์ขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ

หากศิษย์ในคนใดสามารถฝึกฝนวิชากระบี่ระดับหนึ่งจนถึงขั้นสมบูรณ์ได้ ในขอบเขตหลอมรวมพลังปราณ

พวกเขาก็สามารถกลายเป็นผู้สมัครศิษย์เอก ของนิกายกระบี่เฉียนหยวนได้ทันที!

เพียงแค่เลื่อนไปขอบเขตสร้างรากฐาน และเข้าใจเจตจำนงกระบี่ พวกเขาก็สามารถก้าวขึ้นเป็นศิษย์เอกได้

โจวมู่ไป๋แห่งเมืองกวงอัน หากเขาเกิดในนิกายกระบี่เฉียนหยวน เขาก็น่าจะได้เป็นศิษย์เอกคนหนึ่ง

ส่วนเฉินเต้าเสวียน เขาใช้เวลาสามเดือนในการฝึกฝน "กระบี่ไล่ล่าสายลม" จนถึงขั้นสมบูรณ์ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสามเดือนในการฝึกฝน "กระบี่ฝนโปรย" จนถึงขั้นสมบูรณ์

หลังจากนั้นก็ติดอยู่กับการหลอมรวม "กระบี่ไล่ล่าสายลม" และ "กระบี่ฝนโปรย" เป็นเวลานานถึงสี่เดือน

จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เขาได้ไปที่ศาลากวนไห่และรู้แจ้ง เขาก็เข้าใจแก่นแท้ของวิชากระบี่ไล่ล่าสายลมฝนโปรยปราย

นับแต่นั้นมา ระดับวิถีกระบี่ของเขาก็เข้าสู่ดินแดนใหม่

หลังจากนั้น… ตลอดทั้งปี

เฉินเต้าเสวียนหมกมุ่นอยู่กับการบำเพ็ญเพียรบนเกาะซวงหูทุกวัน รู้แจ้งครั้งหนึ่งทุกๆ สิบวัน ทุกครั้งที่รู้แจ้ง ระดับวิถีกระบี่ของเขาก็จะก้าวหน้าขึ้น

หลังจากรู้แจ้งมาตลอดทั้งปี เฉินเต้าเสวียนก็ไม่รู้ว่า ขอบเขตวิถีกระบี่ของตัวเองไปถึงระดับใดแล้ว?

เขารู้เพียงว่า หากเขาในตอนนี้ต้องสู้กับตัวเองเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียว!

เขารู้สึกเลือนลางว่าขอบเขตวิถีกระบี่ของตัวเอง มันกำลังเผชิญกับคอขวด

หากเขาก้าวข้ามผ่านไปได้ มันก็จะเป็นดินแดนใหม่เอี่ยม!

น่าเสียดายที่ในด้านนี้

ไม่มีบรรพบุรุษคนใดของตระกูลเฉินทิ้งคำแนะนำไว้ให้เขาเลย

เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ขอบเขตวิถีกระบี่แบ่งระดับอย่างไร?

เขารู้เพียงว่า โจวมู่ไป๋เข้าใจเจตจำนงกระบี่ในช่วงขอบเขตสร้างรากฐาน และกลายเป็นมือกระบี่!

นี่น่าจะเป็นคำอธิบายอย่างหนึ่งของขอบเขตวิถีกระบี่ละมั้ง?

เฉินเต้าเสวียนไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจเจตจำนงกระบี่หรือไม่? และเขานับเป็นมือกระบี่หรือไม่?

แต่ตามข่าวเล่าลือ เขาน่าจะยังไม่เข้าใจเจตจำนงกระบี่

เพราะมีตำนานเล่าว่า หลังจากที่ผู้ฝึกตนเข้าใจเจตจำนงกระบี่แล้ว จะเป็นการชำระล้างปราณแก่นแท้ของผู้ฝึกตนอย่างทั่วถึง เปลี่ยนปราณแก่นแท้ให้กลายเป็นปราณกระบี่ที่ไม่มีวันถูกทำลาย

และนี่คือที่มาของการที่มือกระบี่สามารถต่อสู้กับศัตรูในระดับเดียวกัน หรือแม้แต่เอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าได้

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด

เรือของอีกฝ่ายก็จอดลงไม่ไกลจากกองเรือของตระกูลเฉิน

เมื่อเห็นฉากนี้้

ตระกูลเฉินจึงต้องหยุดกองเรือ และรออยู่ที่นี่

ไม่นานนัก

ผู้ฝึกตนยี่สิบคนก็พุ่งขึ้นฟ้า ใช้ทักษะบังคับสายลม บินตรงมายังกองเรือของตระกูลเฉินทันที

ผู้ที่อยู่หน้าสุดก็คือผู้นำตระกูลหมั่ว หมั่วฉางเซิง ที่ทั้งสองเพิ่งพบหน้ากันเมื่อยี่สิบวันก่อน

ในเวลานี้

หมั่วฉางเซิงกำลังมองอาหลานตระกูลเฉินจากมุมสูง มุมปากมีรอยยิ้มเยาะเย้ย และพูดว่า “ไม่ได้เจอกันหลายวัน สหายเต๋า เจ้าสบายดีหรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด