บทที่ 332: คิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ? ผู้นำเห็นด้วย!
ในเวลาต่อมาฉินหลินยังได้มอบหน้าที่ดูแลความร่วมมือกับบริษัทเครื่องดื่มเหล่านี้ให้กับเฉิ่นลี่เอาไปทำต่อ ตัวเขาที่เป็นเจ้าของบริษัทย่อมไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองอยู่แล้ว
เวลาผ่านไป
พริบตาเดียวก็เข้าสู่ครึ่งเดือนธันวาคม
พื้นที่ปลูกบ้านไร่ชิงหลิน
ฉินหลินกับหลี่ไข่มาถึงแปลงที่บุกเบิกขึ้นใหม่ด้วยกัน
หลี่ไข่นั่งยอง ๆ และสังเกตการณ์ก่อนจะพูดว่า “น้องฉิน หลังจากเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ชุดนี้แล้วก็จะมีมากพอต่อการส่งเสริมการปลูกจำนวนมาก เมื่อเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ชุดที่สองในอีกไม่กี่วันนายก็สามารถใช้มันปลูกชุดแรกได้เลย…”
“คับ” ฉินหลินเฝ้าดูอวี้สุ่ยหยอดเมล็ดพันธุ์พืชลงดินทีละเม็ด
เมล็ดพันธุ์เหล่านี้คือเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศเลเวล 1 นั่นเอง
เมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้ดังกล่าวบวกกับเมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้จากแปลงทดลอง มะเขือเทศ 1 ลูกมีเมล็ดอยู่มากมาย ดังนั้นตอนนี้จึงมีเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศเลเวล 1 ที่เก็บเกี่ยวไว้แล้วเป็นจำนวนมาก
ซึ่งยิ่งเอาไปปลูกขยายพันธุ์ก็ยิ่งเก็บเมล็ดต่อได้อีกเพียบ
หลังจากที่อวี้สุ่ยเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์จากมะเขือเทศชุดนี้แล้ว สวนมะเขือเทศที่เข้าร่วมกับบริษัทชิงหลินฟู้ดก็จะได้ปลูกมะเขือเทศเลเวล 1 นี้ภายใน 3 เดือน
การเก็บเมล็ดพันธุ์ของมะเขือเทศนี้มันจะไม่เสื่อมคุณภาพลงในรุ่นต่อไป เพราะพวกมันเป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ในโลกจริงไม่ใช่ในเกมจึงสามารถดำรงค์ไว้ซึ่งคุณภาพเดิมต่อไปได้
ดังนั้นเมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้ในช่วงแรก ๆ นี้เขาจึงมีแผนจะให้สวนมะเขือเทศของฉินหลงลองปลูกนำร่องดูก่อน แล้วค่อยเอาผลผลิตมะเขือเทศเลเวล 1 ที่ได้ชุดแรกนี้ให้บริษัทชิงหลินฟู้ดไปทำซอสมะเขือเทศดู
ขณะที่เขากำลังคิด ๆ อยู่นั้นเองจู่ ๆ มือถือก็ดังขึ้น ซึ่งก็คือฉินหลงโทรมา เขารีบรับสายทันที “มาถึงแล้วเหรอพี่หลง?”
แล้วฉินหลินก็ไปที่บริเวณออฟฟิศของบ้านไร่ชิงหลิน เมื่อมาถึงก็เห็นแม่ของตนกำลังให้การต้อนรับฉินหลงอยู่
ที่บ้านไร่ได้จัดหางานที่สบาย ๆ ให้แม่เขาได้ทำ ดังนั้นจึงค่อนข้างมีเวลาว่างเยอะกว่าคนอื่น และเมื่อมีคนที่มีความสัมพันธ์อันดีจากบ้านเกิดมาหาเธอจึงได้ออกมาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยตัวเอง
บางครั้งเธอยังโทรไปชวนให้ภรรยาของฉินต้าซานกับฉินสุ่ยเกินมาเที่ยวบ้านไร่และให้การต้อนรับอีกฝ่ายอย่างดีด้วย
ในอดีตครอบครัวของอีกฝ่ายช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด และตอนนี้ต่อให้ลูกชายเธอจะประสบความสำเร็จมากแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงติดต่อกับอีกฝ่ายและไปเที่ยวทำกิจกรรมอะไรด้วยกันแบบผู้หญิง ๆ
ถัดจากฉินหลงคือซานซานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหลี่เจียเหวินที่ตอนนี้เป็นแฟนของฉินหลง
หลินเฟินจับมือซานซานพลางชื่นชม “ต้าหลงนี่ได้แฟนสวยจัง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเสน่ห์ ครั้งนี้เธอรสนิยมดีมากเลยนะ”
คำชมนี้ทำให้ซานซานค่อนข้างเขินอาย
แต่คำชมจากญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งแฟนนั้นก็ทำให้เธอมีความสุขได้ตลอดจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานฉินหลินก็มาถึง
ฉินหลงทักทายฉินหลินทันทีด้วยท่าทีที่ให้ความเคารพและจริงจัง
แม้ว่าพวกเขาจะมาจากหมู่บ้านเดียวกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ตาม แต่ตอนนี้เขายังต้องอาศัยฉินหลินเพื่อหาเลี้ยงชีพ และด้วยความช่วยเหลือของฉินหลินจึงทำให้สวนของเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ในสถานที่อย่างอำเภอโหยวเฉิงเวลาไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเรียกคุณฉิน ๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เสื้อผ้า และพ่อแม่ เราไม่สามารถถือได้ว่ามีความสัมพันธ์อันดีเพียงเพราะเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
แม้แต่ระหว่างสามีภรรยาเองบางครั้งก็ยังคิดแบบนั้นไม่ได้เลย ไม่งั้นล่ะก็ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องหย่ากันชัวร์ ๆ
ดังนั้นเวลาจะทำอะไรก็ต้องมีทัศนคติที่เหมาะสม
ฉินหลินทักทายฉินหลงตอบและเขาก็รู้สึกถึงทัศนคติของฉินหลงที่ให้ความเคารพแก่ตนอยู่
เรื่องนี้แม้ไม่อยากแต่ก็ช่วยไม่ได้
ซึ่งไม่ใช่แค่ฉินหลงที่เป็นแบบนี้แม้แต่ฉินเหรินเองก็ด้วย
นี่เป็นเพราะช่องว่างด้านสถานะทางสังคมที่เริ่มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องแบบนี้จึงได้เกิดขึ้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ต่อให้ตนเองจะไม่สนใจแค่ไหนก็ตามแต่ก็ไม่อาจส่งผลให้ยับยั้งความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ให้มันเกิด
เมื่อหลินเฟินเห็นฉินหลินมาแล้วเธอก็บอกว่า “เสี่ยวหลินมาต้อนรับฉินหลงกับซานซานต่อที เดี๋ยวแม่จะพาวั่งไฉกะเสี่ยวเสว่ไปเดินเล่นก่อน”
ฉินหลินพาฉินหลงกับซานซานไปเดินเที่ยวรอบ ๆ บ้านไร่
ฉินหลงรู้ว่าที่ฉินหลินเรียกให้ตนเองมาที่นี่จะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่ ดังนั้นเขาจึงถามขณะที่กำลังเดิน “ฉินหลิน ทำไมถึงได้โทรเรียกมาเหรอ”
ฉินหลินพยักหน้าและกล่าวว่า “ทางเรามีมะเขือเทศพันธุ์ใหม่ที่อยากจะปลูกอยู่น่ะ ผมเลยอยากให้สวนของพี่ปลูกก่อนเป็นที่แรก เด๋วจะมีคนเอาเมล็ดพันธุ์ไปให้นะ”
ฉินหลงพยักหน้าทันที “ถ้าได้เมล็ดพันธุ์มาแล้วฉันจะให้คนเอาไปปลูกโดยเร็วที่สุดเลย”
เมื่อได้ยินที่ฉินหลินบอกฉินหลงก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่งยวด เขารู้ว่าการที่ฉินหลินโทรเรียกให้ตนเองมาคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะนั้นแปลว่ามะเขือเทศพันธุ์ใหม่นี้จะต้องมีความสำคัญมาก
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องให้ความสนใจ
ในขณะที่สนทนากันอยู่นั้นเองฉินหลินก็ได้รับโทรศัพท์จากรัฐมนตรีหลู่
ภายนอกของคฤหาสน์ชิงหลิน
มีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดและรัฐมนตรีหลู่ก็ลงจากรถพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่กำลังถือสายอยู่และคุยกับปลายสาย “เถ้าแก่ฉิน เดี๋ยวผมพาคนเข้าไปเช็กอินในคฤหาสน์ก่อน ไว้เสร็จแล้วคุณค่อยมาหาก็ได้”
ในรถมีผู้เฒ่าอีกสองคนตามลงมา คนหนึ่งผมขาวส่วนอีกคนหัวล้าน
รัฐมนตรีหลู่วางสายแล้วพูดกับชายชราทั้งสอง “เชิญข้างในก่อนครับหยวนชื่อทั้งสอง!”
หยวนชื่อทั้งสองนี้เป็นหนึ่งในคนคนกลุ่มแรกที่ถูกจัดสรรให้มาพักฟื้นที่คฤหาสน์ชิงหลิน และสองคนนี้ก็เป็นคนแรกที่วิ่งมาหาเขาก่อนใครเพื่อน
ตามระเบียบการพักฟื้นคือวันนี้หลี่หยวนชื่อกับศาสตราจารย์เหรินจะต้องกลับได้แล้ว
ทว่าอาการของหลี่หยวนชื่อนั้นพิเศษเกินไป และศาสตราจารย์เหรินเองก็ยังคงต้องให้ความสนใจกับน้ำยาเสริมสร้างร่างกายที่ห้องแล็บชิงหลิน มันเป็นงานนอกเวลาซึ่งเบียดเบียนเวลาพักฟื้นบางส่วนทำให้กลายเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่ยังต้องอยู่ต่อ
ทำให้รอบนี้จึงมีหยวนชื่อ 3 คนและศาสตราจารย์อีก 1 คนเข้าพักฟื้นที่คฤหาสน์ชิงหลินในรอบนี้
“อากาศดีจริง ๆ”
“ทิวทัศน์ก็ดีด้วย หลี่หยวนชื่อไม่ได้โกหก”
หยวนชื่อทั้งสองเริ่มพูดคุยกันทันทีที่เดินเข้าไปในคฤหาสน์
ทั้งคู่ต่างก็เป็นเพื่อนสนิทของหลี่หยวนชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าได้เห็นการขิงของหลี่หยวนชื่อเรื่องคฤหาสน์ชิงหลินมานานเกินรอแล้ว
แล้วตอนนี้เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองก็รับรู้ได้เลยว่าที่หลี่หยวนชื่อขิงใส่มาโดยตลอดนั้นเป็นเรื่องจริง
รัฐมนตรีหลู่นำหยวนชื่อทั้งสองเข้าไปในล็อบบี้ของคฤหาสน์
ครู่ต่อมาฉินหลินก็มาถึงและพบกับรัฐมนตรีหลู่และหยวนชื่อทั้งสอง
รัฐมนตรีหลู่ได้แนะนำหยวนชื่อทั้งสองให้รู้จักกับฉินหลิน คนหนึ่งคือหลินหยวนชื่อ และอีกคนคือฉู่หยวนชื่อ
ทั้งคู่เป็นคนรุ่นเดียวกันกับหลี่หยวนชื่อ และทั้งคู่เองก็มีส่วนร่วมในการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ
นอกจากนี้ฉู่หยวนชื่อยังเคยมีส่วนร่วมในการวิจัยเกี่ยวกับอาวุธพิชิตชัย 2 ประเภทด้วย
ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนั้นคือสิ่งที่สามารถสร้างเมฆรูปเห็ดก้อนบักเอ้กได้
ฉินหลินเคารพผู้อาวุโสดังกล่าวเป็นอย่างมากและได้ทำการลงทะเบียนเช็กอินและจัดเตรียมการสำหรับหยวนชื่อทั้งสองให้ด้วยตัวเอง
สำหรับการต้อนรับต่อ ๆ ไปนั้นเดี๋ยวหลี่หยวนชื่อกับศาสตราจารย์เหรินจะเข้ามารับช่วงต่อหลังจากทราบเรื่อง
แล้วตอนนี้รัฐมนตรีหลู่ก็ได้พูดกับฉินหลิน “เถ้าแก่ฉิน ผมได้รับคำสั่งจากท่านผู้นำให้มาหารือกับคุณเรื่องหนึ่งน่ะ”
ฉินหลินพยักหน้าและพารัฐมนตรีหลู่ไปที่ห้องทำงาน
หลังจากที่ฉินหลินพารัฐมนตรีหลู่เข้ามาที่ห้องทำงานแล้วเขาก็ชงชาให้อีกฝ่ายก่อนจะถามว่า “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับท่านรัฐมนตรี”
รัฐมนตรีหลู่ยิ้มและตอบว่า “จริง ๆ แล้วผู้นำกำลังกังวลถึงเรื่องที่ห้องแล็บชิงหลินของคุณทำมากเชียวล่ะ เรื่องที่ห้องแล็บชิงหลินเรียกเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มมากมายให้มาหาก่อนหน้านี้ ผู้นำของผมค่อนข้างอยากที่จะรู้เรื่องนี้น่ะครับ”
ฉินหลินได้ยินคำตอบก็อึ้งไปเลย เพราะเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการกระทำของตนเองที่คิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่จะไปเตะตาคนเบื้องบนได้
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นจากที่กล่าวมาข้างต้นไม่เพียงแต่ให้ความสนใจต่อตนเท่านั้น แต่ยังให้ความสนใจกับหลาย ๆ บริษัทในเวลาเดียวกันด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสามารถได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
นอกจากกลุ่มทุนใหญ่ทั้งหลายแล้วพวกทีจะสามารถดึงดูดความสนใจได้คืออุตสาหกรรมใหม่ ๆ และกลุ่มที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็คือติ๊กต็อก
ติ๊กต็อกนั้นดำเนินการอย่างชาญฉลาด ให้ทำอะไรก็ยอม แทบจะกลายเป็นกระบอกเสียงระดับสูงที่ให้การส่งเสริมการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
ไม่ว่าพวกเน็ตไอดอลเหล่านั้นจะส่งผลเสียต่อผู้คนในสังคมมากน้อยเพียงใดก็ตาม ทว่าโดยรวมแล้วกลับเป็นเพราะติ๊กต็อกนี่เองที่ทำให้ความรักชาติโดยรวมของผู้คนในสังคมเพิ่มมากขึ้น
จะเห็นได้จากภัยพิบัติในครั้งก่อน ๆ ว่าติ๊กต็อกนี่แหละที่เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนทั้งหมด
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแพลตฟอร์มดังกล่าวถึงได้รับความนิยมมากกว่าแพลตฟอร์มนกเพนกวิน
ก่อนที่ติ๊กต็อกจะได้รับความนิยมในตลาด แพลตฟอร์มเพนกวิ้นเคยลงมือจะจัดการกับติ๊กต็อกถึงสองครั้งสองครา แต่ว่าทางการได้ลงมือโดยเข้าข้างติ๊กต็อกอย่างเห็นได้ชัด ถึงกับออกมาวิพากษ์วิจารณ์เพนกวิ้นเลยด้วยซ้ำ
และแล้วติ๊กต็อกก็กลายเป็นบริษัทเดียวที่เอาชนะเพนกวิ้นได้ถึงสองครั้งตั้งแต่ก่อนที่จะเจริญเติบโต
ดังนั้นตอนนี้เพนกวิ้นจึงไม่มีทางที่จะทำอะไรติ๊กต็อกได้อีกเลย และเพนกวิ้นก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับติ๊กต็อกได้เลย
โดยปกติแล้วนอกจากบางบริษัทที่ผลิตภัณฑ์อาจมีการผูกขาดก็มีแค่บางบริษัทที่มีความสำคัญเป็นพิเศษเท่านั้นที่จะได้รับความสนใจ
อย่างไรก็ตามจะสังเกตได้ว่าบริษัทข้างต้นนั้นไม่มีบริษัทไหนที่ธรรมดา หากไม่ใช่บริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้นำก็กำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้นำ หรือไม่ก็พวกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม...
ห้องทดลองชิงหลินจึงเป็นบริษัทที่ถูกจับตามองเป็นธรรมดา ดังนั้นการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเขาจะไปเตะตาเบื้องบนเข้าก็ไม่แปลก
จริง ๆ แล้วมันก็ง่ายมากที่ทางเบื้องบนจะสืบรู้ว่าห้องแล็บชิงหลินกำลังทำอะไรอยู่ เพราะการจะตรวจสอบบริษัทนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าทางเบื้องบนนั้นมีทัศนคติต่อบริษัทต่าง ๆ แตกต่างกันไป
ก็เหมือนอย่างห้องทดลองชิงหลินนั้น ผู้นำคนดังกล่าวไม่ได้ใช้ทัศนคติที่คิดว่าจะทำการสืบสวน แต่มอบหมายให้รัฐมนตรีหลู่มาถามเขา
เป็นการแสดงความจริงใจต่อกัน
การช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่องที่ห้องทดลองชิงหลินเคยทำมานั้นจะไม่มีการถูกลืม
ดังนั้นเบื้องบนจึงไม่ลอบทำอะไรลับหลังแต่มาถามตรง ๆ ไปเลย
รัฐมนตรีหลู่ได้กล่าวต่อว่า “ท่านผู้นำแค่อยากเข้าใจสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น”
ฉินหลินตอบไปโดยไม่ได้ปิดบัง “ก็แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะครับ พอดีว่าพี่หลี่ได้พัฒนาผลไม้ชนิดพิเศษที่ชื่อว่าผลโคล่า มันเป็นผลไม้ที่สามารถคั้นน้ำที่มีรสชาติเหมือนโคล่าได้... เพราะงั้นเราก็เลยเชิญบริษัทเครื่องดื่มพวกนั้นมาส่งเสริมการปลูกและขยายพันธุ์ผลโคล่านี้ เมื่อถึงเวลาเราก็จะทำการโจมตีบริษัทโคล่าจากประเทศดาวกับแถบเส้นทั้งสองบริษัทแบบเปรี้ยงเดียวเลย แต่ผมก็ไม่นึกเลยว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้จะไปเตะตาของทางเบื้องบนเข้าน่ะสิครับ”
ฉินหลินบอกทุกอย่างแบบรวดเดียวโดยไม่พักหายใจ ส่วนรัฐมนตรีหลู่ที่ฟังรวดเดียวจบก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ “เถ้าแก่ฉิน... คุณบอกว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ... นั่นมันเป๊ปซี่กับโค้กเลยเชียวนะ!”
เมื่อรัฐมนตรีหลู่ได้ฟังเหตุผลแล้วก็รู้เลยว่าเรื่องนี้มันใหญ่โคตร ๆ เพราะเป็นเรื่องของกระเป๋าสตางค์ของประเทศดาวกับแถบเส้น แถมยังเป็นหอกข้างแคร่เป็นหนามยอกอกของประเทศนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าทั้งสองบริษัทไม่เคยตกเป็นเป้าหมายเพราะการผูกขาดและการกดขี่บริษัทอื่น ๆ ภายในประเทศ เพียงแต่ไอ้กฎสองมาตรฐานหลาย ๆ ข้อที่ประเทศตะวันตกเป็นผู้กำหนดมันมัดมือชกกันเกินไป ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันทนต่อสิ่งที่พวกมันทำ
มันช่างยากจริง ๆ ในการปล่อยให้ไอ้พวกที่ทำตัวน่ารังเกียจเข้ามาทำมาหากินสูบเงินในประเทศออกไปอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นและยิ่งอึดอัดมาก
ถ้าสามารถใช้ไอ้ผลโคล่าอะไรนั่นจัดการกับทั้งสองบริษัทแบบไม่ใช่แค่ลมปากเหม็น ๆ ได้ล่ะก็ ไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นยังไงก็ตามย่อมถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น เพราะจะสามารถประหยัดเงินที่ไอ้บริษัททั้งสองนี่จะสูบจากประเทศนี้ได้มากขึ้น
นี่ถือได้ว่าเป็นการโจมตีตอบโต้เมืองศูนย์กลางของประเทศตะวันตกซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เมื่อนึกได้แบบนี้รัฐมนตรีหลู่ก็รีบถามว่า “ผมขอดูผลโคล่าที่ว่าหน่อยได้มั้ย”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยและต้องยืนยันสภาพของผลโคล่าก่อน จากนั้นถึงค่อยคาดเดาว่าจะใช้ผลโคล่าดังกล่าวไปได้ไกลแค่ไหนถึงค่อยจะรายงานต่อท่านผู้นำได้
เมื่อฉินหลินได้ยินคำขอของรัฐมนตรีหลู่ก็พยักหน้าและสั่งให้คนจากห้องแล็บเอาทั้งผลโคล่าและคั้นน้ำผลไม้โคล่ามาให้
ฉินหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญชิมได้เลยครับท่านรัฐมนตรี นี่คือผลโคล่าและน้ำผลไม้ที่คั้นจากผลโคล่าที่พี่หลี่เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา”
รัฐมนตรีหลู่ที่แทบจะรอไม่ไหวแล้วได้หยิบน้ำผลไม้โคล่าแก้วนั้นขึ้นมากระดกดื่ม
เขาที่ดื่มเคยดื่มน้ำโคล่าอัดลมมาแล้วพอได้มาดื่มน้ำผลไม่โคล่านี้เข้าไปก็ต้องปรากฏสีหน้าเหลือจะเชื่อ
เพราะเรื่องรสชาตินั้นเหมือนกับตอนดื่มโคล่าอัดลมทุกประการ เพียงแต่อร่อยกว่าเยอะ
จากนั้นเขาก็หยิบผลโคล่าขึ้นมากัด
หลังจากที่ผลโคล่าเข้าปากเขาก็รู้สึกเหลือจะเชื่อยิ่งขึ้นไปอีก เพราะว่ามันเป็นน้ำผลไม้จริง ๆ
ตามที่คาดไว้เลย ไม่มีงานวิจัยใดของศาสตราจารย์หลี่ไข่ที่ธรรมดาแม้แต่ชิ้นเดียว
จากนั้นรัฐมนตรีหลู่ก็พูดคุยด้วยอย่างกระตือรือร้น “เถ้าแก่ฉิน ผมขอแบ่งผลโคล่าหน่อยสิ จะเอากลับไปให้ท่านผู้นำดู”
ด้วยสถานะของเขาแล้วย่อมมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน ดังนั้นหลังจากได้รู้ถึงผลของผลโคล่านี้แล้วเขาก็รู้เลยว่าทำไมเถ้าแก่ฉินถึงคิดจะทำเรื่องใหญ่โคตร ๆ ในครั้งนี้
เมื่อต้องเผชิญกับน้ำผลไม้ที่มีรสชาติเหมือนกับโคล่าทุกประการแบบนี้ ตราบใดที่ดำเนินกลยุทธ์ได้ดีล่ะก็ เรื่องจะไม่ใช่ง่าย ๆ เพียงแค่การโจมตีบริษัทโคล่ายักษ์ใหญ่ทั้งสองแบรนด์นั่น แต่จะสามารถฆ่าพวกมันจนไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็อย่างว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่
โชคดีที่รู้เรื่องนี้ก่อนล่วงหน้าซึ่งทางเบื้องบนสามารถเตรียมการจัดการก่อนได้ ไม่งั้นล่ะก็อาจได้เจอปัญหาใหญ่ยักษ์เข้าจริง ๆ
ปัญหานเช่นประเทศดาวกับแถบเส้นอาจจะลอบเล่นงานประเทศนี้ลับหลังอย่างหนักหน่วง เพราะสุดท้ายแล้วไม่มีประเทศไหนอยางสูญเสียแหล่งทำเงินก้อนโตไปหรอก
การเคลื่อนไหวของเถ้าแก่ฉินนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าต้องฆ่าบริษัทโคล่ายักษ์ใหญ่ทั้งสอง และเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์นี้เจ้าตัวถึงกับเต็มใจแบ่งปันผลประโยชน์ของตนเองเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นว่าเถ้าแก่ฉินไม่ใช่คนที่ทุ่มเทให้กับการหาเงิน ไม่ได้เป็นคนที่แสวงหาความร่ำรวยจนเป็นบ้า
นี่คือสิ่งที่ท่านผู้นำอยากเห็น
ฉินหลินได้ส่งมอบผลโคล่าที่แช่ในถังน้ำแข็งอีกชุดแก่รัฐมนตรีหลู่
หลังจากที่รัฐมนตรีหลู่ได้รับของแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่นาน หลังจากโทรแจ้งไปแล้วก็กลับเมืองหลวงพร้อกับผลโคล่าทันที
และทันทีที่ไปถึงถึงเมืองหลวงเขาก็นำผลโคล่าไปพบผู้นำพร้อมกับรายงานสถานะการณ์ของผลโคล่าและแผนของฉินหลิน
หลังจากที่ผู้นำได้ฟังเรื่องสถานการณ์ของผลโคล่าและแผนของฉินหลินแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เพราะบริษัทโคล่ายักษ์ใหญ่ทั้งสองมันเป็นหนามยอกอกมานานมากแล้วจริง ๆ
ไม่มีใครอยากเห็นคนจากนอกบ้านเข้ามาหาเงินในบ้านอย่างไร้ศีลธรรมแล้วใช้เงินนั่นมาจัดการกับบ้านตัวเองหรอก
และตอนนี้ก็มีผลโคล่านี่ที่จะสามารถใช้จัดการกับทั้งสองบริษัทนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ชิมผลโคล่าแล้วผู้นำก็มั่นใจในเรื่องนี้มาก
ยิ่งกว่านั้นเมื่อมองในภาพรวมแล้วแผนการของเถ้าแก่ฉินก็ยังมีความเป็นไปได้มากซะด้วย
ทว่าก็ยังมีสิ่งที่น่ากังวลอยู่ นั่นคือมีบริษัทที่เกี่ยวข้องมากเกินไปจนอาจไม่สามารถรักษาความลับไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง
ผู้นำได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่ได้การ ทางรัฐบาลต้องช่วยบล็อกข้อมูลนี้ แล้วก็ต้องติดตามบริษัทเหล่านั้นไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลด้วย อย่าให้มีอะไรมาทำลายแผนของเถ้าแก่ฉินได้”
เมื่อรัฐมนตรีหลู่ได้ยินดังนั้นก็รู้ได้เลยว่าตอนนี้ท่านผู้นำได้จำเถ้าแก่ฉินไว้ในใจมากขึ้นแล้ว