ตอนที่แล้วบทที่ 331: ประธานฉินสั่งให้ไปตะวันตก เราไม่มีวันไปตะวันออก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 333: ศึกนอกครั้งที่ 1 ของน้ำยาเสริมสร้างร่างกาย!

บทที่ 332: คิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ? ผู้นำเห็นด้วย!


ในเวลาต่อมาฉินหลินยังได้มอบหน้าที่ดูแลความร่วมมือกับบริษัทเครื่องดื่มเหล่านี้ให้กับเฉิ่นลี่เอาไปทำต่อ  ตัวเขาที่เป็นเจ้าของบริษัทย่อมไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองอยู่แล้ว

เวลาผ่านไป

พริบตาเดียวก็เข้าสู่ครึ่งเดือนธันวาคม

พื้นที่ปลูกบ้านไร่ชิงหลิน

ฉินหลินกับหลี่ไข่มาถึงแปลงที่บุกเบิกขึ้นใหม่ด้วยกัน

หลี่ไข่นั่งยอง ๆ และสังเกตการณ์ก่อนจะพูดว่า “น้องฉิน  หลังจากเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ชุดนี้แล้วก็จะมีมากพอต่อการส่งเสริมการปลูกจำนวนมาก  เมื่อเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ชุดที่สองในอีกไม่กี่วันนายก็สามารถใช้มันปลูกชุดแรกได้เลย…”

“คับ” ฉินหลินเฝ้าดูอวี้สุ่ยหยอดเมล็ดพันธุ์พืชลงดินทีละเม็ด

เมล็ดพันธุ์เหล่านี้คือเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศเลเวล 1 นั่นเอง

เมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้ดังกล่าวบวกกับเมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้จากแปลงทดลอง  มะเขือเทศ 1 ลูกมีเมล็ดอยู่มากมาย  ดังนั้นตอนนี้จึงมีเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศเลเวล 1 ที่เก็บเกี่ยวไว้แล้วเป็นจำนวนมาก

ซึ่งยิ่งเอาไปปลูกขยายพันธุ์ก็ยิ่งเก็บเมล็ดต่อได้อีกเพียบ

หลังจากที่อวี้สุ่ยเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์จากมะเขือเทศชุดนี้แล้ว  สวนมะเขือเทศที่เข้าร่วมกับบริษัทชิงหลินฟู้ดก็จะได้ปลูกมะเขือเทศเลเวล 1 นี้ภายใน 3 เดือน

การเก็บเมล็ดพันธุ์ของมะเขือเทศนี้มันจะไม่เสื่อมคุณภาพลงในรุ่นต่อไป  เพราะพวกมันเป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ในโลกจริงไม่ใช่ในเกมจึงสามารถดำรงค์ไว้ซึ่งคุณภาพเดิมต่อไปได้

ดังนั้นเมล็ดพันธุ์ที่เก็บได้ในช่วงแรก ๆ นี้เขาจึงมีแผนจะให้สวนมะเขือเทศของฉินหลงลองปลูกนำร่องดูก่อน  แล้วค่อยเอาผลผลิตมะเขือเทศเลเวล 1 ที่ได้ชุดแรกนี้ให้บริษัทชิงหลินฟู้ดไปทำซอสมะเขือเทศดู

ขณะที่เขากำลังคิด ๆ อยู่นั้นเองจู่ ๆ มือถือก็ดังขึ้น  ซึ่งก็คือฉินหลงโทรมา  เขารีบรับสายทันที “มาถึงแล้วเหรอพี่หลง?”

แล้วฉินหลินก็ไปที่บริเวณออฟฟิศของบ้านไร่ชิงหลิน  เมื่อมาถึงก็เห็นแม่ของตนกำลังให้การต้อนรับฉินหลงอยู่

ที่บ้านไร่ได้จัดหางานที่สบาย ๆ ให้แม่เขาได้ทำ  ดังนั้นจึงค่อนข้างมีเวลาว่างเยอะกว่าคนอื่น  และเมื่อมีคนที่มีความสัมพันธ์อันดีจากบ้านเกิดมาหาเธอจึงได้ออกมาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยตัวเอง

บางครั้งเธอยังโทรไปชวนให้ภรรยาของฉินต้าซานกับฉินสุ่ยเกินมาเที่ยวบ้านไร่และให้การต้อนรับอีกฝ่ายอย่างดีด้วย

ในอดีตครอบครัวของอีกฝ่ายช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด  และตอนนี้ต่อให้ลูกชายเธอจะประสบความสำเร็จมากแล้วก็ตาม  แต่เธอก็ยังคงติดต่อกับอีกฝ่ายและไปเที่ยวทำกิจกรรมอะไรด้วยกันแบบผู้หญิง ๆ

ถัดจากฉินหลงคือซานซานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหลี่เจียเหวินที่ตอนนี้เป็นแฟนของฉินหลง

หลินเฟินจับมือซานซานพลางชื่นชม “ต้าหลงนี่ได้แฟนสวยจัง  ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเสน่ห์  ครั้งนี้เธอรสนิยมดีมากเลยนะ”

คำชมนี้ทำให้ซานซานค่อนข้างเขินอาย

แต่คำชมจากญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งแฟนนั้นก็ทำให้เธอมีความสุขได้ตลอดจริง ๆ

หลังจากนั้นไม่นานฉินหลินก็มาถึง

ฉินหลงทักทายฉินหลินทันทีด้วยท่าทีที่ให้ความเคารพและจริงจัง

แม้ว่าพวกเขาจะมาจากหมู่บ้านเดียวกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็ตาม  แต่ตอนนี้เขายังต้องอาศัยฉินหลินเพื่อหาเลี้ยงชีพ  และด้วยความช่วยเหลือของฉินหลินจึงทำให้สวนของเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก  ในสถานที่อย่างอำเภอโหยวเฉิงเวลาไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเรียกคุณฉิน ๆ

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร  เสื้อผ้า  และพ่อแม่  เราไม่สามารถถือได้ว่ามีความสัมพันธ์อันดีเพียงเพราะเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

แม้แต่ระหว่างสามีภรรยาเองบางครั้งก็ยังคิดแบบนั้นไม่ได้เลย  ไม่งั้นล่ะก็ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องหย่ากันชัวร์ ๆ

ดังนั้นเวลาจะทำอะไรก็ต้องมีทัศนคติที่เหมาะสม

ฉินหลินทักทายฉินหลงตอบและเขาก็รู้สึกถึงทัศนคติของฉินหลงที่ให้ความเคารพแก่ตนอยู่

เรื่องนี้แม้ไม่อยากแต่ก็ช่วยไม่ได้

ซึ่งไม่ใช่แค่ฉินหลงที่เป็นแบบนี้แม้แต่ฉินเหรินเองก็ด้วย

นี่เป็นเพราะช่องว่างด้านสถานะทางสังคมที่เริ่มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องแบบนี้จึงได้เกิดขึ้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง  ต่อให้ตนเองจะไม่สนใจแค่ไหนก็ตามแต่ก็ไม่อาจส่งผลให้ยับยั้งความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ให้มันเกิด

เมื่อหลินเฟินเห็นฉินหลินมาแล้วเธอก็บอกว่า “เสี่ยวหลินมาต้อนรับฉินหลงกับซานซานต่อที  เดี๋ยวแม่จะพาวั่งไฉกะเสี่ยวเสว่ไปเดินเล่นก่อน”

ฉินหลินพาฉินหลงกับซานซานไปเดินเที่ยวรอบ ๆ บ้านไร่

ฉินหลงรู้ว่าที่ฉินหลินเรียกให้ตนเองมาที่นี่จะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่  ดังนั้นเขาจึงถามขณะที่กำลังเดิน “ฉินหลิน  ทำไมถึงได้โทรเรียกมาเหรอ”

ฉินหลินพยักหน้าและกล่าวว่า “ทางเรามีมะเขือเทศพันธุ์ใหม่ที่อยากจะปลูกอยู่น่ะ  ผมเลยอยากให้สวนของพี่ปลูกก่อนเป็นที่แรก  เด๋วจะมีคนเอาเมล็ดพันธุ์ไปให้นะ”

ฉินหลงพยักหน้าทันที “ถ้าได้เมล็ดพันธุ์มาแล้วฉันจะให้คนเอาไปปลูกโดยเร็วที่สุดเลย”

เมื่อได้ยินที่ฉินหลินบอกฉินหลงก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่งยวด  เขารู้ว่าการที่ฉินหลินโทรเรียกให้ตนเองมาคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะนั้นแปลว่ามะเขือเทศพันธุ์ใหม่นี้จะต้องมีความสำคัญมาก

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องให้ความสนใจ

ในขณะที่สนทนากันอยู่นั้นเองฉินหลินก็ได้รับโทรศัพท์จากรัฐมนตรีหลู่

ภายนอกของคฤหาสน์ชิงหลิน

มีรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดและรัฐมนตรีหลู่ก็ลงจากรถพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่กำลังถือสายอยู่และคุยกับปลายสาย “เถ้าแก่ฉิน  เดี๋ยวผมพาคนเข้าไปเช็กอินในคฤหาสน์ก่อน  ไว้เสร็จแล้วคุณค่อยมาหาก็ได้”

ในรถมีผู้เฒ่าอีกสองคนตามลงมา  คนหนึ่งผมขาวส่วนอีกคนหัวล้าน

รัฐมนตรีหลู่วางสายแล้วพูดกับชายชราทั้งสอง “เชิญข้างในก่อนครับหยวนชื่อทั้งสอง!”

หยวนชื่อทั้งสองนี้เป็นหนึ่งในคนคนกลุ่มแรกที่ถูกจัดสรรให้มาพักฟื้นที่คฤหาสน์ชิงหลิน  และสองคนนี้ก็เป็นคนแรกที่วิ่งมาหาเขาก่อนใครเพื่อน

ตามระเบียบการพักฟื้นคือวันนี้หลี่หยวนชื่อกับศาสตราจารย์เหรินจะต้องกลับได้แล้ว

ทว่าอาการของหลี่หยวนชื่อนั้นพิเศษเกินไป  และศาสตราจารย์เหรินเองก็ยังคงต้องให้ความสนใจกับน้ำยาเสริมสร้างร่างกายที่ห้องแล็บชิงหลิน  มันเป็นงานนอกเวลาซึ่งเบียดเบียนเวลาพักฟื้นบางส่วนทำให้กลายเป็นเหตุผลที่ทั้งคู่ยังต้องอยู่ต่อ

ทำให้รอบนี้จึงมีหยวนชื่อ 3 คนและศาสตราจารย์อีก 1 คนเข้าพักฟื้นที่คฤหาสน์ชิงหลินในรอบนี้

“อากาศดีจริง ๆ”

“ทิวทัศน์ก็ดีด้วย  หลี่หยวนชื่อไม่ได้โกหก”

หยวนชื่อทั้งสองเริ่มพูดคุยกันทันทีที่เดินเข้าไปในคฤหาสน์

ทั้งคู่ต่างก็เป็นเพื่อนสนิทของหลี่หยวนชื่อ  ซึ่งแน่นอนว่าได้เห็นการขิงของหลี่หยวนชื่อเรื่องคฤหาสน์ชิงหลินมานานเกินรอแล้ว

แล้วตอนนี้เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองก็รับรู้ได้เลยว่าที่หลี่หยวนชื่อขิงใส่มาโดยตลอดนั้นเป็นเรื่องจริง

รัฐมนตรีหลู่นำหยวนชื่อทั้งสองเข้าไปในล็อบบี้ของคฤหาสน์

ครู่ต่อมาฉินหลินก็มาถึงและพบกับรัฐมนตรีหลู่และหยวนชื่อทั้งสอง

รัฐมนตรีหลู่ได้แนะนำหยวนชื่อทั้งสองให้รู้จักกับฉินหลิน  คนหนึ่งคือหลินหยวนชื่อ  และอีกคนคือฉู่หยวนชื่อ

ทั้งคู่เป็นคนรุ่นเดียวกันกับหลี่หยวนชื่อ  และทั้งคู่เองก็มีส่วนร่วมในการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ

นอกจากนี้ฉู่หยวนชื่อยังเคยมีส่วนร่วมในการวิจัยเกี่ยวกับอาวุธพิชิตชัย 2 ประเภทด้วย

ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนั้นคือสิ่งที่สามารถสร้างเมฆรูปเห็ดก้อนบักเอ้กได้

ฉินหลินเคารพผู้อาวุโสดังกล่าวเป็นอย่างมากและได้ทำการลงทะเบียนเช็กอินและจัดเตรียมการสำหรับหยวนชื่อทั้งสองให้ด้วยตัวเอง

สำหรับการต้อนรับต่อ ๆ ไปนั้นเดี๋ยวหลี่หยวนชื่อกับศาสตราจารย์เหรินจะเข้ามารับช่วงต่อหลังจากทราบเรื่อง

แล้วตอนนี้รัฐมนตรีหลู่ก็ได้พูดกับฉินหลิน “เถ้าแก่ฉิน  ผมได้รับคำสั่งจากท่านผู้นำให้มาหารือกับคุณเรื่องหนึ่งน่ะ”

ฉินหลินพยักหน้าและพารัฐมนตรีหลู่ไปที่ห้องทำงาน

หลังจากที่ฉินหลินพารัฐมนตรีหลู่เข้ามาที่ห้องทำงานแล้วเขาก็ชงชาให้อีกฝ่ายก่อนจะถามว่า “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับท่านรัฐมนตรี”

รัฐมนตรีหลู่ยิ้มและตอบว่า “จริง ๆ แล้วผู้นำกำลังกังวลถึงเรื่องที่ห้องแล็บชิงหลินของคุณทำมากเชียวล่ะ  เรื่องที่ห้องแล็บชิงหลินเรียกเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มมากมายให้มาหาก่อนหน้านี้  ผู้นำของผมค่อนข้างอยากที่จะรู้เรื่องนี้น่ะครับ”

ฉินหลินได้ยินคำตอบก็อึ้งไปเลย  เพราะเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการกระทำของตนเองที่คิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่จะไปเตะตาคนเบื้องบนได้

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

ยิ่งไปกว่านั้นจากที่กล่าวมาข้างต้นไม่เพียงแต่ให้ความสนใจต่อตนเท่านั้น  แต่ยังให้ความสนใจกับหลาย ๆ บริษัทในเวลาเดียวกันด้วย  แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสามารถได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

นอกจากกลุ่มทุนใหญ่ทั้งหลายแล้วพวกทีจะสามารถดึงดูดความสนใจได้คืออุตสาหกรรมใหม่ ๆ และกลุ่มที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็คือติ๊กต็อก

ติ๊กต็อกนั้นดำเนินการอย่างชาญฉลาด  ให้ทำอะไรก็ยอม  แทบจะกลายเป็นกระบอกเสียงระดับสูงที่ให้การส่งเสริมการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

ไม่ว่าพวกเน็ตไอดอลเหล่านั้นจะส่งผลเสียต่อผู้คนในสังคมมากน้อยเพียงใดก็ตาม  ทว่าโดยรวมแล้วกลับเป็นเพราะติ๊กต็อกนี่เองที่ทำให้ความรักชาติโดยรวมของผู้คนในสังคมเพิ่มมากขึ้น

จะเห็นได้จากภัยพิบัติในครั้งก่อน ๆ ว่าติ๊กต็อกนี่แหละที่เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนทั้งหมด

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแพลตฟอร์มดังกล่าวถึงได้รับความนิยมมากกว่าแพลตฟอร์มนกเพนกวิน

ก่อนที่ติ๊กต็อกจะได้รับความนิยมในตลาด  แพลตฟอร์มเพนกวิ้นเคยลงมือจะจัดการกับติ๊กต็อกถึงสองครั้งสองครา  แต่ว่าทางการได้ลงมือโดยเข้าข้างติ๊กต็อกอย่างเห็นได้ชัด  ถึงกับออกมาวิพากษ์วิจารณ์เพนกวิ้นเลยด้วยซ้ำ

และแล้วติ๊กต็อกก็กลายเป็นบริษัทเดียวที่เอาชนะเพนกวิ้นได้ถึงสองครั้งตั้งแต่ก่อนที่จะเจริญเติบโต

ดังนั้นตอนนี้เพนกวิ้นจึงไม่มีทางที่จะทำอะไรติ๊กต็อกได้อีกเลย  และเพนกวิ้นก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับติ๊กต็อกได้เลย

โดยปกติแล้วนอกจากบางบริษัทที่ผลิตภัณฑ์อาจมีการผูกขาดก็มีแค่บางบริษัทที่มีความสำคัญเป็นพิเศษเท่านั้นที่จะได้รับความสนใจ

อย่างไรก็ตามจะสังเกตได้ว่าบริษัทข้างต้นนั้นไม่มีบริษัทไหนที่ธรรมดา  หากไม่ใช่บริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้นำก็กำลังก้าวไปสู่การเป็นผู้นำ  หรือไม่ก็พวกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม...

ห้องทดลองชิงหลินจึงเป็นบริษัทที่ถูกจับตามองเป็นธรรมดา  ดังนั้นการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเขาจะไปเตะตาเบื้องบนเข้าก็ไม่แปลก

จริง ๆ แล้วมันก็ง่ายมากที่ทางเบื้องบนจะสืบรู้ว่าห้องแล็บชิงหลินกำลังทำอะไรอยู่  เพราะการจะตรวจสอบบริษัทนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายอยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าทางเบื้องบนนั้นมีทัศนคติต่อบริษัทต่าง ๆ แตกต่างกันไป

ก็เหมือนอย่างห้องทดลองชิงหลินนั้น  ผู้นำคนดังกล่าวไม่ได้ใช้ทัศนคติที่คิดว่าจะทำการสืบสวน  แต่มอบหมายให้รัฐมนตรีหลู่มาถามเขา

เป็นการแสดงความจริงใจต่อกัน

การช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่องที่ห้องทดลองชิงหลินเคยทำมานั้นจะไม่มีการถูกลืม

ดังนั้นเบื้องบนจึงไม่ลอบทำอะไรลับหลังแต่มาถามตรง ๆ ไปเลย

รัฐมนตรีหลู่ได้กล่าวต่อว่า “ท่านผู้นำแค่อยากเข้าใจสถานการณ์เท่านั้น  ไม่ได้มีเจตนาอื่น”

ฉินหลินตอบไปโดยไม่ได้ปิดบัง “ก็แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ะครับ  พอดีว่าพี่หลี่ได้พัฒนาผลไม้ชนิดพิเศษที่ชื่อว่าผลโคล่า  มันเป็นผลไม้ที่สามารถคั้นน้ำที่มีรสชาติเหมือนโคล่าได้...  เพราะงั้นเราก็เลยเชิญบริษัทเครื่องดื่มพวกนั้นมาส่งเสริมการปลูกและขยายพันธุ์ผลโคล่านี้  เมื่อถึงเวลาเราก็จะทำการโจมตีบริษัทโคล่าจากประเทศดาวกับแถบเส้นทั้งสองบริษัทแบบเปรี้ยงเดียวเลย  แต่ผมก็ไม่นึกเลยว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้จะไปเตะตาของทางเบื้องบนเข้าน่ะสิครับ”

ฉินหลินบอกทุกอย่างแบบรวดเดียวโดยไม่พักหายใจ  ส่วนรัฐมนตรีหลู่ที่ฟังรวดเดียวจบก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ “เถ้าแก่ฉิน...  คุณบอกว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอ...  นั่นมันเป๊ปซี่กับโค้กเลยเชียวนะ!”

เมื่อรัฐมนตรีหลู่ได้ฟังเหตุผลแล้วก็รู้เลยว่าเรื่องนี้มันใหญ่โคตร ๆ เพราะเป็นเรื่องของกระเป๋าสตางค์ของประเทศดาวกับแถบเส้น  แถมยังเป็นหอกข้างแคร่เป็นหนามยอกอกของประเทศนี้ด้วย

ไม่ใช่ว่าทั้งสองบริษัทไม่เคยตกเป็นเป้าหมายเพราะการผูกขาดและการกดขี่บริษัทอื่น ๆ ภายในประเทศ  เพียงแต่ไอ้กฎสองมาตรฐานหลาย ๆ ข้อที่ประเทศตะวันตกเป็นผู้กำหนดมันมัดมือชกกันเกินไป  ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันทนต่อสิ่งที่พวกมันทำ

มันช่างยากจริง ๆ ในการปล่อยให้ไอ้พวกที่ทำตัวน่ารังเกียจเข้ามาทำมาหากินสูบเงินในประเทศออกไปอย่างหน้าตาเฉยแบบนี้  ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นและยิ่งอึดอัดมาก

ถ้าสามารถใช้ไอ้ผลโคล่าอะไรนั่นจัดการกับทั้งสองบริษัทแบบไม่ใช่แค่ลมปากเหม็น ๆ ได้ล่ะก็  ไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นยังไงก็ตามย่อมถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น  เพราะจะสามารถประหยัดเงินที่ไอ้บริษัททั้งสองนี่จะสูบจากประเทศนี้ได้มากขึ้น

นี่ถือได้ว่าเป็นการโจมตีตอบโต้เมืองศูนย์กลางของประเทศตะวันตกซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เมื่อนึกได้แบบนี้รัฐมนตรีหลู่ก็รีบถามว่า “ผมขอดูผลโคล่าที่ว่าหน่อยได้มั้ย”

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยและต้องยืนยันสภาพของผลโคล่าก่อน  จากนั้นถึงค่อยคาดเดาว่าจะใช้ผลโคล่าดังกล่าวไปได้ไกลแค่ไหนถึงค่อยจะรายงานต่อท่านผู้นำได้

เมื่อฉินหลินได้ยินคำขอของรัฐมนตรีหลู่ก็พยักหน้าและสั่งให้คนจากห้องแล็บเอาทั้งผลโคล่าและคั้นน้ำผลไม้โคล่ามาให้

ฉินหลินพูดด้วยรอยยิ้ม “เชิญชิมได้เลยครับท่านรัฐมนตรี  นี่คือผลโคล่าและน้ำผลไม้ที่คั้นจากผลโคล่าที่พี่หลี่เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา”

รัฐมนตรีหลู่ที่แทบจะรอไม่ไหวแล้วได้หยิบน้ำผลไม้โคล่าแก้วนั้นขึ้นมากระดกดื่ม

เขาที่ดื่มเคยดื่มน้ำโคล่าอัดลมมาแล้วพอได้มาดื่มน้ำผลไม่โคล่านี้เข้าไปก็ต้องปรากฏสีหน้าเหลือจะเชื่อ

เพราะเรื่องรสชาตินั้นเหมือนกับตอนดื่มโคล่าอัดลมทุกประการ  เพียงแต่อร่อยกว่าเยอะ

จากนั้นเขาก็หยิบผลโคล่าขึ้นมากัด

หลังจากที่ผลโคล่าเข้าปากเขาก็รู้สึกเหลือจะเชื่อยิ่งขึ้นไปอีก  เพราะว่ามันเป็นน้ำผลไม้จริง ๆ

ตามที่คาดไว้เลย  ไม่มีงานวิจัยใดของศาสตราจารย์หลี่ไข่ที่ธรรมดาแม้แต่ชิ้นเดียว

จากนั้นรัฐมนตรีหลู่ก็พูดคุยด้วยอย่างกระตือรือร้น “เถ้าแก่ฉิน  ผมขอแบ่งผลโคล่าหน่อยสิ  จะเอากลับไปให้ท่านผู้นำดู”

ด้วยสถานะของเขาแล้วย่อมมีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกัน  ดังนั้นหลังจากได้รู้ถึงผลของผลโคล่านี้แล้วเขาก็รู้เลยว่าทำไมเถ้าแก่ฉินถึงคิดจะทำเรื่องใหญ่โคตร ๆ ในครั้งนี้

เมื่อต้องเผชิญกับน้ำผลไม้ที่มีรสชาติเหมือนกับโคล่าทุกประการแบบนี้  ตราบใดที่ดำเนินกลยุทธ์ได้ดีล่ะก็  เรื่องจะไม่ใช่ง่าย ๆ เพียงแค่การโจมตีบริษัทโคล่ายักษ์ใหญ่ทั้งสองแบรนด์นั่น  แต่จะสามารถฆ่าพวกมันจนไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยด้วยซ้ำ

แต่ก็อย่างว่า  นี่เป็นเรื่องใหญ่

โชคดีที่รู้เรื่องนี้ก่อนล่วงหน้าซึ่งทางเบื้องบนสามารถเตรียมการจัดการก่อนได้  ไม่งั้นล่ะก็อาจได้เจอปัญหาใหญ่ยักษ์เข้าจริง ๆ

ปัญหานเช่นประเทศดาวกับแถบเส้นอาจจะลอบเล่นงานประเทศนี้ลับหลังอย่างหนักหน่วง  เพราะสุดท้ายแล้วไม่มีประเทศไหนอยางสูญเสียแหล่งทำเงินก้อนโตไปหรอก

การเคลื่อนไหวของเถ้าแก่ฉินนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าต้องฆ่าบริษัทโคล่ายักษ์ใหญ่ทั้งสอง  และเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์นี้เจ้าตัวถึงกับเต็มใจแบ่งปันผลประโยชน์ของตนเองเลยทีเดียว

ในขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นว่าเถ้าแก่ฉินไม่ใช่คนที่ทุ่มเทให้กับการหาเงิน  ไม่ได้เป็นคนที่แสวงหาความร่ำรวยจนเป็นบ้า

นี่คือสิ่งที่ท่านผู้นำอยากเห็น

ฉินหลินได้ส่งมอบผลโคล่าที่แช่ในถังน้ำแข็งอีกชุดแก่รัฐมนตรีหลู่

หลังจากที่รัฐมนตรีหลู่ได้รับของแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่นาน  หลังจากโทรแจ้งไปแล้วก็กลับเมืองหลวงพร้อกับผลโคล่าทันที

และทันทีที่ไปถึงถึงเมืองหลวงเขาก็นำผลโคล่าไปพบผู้นำพร้อมกับรายงานสถานะการณ์ของผลโคล่าและแผนของฉินหลิน

หลังจากที่ผู้นำได้ฟังเรื่องสถานการณ์ของผลโคล่าและแผนของฉินหลินแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

เพราะบริษัทโคล่ายักษ์ใหญ่ทั้งสองมันเป็นหนามยอกอกมานานมากแล้วจริง ๆ

ไม่มีใครอยากเห็นคนจากนอกบ้านเข้ามาหาเงินในบ้านอย่างไร้ศีลธรรมแล้วใช้เงินนั่นมาจัดการกับบ้านตัวเองหรอก

และตอนนี้ก็มีผลโคล่านี่ที่จะสามารถใช้จัดการกับทั้งสองบริษัทนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว  หลังจากที่ชิมผลโคล่าแล้วผู้นำก็มั่นใจในเรื่องนี้มาก

ยิ่งกว่านั้นเมื่อมองในภาพรวมแล้วแผนการของเถ้าแก่ฉินก็ยังมีความเป็นไปได้มากซะด้วย

ทว่าก็ยังมีสิ่งที่น่ากังวลอยู่  นั่นคือมีบริษัทที่เกี่ยวข้องมากเกินไปจนอาจไม่สามารถรักษาความลับไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง

ผู้นำได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่ได้การ  ทางรัฐบาลต้องช่วยบล็อกข้อมูลนี้  แล้วก็ต้องติดตามบริษัทเหล่านั้นไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลด้วย  อย่าให้มีอะไรมาทำลายแผนของเถ้าแก่ฉินได้”

เมื่อรัฐมนตรีหลู่ได้ยินดังนั้นก็รู้ได้เลยว่าตอนนี้ท่านผู้นำได้จำเถ้าแก่ฉินไว้ในใจมากขึ้นแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด