บทที่ 22 การพบปะยามค่ำคืนริมทะเลสาบ
หลี่เยว่เล่าเรื่องหนึ่งให้ชูเหลียงฟัง
ตัวเอกของเรื่องคือ ซือถูเหยี่ยน เดิมทีเธอเป็นสาวธรรมดาหน้าตาธรรมดา แต่เธอมีครอบครัวฐานะดี ใช้ชีวิตสบาย เธอมีทุกอย่างที่เธอต้องการเพื่อมีชีวิตที่มีความสุข
น่าเสียดายที่บ้านของซือถูเหยียนถูกไฟไหม้เมื่อสองปีก่อน เธอสามารถรอดชีวิตมาได้ แต่ไฟได้ลุกไหม้ใบหน้าของเธอไปครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของเธอมีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียด
ซือถูเหยี่ยนเป็นเพียงนักเรียนอีกคนหนึ่งในชั้นเรียนที่ 37 ของสำนักภูเขาใต้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์นั้น ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อนร่วมชั้นของซือถูเหยียนต่างก็กลัวใบหน้าที่มีแผลเป็นของเธอมาก เธอปิดบังใบหน้าของเธอด้วยผ้าคลุมหน้าและแม้จะทิ้งผมหน้าม้าหนาไว้ที่ด้านซ้ายของใบหน้าเพื่อปกปิดรอยแผลเป็น แต่ก็ไม่สามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์
เพื่อนร่วมชั้นที่อารมณ์ร้อนและซุกซนหลายคนมักจะรังแกเธอและต้องการบังคับให้เธอออกจากสำนักของเรา
จางซงจะตะโกนใส่เธอทุกวันว่า "ตัวประหลาด" อู๋เส้าอัน มักจะขว้างปาสิ่งของใส่เธอ เฉินต้าแม้จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ยังคงจุดไฟเผาฟางเพื่อให้ซือถูเหยี่ยนกลัว และเหยียนเสี่ยวหยู่มักจะรีดไถเงินจากเธอทุกเดือน
ซือถูเหยียนเคยคิดจะยอมแพ้ เธอไม่อยากเรียนอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลี่เยว่นั้นเป็นผู้ปลอบเธอและสนับสนุนให้เธอยืนหยัดต่อไป
ในบรรดานักเรียนทุกคนที่รังแกเธอหรือไม่กล้ามองเธอเลยในชั้นเรียนของซือถูเหยียน มีเพียงหลี่เยว่เท่านั้นที่จริงใจกับเธอ หลี่เยว่ที่เงียบขรึมมาตลอดและซือถูเหยียนที่ค่อยๆ โดดเดี่ยวในภายหลังดูเหมือนจะมีความเข้าใจที่คล้ายกัน
หลี่เยว่จะสนับสนุนให้ซือถูเหยียนกล้าหาญและเข้าเรียนต่อไปเสมอ นอกจากนี้เขายังจะช่วยให้เธอจบหลักสูตรใดๆ ที่เธอพลาดไปและยืนหยัดเพื่อเธอเมื่อพวกรังแกมุ่งเป้าไปที่เธอ.. เขายืนกรานทั้งหมดทั้งๆ ที่มันมักจะทำให้คนที่รังแกก็มุ่งเป้าไปที่เขาด้วย
ก่อนเกิดไฟไหม้ หลี่เยว่และซือถูเหยียนเป็นเพื่อนธรรมดา แต่หลังจากซือถูเหยียนเสียโฉม พวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน หลี่เยว่คิดว่าการเป็นเพื่อนที่ดีของซือถูเหยียนจะค่อยๆ ช่วยซือถูเหยียนให้มีกําลังใจขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่กล้าคาดคิดมาก่อน พวกเขาอ่านหนังสือที่ริมทะเลสาบ หลี่เยว่งีบหลับไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าซือถูเหยียนมัดเขาไว้แล้ว
ซือถูเหยียนมัดมือของหลี่เยว่เข้าด้วยกันและดึงมีดออกมา ดวงตาของเธอเปล่งประกายอย่างน่ากลัว
เธอบอกหลี่เยว่ว่าเธอตกหลุมรักเขา เมื่อเธอทำลายใบหน้าของเขา และทำให้เขากลายเป็นตัวปละหลาดด้วย พวกเขาก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
หลี่เยว่พยายามห้ามปราม แต่เธอดูเหมือนจะอยู่ในสภาพวิกลจริตและไม่สนใจคําพูดของเขาโดยสิ้นเชิง เธอแค่อยากให้เขาเหมือนเธอ เป็นตัวประหลาด เป็นปีศาจ
หลังจากการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่มีดของซือถูเหยียนจะเข้าใกล้เกินไป ในที่สุดหลี่เยว่ก็ดิ้นรนออกมาได้ เขาผลักซือถูเหยี่ยนออกไปและบอกว่าเธอเป็นคนบ้า จากนั้นเขาก็หันหลังและวิ่งหนีไป เขากลัวมากจนไม่กล้ามองเธออีกเลย
วันรุ่งขึ้น หลี่เยว่ได้ยินว่าซือถูเหยียนจมน้ำตายในทะเลสาบไปแล้ว
หลี่เยว่สับสนมาก เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกหรือผิด หรือเหตุใดการปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจ ทำให้เธอต้องตอบแทนด้วยวิธีนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าการเรียกเธอว่าคนบ้าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่บดขยี้เธอหรือไม่
เจ็ดวันต่อมา ศพของอู๋เส้าอันและจางชงก็ถูกพบในทะเลสาบ
คนในสำนักต่างคาดเดากันว่า เป็นผลพวงจากการแก้แค้นของซือถูเหยี่ยนที่กลับมา
และหลี่เยว่ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
ต้องเป็นเธอแน่ๆ เธอต้องกลับมาเพื่อแก้แค้นทุกคนที่รังแกเธอ
แต่หลี่เยว่กลับไม่รู้.. ถ้าเขาเป็นเป้าหมายของการแก้แค้นของเธอด้วยล่ะ
มันทำให้เขากลัวมาก
…
ชูเหลียงเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ซับซ้อน เรื่องราวที่เขาเพิ่งได้ยินเป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ
หลินเป่ยรออยู่ข้างนอก
หลินเป่ยที่เห็นชูเหลียงออกมาก็ถามเขา "เขาพูดว่าอย่างไรบ้าง"
"... และ ตั้งแต่จางชงและอู๋เส้าอันตาย เฉินต้าก็ไม่กลับมาที่สำนักอีกเลย เขาซ่อนตัวอยู่ในบ้านตลอดมา.. และเหยียนเสี่ยวหยู่ก็ยังคงทำตัวอันธพาลตามปกติ แต่หลังจากนี้จากสภาพที่เราสั่งสอนเขา เขาน่าจะไม่สามารถออกจากบ้านได้สักระยะ”
"ถ้าซือถูเหยี่ยนกลายเป็นวิญญาณแค้นจริงๆ ก็หมายความว่าเธออาจจะปรากฏตัวในทะเลสาบบนเนินเขาที่อยู่ด้านหลังสำนัก..”
"ข้าจะไปตรวจสอบสถานที่นั้น ท่านอยู่ที่นี่ ดูแลหลี่เยว่"
หลังจากชูเหลียงอธิบายสั้นๆ กับหลินเป่ยเกี่ยวกับการสนทนาของเขากับหลี่เยว่แล้ว เขาก็พร้อมที่จะไปที่เนินเขาด้านหลังสำนักเพื่อตรวจสอบ
หลินเป่ยกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะดูแลที่นี่เอง แต่จงระวังให้ดีเมื่อต้องรับมือกับวิญญาณแค้นล่ะ”
"วางใจเถิด ซือถูเหยียนไม่ได้ฝึกฝนเลยตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าเธอจะกลายเป็นวิญญาณแค้น แต่ก็คงไม่ยากเกินรับมือ" ชูเหลียงตอบพร้อมกระบี่ของเขาที่ส่องแสงพราว
…
ชูเหลียงเดินขึ้นไปบนเนินหลังสำนัก มันมืดค่ำมองไม่เห็นผู้ใด ท่ามกลางสายลมที่ส่งเสียงหวีดหวิว เงาต้นไม้กระจายไปทั่ว อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าอาจจะมีหลายสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด มันเป็นค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบทีเดียว
ชูเหลียงซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ ปิดกั้นการไหลของชี่เพื่อป้องกันมิให้ใครก็ตามตื่นตระหนกไปเสียก่อน เขาจะอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ จนถึงเที่ยงคืน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่จําเป็นต้องรอจนถึงเวลานั้น เพราะเขาได้ยินเสียงบางอย่างเข้าแล้ว
มีใครมาที่นี่ในเวลานี้งั้นหรือ
ชูเหลียงแผ่สติสัมปชัญญะของเขาออกมา จากนั้นได้สังเกตเห็นว่ามีเงาอยู่ใกล้ๆ
มันดูเหมือนด้านหลังของผู้หญิง
ชูเหลียงจับกระบี่ในมืออย่างระมัดระวังและกระโดดไปข้างหน้า เมื่อเขาไปถึงจุดที่หญิงคนดังกล่าวเพิ่งผ่านไป เขากลับไม่พบร่องรอยของเธอ
อะไรกัน แม้จะเป็นวิญญาณ มันก็ไม่ควรหายไปได้เร็วเพียงนี้..
ส่วนบริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยใดๆ นี่ทำให้ชูเหลียงรู้สึกงงงวยกับเรื่องนี้มาก
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดของอากาศเหนือศีรษะ
หวืด
มีแสงสีเขียวมรกตส่องลงมาจากท้องฟ้า มันดูเหมือนกระบี่ที่ห้อมล้อมด้วยกลุ่มพลังชี่ที่ฟาดฟันลงมา
"เจ้าเป็นใคร" ชูเหลียงถามพลางถือกระบี่เพื่อรับพลังนั้น
ดาบของเขาชนกับอาวุธของคู่ต่อสู้ กระทบดังสนั่น ทำให้เกิดลมพายุพัดจนใบไม้ที่ร่วงหล่นในระยะไม่กี่เมตรฟุ่งกระจาย
ในเวลานี้เอง ในที่สุดเขาก็เห็นอาวุธของคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน ไม่ใช่ดาบยาว แต่เป็นเถียฉี่[1]หยก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเถียฉี่หยกตรงหน้าเขาเป็นอาวุธที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับกระบี่บินของเขา เขารู้เพราะกระบี่ของเขาสั่นอย่างแรงด้วยพลังของเถียฉี่เล่มนั้นแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะเทียบเท่ากับคู่ต่อสู้ก็ตาม
คู่ต่อสู้ของชูเหลียงหยุดชะงักหลังจากการปะทะ ร่างเขากระโดดถอยหลัง ตีลังกากลางอากาศและลงจอด
ชูเหลียงเองก็ไม่ได้ทำอะไรต่อเพราะชี่ที่ร่างนั้นส่งออกมาเป็นชี่ที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่สิ่งเหนือธรรมชาติหรือวิญญาณแต่อย่างใด
เมื่อเขาตั้งใจเพ่งมอง ปรากฏว่าผู้ที่เขาพึ่งปะทะด้วยเป็นผู้หญิงตัวสูงในชุดสีดําที่พอดีตัวซึ่งเน้นรูปร่างที่บางเบาและขนาดของหน้าอกของเธอ ผิวขาวละเอียดอ่อนของเธอเปล่งประกายภายใต้แสงจันทร์
"..อาจารย์ซ่ง"
"..ชูเหลียง"
ทั้งสองกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ผู้ที่โจมตีชูเหลียงก็คืออาจารย์สาวซ่งชิงอี้ที่เขาพบในตอนกลางวันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หน้าอกของซงชิงอี้ดูไม่ใหญ่ขนาดนั้นตอนกลางวัน แต่มันใหญ่จนน่าตกใจในเวลาไม่ถึงครึ่งคืน มันแปลกมาก
ทั้งสองมองกันอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยถามพร้อมกันว่า “ท่านเป็นผู้ฝึกตนด้วยงั้นหรือ”
พวกเขาหยุดชั่วคราว
จากนั้นพวกเขาก็ถามอีกฝ่ายในเวลาเดียวกันอีกครั้ง “ท่านมาทําอะไรที่นี่”
ซ่งชิงอี้หน้าแดง
จากนั้นเธอก็ทําสีหน้าแข็งกร้าวและตําหนิว่า "อย่าเลียนแบบข้านะ"
ชูเหลียงเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและยกมือขึ้นและส่งสัญญาณอย่างสุภาพให้เธอพูดก่อน
"ข้าว่าแล้ว มีบางอย่างผิดปกติกับท่าน ท่านมาจากที่ใดกัน" ซงชิงอี้ถาม
"ข้าเป็นศิษย์ของนิกายฉูซาน ข้ามาที่สำนักภูเขาใต้เพื่อ.. อืม จริงๆ แล้วข้ารับคําขอให้คุ้มครองศิษย์คนหนึ่งของสำนักนี้" ชูเหลียงตอบตามความจริง "แล้วท่านล่ะ"
"ข้าเป็นคนของหอขุนนางเจียงหนาน.." ซ่งชิงอี้ตอบ "เกิดเรื่องแปลกขึ้นที่ในที่แห่งนี้ เราเป็นผู้ศรัทธาในทางขงจื๊อเช่นเดียวกับสำนักนี้ ข้าจึงต้องมาจัดการ แต่ข้ากลัวว่าจะทําให้ผู้ร้ายตกใจโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นข้าจึงปลอมตัวเป็นอาจารย์เข้ามายังสำนักนี้”
ข้าเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เธอยังน้อย และยังดูสง่างามทรงพลัง
ชูเหลียงกล่าวต่อว่า "เรื่องนี้ไม่ควรเกี่ยวข้องกับศิษย์แห่งฉูซาน ข้าเพียงแค่พยายามทําทุกอย่างเท่าที่ทําได้เพื่อทําภารกิจที่ได้รับมอบหมายสําเร็จโดยเร็ว ตามข่าวที่ข้าได้รับมา ข้าจึงมาสํารวจที่ริมทะเลสาบแห่งนี้ และในเมื่อท่านอยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน ข้าคิดว่าท่านคงรู้เรื่องของซือถูเหยี่ยนสินะ"
ซงชิงอี้พยักหน้าและพูดว่า "ใช่ ข้าเฝ้าดูสถานที่แห่งนี้มาตลอดสองคืน แต่ข้าไม่พบสัญญาณของกิจกรรมใดๆ จนถึงวันนี้ที่ข้าเห็นเงาคนหนึ่งซุ่มอยู่ นี่คือเหตุผลที่ข้าทําร้ายเจ้า หวังว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้า.."
"ไม่ต้องกังวล" ชูเหลียงส่ายหัวเล็กน้อยแล้วตอบ "ในกรณีนี้ ในเมื่อเรามีเป้าหมายเดียวกัน และต้องการคลี่คลายคดีแปลกๆ นี้ เราควรแบ่งปันข้อมูลที่เรารวบรวมให้กันและกันดีหรือไม่"
ซ่งชิงอี้ยอมรับคําแนะนําของชูเหลียงและพยักหน้าเบาๆ
"แล้วเจ้าอยากรู้อะไร" เธอถาม
"ข้าอยากรู้.." ชูเหลียงจ้องมองหุ่นที่งดงามรางรูปปั้นครึ่งตัวของซ่งชิงอี้อย่างอยากรู้อยากเห็น "ท่านซ่ง ในตอนกลางวันท่านใส่ที่รัดหน้าอกหรือ เหตุใดในตอนกลางคืนท่านถึงดูแตกต่างได้ถึงเพียงนี้"
เถียฉี่ : อาวุธกคล้ายดาบและกระบี่ เป็นแผ่นทรงสี่เหลี่ยมคล้ายไม้บรรทัดยาว