ตอนที่แล้วบทที่ 135 บรรพชนสิ้นชีพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 137 กีธอร์น

บทที่ 136 ความลับ


บุตรแห่งเทพนอกรีตดีดร่างของมันสูงขึ้นไปอีกหลายร้อยเมตร ปีกของเทวฑูตด้านหลังพยายามตะเกียกตะกายร่างของเดเมียนให้หลุดพ้นไปจากพันธะของกฎในระดับศักดิ์สิทธิ ในเวลาปกติกฎในระดับนี้คงไม่้สามารถทำร้ายมันได้ แต่เมื่อมีกฎระดับเทพเจ้าอีกบทที่ดึงเอาพลังของมันออกไปทุกขณะ อำนาจของเดเมียนก็ดูจะหายไปหลายส่วน มันไม่อาจจัดการกฎของเกลเลิร์ตได้อย่างง่ายดายเหมือนที่ควรจะเป็น

ในขณะที่เดเมียนกำลังจัดการกับปัญหาของตนเอง ร่างของเดโบราห์ก็ดูเหมือนจะถูกเผาไหม้ไปมากกว่าครึ่ง มันในตอนนี้ไม่มีขาสองข้าง แขนขวาและใบหน้าซีกซ้ายอีกต่อไป

“พ่อมดสีเงิน?”

เสียงกระซิบเบาๆของอัคมาร์ดังขึ้นใกล้กับร่างของเดโบราห์ ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่มุขมนตรีแห่งวอร์ล็อคผู้นี้ฟื้นคืนสติกลับมา

“พาข้าหนีไป!”

เดโบราห์รีบออกคำสั่งทันที สีหน้าของอัคมาร์ดูงุนงงในตอนแรกเมื่อมองไปที่เปลวไฟสีขาวที่ลุกไหม้อยู่บนร่างโครงกระดูกของบรรพชนของมัน แต่เมื่อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อัคมาร์ก็รีบพาร่างของเดโบราห์ออกไปทันที

เปลวไฟสีขาวไม่ได้ทำร้ายอัคมาร์ มันไมไ่ด้ถูกจำกัดโดยพลังอำนาจของสิ่งที่พ่อมดสีเงินเรียกออกมา เปลวไฟสีเขียวลุกไหม้ขึ้นบนมือของมุขมนตรีแห่งวอร์ล็อคและพุ่งไปที่เดโบราห์เป็นลูกไฟสีเขียว มันโอบอุ้มร่างของเดโบราห์เอาไว้และพาเขาหายตัวไปท่ามกลางการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายโดยรอบ

อัคมาร์เองเมื่อเห็นว่าเดโบราห์หนีไปได้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนและเฝ้ามองบุตรแห่งเทพนอกรีตตรงหน้าอีกครู่หนึ่ง ความลับของวอร์ล็อคมันทราบมาบ้างแล้ว เดเมียนผู้นี้คือนายที่แท้จริงของพวกมัน

“เจ้าควรหนีไปตอนนี้”

เงาของใบหน้าที่ดูไม่เหมือนมนุษย์ปกติปรากฎขึ้นด้านข้างอัคมาร์ พลังของตัวตนนี้ไม่แตกต่างไปจากของอัคมาร์มากนัก คำพูดของมันทำให้มุขมนตรีแห่งวอร์ล็อคตัดสินใจได้ดีขึ้น และก็เป็นตัวตนนี้เองที่ช่วยให้อัคมาร์ฟื้นขึ้นมาจากเวทย์คาถาของเกลเลิร์ต

“ศิษย์น้องข้า เจ้าไม่ควรติดต่อข้ามาในเวลานี้”

อัคมาร์ไม่ได้ตกใจที่เห็นใบหน้านั้นปรากฎขึ้น พวกเขาดูคุ้นเคยกันดี

“ท่านไม่ตอบกลับหินเชื่อมวิญญาณตามปกติ ข้าจำเป็นต้องดูสถานการณ์ทางท่านให้แน่ใจ”

“เจ้าควรเป็นห่วงทางรัสเซลมากกว่า พวกแวมไพร์ปรากฎตัวขึ้นแล้ว”

“ข้ารู้แล้ว พลังของดวงจันทร์กำลังแข็งแกร่งขึ้น มหาทวีปกำลังกลับไปยังยุคเดิมอีกครั้งในไม่ช้า”

ใบหน้าในอากาศนั้นแสดงความวิตกออกมาอย่างไม่ปิดบัง มันค่อยๆถอนพลังของตนเองกลับไป ไม่นานใบหน้านั้นก็เลือนหายไปกับแสงสีเขียวที่เป็นผลพวงจากคาถาที่มันใช้

อัคมาร์ก้มคำนับเดเมียนราวกับกล่าวลา

“ฝ่าพระบาท”

มันคงไม่รอให้เดเมียนเพลี้ยงพล้ำไปมากกว่านี้ มันทราบแล้วว่านี้ไม่ใช่ศึกในระดับที่มันควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ระดับตำนานขั้นแรกยังคงเป็นระดับตำนานขั้นแรก มันยังห่างไกลจากการเข้าใจในกฎของตนเองอีกหลายขุม

จู่ๆเปลวไฟแบบเดียวกับที่พาเดโบราห์หนีไปเมื่อครู่ก็ลุกท่วมร่างของอัคมาร์อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตามุขมนตรีผู้ชั่วร้ายตนนี้ก็สลายหายไปราวกับควัน

เดเมียนไม่มีเวลามาสนใจคนของตนเอง มันรู้ว่ามันไม่อาจต่อกรกับคนทั้งสองได้ในเวลานี้ ไม่ใช่ว่ามันอ่อนแอ แต่เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาต่างหาก

เมื่อตัดสินใจได้บุตรแห่งเทพนอกรีตก็ดึงเอาเศษเสี้ยววิญญาณของบางคนออกมา ออสบอร์นมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“แลกเปลี่ยน ยอมหรือไม่”

เดเมียนรู้ว่าสิ่งนี้จะส่งผลกับออสบอร์นได้ไม่มากก็น้อย ใบหน้าของวิญญาณนั้นเป็นใบหน้าที่พ่อมดเฒ่าคุ้นเคย

เมเซียส สัตว์วิญญาณของกรีมัวร์

ออสบอร์นรู้ว่าถ้าเขาไม่ยินยอมแลกเปลี่ยน เมเซียสจะถูกกำจัดทันที

“ตามนั้น”

พ่อมดเฒ่าพยักหน้าอย่างจำยอม เงาร่างของวิญญาณปรากฎขึ้นบนตราชั่ง ตอนแรกมันไม่อาจส่งผลอะไรเลย แต่ออสบอร์นกลับเข้ามาแทรกแซงในวินาทีสุดท้าย การยินยอมของเขาเป็นเื่อนไขหนึ่งที่ทำให้กฎสลายไป ไม่เช่นนั้นแล้วศัตรูก็ได้แต่แลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ทันใดนั้นตราชั่งก็ยกขึ้นเสมอกับร่างเงาของเดเมียน

พลังแห่งกฎระดับเทพเจ้าสองบทถอนหายไปพร้อมกัน พลังของเกลเลิร์ตก็ค่อยๆหายไปเช่นเดียวกัน

เดเมียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย สิ่งใดก็ตามที่พ่อมดสีเงินเรียกออกมาในตอนแรกนั้นกำลังถอนกลับไปยังโลกที่มันจากมา แดนแห่งโลกวัตถุไม่ใช่ที่ที่มันควรอยู่ กฎแห่งโลกยังคงแข็งแกร่ง

แต่ก็แค่ในเวลานี้เท่านั้น…

เมื่อแสงสีขาวของแดนปฐมแห่งแสงจากไปแล้ว ป่าก็กลับมามืดครึ้มดั่งเดิม ดวงจันทร์จำลองหายไป พลังของความวิปริตหายไป ท้องฟ้าเกลื่อนไปด้วยดวงดาวสีเงินประดุจว่ามิเคยเกิดการต่อสู้ใดๆขึ้น

“เราคงได้พบันอีก”

สิ้นเสียงของเดเมียน แสงสีเลือดก็กระจายออกมาจากร่างของมัน ร่างทั้งร่างเริ่มสลายหายไปกับแสงสีโลหิตราวกับกำลังก้าวข้ามไปยังดินแดนที่ไม่มีอยู่จริง แสงนั้นค่อยๆหดลงทีละน้อยจนในที่สุดก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก

ออสบอร์นถอนหายใจยาวๆทีหนึ่ง ในมือของเขาเศษเสี้ยววิญญาณของเมเซียสกำลังเต้นไหวไปมาราวกับสิ่งมีชีวิตที่เขาเคยเห็นแต่ในสารคดีของช่องCNN เมเซียสกำลังหลับไหล ในระยะยาวเขายังต้องหาวิธีทำให้ทั้งกรีมัวร์และเมเซียสกลับมาเหมือนเดิมให้ได้อีกครั้ง

“ท่านพ่อมด?”

เสียงของหญิงสาวดังขึ้นทางด้านหลัง ร่างของสตรีผู้งดงามและเปี่ยมไปด้วยพลังกำลังย่างกรายมาจากทางถ้ำที่ติดตั้งวงแหวนเคลื่อนย้ายเอาไว้

“โซยา”

พ่อมดเฒ่าเต็มไปด้วยความแปลกใจ ขณะเดียวกันเสียงแจ้งเตือนของระบบก็บ่งบอกว่าวิกฤติได้หายไปแล้วก็ดังขึ้น

[ติ้ง!!! ตรวจพบว่าอาณาจักรลับเวทมนตร์กลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง กำลังดำเนินการติดตั้งในสถานที่เดิมโดยอัตโนมัติ]

อาณาเขตของอาณาจักรกลับมาเมื่อไหร่ไม่ทราบ ม่านพลังเริ่มก่อตัวขึ้นจากพื้นดินและโอบอุ้มทั้งดินแดนไว้อีกครั้ง พื้นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์บัดนี้ถูกทำลายจนย่อยยับ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยกี่พันปีกว่าดินแดนนี้จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

“มันถูกทำลายหมดแล้ว….บ้านข้า พวกกอแท็บคงเสียใจมาก พวกเขาตั้งใจสร้างที่นี่ให้กับข้า”

พ่อมดเฒ่าก้มลงหยิบเอาเศษไม้ที่เคยเป็นประตูบ้านของเข้าขึ้นมา พวกบลังโกไซราแกรนด์และไธออนค่อยเดินกลับไปยังแอ่งน้ำเล็กที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เคยเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่บรรจุเอาไว้ซึ่งน้ำที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิต พวกสัตว์หลายตัวที่หนีออกไปได้ก่อนหน้านั้นก็ตรงไปยังแอ่งน้ำเช่นกัน ออสบอร์นไม่รีรออธิบายอะไรให้โซยาฟัง เขาหยิบหินวิเศษและออกคำสั่งกับไธออนทันที

ไม่นานสระน้ำที่สร้างจากคาถาของไธออนก็ถูกวางเอาไว้แทนทะเลสาบชั่วคราว น้ำด้านในนั้นถูกพลังของหินวิเศษแปลสภาพเหมือนที่ผ่านมา ไม่นานเหล่าสัตว์ต่างๆก็ใช้มันเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บ

“เจ้ามาได้อย่างไร”

ออสบอร์นมีเวลามาสนใจโซยาแล้วในตอนนี้ เขาแปลกใจที่ผู้พิทักษ์ของอาณาจักรลับสามารถเดินทางออกมาด้านนอกได้

“เรามาเพื่อช่วยท่าน ท่านพ่อมด”

เสียงของอูกุสแตงดังออกมาจากปากถ้ำใต้ดิน ด้านหลังของเขายังมีนักบวชชั้นสูงกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ พวกเขาทั้งสองคนไม่คุ้นเคยสำหรับออสบอร์นเลย

“อาร์คบิชอปโอเวน พระอัครสังฆราชแห่งบอสติล กับเรนดิส เอิร์ลแห่งเมลฟอร์ด หัวหน้าสำนักงานสังฆการีแห่งบอสติล พวกเขาไปที่เมืองพรินต์เพื่อแต่งตั้งลูกศิษย์ของท่านเป็นไวเคานต์แห่งพรินต์ แต่ท่านดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน พวกเขาจึงอาสามาช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าตนเองคิดผิดเลยไม่ยอมแสดงตัว พวกแวมไพน์ดูเหมือนจะเป็นมิตรกับท่าน”

อูกุสแตงอธิบายพลางเดินเข้ามาใกล้ โซยาเองก็บอกถึงข้อสันนิษฐานของตนเกี่ยวกับการเดินทางข้ามอาณาจักรลับเช่นกัน และแน่นอนว่านางคิดถูก การที่นางมาอยู่ที่นี่ได้คือข้อพิสูจน์ ออสบอร์นค่อยๆทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ส่วนที่โซยากับอูกุสแตงและพระสังฆราชแห่งบอสติลอะไรนั่นจะเข้าใจสถานการณ์ทางฝั่งเขาหรือไม่นั้นเขาไม่ได้ว่างพอที่จะสนใจเลย เขายังมีภาระอีกหลายอย่าง

“สถานการณ์ที่นี่กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว”

ออสบอร์นมองไปยังพื้นที่โดยรอบ ตรงทางซ้ายมือเขายังเห็นกระต่ายเฒ่าออกัสกำลังพาครอบครัวกลับเข้าในอาณาจักรลับอีกครั้ง พลังของเวทมนตร์ที่เข้มข้นในนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดแข็งแกร่งขึ้นและอายุยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทุกชีวิตดูเหมือนว่าจะอยู่ครบ

“เราทราบแล้ว เรามาทันเห็นท่านกำราบนายแห่งวอร์ล็อคตนนั้น”

โซยาอธิบาย

“นายแห่งวอร์ล็อค?”

พ่อมดเฒ่าไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน

“เป็นคำที่ข้าบอกแก่นาง คำนี้พวกนักบวชในศาสนจักรใช้เรียกบรรพชนดั้งเดิมตนแรกแห่งวอร์ล็อค ตามตำนานแล้วมันถูกส่งมายังโลกใบนี้เมื่อนานมาแล้ว”

อูกุสแตงไม่ได้ปิดบังออสบอร์น

“ท่านไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องนี้อูกุสแตง สมเด็จพระสันตะปาปาจะสั่งแขวนคอท่าน!”

จู่ๆเสียงของชายวัยกลางคนก็ดังมาจากด้านนอกถ้ำใต้ดิน โอเวนแอบฟังพวกเขาคุยกันมาตลอด พระอัครสังฆราชผู้นี้เดินดุ่มๆมาทางอูกุสแตงอย่างเอาโทษในขระที่สายตาก็มองไปยังพวกแวมไพน์ตลอดเวลา กลับกันชายหนุ่มที่ชื่อเรนดิสดูจะสงบกว่ามาก

“ข้าไม่ใช่นักบวชในศาสนจักรอีกแล้ว ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นเชลยของท่านพ่อมด”

อดีตพระคาร์ดินัลฝ่ายขวาเองก็ไม่ยอมเช่นกัน

“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าท่านจะรู้อะไรเกี่ยวกับเจ้ามนุษย์ไม่มีหนังตนนั้น บอกข้ามาให้หมด”

ออสบอร์นมองไปยังอูกุสแตงด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์ ในขณะที่โซยาเดินมากันเส้นทางของโอเวนเอาไว้อย่างรู้งาน

พ่อมดเฒ่าจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เพราะจากประวัติศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มา หรือจากที่กรีมัวร์เคยเล่า บรรพชนวอร์ล็อคมีทั้งหมดสิบสามตน และพวกเขาถูกส่งมาจากนอกโลกตั้งแต่แรก ไม่มีส่วนไหนที่กล่าวที่บรรพชนดั้งเดิมตนแรกแม้แต่น้อย

ศาสนจักรปิดบังอะไรอยู่กันแน่?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด