ตอนที่แล้วตอนที่ 2 : ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กรึไง ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 : สกิลของฉันกลายพันธุ์ !

ตอนที่ 3 : สกิลมันแปลก ?


ตอนที่ 3 : สกิลมันแปลก ?

ระเบิดผิวหนัง ?

หลินลั่วสับสน

หลังจากที่เรียนมาหลายปี เขาเข้าใจเรื่องอาชีพพื้นฐานในโลกนี้อย่างลึกซึ้ง

ตาม ‘สารานุกรมอาชีพ’ นักบวชน่ะเป็นอาชีพทั่วไป ระดับประเมินของอาชีพนี่อยู่ที่ระดับ D

ถ้ามีโอกาสในอนาคต งั้นก็หาจดหมายย้ายงานรึใช้วิธีอื่น เราจะสามารถปลุกพลังรอบที่สอง ตอนที่เลเวล 30

นักบวชศักดิ์สิทธิ์กับนักบวชแสงนั้นโฟกัสไปที่การรักษา นักบวชวาจาโฟกัสไปกับการปกป้องและควบคุม แม้แต่นักบวชทมิฬและนักบวชเงาก็เก่งในด้านการทำให้ศัตรูอ่อนแอลง นี่คืออาชีพต่อที่สามารถพัฒนาได้

ทว่าหนึ่งในอาชีพรากฐาน สกิลพื้นฐานนั้นต้องเป็นสกิลรักษา, ลดพลัง, แสงและความสามารถด้านอื่นๆ

ทว่าสกิลระเบิดผิวหนังนี่มันบ้าอะไร ?

ค่าสเตตัสของเขาก็เหมือนจะเอื้อให้กับสกิลนี้

[ ระเบิดผิวหนัง(LV 1) – สกิลกลายพันธุ์ที่สามารถทำให้ผิวหนังของเป้าหมายระเบิดได้ในทันที ไม่สนใจพลังป้องกัน มีโอกาส 50% -100%  ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและเลือดไหล ]

“สกิลกลายพันธุ์ ?”

“นี่มันบ้าอะไร ?” หลินลั่วสับสน

ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่ครูสอนมารึจากข้อมูลที่เขาได้อ่านในอินเตอร์เน็ต มันก็ไม่เคยมีเรื่องอย่างการกลายพันธุ์ของสกิลเลย

ยิ่งกว่านั้นดูจากคำอธิบายสกิลแล้ว มันก็ดูคล้ายกับสกิลฟื้นฟูอยู่

แต่....ผลมันตรงกันข้ามต่างหาก

อันแรกคือการเร่งความเร็วในการฟื้นฟูบาดแผล ส่วนอันหลังนั้นเหมือนกับเอาเกลือราดลงบนแผล

เขาเปิดรายชื่อสกิล

สกิลแรกของเขาคือระเบิดผิวหนัง

ด้านบนเหมือนมีกิ่งไม้แตกออกไป มันคือผังทักษะ

สกิลสองอันด้านบน [ระเบิดผิวหนัง] เป็นสีดำเทายังไม่อาจจะเข้าไปดูรายละเอียดได้

“เลเวลยังไม่พอ ฉันยังไม่มีคะแนนสกิลให้เรียนรู้สกิลพวกนี้ ไม่รู้ว่าสกิลที่แตกออกมาจากสกิล [ระเบิดผิวหนัง] จะเป็นยังไง....”

“รึว่า...”

หลินลั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ

“รึว่ามันเพราะรางวัลจากการเดินทางข้ามโลกมา ? !”

ในฐานะคนที่เดินทางมาจากต่างโลก แน่นอน เขารู้ว่ารางวัลที่ว่านี้หมายถึงอะไร

เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เขาเดินทางข้ามโลกมา เขาตามหารางวัลที่ว่า เขายังสับสนอยู่ว่ารางวัลที่ว่านี้จะเป็นอะไร

โชคร้ายที่เขาไม่เจออะไรเลยและต้องเศร้าอยู่สักพักใหญ่

ไม่คิดเลยว่าผ่านมา 3 ปี ระหว่างพิธีปลุกพลัง รางวัลที่เขาตามหามานานกลับปรากฎขึ้นที่นี่ !

เขาเริ่มหายใจถี่

“ไม่ต้องกังวล สกิลพื้นฐานน่ะเรียนรู้ได้ก่อนจะเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 ตอนเลเวล 30 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสกิลอะไรก็สามารถเรียนรู้ได้ แต่มันจะหายากและราคาก็ยังสูงอีกต่างหาก”

“ตอนกลับบ้าน ฉันจะลองซื้อสกิลนักบวช 2 สกิลมาลองดู...”

เขากดความตื่นเต้นในใจเอาไว้และล้วงเอามือถือออกมากด

เขากดเข้าไปในเว็บไซต์ของเมืองปิ้นไห่และเริ่มทำการค้นหา

ในโลกนี้ แต่ละอาชีพหลังจากที่ปลุกพลังขึ้นมาจะมีผังสกิลของตัวเอง

ตราบใดที่มีเลเวลมากพอและมีคะแนนสกิลมากพอ งั้นเขาก็สามารถเรียนรู้สกิลตามผังสกิลได้

สกิลพวกนี้เกี่ยวข้องกันและช่วยส่งเสริมกัน

นอกจากนี้แต่ละอาชีพก็สามารถเรียนรู้สกิลผ่านช่องทางอื่นได้

อย่างเช่นหนังสือสกิล !

“พี่ลั่ว นายทำอะไรของนาย ?” ถังเฉิงเดินเข้ามาหา

“ซื้อหนังสือสกิล !”

“โอ้” ถังเฉิงเบะปากและพูดขึ้นมา “ฉันเกือบลืมไปเลยว่านายมันลูกคนรวย ป้ายังไม่กลับมาอีกเหรอ ?”

“อื้ม....” หลินลั่วตอบกลับแบบส่งๆ “ฉันคุยกับแม่เมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนนี้แม่น่าจะอยู่อีกฝั่งของทะเลดวงดาว แม่บอกว่าหลังจากที่ล่องเรือครั้งนี้เสร็จ แม่จะได้พัก 1 เดือน”

“ทะเลดวงดาว....ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นมีรอยแยกมิติอยู่เยอะ แต่มันก็ยังมีสมบัติอยู่เยอะด้วย...” ถังเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าฉันมีโอกาส ฉันเองก็จะไปที่ทะเลดวงดาวเพื่อสำรวจที่นั่น !”

“ที่นั่นเป็นที่ที่แม้แต่อาชีพขั้นทองยังไม่กล้าเข้าไป นายควรรักษาชีวิตตัวเองไว้ดีกว่า”

“ชิ บางทีฉันอาจจะก้าวเป็นผู้ปลุกพลังขั้นทองก็ได้ !”

“งั้นฉันจะรอฟังข่าวดีจากนายละกัน ฮาฮา...”

ในโลกนี้ นอกจากระดับอาชีพแล้ว มันก็ยังมีการแบ่งขั้นอีกต่างหาก

ผู้ปลุกพลังฝึกหัดคือเลเวล 1-10

หลังจากที่เลเวล 30 แล้ว มันจะมีการปลุกพลังรอบสอง ตอนนั้นจะกลายเป็นผู้ปลุกพลังขั้นเหล็ก

ระดับ 3 คือผู้ปลุกพลังขั้นทองแดง

ระดับ 4 คือผู้ปลุกพลังขั้นเงิน

ระดับ 5 คือผู้ปลุกพลังขั้นทอง

ต่อไปคือผู้ปลุกพลังระดับชั้นยอด, ผู้ปลุกพลังชั้นตำนานและผู้ปลุกพลังชั้นเทพ !

หลังจากที่หาข้อมูลได้สักพัก สุดท้ายหลินลั่วก็พบกับเป้าหมายที่ต้องการ

มันคือสกิลพื้นฐานทีนักบวชสามารถเรียนรู้ได้ก่อนเลเวล 30 !

[ สกิล - ฟื้นฟูเลือด

คำเตือน – มีแค่นักบวชกับอาชีพเสริมสายรักษาเท่านั้นที่เรียนรู้ได้

ข้อกำหนด - เลเวล 6

ผล – ฟื้นฟูเลือดจำนวนหนึ่งของป้าหมายในเวลาอันสั้น ยิ่งค่าสติปัญญาสูงเท่าไหร่ ปริมาณเลือดที่ฟื้นฟูได้ก็สูงเท่านั้น]

[สกิล - สงบสติ

คำเตือน – มีแค่นักบวชกับพ่อมดเท่านั้นที่เรียนรู้ได้

ข้อกำหนด - สติปัญญา 6 หน่วย, ร่างกาย 4 หน่วย

ผล - ใช้กับเป้าหมาย เพิ่มความต้านทานต่ออาการผิดปกติ, ต้านทานภาพลวงตาและลดความเจ็บปวดของเป้าหมาย]

สกิลทั้งสองอย่างนี้คือสกิลฟื้นฟูและสกิลเสริม ราคาจึงไม่ได้สูงนัก

[ฟื้นฟูเลือด] ราคา 100,000 หยวน [สงบจิต] ราคาแค่ 60,000 หยวน

แม่ของหลินลั่วเป็นนักเดินเรือบนเรือสำราญและหาเงินได้มาก ดังนั้นเงินที่แม่เขาให้ใช้ก็จึงมากไปด้วย

หลังจากที่เลิกเรียน หลินลั่วก็รีบวิ่งออกมาจากโรงเรียนมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านทันที

ไม่ว่าถังเฉิงที่อยู่ด้านหลังจะตะโกนเรียกดังแค่ไหนแต่หลินลั่วก็ไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด

“บ้าเอ้ย ! เขาจะรีบไปไหนของเขา ?”

“ใช่สิ....หนังสือสกิล !”

ถังเฉิงตะโกนและรีบวิ่งออกไปทันที

เมื่อเห็นว่าหลินลั่วไม่ได้หันกลับมามอง เหลียนอี้หนิงในชุดขาวดูใสซื่อบริสุทธิ์ก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของหลินลั่ว สายตาของเธอเหมือนแอบซ่อนอะไรบางอย่าง

เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆยิ้มและพูดขึ้นมา “อี้หนิง เธอยังคิดอะไรกับเดือนโรงเรียนเราอยู่อีกเหรอ ตอนนี้เธอปลุกพลังได้อาชีพระดับ A มา เขาอยู่แค่ระดับ D ช่องว่างระหว่างเธอกับเขาน่ะมันกว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”

เหลียนอี้หนิงส่ายหน้าและพูดขึ้น “เธอพูดอะไรของเธอ ? ฉันไม่ได้มองเขาสักหน่อย”

“จริงเหรอ ? ฉันเห็นตาใครมองเขาไม่กระพริบตาก็ไม่รู้”

“พูดไร้สาระอะไรของเธอ ? เชื่อมั้ยว่าฉันข่วนเธอตายได้เลยนะ !”

“คิคิคิ ....หยุดได้แล้ว ! หยุด !” เพื่อนสนิทจับมือเหลียนอี้หนิงเอาไว้และพูดขึ้น “อี้หนิง เธอต้องคิดดูดีๆ เธอกำลังจะเรียนจบ ถ้าเธอไม่สารภาพความรู้สึกของตัวเองออกมา ถ้าเรียนจบไปแล้ว ยิ่งเธอเข้าไปมหาลัยใหญ่ก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีก”

“ฉัน...”

“อี้หนิง ! อี้หนิง !” อยู่ๆก็มีชายตัวสูงวิ่งเข้ามาหาเหลียนอี้หนิง

“นั่นหยางห้าวหรันจากห้อง 1 !”

“ฉันได้ยินมาว่าเขาปลุกพลังระดับ A นักดาบเวทย์ เขาบ่มเพาะทั้งด้านการต่อสู้และเวทย์ ”

“เขาไล่จีบเหลียนอี้หนิง เขาเป็นคนมีพรสวรรค์และหน้าตาดี ทั้งสองคนอยู่ระดับ A ทั้งคู่ ดูเหมาะสมกันดี...”

หยางห้าวหรันเดินเข้ามาหาเหลียนอี้หนิงและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อี้หนิง เธอจะเลือกมหาลัยไหน ? บอกฉันหน่อยได้รึเปล่า ?”

ตาเขาเป็นประกายราวกับอยากจะกลืนกินเหลียนอี้หนิงลงไป

เหลียนอี้หนิงคิ้วขมวดและพูดขึ้น “หยางห้าวหราน ฉันชื่อเหลียนอี้หนิง ต่อไปเรียกชื่อฉันเต็มๆด้วย”

“อีกอย่างฉันจะเลือกมหาลัยไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาย !”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็ไม่สนว่าหยางห้านหรานจะมีสีหน้าบิดเบี้ยวแค่ไหน เธอหันกลับและเดินหนีออกไป

สีหน้าของหยางห้าวหรานบิดเบี้ยว คนรอบตัวเริ่มนินทาและหัวเราะเยาะเขา

รอยยิ้มที่สดใสตอนแรกกลายเป็นความแค้นเคือง

“ทำไมเธอต้องทำตัวสูงส่งด้วย ?”

“ฉันเคยได้ยินมาว่าเธอเคยเขียนจดหมายสารภาพรักให้กับหลินลั่ว แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะกล้าปฏิเสธฉัน!”

“อีกไม่นานก็จะถึงการทดสอบเข้ามหาลัย ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะอยู่ในเมืองนี้ไปได้ตลอด อีกไม่นานเธอจะต้องออกไปเพื่อฝึก”

“ถึงตอนนั้น หึหึหึ....”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด