ตอนที่ 3 : สกิลมันแปลก ?
ตอนที่ 3 : สกิลมันแปลก ?
ระเบิดผิวหนัง ?
หลินลั่วสับสน
หลังจากที่เรียนมาหลายปี เขาเข้าใจเรื่องอาชีพพื้นฐานในโลกนี้อย่างลึกซึ้ง
ตาม ‘สารานุกรมอาชีพ’ นักบวชน่ะเป็นอาชีพทั่วไป ระดับประเมินของอาชีพนี่อยู่ที่ระดับ D
ถ้ามีโอกาสในอนาคต งั้นก็หาจดหมายย้ายงานรึใช้วิธีอื่น เราจะสามารถปลุกพลังรอบที่สอง ตอนที่เลเวล 30
นักบวชศักดิ์สิทธิ์กับนักบวชแสงนั้นโฟกัสไปที่การรักษา นักบวชวาจาโฟกัสไปกับการปกป้องและควบคุม แม้แต่นักบวชทมิฬและนักบวชเงาก็เก่งในด้านการทำให้ศัตรูอ่อนแอลง นี่คืออาชีพต่อที่สามารถพัฒนาได้
ทว่าหนึ่งในอาชีพรากฐาน สกิลพื้นฐานนั้นต้องเป็นสกิลรักษา, ลดพลัง, แสงและความสามารถด้านอื่นๆ
ทว่าสกิลระเบิดผิวหนังนี่มันบ้าอะไร ?
ค่าสเตตัสของเขาก็เหมือนจะเอื้อให้กับสกิลนี้
[ ระเบิดผิวหนัง(LV 1) – สกิลกลายพันธุ์ที่สามารถทำให้ผิวหนังของเป้าหมายระเบิดได้ในทันที ไม่สนใจพลังป้องกัน มีโอกาส 50% -100% ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและเลือดไหล ]
“สกิลกลายพันธุ์ ?”
“นี่มันบ้าอะไร ?” หลินลั่วสับสน
ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่ครูสอนมารึจากข้อมูลที่เขาได้อ่านในอินเตอร์เน็ต มันก็ไม่เคยมีเรื่องอย่างการกลายพันธุ์ของสกิลเลย
ยิ่งกว่านั้นดูจากคำอธิบายสกิลแล้ว มันก็ดูคล้ายกับสกิลฟื้นฟูอยู่
แต่....ผลมันตรงกันข้ามต่างหาก
อันแรกคือการเร่งความเร็วในการฟื้นฟูบาดแผล ส่วนอันหลังนั้นเหมือนกับเอาเกลือราดลงบนแผล
เขาเปิดรายชื่อสกิล
สกิลแรกของเขาคือระเบิดผิวหนัง
ด้านบนเหมือนมีกิ่งไม้แตกออกไป มันคือผังทักษะ
สกิลสองอันด้านบน [ระเบิดผิวหนัง] เป็นสีดำเทายังไม่อาจจะเข้าไปดูรายละเอียดได้
“เลเวลยังไม่พอ ฉันยังไม่มีคะแนนสกิลให้เรียนรู้สกิลพวกนี้ ไม่รู้ว่าสกิลที่แตกออกมาจากสกิล [ระเบิดผิวหนัง] จะเป็นยังไง....”
“รึว่า...”
หลินลั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ
“รึว่ามันเพราะรางวัลจากการเดินทางข้ามโลกมา ? !”
ในฐานะคนที่เดินทางมาจากต่างโลก แน่นอน เขารู้ว่ารางวัลที่ว่านี้หมายถึงอะไร
เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เขาเดินทางข้ามโลกมา เขาตามหารางวัลที่ว่า เขายังสับสนอยู่ว่ารางวัลที่ว่านี้จะเป็นอะไร
โชคร้ายที่เขาไม่เจออะไรเลยและต้องเศร้าอยู่สักพักใหญ่
ไม่คิดเลยว่าผ่านมา 3 ปี ระหว่างพิธีปลุกพลัง รางวัลที่เขาตามหามานานกลับปรากฎขึ้นที่นี่ !
เขาเริ่มหายใจถี่
“ไม่ต้องกังวล สกิลพื้นฐานน่ะเรียนรู้ได้ก่อนจะเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 ตอนเลเวล 30 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสกิลอะไรก็สามารถเรียนรู้ได้ แต่มันจะหายากและราคาก็ยังสูงอีกต่างหาก”
“ตอนกลับบ้าน ฉันจะลองซื้อสกิลนักบวช 2 สกิลมาลองดู...”
เขากดความตื่นเต้นในใจเอาไว้และล้วงเอามือถือออกมากด
เขากดเข้าไปในเว็บไซต์ของเมืองปิ้นไห่และเริ่มทำการค้นหา
ในโลกนี้ แต่ละอาชีพหลังจากที่ปลุกพลังขึ้นมาจะมีผังสกิลของตัวเอง
ตราบใดที่มีเลเวลมากพอและมีคะแนนสกิลมากพอ งั้นเขาก็สามารถเรียนรู้สกิลตามผังสกิลได้
สกิลพวกนี้เกี่ยวข้องกันและช่วยส่งเสริมกัน
นอกจากนี้แต่ละอาชีพก็สามารถเรียนรู้สกิลผ่านช่องทางอื่นได้
อย่างเช่นหนังสือสกิล !
“พี่ลั่ว นายทำอะไรของนาย ?” ถังเฉิงเดินเข้ามาหา
“ซื้อหนังสือสกิล !”
“โอ้” ถังเฉิงเบะปากและพูดขึ้นมา “ฉันเกือบลืมไปเลยว่านายมันลูกคนรวย ป้ายังไม่กลับมาอีกเหรอ ?”
“อื้ม....” หลินลั่วตอบกลับแบบส่งๆ “ฉันคุยกับแม่เมื่อ 3 เดือนก่อน ตอนนี้แม่น่าจะอยู่อีกฝั่งของทะเลดวงดาว แม่บอกว่าหลังจากที่ล่องเรือครั้งนี้เสร็จ แม่จะได้พัก 1 เดือน”
“ทะเลดวงดาว....ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นมีรอยแยกมิติอยู่เยอะ แต่มันก็ยังมีสมบัติอยู่เยอะด้วย...” ถังเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าฉันมีโอกาส ฉันเองก็จะไปที่ทะเลดวงดาวเพื่อสำรวจที่นั่น !”
“ที่นั่นเป็นที่ที่แม้แต่อาชีพขั้นทองยังไม่กล้าเข้าไป นายควรรักษาชีวิตตัวเองไว้ดีกว่า”
“ชิ บางทีฉันอาจจะก้าวเป็นผู้ปลุกพลังขั้นทองก็ได้ !”
“งั้นฉันจะรอฟังข่าวดีจากนายละกัน ฮาฮา...”
ในโลกนี้ นอกจากระดับอาชีพแล้ว มันก็ยังมีการแบ่งขั้นอีกต่างหาก
ผู้ปลุกพลังฝึกหัดคือเลเวล 1-10
หลังจากที่เลเวล 30 แล้ว มันจะมีการปลุกพลังรอบสอง ตอนนั้นจะกลายเป็นผู้ปลุกพลังขั้นเหล็ก
ระดับ 3 คือผู้ปลุกพลังขั้นทองแดง
ระดับ 4 คือผู้ปลุกพลังขั้นเงิน
ระดับ 5 คือผู้ปลุกพลังขั้นทอง
ต่อไปคือผู้ปลุกพลังระดับชั้นยอด, ผู้ปลุกพลังชั้นตำนานและผู้ปลุกพลังชั้นเทพ !
หลังจากที่หาข้อมูลได้สักพัก สุดท้ายหลินลั่วก็พบกับเป้าหมายที่ต้องการ
มันคือสกิลพื้นฐานทีนักบวชสามารถเรียนรู้ได้ก่อนเลเวล 30 !
[ สกิล - ฟื้นฟูเลือด
คำเตือน – มีแค่นักบวชกับอาชีพเสริมสายรักษาเท่านั้นที่เรียนรู้ได้
ข้อกำหนด - เลเวล 6
ผล – ฟื้นฟูเลือดจำนวนหนึ่งของป้าหมายในเวลาอันสั้น ยิ่งค่าสติปัญญาสูงเท่าไหร่ ปริมาณเลือดที่ฟื้นฟูได้ก็สูงเท่านั้น]
[สกิล - สงบสติ
คำเตือน – มีแค่นักบวชกับพ่อมดเท่านั้นที่เรียนรู้ได้
ข้อกำหนด - สติปัญญา 6 หน่วย, ร่างกาย 4 หน่วย
ผล - ใช้กับเป้าหมาย เพิ่มความต้านทานต่ออาการผิดปกติ, ต้านทานภาพลวงตาและลดความเจ็บปวดของเป้าหมาย]
สกิลทั้งสองอย่างนี้คือสกิลฟื้นฟูและสกิลเสริม ราคาจึงไม่ได้สูงนัก
[ฟื้นฟูเลือด] ราคา 100,000 หยวน [สงบจิต] ราคาแค่ 60,000 หยวน
แม่ของหลินลั่วเป็นนักเดินเรือบนเรือสำราญและหาเงินได้มาก ดังนั้นเงินที่แม่เขาให้ใช้ก็จึงมากไปด้วย
หลังจากที่เลิกเรียน หลินลั่วก็รีบวิ่งออกมาจากโรงเรียนมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านทันที
ไม่ว่าถังเฉิงที่อยู่ด้านหลังจะตะโกนเรียกดังแค่ไหนแต่หลินลั่วก็ไม่ได้หันกลับมามองเลยสักนิด
“บ้าเอ้ย ! เขาจะรีบไปไหนของเขา ?”
“ใช่สิ....หนังสือสกิล !”
ถังเฉิงตะโกนและรีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วไม่ได้หันกลับมามอง เหลียนอี้หนิงในชุดขาวดูใสซื่อบริสุทธิ์ก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของหลินลั่ว สายตาของเธอเหมือนแอบซ่อนอะไรบางอย่าง
เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆยิ้มและพูดขึ้นมา “อี้หนิง เธอยังคิดอะไรกับเดือนโรงเรียนเราอยู่อีกเหรอ ตอนนี้เธอปลุกพลังได้อาชีพระดับ A มา เขาอยู่แค่ระดับ D ช่องว่างระหว่างเธอกับเขาน่ะมันกว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ”
เหลียนอี้หนิงส่ายหน้าและพูดขึ้น “เธอพูดอะไรของเธอ ? ฉันไม่ได้มองเขาสักหน่อย”
“จริงเหรอ ? ฉันเห็นตาใครมองเขาไม่กระพริบตาก็ไม่รู้”
“พูดไร้สาระอะไรของเธอ ? เชื่อมั้ยว่าฉันข่วนเธอตายได้เลยนะ !”
“คิคิคิ ....หยุดได้แล้ว ! หยุด !” เพื่อนสนิทจับมือเหลียนอี้หนิงเอาไว้และพูดขึ้น “อี้หนิง เธอต้องคิดดูดีๆ เธอกำลังจะเรียนจบ ถ้าเธอไม่สารภาพความรู้สึกของตัวเองออกมา ถ้าเรียนจบไปแล้ว ยิ่งเธอเข้าไปมหาลัยใหญ่ก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีก”
“ฉัน...”
“อี้หนิง ! อี้หนิง !” อยู่ๆก็มีชายตัวสูงวิ่งเข้ามาหาเหลียนอี้หนิง
“นั่นหยางห้าวหรันจากห้อง 1 !”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาปลุกพลังระดับ A นักดาบเวทย์ เขาบ่มเพาะทั้งด้านการต่อสู้และเวทย์ ”
“เขาไล่จีบเหลียนอี้หนิง เขาเป็นคนมีพรสวรรค์และหน้าตาดี ทั้งสองคนอยู่ระดับ A ทั้งคู่ ดูเหมาะสมกันดี...”
หยางห้าวหรันเดินเข้ามาหาเหลียนอี้หนิงและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อี้หนิง เธอจะเลือกมหาลัยไหน ? บอกฉันหน่อยได้รึเปล่า ?”
ตาเขาเป็นประกายราวกับอยากจะกลืนกินเหลียนอี้หนิงลงไป
เหลียนอี้หนิงคิ้วขมวดและพูดขึ้น “หยางห้าวหราน ฉันชื่อเหลียนอี้หนิง ต่อไปเรียกชื่อฉันเต็มๆด้วย”
“อีกอย่างฉันจะเลือกมหาลัยไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาย !”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็ไม่สนว่าหยางห้านหรานจะมีสีหน้าบิดเบี้ยวแค่ไหน เธอหันกลับและเดินหนีออกไป
สีหน้าของหยางห้าวหรานบิดเบี้ยว คนรอบตัวเริ่มนินทาและหัวเราะเยาะเขา
รอยยิ้มที่สดใสตอนแรกกลายเป็นความแค้นเคือง
“ทำไมเธอต้องทำตัวสูงส่งด้วย ?”
“ฉันเคยได้ยินมาว่าเธอเคยเขียนจดหมายสารภาพรักให้กับหลินลั่ว แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะกล้าปฏิเสธฉัน!”
“อีกไม่นานก็จะถึงการทดสอบเข้ามหาลัย ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะอยู่ในเมืองนี้ไปได้ตลอด อีกไม่นานเธอจะต้องออกไปเพื่อฝึก”
“ถึงตอนนั้น หึหึหึ....”