ตอนที่ 15 พายุในสำนักตรวจการ
ฝ่ายตรวจการ ฝ่ายตรวจการตั้งอยู่ใกล้กับวังหลวงสุด เป็นรองแค่สำนักฮั่นหลินเท่านั้น มันยังใกล้กับวังมากกว่าตำหนักของหกกรม นี่ยิ่งเน้นสถานะของผู้ตรวจการ!ผู้ตรวจการล้วนมีภูมิหลังสูง (สำนักฮั่นหลินคล้ายสำนักราชเลขา หากจะกำหนดร่างนโยบาย ออกกฏหมายใหม่ ต้องผ่านสำนักนี้)
ผู้ที่มีคะแนนสูงสองอันดับแรกของการสอบรับราชการจะได้เข้าสถาบันฮั่นหลิน ผู้ที่อันดับน้อยลงมาหน่อยจะมีสิทธิ์เข้าฝ่ายตรวจการ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ตรวจการถือเป็นบัณฑิตชั้นนำ พวกเขาติดร้อยอันดับแรกของการสอบขุนนาง ขุนนางจากสำนักฮั่นหลินกับฝ่ายตรวจการจะถูกมองเป็นชิงหลิว(น้ำสะอาด) ในทางทฤษฏี คนของสำนักเลขาธิการมักเลือกจากคนเหล่านี้
วันนี้ ผู้ตรวจการหลวงแออัด การประณามร่วมเมื่อวานบางทีอาจเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญสุดของผู้ตรวจการหลวง ผู้ตรวจการหนุ่มทั้งหลายกำลังเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ตามแบบอย่างที่ผ่านมา ด้วยความรู้สึกของทุกคนที่เร่าร้อนเช่นนี้ จักรพรรดิต้องทรงพิจารณา หากหลินเจี้ยนเฉิงทนแรงกดดันไม่ได้และลาออก พผู้ที่ยื่นส่งจดหมายเหตุจะได้รับผลประโยชน์!ถอดถอนหัวหน้าราชเลขาสำเร็จ!นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!
นี่คือสิ่งที่คุยโวได้ทั้งชีวิต!ไม่ต้องพูดถึงว่า ผู้ตรวจการหลายคนจะได้บุญคุณจากองค์ชายแปด องค์ชายแปดไม่เพียงจะเป็นที่นิยมท่ามกลางสามัญชา แต่ยังสนับสนุนบัณฑิตต่างๆ
ผู้ตรวจการหลายคนยังได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายแปดอย่างลับๆ โดยธรรมชาติ ความพยายามร่วมที่จะปลดหลินเจี้ยนเฉิงผลักดันโดยองค์ชายแปด!
หวังเสี่ยวเหรินคือผู้ตรวจการ เขาไม่เข้าร่วมกับเพื่อนในการยื่นฟ้อง ปัจจุบัน เขาเก็บตัว แต่ จุดยืนของเขาก็ยังกระตุ้นความไม่พอใจของเพื่อนร่วมงานหลายคน แต่หวังเสี่ยวเหรินไม่สน!
จักรพรรดิได้แต่งตั้งหลินเจี้ยนเฉิงเป็นหัวหน้าราชเลขาและยังทำให้เขาเป็นราชเลขาเพียงคนเดียวในคณะเสนาบดี! นี่มันอะไร!นี่หมายความว่าจักรพรรดิทรงโปรดปรานหลินเจี้ยนเฉิงไม่ต้องพูดถึงว่า หลินเจี้ยนเฉิงคือพ่อของจักรพรรดินี!
หวังเสี่ยวเหรินไม่มีเจตนาจะเข้าไปยุ่งกับน้ำนี้ แต่ พอเขาปรารถนาจะเลี่ยง เพื่อนร่วมงานหลายคนก็มาล้อมเขา
“ผู้ตรวจการหวัง ทำไมไม่ยื่นจดหมายเหตุ?”
“ผู้ตรวจการหวัง กลัวเหรอ?”
“หวังเสี่ยวเหริน เจ้าไม่มีความซื่อสัตย์ในฐานะผู้ตรวจการเลยหรือไง?”
“เจ้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ตรวจการถ้าไม่ยื่นฟ้องคนทุจริตเช่นหลินเจี้ยนเฉิง!”
ไม่ช้า ก็มีคนมาล้อมหวังเสี่ยวเหรินมากขึ้น หวังเสี่ยวเหรินไม่สบายใจ แต่กลุ่มคนยิ่งใหญ่ จากนั้น หลินฟาน หัวหน้าฝ่ายที่ห้าของสำนักเลขากลางก็มาถึงตำหนักตรวจการ เขามาเพื่อกระจายจดหมายเหตุ
หัวหน้าผู้ตรวจการและผู้ตรวจการทั้งหมดยืนภายในตำหนัก ที่ตามหลินฟานคือเสี่ยวเต๋อจือ เขาถือโองการไว้ ทันทีที่ขันทีกางโองการ ทุกคนก็คุกเข่า เสี่ยวเต๋อจืออ่านมันเสียงดัง“ผู้ตรวจการทั้งหมดที่โจมตีหัวหน้าราชเลขาอย่างไร้มูลความต้องถูกหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง!”
ผู้ตรวจการที่คุกเข่าตกตะลึง อะไร?หักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง!นี่มันการลงโทษอะไรกัน!จากนั้นหลินฟานก็แจกจดหมายเหตุ และยิ้มเยาะใส่คนพวกนี้
หลินฟานรู้สึกพอใจมาก!ขุนนางเหล่านี้ โดยปกติมักทำตัวสูงส่ง แต่ดูตอนนี้สิ หลินฟานพบว่ามันน่ามองมาก!
หวังเสี่ยวเหรินก้มหัวต่ำ เขาไม่ยื่นจดหมายเหตุ ในตำหนักนี้ เขาคือคนเดียวที่ไม่โดนลงโทษ และทั้งหมดนี้ก็ถูกหลินเจี้ยนเฉิงสังเกต
ในคุกของตงฉ่างที่เพิ่งสร้างใหม่ เฟิงอวี่ค่อยๆได้สติ มันเป็นคุกกว้าง เฟิงอวี่เห็นขันทีสองคนอย่างรวดเร็ว พวกเขาถูกส่งมาจากกรมยุติธรรมโดยเสี่ยวเต๋อจือ ขันทีสองคนนี้เคย’รับใช้’เสี่ยวเต๋อจือในกรมยุติธรรม เสี่ยวเต๋อจือพอใจ’ฝีมือ’พวกเขามาก
เดิม ขันทีสองคนนี้กลัวเสี่ยวเต๋อจือ แต่ด้วยความแปลกใจ เสี่ยวเต๋อจือปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี แต่งตั้งพวกเขาเป็นพัสดีของตงฉ่าง! และทั้งสองก็ซาบซึ้ง
และเฟิงอวี่ก็กลายเป็นงานแรกของพวกเขา ขันทีสองคนนี้ฟื้นฟูวิธีทรมานทุกประเภทในหัว รวมถึงน้ำเย็น และอื่นๆ ทำให้เฟิงอวี่จเจ็บปวดถึงขีดสุด แม้เฟิงอวี่จะมีวิชายุทธ์ เขาก็ไม่เคยเจอกับการทรมานเช่นนี้มาก่อน!ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เฟิงอวี่ก็สารภาพหมดปาก รวมถึงการติดสินบนโดยองค์ชายแปด
เฟิงอวี่คายหมดเปลือก ทำให้สองขันทีอึ้ง เพราะน้ำหนักของเรื่อง พวกเขาจึงรีบรายงานเสี่ยวเต๋อจือทันที หลังได้ยินการสารภาพนี้ แม้กระทั่งเสี่ยวเต่อจือก็ยังตัวสั่น เขารีบวิ่งไปหาจักรพรรดิ
ในขณะเดียวกัน เกาหลิงเฟิงกำลังดื่มสุราในวังของสนมฮวา วันนี้ สนมฮวาแต่งกายเป็นนักรบหญิง สวมเครื่องประดับแดง นางเปลี่ยนจากชุดวังเป็นชุดฝึก ขับเน้นเรือนร่างงดงามแต่ก็แข็งแรง นางกวัดแกว่งกระบี่ยาว ร่ายรำกระบี่ให้เกาหลิงเฟิงชม
เกาหลิงเฟิงสังเกตเห็นว่านางมีฝีมือ ลือกันว่าตระกูลของโหวชิงหยวนสืบทอดเพลงกระบี่ลับมาจากวีรสตรีกงซุน และสิ่งที่สนมฮวาแสดงก็ใช่เลย
ไม่เหมือนการร่ายรำ สิ่งนี้เผยพลังด้วยความสง่างาม รวบรวมพลังยุทธ์ของสนมฮวาขณะที่ผสมผสานองค์ประกอบของการร่ายรำแบบประเพณี เผยให้เห็นเสน่ห์ผู้ใหญ่ เกาหลิงเฟิงเพลิดเพลินกับการแสดงนี้มาก ไม่น่าแปลกที่เหล่าจักรพรรดิชอบดูการแสดงเช่นนี้ เขาเองก็พบว่ามันมีเสน่ห์เช่นกัน!การเป็นผู้ปกครองที่โง่เขลามีข้อดี!
เกาหลิงเฟิงพบว่าตัวเองเริ่มหน้าแดงและร้อนรุ่ม ขณะที่เขากำลังคิดจะกลับห้องเพื่อ’ประลอง’ส่วนตัวกับสนมฮวา เสี่ยวเต๋อจือก็มาขัด