Chapter 9 คุณเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
บทที่ 9
จริงๆแล้ว คนทั่วๆไปไม่สามารถเข้าถึงหน่วยงานนี้ได้ แต่เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้วจี้เจียนกั๋วเป็นผู้แนะนำให้เสิ่นเหม่ยเข้าทำงานในครัว
เขาบอกว่าเสิ่นเหม่ยเป็นแม่ม้ายซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะดูแลลูกด้วยตัวคนเดียว
เขารู้สึกสงสารเธอมาก ดังนั้นจึงขออนุญาตให้เสิ่นเหมยได้เข้ามาทำงานที่นี่
ผู้ที่ทำงานในห้องครัวล้วนแต่เป็นพนักงานชั่วคราว ไม่มีพนักงานประจำ ดังนั้นจึงเป็นการง่ายในการรับคนเข้าทำงาน
แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าหญิงผู้นี้จะมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับจี้เจียนกั๋ว
ใบหน้าของเสิ่นเหม่ยซีดลงทนทีเมื่อเธอได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการฉิน
เธอมองผู้อำนวยการฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ผู้อำนวยการฉิน ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับพี่เจี้ยนกั๋ว พวกเราถูกใส่ร้ายนะคะ”
ผู้อำนวยการฉินอยู่ในวัยกลางคน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถที่เก่งกาจเของเขา เขาจึงไปถึงตำแหน่งนี้ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คนที่จะใจอ่อน ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
เขาไม่เหมือนจี้เจียนกั๋ว เขาไม่มีทางหลงกล มารยาเล็กๆ น้อยๆ ของเสิ่นเหมยแน่
เขาไม่สนใจเสิ่นเหมยเลยแม้แต่น้อย และมองไปที่จี้เจียนกั๋ว “คุณรีบไปจัดการเรื่องที่บ้านเถอะ ถ้าคุณไม่มีเงิน ฉันจะช่วยคุณจ่ายก่อนก็ได้ เด็กตัวใหญ่ขนาดนี้ พวกเค้าอยู่ในวัยเจริญเติบโต จะปล่อยให้พวกเขาหิวได้อย่างไร”
“วันนี้คุณไม่ต้องเข้ามาทำงาน ไปจัดการเรื่องที่บ้านให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาหาฉันที่ออฟฟิส” หลังจากพูดจบ เขาก็หยุดนิ่ง
ผู้อำนวยการฉินมองไปที่จี้หยวนหยวนซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลี่ซู “เพื่อนตัวน้อย ต่อไปหากหนูมีปัญหาอะไรอีก มาหาลุงได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าลุงช่วยหนูไม่ได้ ก็ยังมีคุณลุงอีกคนที่เหนือกว่าอยู่”
จี้หยวนหยวนเงยหน้าขึ้นและยิ้มหวานให้ผู้อำนวยการฉิน “เข้าใจแล้วค่ะคุณลุง”
หลังจากที่ผู้อำนวยการฉินพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับและจากไป
เสิ่นเหมยรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายใจและต้องการเข้าถึงตัวผู้อำนวยการฉิน “ผู้อำนวยการคะ ขอให้ฉันได้อธิบายหน่อยนะคะ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ…”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะเข้าถึงตัวผู้อำนวยการฉิน เธอก็ถูกขัดขวางโดยผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้อำนวยการ “นี่ คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้อำนวยการพูดหรอกเหรอ?”
“เสี่ยวหมิ่น ช่วยฉันพูดกับพ่อของคุณทีสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะ พี่เจียนกั๋วและฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่าฟังเรื่องไร้สาระของเด็กนั่น”
เธอรับไม่ได้ที่จะสูญเสียงานนี้ไป งานนี้ไม่เพียงเป็นงานที่ง่าย แต่เงินเดือนก็สูงด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเธอท้องก่อนแต่งงานและมีลูกด้วย นอกจากที่นี่แล้ว ก็ไม่มีที่อื่นที่ยินดีจะรับเธอเข้าทำงาน
จี้หยวนหยวนจึงตระหนักได้ว่าผู้หญิงที่พาพวกเขาเข้ามา จริงๆ แล้วคือลูกสาวของผู้อำนวยการฉิน
ฉิน เสี่ยวหมิ่น มองไปที่เสิ่นเหม่ย และเยาะเย้ย "เด็กน้อยไร้เดียงสาจะไม่พูดโกหก เดี๋ยวฝ่ายบัญชีจะตรวจสอบและส่งเงินเดือนเดือนสุดท้ายให้คุณอย่างเร็วที่สุด ถ้าคุณไม่ออกไปตอนนี้ ฉันจะโทรหา รปภ.”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นเหม่ยจ้องเขม็งที่จี้หยวนหยวนด้วยความเกลียดชัง “ทำไมคุณถึงทำให้ฉันตกงาน”
จี้หยวนหยวนมองไปที่เสิ่นเหม่ยอย่างสะใจ
เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณและลูกสาวคุณทำกับฉันเมื่อชาติที่แล้ว หรือเทียบกับสิ่งที่คุณทำกับแม่ของฉัน ตอนนี้มันก็แค่การหยอกล้อของเด็กอมมือเท่านั้นล่ะ
ด้านหลี่ซุ เสิ่นเหมยไม่เคยอยู่ในสายตาเธอเลย เธอมองตรงไปที่จี้เจียนกั๋ว “ผู้อำนวยการฉินพูดไปแล้ว คุณยังต้องการกลับคำพูดของคุณอยู่อีกหรือเปล่า”
จี้เจียนกั๋วใคร่ครวญถึงสถานการณ์เขาในตอนนี้ จึงตอบกลับด้วยความคับแค้น "พวกคุณ ตามฉันมา!!"
ผู้อำนวยการฉินได้เตือนเขาอย่างชัดเจนเมื่อครู่นี้ สถานะเขาแตกต่างจากเสิ่นเหมย เขาเป็นพนักงานประจำอย่างเป็นทางการและมีพนักงานใต้บังคับบัญชา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไล่เขาออก อย่างไรก็ตาม หากผู้อำนวยการฉินไม่ยอมแพ้เขาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เขาต้องทำให้แน่ใจว่าหลี่ซู พอใจกับข้อตกลงนี้ มิฉะนั้น หากพวกเขาไปหาผู้อำนวยการฉินอีกครั้ง เขาจะต้องเดือดร้อนอีกเป็นแน่
สิ้นเสียงจี้เจียนกั๋ว หลี่ซูก็รีบอุ้มเด็กทั้งคู่ด้วยแขนของเธอและตามเขาออกไป
หลังจากที่พวกเขาออกไปไม่นาน ในสำนักงาน ผู้คนยังคงซุบซิบกันถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ใบหน้าของเสิ่นเหมยแลดูซีดเซียว ขาของเธอก็เริ่มอ่อนแรง และเธอฟุบลงกับพื้น
หลังจากที่จี้เจียนกั๋วพาพวกเขาออกมา การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน “หลี่ซู คุณต้องการอะไร?”
สีหน้าของเธอเรียบเฉย “จี้เจียนกั๋ว คุณกำลังพยายามทำอะไรอยู่? พวกเขาก็เป็นลูกของคุณเหมือนกัน ฉันต้องการแค่ห้าพันหยวนเท่านั้น คุณบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ”
จี้เจียนกั๋วจ้องไปที่หลี่ซูและเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาคิดจริงๆว่าหลี่ซูคงจะไม่กล้าทำในสิ่งที่เธอพูด
“ผมจะกลับไปเตรียมเงินก่อน แล้วจะเอาไปให้คุณตอนบ่าย คุณกลับไปรอที่บ้านได้เลย” เขากัดฟันด้วยความอดทนไว้เป็นเวลานานก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก
เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง “หลี่ซู่คุณเปลี่ยนไปมากจริงๆ คุณกลายเป็นผู้หญิงหน้าเงินเห็นแก่ได้ ตอนนี้ผมดีใจมาก คุณทำให้ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจไม่ผิดที่หย่ากับคุณ” พูดจบ จีเจียนกั๋วหันหลังกลับและจากไปทันที
หลี่ซูที่ยืนอยู่ตรงนั้นตัวเย็นวาบ นี่คือคนที่ร่วมหลับนอนกับเธอมานานกว่าสิบปี!
ในฐานะที่จี้ซีอังยังเป็นเด็ก เขาอาจยังไม่ค่อยเข้าใจว่าคำพูดของจี้เจียนกั๋วนั้นเจ็บแสบเพียงใด แต่ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ จี้หยวนหยวน เธอเข้าใจมันเป็นอย่างดี
เธอจึงเอื้อมมือออกไปกอดหลี่ซูเพื่อให้กำลังใจ
ขณะที่ทั้งสามกำลังจะจากไป จู่ๆ ก็มีคนตะโกนว่า "พี่สาวหลี่ !!"
หลี่ซู่ หันกลับมาตามเสียงเรียก ฉินเสี่ยวหมิ่น เดินออกมาพร้อมกับกล่องของขวัญสองกล่องในมือ
เธอเดินมาหาหลี่ซูพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญสองกล่องให้ “พี่หลี่ นี่เป็นของขวัญจากหน่วยของเรา ฉันไม่ชอบกินของพวกนี้หรอก คุณเอามันกลับไปให้เด็ก ๆ กินเถอะ”
หลี่ซู่กำลังจะปฏิเสธ แต่จี้ซีอังจอมตะกละรีบขอบคุณเธอ "ขอบคุณฮะ พี่สาวฉิน"
ฉินเสี่ยวหมิ่น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขณะที่เธอเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเด็กน้อยจี้ซีอังอย่างแผ่วเบา “ด้วยความยินดีจ้า”
จากนั้นเธอก็ยืดตัวขึ้นและมองไปทางหลี่ซู เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พี่สาวหลี่ คุณสุดยอดมากเลยรู้มั้ย ถ้าคุณมีปัญหาอะไรอีก มาหาฉันได้ตลอดเวลานะ”
คนที่มีจิตใจเมตตาแบบนี้หาได้ยากจริงๆ หลี่ซูคิดและกล่าวขอบคุณ “คุณฉิน ขอบคุณคุณมากนะ สำหรับวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณและพ่อของคุณ เราอาจจะ…”
วันนี้เธอได้พบกับ ฉินเสี่ยวหมิ่นและผู้อำนวยการฉินซึ่งเป็นคนมีเหตุมีผลและยุติธรรมเป็นอย่างมาก
หากเธอพบกับผู้นำที่ปกป้องลูกน้อง หลี่ซู่ก็คงไม่สามารถทำอะไรจี้เจียนกั๋วได้เลย
ฉินเสี่ยวหมิ่นส่ายหัว “เมื่อพวกคุณกลับไป ถ้าจี้เจียงกัวยังไม่ยอมจ่ายเงินให้คุณ คุณกลับมาหาฉันได้ตลอดเวลานะ”
หลี่ซู่ พยักหน้าและสะกิดเด็กทั้งสอง "บอกลาน้าฉินสิจ๊ะ" “ลาก่อนค่ะ/ฮะ คุณน้าฉิน” จี้หยวนหยวนและจี้ซีอังกล่าวอำลาฉินเสี่ยวหมิ่นอย่างพร้อมเพรียง
หลี่ซู อุ้มเด็กทั้งสองคนจากไป
จี้หยวนหยวนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
ฉินเสี่ยวหมิ่นและฉินมู่เชิง พวกเขามีนามสกุลเดียวกัน ฉิน!!?!
เมื่อเธอหันกลับไป เธอเห็นว่าฉินเสี่ยวหมิ่นยังคงอยู่ในจุดเดิมและเฝ้าดูพวกเขาจากไป
จี้หยวนหยวนโบกมือให้ฉินเสี่ยวหมิ่น เธอยิ้มและโบกมือกลับ
เมื่อพวกเขาถึงจุดเลี้ยวตรงหัวมุม ร่างของฉินเสี่ยวหมิ่นก็หายไป จี้หยวนหยวนจึงถอนสายตากลับมา
กว่าที่ทั้งสามคนจะกลับถึงบ้านก็คงหลังสิบโมง จี้ซีซวนมีไหวพริบดีมาก เขาจึงกำลังเตรียมอาหารกลางวันไว้รอพวกเขา
ที่บ้านมีกะหล่ำปลีเพียงไม่กี่ต้น จี้ซีซวนจึงล้างกะหล่ำปลีอย่างระมัดระวังและหั่นมันเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้รอให้หลี่ซูกลับมาผัด
ระหว่างมื้อกลางวัน ขณะที่กำลังตักผัดกะหล่ำปลีจากชามของเธอขึ้นมากิน จี้หยวนหยวนก็ยังคงจมอยู่กับความคิด ถ้าเธอบอกแม่เรื่องมิติพิเศษ มันจะทำให้เธอกลัวไหมนะ?
แต่ถ้าไม่บอกเธอ แล้วจะนำอาหารพวกนั้นออกมากินได้อย่างไร?
ทุกวันนี้เธอคิดแล้วคิดอีกแต่ก็ยังไม่มีคำตอบ