Chapter 7 เสิ่นเหม่ยปรากฏตัว
บทที่ 7
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน คุณยายและหลี่ซูนั่งอยู่บนบันไดหน้าประตู ดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดง
เมื่อเธอเห็นจี้หยวนหยวน คุณยายก็โบกมือเรียกเธอ “เด็กดี แวะมาหายายหน่อยสิ”
เห็นได้ชัดว่าคุณยายรู้เรื่องเกี่ยวกับจี้เจียนกั๋วแล้ว
จี้หยวนหยวนเดินเข้าไปตามเสียงเรียกและคุณยายก็กอดเธอ “เด็กดี หนูอยู่ที่บ้านคุณยายแล้ว ต่อจากนี้ไปอย่าไปไหนอีกนะ โอเคไหม?” เมื่อหลี่ซูได้ยินก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ คงจะเป็นการดีที่เธอจะเป็นฝ่ายพูดคำเหล่านี้กับหยวนหยวน
จี้หยวนหยวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “หนูเข้าใจแล้วค่ะ คุณยาย”
คุณยายใช้ใบหน้าของเธอสัมผัสใบหน้าของจี้หยวนหยวน
“พวกเธออยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจนะ ฉันจะให้พ่อของคุณจัดการเรื่องทะเบียนบ้านให้เรียบร้อย ฉันและพ่อของคุณยังมีแรง พวกเราจะช่วยคุณเลี้ยงดูลูกๆเอง” คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมาก “แต่เดิมฉันไม่เห็นด้วยกับการหย่าร้างของพวกคุณเพราะฉันไม่คิดจริงๆว่าเขาจะเป็นคนงี่เง่าขนาดนี้”
หลี่ซูยกมือขึ้นปาดน้ำตาของเธอ “แม่คะ ไม่ต้องห่วงพวกหนูนักหรอก แค่มีที่พักหนูก็พอใจมากแล้ว”
แม้ว่าหลี่เมี้ยวจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่จากการสนทนาระหว่างแม่และพี่สาวของเธอ ก็พอจะเดาคร่าวๆได้ว่าพี่เขยของเธอต้องทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมขึ้นแน่ๆ
เธอพูดทันทีว่า “พี่สาว ฉันจะเข้าเรียนวิทยาลัยปีหน้าและจะหางานทำไปด้วยเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวเรา พี่ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นนะ ชีวิตต่อจากนี้ของพวกเราต้องดีขึ้นแน่นอน”
หลี่ซูเม้มริมฝีปากของเธอและพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่น
ในตอนเย็น หลี่เมี้ยวกลับมาอีกครั้งพร้อมผักและเนื้อสัตว์จำนวนหนึ่งมาให้เธอ
หลี่ซูนำมันมาทำอาหารไว้ให้ลูกๆของเธอ เธอวางกับข้าวลงบนโต๊ะอาหารและไม่ยอมแตะต้องพวกมันเลย สำหรับเธอแค่มีมันเทศเพียงไม่กี่ชิ้นก็พอแล้ว
เมื่อเห็นการกระทำของหลี่ซู จี้หยวนหยวนก็รู้สึกปวดใจ
ในตอนกลางคืน หลังจากที่หลี่ซู, จี้ซีซวน และจี้ซีอังหลับไปแล้ว เธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
เธอจำเป็นต้องพิสูจน์อะไรบางอย่าง
เธอสงบสติอารมณ์ลงและหลับตา
ครู่ต่อมาเธอก็อยู่ในสถานที่ที่เป็นเหมือนแดนสวรรค์
เมื่อเข้าไปยืนอยู่ในนั้น จี้หยวนหยวนผ่อนลมหายใจออกด้วยความโล่งอก มิติพิเศษของเธอยังคงอยู่ตรงนั้นและ มาเกิดใหม่ไปพร้อมกับเธอ
เธอได้รับพื้นที่นี้โดยบังเอิญในชาติที่แล้ว
เป็นเพราะพื้นที่สวรรค์แห่งนี้ที่ช่วยเธอไม่ให้หิวโหยจนตาย ตอนที่เธอยังถูกคุมขังในชนบท
เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆพื้นที่
ขณะนี้เธอยืนอยู่หน้าปราสาทที่ดูเหมือนบ้านโบราณก่อด้วยอิฐและหลังคากระเบื้องสีเทา ด้านขวามีบ่อน้ำ ด้านบนมีเชือกและถังไม้ห้อยอยู่
น้ำจากบ่อนี้สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายและทำให้รูปลักษณ์สวยงามได้
ข้างหลังเธอมีทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี เวลาในมิติพิเศษแห่งนี้เร็วกว่าโลกภายนอก ดังนั้นพืชผลที่นี่จึงเติบโตเร็วเป็นพิเศษ
ด้านหนึ่งของทุ่งหญ้ามีไม้ผลเรียงกันเป็นแถว เนื่องจากดินอุดมสมบูรณ์ ผลไม้จึงมีขนาดใหญ่และชุ่มฉ่ำ
นอกจากนี้ พื้นที่นี้ยังอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิเสมอ แต่ดูเหมือนว่าจะมีฟังชั่นพิเศษในการเก็บรักษาความสดใหม่ของผลไม้ ดังนั้นไม่ว่าจะเก็บไว้นานแค่ไหนมันก็ไม่เสีย
เธอยกเท้าขึ้นแล้วเดินเข้าไปสำรวจในปราสาท
ปราสาทมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นใต้ดินสองชั้น และอีกหนึ่งชั้นเหนือพื้นดิน
ชั้นล่างก็เหมือนบ้านทั่วไป มีห้องนอน ห้องครัว และห้องอ่านหนังสือ มีชั้นหนังสือสามชั้นที่เต็มไปด้วยหนังสือ หนังสือเหล่านี้เป็นคอลเล็กชั่นของเจ้าของพื้นที่นี้คนก่อน ผลงานศิลปะชิ้นโบว์แดงหลายชิ้นที่สาปสูญก็มีอยู่ที่นี่
ชั้นใต้ดินสองชั้นเป็นโกดังเก็บของทุกชนิด
ชั้นใต้ดินชั้นแรกเก็บเมล็ดพันธุ์และเครื่องยาเป็นส่วนใหญ่ ชั้นใต้ดินชั้นที่สองเต็มไปด้วยสมบัติอันล้ำค่า ทอง เงิน หยก และเครื่องประดับอัญมณีอื่นๆ
จี้หยวนหยวนสุ่มหยิบของบางอย่างขึ้นมา เมื่อพิจารณาดูที่พื้นผิวและรูปลักษณ์ของมันก็เพียงพอแล้วที่จะบอกได้ว่ามันมีมูลค่ามหาศาล
หลังจากวนเวียนไปรอบๆ จี้หยวนหยวนก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
แม้ว่าจะมีของมีค่าในพื้นที่นี้มากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีเลยสักชิ้นที่พอจะนำออกไปขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด
สมบัติมีค่าเหล่านี้ล้วนเป็นของโบราณแท้ๆ หนึ่งในนั้นคงจะมีมูลค่านับล้านหรือหลายสิบล้าน
ตอนนี้เธอเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จากชนบท ถ้าเธอหยิบของโบราณเหล่านี้ออกมาจริงๆ โดยไม่สนใจว่าจะขายได้หรือไม่ เธอก็คงจะถูกเพ่งเล็งอย่างแน่นอนใช่มั้ย ?
เธออาจถูกคุณลุงตำรวจพาไปดื่มชาที่สถานีตำรวจโดยขอให้เธออธิบายที่มาของสิ่งเหล่านี้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็ครบสามวันแล้วที่หลี่ซูขีดเส้นตายให้จี้เจียนกั๋ว
จี้เจียนกั๋วไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของหลี่ซูเลย ด้วยบุคลิกของหลี่ซูเอง เธอเป็นคนอ่อนโยนมาโดยตลอด หลังจากแต่งงานอยู่ด้วยกันมาหลายปี เธอก็คอยประนีประนอมอยู่เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นพ่อของลูกทั้งสามคน แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอจะทำลายอาชีพการงานของเขาล่ะ? และถ้าเขาตกงาน เขาก็จะไม่มีเงินมาให้เธอ
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินคนอย่างหลี่ซูต่ำเกินไป
ในอดีต เธอไม่รู้ว่าจี้เจียนกั๋วนอกใจเธอ ดังนั้นเธอจึงทำตัวเป็นปกติ ผิดกับตอนนี้ที่เธอรู้ความจริงแล้ว และเธอก็จะไม่มีวันยอมเขาเด็ดขาด
เช้าตรู่ของวันที่สี่ เธอเก็บข้าวของและไปยืมจักรยานจากเพื่อนบ้าน เธอให้จี้หยวนหยวนนั่งอยู่ด้านหน้า และจี้ซีอังนั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลัง พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ทำงานของจี้เจียนกั๋ว
ที่ทำงานของจี้เจียนกั๋วอยู่ในเมือง ดังนั้นกว่าจะไปถึงที่นั่นใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงด้วยจักรยาน
ในตอนแรก เธอไม่ต้องการพาจี้หยวนหยวนไปด้วย เนื่องจากขณะนี้เป็นเดือนตุลาคมแล้วอากาศในตอนเช้าจึงค่อนข้างหนาว
จี้หยวนหยวนรู้ว่าจี้ซีอังเป็นคนซื่อ มีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา อาจแสดงได้ไม่ดีนัก ดังนั้นเธอจึงยืนกรานที่จะติดตามหลี่ซูออกมาด้วย
เมื่อพวกเขามาถึงก็เป็นเวลาเพียง 07.30 น.
ในเวลานี้ทางเข้ายังดูค่อนข้างเงียบเหงา หลี่ซูหยิบเบาะออกจากจักรยานแล้ววางไว้บนบันไดเพื่อให้เด็กทั้งสองคนนั่ง ส่วนเธอนั่งอยู่บนพื้นที่ว่างข้างๆ พวกเขา
เมื่อเห็นมือเล็กๆ แดงๆ ของจี้หยวนหยวน จี้ซีอังก็เปิดเสื้อคลุมของเขาออก “มาให้ฉันอุ่นมือของคุณให้นะ”
จี้หยวนหยวนไม่รีรอเธอรีบยื่นมือของเธอเข้าไปตรงๆ ทำให้จี้ซีอังสั่นสะท้าน
หลี่ซูเฝ้าดูอยู่ข้างๆก็อดขำพวกเค้าไม่ได้
จนกระทั่งแปดโมงเช้าผู้คนก็เริ่มคับคั่ง
จี้หยวนหยวนดึงมือออกมาแล้วสั่งจี้ซีอัง “พี่รอง พี่แกล้งทำตัวให้ดูน่าสงสารทีสิ…”
ใบหน้าของจี้ซีอังหุบลงทันที บังเอิญมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เขาก็เงยใบหน้าอันดูเศร้าสร้อยขึ้นมา “พี่สาว คุณเห็นพ่อของฉันไหม”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกเวทนาเมื่อเห็นเด็กสองคนนั่งอยู่ข้างนอกท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น จากนั้นจี้ซีอังก็ส่งเสียงเรียกหาน้องสาวอย่างอ่อนโยน
หัวใจของหญิงสาวอ่อนลงทันที เธอนั่งยองๆ แล้วถามเบาๆ “หนูน้อย พ่อของหนูคือใครกัน”
จี้ซีอังสูดจมูก “พ่อของผมชื่อจี้เจียนกั๋ว เขาอยู่กับคุณน้าอีกคนและตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการพวกเราอีกแล้ว…”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว “จี้เจียนกั๋วเหรอ? ดูเหมือนเขาจะเป็นคนซื่อสัตย์คนนึง เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”
เมื่อเห็นทักษะการแสดงอันยอดแย่ของจี้ซีอัง จี้หยวนหยวนก็แทบอยากจะกรีดร้อง
พี่รอง คุณอายุเก้าขวบแล้ว ทำไมคุณถึงทำตัวเหมือนคนโง่เขลาขนาดนี้
ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่เคยมีเด็กๆอยู่ที่บ้าน เขาจึงจะเชื่อจี้ซีอัง
“พี่สาว ข้างนอกค่อนข้างหนาว พาเด็กๆ เข้ามาหาอะไรดื่มข้างในเถอะ.. หากนี่เป็นเรื่องจริงฉันจะช่วยคุณเอง” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง
หลี่ซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็ยังเห็นด้วย
เธอทนไม่ไหวจริงๆ ที่จะปล่อยให้เด็กสองคนถูกแช่แข็งอยู่ข้างนอกกับเธอ
ผู้หญิงคนนั้นพาพวกเขาเข้าไปด้านใน เธอเสิร์ฟน้ำพร้อมกับบิสกิตจำนวนหนึ่ง
เวลาประมาณ 8:20 น. จี้เจียนกั๋วก็มาถึงที่ทำงาน
เขาและเสิ่นเหม่ย ไม่ได้ปรากฏตัวที่หน่วยพร้อมกัน