Chapter 2 ฉันจะไม่ปล่อยคุณไป 2
บทที่ 2
เด็กที่เธอตั้งหน้าตั้งตาเฝ้าคอยเค้ามานานแสนนาน ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับเธอก็ตาม เธอก็จะยังคงปกป้องเด็กคนนี้ แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าใครคือพ่อของเด็ก
เสิ่นหลิงซู่หัวเราะคิกคัก “คนที่ใส่ยาในแก้วไวน์ของคุณน่ะ คือพี่เทียนหัว”
ดวงตาของจี้หยวนหยวนเบิกกว้างในขณะที่หันกลับไปสบตาจ้าวเทียนหัว "ทำไม? ทำไมคุณถึงทรยศฉันด้วย? ฉันเสียสละเพื่อคุณมามากแล้วนะ” สุดท้ายทั้งหมดที่เธอได้ทุ่มเทไปก็กลายเป็นตลกร้าย
เสิ่นหลิงซู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเอือมระอา
“จ้าวเทียนหัว , เสิ่นหลิงซู่ เจ้าหมาลอบกัด คุณทั้งคู่จะต้องรับโทษอย่างแน่นอน ฉันจะไม่ปล่อยคุณไป…” จี้หยวนหยวนเคียดแค้นคนสองคนตรงหน้าอย่างที่สุด เธอพุ่งตรงไปพร้อมเด็กในอ้อมแขน
แต่ทว่า เท้าของเธอถูกดึงรั้งไว้ด้วยโซ่ตรวนก่อนที่จะไปถึงพวกเขา
สีหน้าของเสิ่นหลิงซู่ดูไร้ความกังวล ราวกับว่าคนที่อยู่ใต้แทบเท้าของเธอไม่ใช่คน แต่เป็นสุนัข
และในขณะเดียวกัน จ้าวเทียนหัวก็กำลังเพ่งมองมาที่เธอด้วยสายตาที่แสนรังเกียจ
“คุณต้องการบริษัทงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! คุณอย่าลืมนะ นอกจากฉันแล้ว ตระกูลจี้ยังมีลูกชายอีกสองคน คุณคิดหรอว่าจะถึงคิวคุณน่ะ?” จี้หยวนหยวนหัวเราะเยาะ “อย่าคิดนะ ว่าความชั่วที่พวกคุณทำไว้จะไม่มีวันถูกเปิดโปง ถ้าพี่ใหญ่และพี่รองของฉันรู้เข้า พวกเขาไม่เอาคุณไว้แน่ๆ”
ดูเหมือนเสิ่นหลิงซู่ จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินเรื่องตลกเช่นนี้
จ้าวเทียนหัว ซึ่งเงียบมาตลอด ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าและยืนอยู่ตรงหน้าจี้หยวนหยวน พร้อมกับโน้มมือออกมาค่อยๆบีบไปที่คอของเด็ก แล้วพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ฉันจะส่งเด็กคนนี้ไปฝังรวมไว้กับลุงทั้งสองของพวกเขา”
จี้หยวนหยวนตกตะลึงในทันที ลูกน้อยในเงื้อมมือของจ้าวเทียนหัวเริ่มดิ้นทุรนทุราย ใบหน้าค่อยๆกลายเป็นสีม่วง เด็กน้อยกำลังพยายามหายใจแรงขึ้น
“ไม่นะ อย่า…” จี้หยวนหยวนกรีดร้องเสียงแหลมพร้อมกับพยายามเอื้อมมือไปดึงมือของจ้าวเทียนหัวออกไปจากลูกของเธอ เช่นเดียวกับแมลงเม่าที่พยายามเขย่าต้นไม้ใหญ่ มันไม่สามารถทำให้มือของจ้าวเทียนหัวขยับออกไปได้เลย สิ้นเสียงร้องไห้ของลูกน้อย ใบหน้าเล็กๆ ก็กลายเป็นสีเข้มขึ้น เขาไม่หายใจแล้ว ความอบอุ่นค่อยๆจางหายไปจากร่างของเขา
จี้หยวนหยวนช็อคเป็นอัมพาตกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ร่างกายท่อนล่างของเธอยังคงเปรอะไปด้วยเลือด
จี้หยวนหยวนยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากจ้าวเทียนหัว “จ้าวเทียนหัว คุณมันสัตว์ร้ายที่เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน…”
จ้าวเทียนหัวคลายมือออกและพยายามแกะนิ้วของเธอออกทีละนิ้ว จากนั้นเขาลุกขึ้นและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาค่อยๆเช็ดมืออย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“คุณจะต้องตายอย่างน่าสยดสยองแน่นอน ฉันขอสาปแช่งคุณ…” ความเจ็บปวดแสนสาหัสกำลังจู่โจมมาที่เธอ แต่จี้หยวนหยวนยังคงตะโกนจนสุดเสียง โซ่เหล็กดังกระทบกันจากการขัดขืนของเธอ มือของเธอตะกุยพื้นอย่างบ้าคลั่งทิ้งร่องรอยไว้มากมาย
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ที่ตายอย่างน่าสยดสยองคือครอบครัวของคุณนะ”
เสิ่นหลิงซู่มองไปที่สารรูปของจี้หยวนหยวนในตอนนี้ เธอรู้สึกสะใจและมีความสุขมากจริงๆ
ในฐานะที่เป็นพี่สาวต่างแม่ เธอมันยโสอวดดีและดูถูกเหยียดหยามฉันมาตลอดไม่ใช่หรอ?
ในที่สุด ? ตอนนี้ฉันคือนกฟีนิกซ์ที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า ในขณะที่จี้หยวนหยวนเป็นได้เพียงโคลนตมบนพื้นดิน
“ในฐานะที่เราเป็นพี่น้องกันตามกฎหมาย ฉันจะใจดีบอกคุณก็แล้วกัน” เสิ่นหลิงซู่หัวเราะเบา ๆ “นับตั้งแต่คุณหายตัวไป พี่ชายสองคนของคุณก็เอาแต่วิตกกังวล เขาตามหาคุณอย่างบ้าคลั่งไปทั่ว เมื่อพวกเขาได้รับข่าวเกี่ยวกับคุณ พวกเขาก็จะออกตามหาทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับพี่ใหญ่ เขาบังเอิญได้ยินว่ามีคนเห็นคุณที่มณฑลตงเฉิง และเขาก็บินไปที่นั่นชั่วข้ามคืน เขาก็ถูกแทงเสียชีวิตทันทีหลังจากที่ลงจากเครื่องบิน คุณคงไม่คิดว่าเขาจะโชคร้ายแบบนี้?”
เสิ่นหลิงซู่รู้สึกยินดีกับปฎิกิริยาของจี้หยวนหยวน เธอเล่าต่อว่า “เมื่อพี่ชายคนที่สองของคุณรู้เข้า เขาก็รีบไปที่มณฑลตงเฉิงเพื่อจัดการรับศพพี่ใหญ่ของคุณ แต่ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทางไปสนามบิน ได้ยินมาว่าชนกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ท่อนเหล็กบนรถบรรทุกเจาะทะลุหน้าอกของเขา ร่างและศีรษะถูกแยกออกเป็นสองส่วน ช่างน่าสยดสยองซะจริงๆ จุ๊ จุ๊ จุ๊…”
เสิ่นหลิงซู่ส่ายหัวราวกับว่าเธอเสียใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอาฆาตพยาบาทในดวงตาของเธอไม่สามารถซ่อนได้ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
“เป็นฝีมือพวกคุณใช่มั้ย?” จี้หยวนหยวนกัดฟันแล้วถาม
เมื่อเสิ่นหลิงซู่ได้ยินเช่นนั้น เธอก็หัวเราะอย่างสะใจ “พี่สาวฉลาดมาก คุณเดาถูกได้ในครั้งเดียว ถ้าพี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองของคุณยังมีชีวิตอยู่ แล้วพี่เทียนหัวซึ่งเป็นลูกเขย และฉันที่เป็นลูกติดจะมีสิทธิในบริษัทของลุงจี้ได้ยังไง ? ตอนนี้ครอบครัวของคุณจากไปแล้ว บริษัทคงเป็นได้แค่ของพี่เทียนหัวและของฉันเท่านั้น”
“จ้าวเทียนหัว, เสิ่นหลิงซู่ แม้ว่าฉันจะกลายเป็นผี ฉันก็จะไม่ปล่อยคุณไป ฉันขอสาปแช่งคุณ ให้ฝันร้ายทุกคืน ให้ผีร้ายตามหลอกหลอนคุณ และขอให้คุณตายโดยไร้ที่ฝังศพ…” การหายใจของจี้หยวนหยวนค่อยๆ เร็วขึ้น สายตาของเธอเริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นหลิงซู่ มองไปที่สารรูปของจี้หยวนหยวนในตอนนี้แล้วส่ายหัว “น่าเสียดายจริงๆ ที่คุณไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง”
หลังจากหยุดไปชั่วคราว เสิ่นหลิงซู่ก็เล่าต่อ “โอ้ ใช่แล้ว ยังมีข่าวอีกเรื่องที่คุณควรจะรู้ ฉินมู่เชิงก็กำลังตามหาคุณเช่นกัน เขาเสนอรางวัลให้ตั้ง 10 ล้านหยวนน่ะ. เพราะฉะนั้นเมื่อคุณตายแล้ว เราจะส่งร่างของคุณไปที่ฉินมู่เชิง ใครจะรู้พวกเราอาจได้รับ 10 ล้านหยวนด้วยซ้ำ!”
ฉินมู่เชิงคือสามีเก่าของเธอ
ฉินมู่เชิง.. ฉันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอก!
ในตอนนี้ เธอเสียเลือดมากเกินไป ทำให้จิตสำนึกของเธอเริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงที่ดังจากในหูของเธอดูเหมือนจะเบาลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงเสียงหัวใจของเธอที่สะท้อนออกมา
“มาเผาร่างนี้กันเถอะ จะได้ไม่สร้างปัญหา แค่สิบล้านเอง มันไม่คุ้มเลยที่จะเสี่ยงน่ะ” จ้าวเทียนหัวเหลือบมองจี้หยวนหยวนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพูดอย่างไม่แยแส
“เอาล่ะ ฉันจะเชื่อพี่เทียนหัวก็แล้วกัน” เสิ่นหลิงซู่ เอื้อมมือของเธอออกมาอย่างสง่างามเพื่อปิดจมูกของเธอ
หลังจากที่ออกมาจากบ้าน เสิ่นหลิงซู่ เงยหน้าขึ้นมองคนขับและสั่งกำชับด้วยความน้ำเสียงเรียบๆ “จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยนะ อย่าให้มีหลักฐาน”
คนขับโค้งคำนับทันที “ครับคุณหนู”
ไม่ถึงสิบห้านาที บ้านทั้งหลังก็ถูกไฟไหม้
ท่ามกลางเปลิวไฟที่โหมกระหน่ำ จี้หยวนหยวนใช้กำลังสุดท้ายของเธอพึมพำด้วยเสียงที่แหบพร่า “ฉันจะไม่… ปล่อย..พวกคุณ..ไป…”