เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 9
เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 9
การเทเลพอร์ท
มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ กับการที่ได้เทเลพอร์ทแบบนั้นด้วยตัวเอง
พอประกายแสงหายวับไป ฉากทิวรอบข้างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ที่แห่งนี้ผิดกับดินแดนปีศาจที่มีแต่ท้องฟ้าสีเทาปกคลุม ที่นี่น่ะ ท้องฟ้าเป็นสีคราม มีเมืองอันแสนวุ่นวายอยู่ตรงหน้า
สถานที่นี้นี่เองแหละ สถานที่ดำเนินเรื่องหลักในนิยายของผมอย่าง [จอมมารตายแล้ว ]
เมืองหลวงของจักรวรรดิ การ์เดียม
มันชวนให้ผมรู้สึกแปลกๆเวลามาอยู่ในเมืองที่ตัวเองเขียนไว้แค่ชื่อ
นี่เราอยู่กันที่ไหนนะ ?
ผมไม่รู้จักที่นี่ด้วยซ้ำไป
ไม่หรอก เอ่อ เอาจริงนะ ผมไม่ได้บรรยายทุกหัวมุมของเมืองหลวงแห่งนี้หรอก คือ ผมหมายถึง ผมคงจะโดนด่านั่นแหละที่แต่ละตอนแต่ละตอนเนี่ยเอาแต่บรรยายรายละเอียดไร้สาระแบบนั้น
เป็นไปได้ว่า เรามาโผล่ย่านการค้าที่ไหนสักแห่งในเมืองหลวง
ผู้คนต่างมองมาที่ผมและเจ้าหญิงด้วยสีหน้างุนงง ทันทีที่จู่ๆเราก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ด้วยเทเลพอร์ท
เทเลพอร์ทน่ะเป็นเวทย์มนตร์ระดับสูงมากๆ ดังนั้นไม่ได้มีโอกาสเห็นได้กันทั่วไปแน่ๆ
ในที่สุดผมก็มาถึงเมืองหลวง การ์เดียม เมืองที่ผมแต่งไว้ แต่ผมดันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยนี่สิ
“อ้ะ …. อา , เกิดอะไรขึ้น ? ทะ , ที่นี่น่ะ …เมืองหลวงเหรอ ?”
เจ้าหญิงชาร์ล็อต เดอ การ์เดียส ที่เทเลพอร์ทมาพร้อมผมถึงกับเผยสีหน้าสับสนงุนงงออกมา
เดิมทีผมควรที่จะเป็นคนคุ้มครองของเธอ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นลักพาตัวเธอออกมาด้วยเทเลพอร์ท ย่อมเป็นธรรมดาที่เธอจะตกใจ
“เซอร์ฟรานซิสน่ะถูกฆ่าแล้ว ผมก็เลยกลับมา ที่ปราสาทจอมมารด้วยคัมภีร์เทเลพอร์ทที่ค้นเจอ ผมว่า เมืองหลวงเป็นที่ที่หลอดภัยที่สุดสำหรับเจ้าหญิง”
พอได้ยินคำอธิบายจากผม เจ้าหญิงก็ตาโต เธอคงตกใจตอนที่ได้ยินว่า เซอร์ฟรานซิสถูกฆ่า และคงประหลาดใจไปอีกที่ผมสามารถหาวิธีการอื่นได้รวดเร็วเพื่อช่วยเธอจากสถานการณ์ดังกล่าวได้
ใช่ มันไม่มีทางหรอกที่เด็กอายุ 17 จะหลักแหลมขนาดนั้น แต่ต่อให้เป็นอายุเดิมของผมมันก็ใช่ว่าง่ายซะที่ไหน ! ผมเกือบตายไปหลายครั้งด้วยซ้ำ
“อ่า , ทำได้ดีมาก ….นายน่ะ ทำได้ดีมาก ดีมากจริงๆนะ”
ชาร์ล็อตทรุดตัวนั่งพิงกับม้านั่งใกล้ๆด้วยความโล่งใจ
เธอถอนใจเฮือกใหญ่ แค่คิดถึงก่อนหน้านี้ก็ชวนผวาแล้ว
–ประกายแสงจ้า !
ไดรัสมายืนตรงหน้าผมพร้อมแสงแว๊บ
“แฮ่ก ….แฮ่ก ….”
ไดรัสสามารถหนีพ้นสภาพสุดสิ้นหวังและมาอยู่ตรงหน้าเราพร้อมกับหายใจหอบหนัก
“คุณปลอดภัยดีสินะ , ร้อยโท !”
“ใช่…. ถ้าช้ากว่านี้สักหน่อย เจ้าพวกนั้นได้เฉือนแขนขา ผมแน่”
ไดรัสสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตรงเข้าไปคุกเข่า ไม่ใช่ตรงหน้าผมหากแต่เป็นเจ้าหญิงชาร์ล็อต
“ร้อยโท ไดรัส ,ผู้บัญชาการหน่วยที่ 3 , กองร้อยที่ 11 , ทหารม้าที่ 4 , กองพลจักรวรรดิที่ 1
ผมขอถวายความภักดี แก่ฝ่าบาท,เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิลำดับ หนึ่ง ”
ชาร์ล็อตดูจะยังไม่เก็ทว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พวกเราน่ะมีคัมภีร์เทเลพอร์ทสองชุด
แผน A น่ะง่ายดายมาก ก็แค่เข้าไปถึงตัวเจ้าหญิง แล้วใช้คัมภีร์แมสเทเลพอร์ท(Mass Teleport) ถ้าหากยามหน้าทางเข้ายอมให้เราเข้าไป
แผนB นั้นก็คือ ให้ไดรัสเปิดทางให้ผม แล้วดึงความสนใจไป
ส่วนไดรัสก็จะใช้คัมภีร์เทเลพอร์ทเดี่ยว หลังจากที่ผมใช้ แมสเทเลพอร์ทพาองค์หญิงหนีมาได้แล้ว
ไดรัสน่ะจะยืนยันให้แน่ก่อนว่า พวกเราหนีได้แล้ว แล้วจึงค่อยหนีตามมาทีหลัง
หากไม่อธิบายมาก่อน ชาร์ลอตก็คงงงแน่ๆที่จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าจากไหนไม่รู้โผล่มา ผมก็เลยอธิบายเรื่องทั้งหมดไว้ก่อนแล้ว
ผมบอกกับเธอว่าหากไม่ได้ร้อยโทไดรัสคนนี้ ผมไม่มีทางทำภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงได้
ชาร์ล็อตพยักหน้า แม้จะยังคงงุนงงสงสัยอยู่
“ขอบใจมากนะ ร้อยโทไดลัส”
ชาร์ลอตซาบซึ้งและกล่าวขอบคุณที่เขาช่วยเธอในคราวสำคัญ
“ในฐานะทหารของจักรวรรดิ ตัวผมนั้นสมควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเชื้อพระวงศ์ก่อน”
ไดลัสนั้นตัดสินใจในเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากเย็น จริงอยู่ที่ทหารคนไหนก็พูดแบบเขาไ้ แต่ของจริงกับสิ่งที่พูดน่ะมันผิดกัน
เขาเสี่ยงเอาชีวิตตัวเองไปโยนทิ้ง เพื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ตั้งใจจะฆ่าองค์หญิง เหมือนเป็นเรื่องปกติ
เขาไม่ลังเล สงสัยแต่น้อยเลยว่า ตัวเองอาจจะตายก็ได้
ส่วนสิ่งที่ผมทำลงไปนั้นก็เพราะชีวิตผมโดนการมีอยู่ของชาร์ล็อตก่อกวนเข้าให้ แต่หมอนี่น่ะมันคนจริง ลูกผู้ชายชาติทหารแท้ๆ
ชาร์ล็อตพยักหน้าเพราะเธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
“ศัตรูของพวกเราจะไม่ตามเรามาด้วยเวทย์มนตร์เทเลพอร์ทเหรอ ?”
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเรากังวลอยู่ ณ ตอนนี้
ในหมู่ศัตรูพวกเราย่อมต้องมีพ่อมดอยู่แล้ว และผมก็มั่นใจด้วยว่า ตัวเองน่ะตะโกนเสียงดังถึงปลายทางว่า เมืองการ์เดียม
ยังไงพวกเขาก็ต้องรู้แน่ๆแหละ
ไดรัสหน้าเคร่งพอได้ยินคำพูดผม
“เราต้องรีบหนีไปให้ไว”
“ไม่หรอก, พวกเราไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว”
แต่ชาร์ล็อตกลับไม่ร้อนใจ
“ไม่มีพ่อมดคนไหนในกองทัพพันธมิตรที่สามารถเทเลพอร์ทจากดินแดนปีศาจไปยังการ์เดียมได้
พวกเราน่ะ เคลื่อนย้ายมาไกลอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
เดิมทีมันไม่ควรเกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่มีประตูวาร์ปอยู่ใกล้ๆกับปราสาทจอมมารด้วยเช่นกัน ดังนั้น…ไม่มีใครสามารถตามเรามาได้แล้วล่ะ ”
เมื่อบอกให้เรารู้ถึงประสิทธิภาพที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อของคัมภีร์ปีศาจแล้ว ชาร์ล็อตก็ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่พวกนั้นจะไล่ตามเรามาด้วยการเทเลพอร์ท
“แต่ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเวทย์มนตร์สื่อสาร แต่มันก็ใช้เวลาสักระยะ ซึ่งนั่นก็เพียงพอให้เราไปถึงวังหลวง”
เวทย์มนตร์สื่อสาร ไม่ใช่อะไรที่ใช้ปุ้บได้ปั้บ มันมีดีเลย์
มันก็ขึ้นกับระยะทางระหว่างสองตำแหน่ง ที่ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเลย์ นานออกไปเท่านั้น จนกว่าเวทย์นั้นจะส่งไปถึงผู้คนที่เป็นเป้าหมาย
ทีแรก เขารู้ข่าวว่า เจ้าหญิงมีชีวิต แล้วเขาก็ต้องออกคำสั่งให้ฆ่าเจ้าหญิง คราาวนี้เขาก็ต้องมาสั่งใหม่อีกว่า เจ้าหญิงได้เทเลพอร์ทไปยังการ์เดียมแล้ว
“แล้วท่านจะเล่าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ,ร้อยโท ?”
“ได้ครับ , ผมจะเล่าให้ฟังเอง”
เนื่องจากเรามีเวลาไม่มากมายนัก เราก็เลยใช้เวลาช่วงที่พาเจ้าหญิงเดินไปยังถนนเมืองหลวง อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นไปด้วย
พอเล่ามาถึงตอนที่ผมเกือบตายเพราะพวกอัศวินของดยุค เจ้าหญิงก็มองผมด้วยแววตาขอโทษ
ผมรอดมาได้แล้ว เธอไม่เห็นจะต้องมาขอโทษ หรือรู้สึกผิดกับผมเลย
จริงอยู่ที่ผมสามารถใช้คัมภีร์เทเลพอร์ททันทีที่ผมออกจากปราสาทจอมมารเลยก็ได้ หากผมอยากรอดชีวิตน่ะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะเป็น
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแหละว่าทำไม แต่ผมไม่อยากทิ้งชาร์ล็อตไว้แม้ชีวิตผมต้องเสี่ยงตายด้วยก็ตาม
ผมเข้าใจดีว่า มันเป็นอะไรที่โง่มากที่ไปเสี่ยงชีวิตตัวเองช่วยใครสักคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
ผมอยากจะบอกเลยว่า มันไม่ใช่นิสัยของผมเลยด้วยซ้ำ
แต่เอาเถอะ เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็จบลงด้วยดีนะ
แต่ผมมั่นใจแล้วว่า ผมจะไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีก
เอาแค่ตอนที่ไดรัสเล่าเหตุการณ์ดังกล่าว ผมฟังแล้วก็ขนลุกเสียววาบถึงหลังแล้ว
พอมองย้อนกลับไป มีอะไรผิดธรรมชาติเกิดขึ้นมากมายเลยไม่ว่าจะเป็นการที่อยู่ๆ กากอยก็ทำงานขึ้นมาแล้วขวางพวกอัศวิน
พวกนักโทษปีศาจที่อยู่ๆก่อจราจลขึ้นมา ขณะที่พวกนั้นกำลังจะจับตัวพวกเราได้
เหตุเกิดครั้งแรกก็เรียกว่า เรื่องบังเอิญ แต่พอเกิดเป็นครั้งที่สองนี่ มันน่าสงสัยเกินไปแล้ว มันดูพอเหมาะพอเจาะจนเกินไป
ไดรัสก็แค่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีชีวิตรอดมาได้ แต่ผมเห็นสีหน้าของเจ้าหญิงที่ตึงเคร่ง
เธอน่ะคือ ชาร์ล็อต เจ้าหญิงผู้อยู่ในปราสาทกลางในกลางจักรวรรดิ พูดได้ว่าอยู่ใจกลางเวทีสงครามการเมืองก็ว่าได้
เธอนั้นฉลาดเป็นกรด และยังผ่านประสบการณ์บางอย่างมาแล้ว ในทันทีที่เธอได้รับความช่วยเหลือจากจุดที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ , เธอก็คาดการณ์ความตายของตัวเองได้แทบจะในทันที
เหล่าปรากฏการณ์แปลกๆที่เดินขบวนเข้ามา
เด็กชายผู้สูญเสียความทรงจำ
คัมภีร์เทเลพอร์ทที่ผมหาเจอได้ในทันที
จุดที่น่าสงสัยที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือ ผมเองนี่แหละ
ผมไม่รู้ว่า คนอื่นจะมีข้อสรุปเรื่องนี้ยังไง แต่สำหรับผมแล้วไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็ไม่ส่งผลดีกับผมทั้งนั้น
และเห็นได้ชัดแล้วว่า เจ้าหญิงน่ะไปถึงข้อสรุปนั่นได้แน่ๆ
ผมไม่รู้ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง แต่ผมจะไม่รอให้เธอลงมือ
ผมเดินช้าลง ปล่อยให้พวกเขานำหน้าไป
ถือเป็นโชคดีที่ไดรัสนั้นอยู่ใกล้ชิดกับองค์หญิงเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น
แบบนี้ดีแล้ว
แค่องค์หญิงเป็นหนี้บุญคุณผมก็ดีแล้ว แต่ผมไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดกับเธอได้ เพราะมันเสี่ยงที่ตัวตนของผมจะถูกเปิดโปงเข้าสักวัน
ความสัมพันธ์แบบนี้ มันไม่ยืนยาวนักหรอก
นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมจะสามารถทำได้
ผมเดินออกห่างไปเงียบๆ และรีบหลบเข้าซอยที่ผมเดินผ่านมา
ต่อให้เธออยากจะมอบให้ผมสักพันโกลด์ ผมก็ไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหญิงได้อีก เจ้าหญิงน่ะปลอดภัยแล้ว แต่สำหรับผมน่ะ มันไม่ต่างจากการเดินดุ่มเข้าถ้ำเสือ
ไม่มีทางหรอก ที่ผมจะไปตบตาคนเก่ง และชนชั้นสูงในรั้วในวัง
ด้วยเวทย์ปลอมตัวในที่แค่ใช้เวทย์ลบล้างอ่อนๆก็พัดหายได้แล้ว
แล้วผมจะไปตั้งเป้าให้ชีวิตตัวเองสั้นขนาดนั้นตั้งแต่มาอยู่โลกนี้ไปทำไมกันล่ะ ?
ทำไมผมต้องไปเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อเป้าหมายระยะสั้นแค่นั้นกันล่ะ?
ผ่านเข้าไปซอกซอย ผมซ่อนตัวเพื่อให้แน่ว่า เจ้าหญิงกับไดรัสจะหาผมไม่เจอ
ตอนนี้พวกเขาไม่ตามหาผมอีกต่อไปแล้ว การกลับถึงวังหลวงนั้นสำคัญกว่า
ทีแรกผมน่ะหนีออกมาจากถ้ำที่กำลังถล่มที่ชื่อ ปราสาทจอมมาร เพื่อมาจบที่ถ้ำเสื้อที่เรียกว่า ค่ายทหารกองทัพพันธมิตร แต่ผมจะไม่เหยียบย่างเข้าไปในรังมังกรที่เรียกว่า วังหลวงแน่ๆ
หลังจากเดินมาสักพัก ผมก็มาหยุดเงียบๆแล้วนั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่ง
“ฟิ่วววว ….”
ปล่อยทุกอย่างไว้ข้างหลัง ผมขอพักสักแปป
“ให้ตายเหอะ ….”
ในที่สุดผมก็ได้พูดอะไรปกติออกมาบ้างซะที หัวผมแทบระเบิดแล้ว
ผมได้เจอทั้งเหตุการณ์นองเลือด ได้เห็นผู้คนฆ่ากันตายต่อหน้าต่อตา และผมยังเป็นเหตุให้คนอื่นต้องตายอีกด้วย
กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ผมเกือบสติแตกไปหลายต่อหลายครั้ง
ตอนนี้ขอพักก่อนดีกว่า พัก แล้วปล่อยความทรงจำสุดเลวร้ายนั้นไปก่อน ค่อยมาคิดว่า จะทำอะไรต่อไปดี
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้พักผ่อนหย่อนใจ หลังจากเจอสถานการณ์บีบคั้นชวนสิ้นหวัง ดันให้ต้องจนมุมในโลกที่ไม่คุ้นเคย
ผมผ่อนคลายลงเล็กน้อยที่ไม่โดนบีบให้ต้องไปไหนแล้ว
ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองหลวงจักรวรรดิ
จะว่าไป เท่าที่ผมดูแล้ว เมืองหลวงจักรวรรดิน่ะก็ดูคล้ายยกรุงโซลในเกาหลีเลย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นี่เป็นเมืองใหญ่ ใหญ่ที่สุดในทวีป ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน เมืองใหญ่ขนาดนี้น่ะไม่ใช่เรื่องปกติที่มีกันดาดดื่น
ตอนนี้ผมนั่งเล่นบนม้านั่งบนถนนทางเดิน ที่ผู้คนไม่คับคั่งมากไปนักและก็ไม่ได้โหรงเหรง
เมืองหลวงจักรวรรดิน่ะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมีบรรยากาศผู้คนคึกคัก อันเนื่องมาจากจักรวรรดิน่ะได้รับชัยชนะจากสงครามโลกปีศาจ
ถึงอย่างนั้นหากผมอยากที่จะมีชีวิตรอดต่อไป ผมก็ไม่ควรคิดว่า ความสงบสุขนี้มันจะแน่นอนเสมอไป
หลังจากรวบรวมความรู้สึกในหัวใจที่แตกสลายกลับคืนฟื้นมา , ผมกลับรู้สึกผิดจากความทรงจำแย่ๆ
จากนี้เป็นต้นไปผมต้องคิดให้ดีว่า ผมทำอะไรได้บ้างและควรทำอะไรต่อไป
แต่ผมเจอปัญหาแล้วอย่างนึง ผมไม่มีเงินเลยแฮะ
ผมไม่มีที่นอน ไม่มีอาหารให้กิน แถมการกลับไปกับเจ้าหญิงนั้นเป็นเรื่องไร้สาระเกินไปด้วย
การทำงานหาเงินเป็นอะไรที่ยาก เพราะมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าหากเวทย์มนตร์ปลอมตัวผมอยู่ๆหมดฤทธิ์ขึ้นมาขณะที่ผมกำลังล้างจานอยู่ในร้านอาหารที่ไหนสักแห่ง ?
พวกเขาไม่มีทางจ่ายเงินล่วงหน้าให้ก่อนทั้งที่ผมเป็นคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้แน่
ตอนนี้เองที่ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมพวกคนจรจัดถึงได้ก่ออาชญากรรม
หากไม่ใช่การก่ออาชญากรรมแล้ว ผมก็ไม่มีทางออกจากทางตันนี้ได้เลย
แล้วผมไปอยู่ในสถานที่ดูแลเด็กอะไรพวกนั้นไม่ได้เหรอ ?
มันมีไอ้ที่แบบนั้นด้วยไหม ?
มันคงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนจะไปสร้างเซตติ้งโลก ที่มีระบบรับเลี้ยงดูแลเด็กในนิยายตัวเองล่ะมั้ง ……?
โอ้ะ พอมานึกๆดูแล้ว
ผมเองนี่ว่า ไอ้บ้าคนนั้น มันเป็นโปรเจคที่รวบรวมเอาเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ตายในสงครามโลกปีศาจมารวมไว้ ในช่วงหลังสงครามจบ
ผมรู้เรื่องนี้ดีเพราะจะมีเด็กบางคนในเรื่องบอกว่า มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กในวิหาร ในช่วงบทหลักของชีวิตโรงเรียน
ที่ผมเขียนไปว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยที่เป็นลูกหลานของผู้คนที่ออกไปรบในสงครามโลกปีศาจ อยู่ในวิหารด้วย ในหมู่พวกนั้นเองก็มีตัวละครหลัก
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข่าวที่ว่ามนุษย์ชนะปีศาจได้แล้วก็แพร่ออกไป พวกนโยบายที่ใหญ่ขนาดนั้นไม่มีทางทำได้ในทันทีหรอก มีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นสูงมาก
ถึงผมจะไปที่ไหนสักแห่งที่คล้ายศูนย์เลี้ยงดูเด็กกำพร้า แล้วขอให้รับผมเข้าไป ไม่ว่าพวกเขาจะรับผมหรือไม่มันก็ยังเป็นในเขตเมืองหลวงอยู่ดี
ไม่ว่าเจ้าหญิงจะออกตามหาผมตอนนี้เลยหรือมันก็ไม่ความเป็นไปได้ที่เธอจะเจอตัวผมอยู่ดี
ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่อยากตกรางวัลให้ผม หรืออยากหาว่า ผมเป็นใครกันแน่เหตุผลอะไรไม่สำคัญ
เจ้าหญิง ก็คงสามารถใช้ความคิดคาดการณ์ได้แน่ว่า ผมอาจจะไปอยู่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ไหนสักแห่ง เธอน่ะฉลาดขนาดนั้นอยู่แล้ว หรือต่อให้เธอไม่สามารถตามหาผมในต่างแดน ต่างเมืองได้ผมก็ไม่มีเงินค่าเดินทางอยู่ดี
แถมผมยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเอาชีวิตรอดในสภาพที่โหดร้ายแบบนี้ได้ด้วย
อีกทั้งผมยังเป็นปีศาจอีกด้วย เชื่อว่า ถ้าตอนนี้ผมมีบิสกิตอยู่ในมือนะ ผมโยนมันเข้าปากตัวเองแน่ๆ
อันที่จริงตอนนี้ผมก็เริ่มหิวละ
ทำไมผมถึงไม่ใส่เซตติ้งสุดสะดวกสบายอย่างเช่นว่า “พวกปีศาจน่ะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยมานาหรืออะไรสักอย่างกันนะ !
[เปิดใช้ฟังชั่น 'เพิ่ม เซตติ้ง ' ]
“……เอ้ะ ?”
[ต้องการ 100,000 แอคชีฟเม้นท์พ้อยท์ เพื่อ เพิ่มเซตติ้ง ' เผ่า อาร์คเดม่อนนั้นสามารถรับสารอาหาร ผ่านพลังเวทย์มนตร์ได้ ' ]
มีข้อความอยู่ๆปรากฏขึ้นมาตรงหน้าผม
…นี่มันอะไรกันเนี่ย ?