เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 5
เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 5
ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลบเลี่ยงคำพูดของชาร์ล็อตที่ทำเอาผมโล่งใจขึ้นมา
“อ้ะ ,หา ?”
เจ้าหญิงคนนี้น่ะรู้ดีอยู่แล้วว่าชีวิตของตัวเองตกอยู่ในอันตราย
ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการที่ชาร์ล็อตมองผมแบบนิ่งๆนั้นทำให้สิ่งที่ผมคาดเดาไว้ถูกต้อง ดวงตาที่เธอจับจ้องมองผมนั้นจริงจังเหมือนกับไม่เคยแสดงท่าทีหิวโหยอาหารมาก่อน
“เป็นเรื่องยากที่ฉันจะลงรายละเอียด แต่พี่ชายไม่แท้ของฉัน ,เบอร์ตัส , คงอยากให้ฉันตายเต็มแก่แล้ว
สำหรับเขาแล้ว การที่รู้ว่า ฉันยังมีชีวิตอยู่คงเป็นหนามที่ทิ่มแทงใจเขา ”
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เด็กสาวที่นอนอยู่ในคุกแล้วกอดศพแม่ร้องไห้
ชาร์ล็อต , กลับไปนั่งตามเดิมเนื่องจากเธอพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเองเป็นสมาชิกของราชวงศ์
เบอร์ตัสเองก็มีผู้ติดตามอยู่มากมาย แถมเขาก็ไม่ใช่ตัวร้ายกากๆอีกด้วย
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ,ฉันไม่รู้ว่า เขาวางแผนอะไรฆ่าฉัน
ฉันไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นคนลงมือ แต่ฉันรู้ว่า มันเกิดขึ้นในเร็วๆนี้แน่ ”
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เธอจะโดนลอบโจมตีแบบใด และเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่า จะไว้ใจใครในสถานการณ์ที่วุ่นวายหลังจบสงครามแบบนี้
ขณะที่กองกำลังส่วนใหญ่กำลังเข้าไปค้นในปราสาทจอมมาร และกวาดล้างพวก แตกทัพ ดังนั้นแล้วที่มีอยู่เลยไม่ใช่ทัพหลัก
“แถมคนที่ฉันเชื่อใจได้ก็ไม่อยู่ที่นี่อีกด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นความจงใจ”
ตอนที่ชาร์ล็อตถูกช่วยออกมา เธอก็พบว่า ไม่มีคนรู้จักอยู่รอบข้างเลย
ตอนนั้นเองที่ความคิดบางอย่างแวบสายฟ้าแลบเข้ามา
“อ้ออ , เพราะแบบนี้นี่เองเธอเลยให้พวกนั้นออกไป ….”
“อืม ใช่แล้ว”
ที่เธอไล่ทุกคนยกเว้นผมออกไปก็เพราะเธอไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นนักฆ่ากันแน่
ชาร์ล็อตน่ะระแวดระวังมากกว่าที่ผมคิดไว้อีก
เธอไม่ว่าไว้ใจใครได้บ้างแถมไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจะโดนฆ่าตอนไหน
แล้วแบบนี้จะไปรู้ได้ยังไงว่า พวกนั้นไม่ได้วางยาในอาหารกันล่ะ ?
“เอ้อ , คืออาจมีการวางยาในอาหาร ….”
พอผมพูดแบบนั้นเจ้าหญิงก็หัวเราะ
“ถ้าพวกนั้นวางยาในอาหารกิน ฉันก็คงกินเข้าไปแล้วตายแหละ”
เธอหิวเสียจนไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
ผมไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า เจ้าหญิงนั้นหิวโหยแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าเธอหิวระดับที่ยอมตายดีกว่าจะไม่ได้กินอาหารตรงหน้า
เธอหิวระดับที่ยอมกินแม้จะรู้ว่าเป็นยาพิษก็ตาม นับว่าโชคดีที่ไม่มียาพิษอยู่ในนั้น
“คนส่วนมากที่อยู่ในค่ายส่วนมากเป็นศัตรูทั้งนั้น”
“เป็นอย่างนั้น ……เองเหรอ ?”
ชาร์ล็อตบอกเลยว่า ไม่ใช่แค่บางคนแต่เป็นส่วนมากเป็นศัตรูกับเธอทั้งนั้น
“ฉันพยายามจะหนีจากค่ายหลายครั้งแล้ว แต่พวกนั้นก็ไม่ยอมอ้างว่า ฉันต้องพักผ่อนก่อน
ฉันแน่ใจเลยว่า พวกนั้นตั้งใจจะขังฉันไว้ ”
น้ำเสียงของชาร์ล็อตนั้นแผ่วลงเรื่อยๆ
“ยังไม่เป็นที่รู้กันว่า ฉันได้ออกมาแล้ว
พวกเขาไม่อยากประกาศเรื่องนั้นออกไป ”
อย่างนี้นี่เองสินะ ?
ถึงเธอจะออกมาได้แล้วแต่ตอนที่ออกมาเธอก็โดนคลุมไว้ด้วยเสื้อโค้ทหนาๆเหมือนอยากจะปิดบังเรื่องนี้ไว้
ชาร์ล็อตบอกว่า พวกเขาตั้งใจทำให้เชื่อว่า ไม่มีผู้รอดชีวิตในปราสาทจอมมาร
“พวกนั้นน่าจะรอคำสั่งว่าควรจะจัดการกับฉันอย่างไร
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกนั้นถึงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่
หลังจากฆ่าฉันแล้ว เป็นไปได้สูงมากว่า พวกนั้นจะบอกว่าฉันตายอยู่ในปราสาทจอมมาร ”
พวกนั้นก็จะทำเหมือนว่า เธอตายอยู่ในปราสาทจอมมาร แล้วก็อุบเรื่องที่เธอได้รับความช่วยเหลือไว้
แถมยังอ้างด้วยว่า ได้ศพของเธอมาจากปราสาทจอมมาร
ชาร์ล็อตมองความเป็นไปได้ถึงขั้นนั้น
แม้ภายนอกจะดูเหมือนพวกเขาเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง แต่อันที่จริง มันก็ไม่ต่างจากคนนับร้อยที่ล้อมขังชาร์ล็อตเลยด้วยซ้ำ
เอาจริงนะแค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว หากเป็นผมผมคงไม่คิดถึงขั้นนั้นนะ
ถึงยังไงก็เถอะชาร์ล็อตรู้ความตั้งใจของพวกนั้นแล้ว
“ดังนี้แล้ว ผมที่เป็นคนได้รับความช่วยเหลือพร้อมกันก็ตกอยู่ในอันตรายด้วย”
เห็นกันชัดๆอยู่แล้ว ชาร์ล็อตพูดว่า ชีวิตของ ‘ พวกเรา’ ตกอยู่ในอันตราย ไม่ใช่ชีวิตของ ‘ฉัน’ ตกอยู่ในอันตราย
มันไม่ใช่เรื่องที่พวกนั้นจะพบว่า ผมเป็นปีศาจอีกต่อไปแล้ว
ผู้ติดตามของเบอตัสนั้นตั้งใจลบทุกคนที่รู้เรื่อง เจ้าหญิงลำดับหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ ผมเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น
สุดท้ายแล้วผมเองก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากการพยายามสุดกำลังเพื่อให้ชาร์ล็อตนั้นปลอดภัย
“ฟังนะ เราจะหนีไปจากค่ายตอนนี้เลย”
เธอตกอยู่ในสภาวะอันตรายมากหลังจากได้รับการช่วยเหลือออกมาดังนั้นเธอจึงวางแผน หลบหนีช่วงที่ไม่มีการเฝ้าระวังอย่างตอนนี้
“แล้วพวกเราจะสามารถหลบหนีไปได้จริงๆเหรอ ?”
มันมีทหารเดินตรวจตราอยู่เต็มไปหมดเลย มันเป็นไปได้จริงๆเหรอที่จะหนีออกไปได้น่ะ?
“แน่นอน พวกเราคงไม่สามารถหนีพ้นหรอกแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะ”
ชาร์ล็อตหัวเราะ
“ฉันน่ะ อยากให้มีคนรู้เรื่องที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ให้มากที่สุด”
จุดประสงค์ของเธอไม่ใช่การหนีให้พ้นหากแต่เป็นการไปบอกให้พวกทหารธรรมดารู้ว่า เธอนั้นยังมีชีวิตอยู่
ไม่นะ
ผมน่ะอายุมากกว่านะ
แต่ทำไมดูเธอฉลาดกว่าผมอีกล่ะ ?
ชาร์ล็อตลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขณะที่ผมรู้สึกถึงความพ่ายแพ้
จบมื้ออาหารแล้ว
ไม่มีใครคิดฝันหรอกว่า ชาร์ล็อต เดอ การ์เดียสนั้นจะยังมีชีวิตอยู่
แถมคนเฝ้าระวังในค่ายที่ผมกับชาร์ล็อตอยู่ก็มีไม่มากด้วย
พวกเขาน่าจะรอคำสั่งจากเบื้องบนอยู่ ทั้งยังไม่คิดว่าพวกเราจะสามารถหนีไปไหนได้ด้วย
ถึงจะเรียกมันว่า ค่ายทหาร แต่อันที่จริงแล้วมันก็คือ เต๊นท์นั่นแหละ
การหลบหนีจากเต๊นท์น่ะเป็นเรื่องง่ายๆเลย
ผมก็แค่ใช้มีดที่ได้มาจากโต๊ะอาหารมากรีดแล้วก็ดูความเคลื่อนไหวของพวกที่อยู่ด้านนอก
หลังจากกรีดทำรูที่เต๊นท์แล้ว พวกเราก็แอบคลานออกมา
พวกเราออกมาทางด้านหลังไม่ใช่ด้านหน้าทางเข้า ซึ่งมีทหารอยู่ไม่กี่คนเดินตรวจ
มันเงียบมาก ซึ่งก็พอเข้าใจได้ ก็ในเมื่อทหารส่วนมากไปอยู่กันที่ปราสาทจอมมาร ไม่ใช่ที่กองบัญชาการ
ไม่มีใครคาดคิดด้วยว่า เจ้าหญิงจะรู้ถึงอันตรายต่อชีวิตตัวเองแล้วหนีมาในทันทีที่โดนช่วยเหลือออกมา
ใช่แล้วล่ะ การไม่รู้ตัวแบบนั้นเป็นเรื่องปรกติเลยล่ะ แม้แต่ผมเองก็ยังตกใจกับเรื่องนั้นเลย
เราไม่สามารถเดินไปได้นานเท่าไหร่ พวกเราโดนเจอตัวแทบจะในทันที ชาร์ล็อตรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว
“เอาล่ะ เดี๋ยวพวกเราก็โดนจับได้แหละ”
คงสงสัยกันว่า เธอจะออกมาทำไมในเมื่อเดี๋ยวก็โดนจับกลับไปอยู่ดี
เป้าหมายชาร์ล็อตน่ะคือตั้งใจจะเปิดเผยตัวตนให้ทุกคนเห็นว่า รอดกลับมาได้ เรื่องนั้นเลยไม่สำคัญ ขอแค่มีข่าวแพร่ออกไป มันก็ช่วยต่อชีวิตของเธอให้ยืนออกไปอีกสักนิดแล้ว
เพราะอย่างนี้ความจริงเรื่องที่เธอยังมีชีวิตอยู่ก็เลยแพร่ออกไปในหมู่ทหารธรรมดา การแกล้งทำเป็นว่า เธอตายไปแล้วในปราสาทจอมมารจึงทำไม่ได้
ทำให้เธอมีชีวิตรอดต่อไปจนกว่า เธอจะหาวิธีการอื่นได้
นั่นคือเป้าหมายของชาร์ล็อต
“นายน่ะไปต่อเถอะ”
“ครับ”
ขณะที่เธอมองมาที่ผม ดวงตาของชาร์ล็อตก็เป็นประกาย
“นายต้องรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะ”
ณ ตอนนั้นเองที่ผมสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของความกลัวของชาร์ล็อตที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายอีกครั้งหนึ่ง
ใช่แล้ว เธอจะมีชีวิตรอดต่อไปนะ ไม่ว่จะเกิดอะไรขึ้น
ผมทิ้งชาร์ล็อตไว้เบื้องหลังแล้ววิ่งไปยังทางโล่งด้านหน้า
-นะ, นั่น, น่ะใช่ องค์หญิงหรือเปล่า ?
-โอ้องค์หญิงองค์หญิงยังมีชีวิตอยู่ !
ไม่นานนักก็มีเสียงร้องของพวกทหารดังทั่วทั้งค่าย
ชาร์ล็อตโดนนำตัวกลับค่ายบัญชาการใหญ่ เหลือแต่ผมที่สามารถไปไหนมาไหนก็ได้อย่างอิสระ
'หากพวกนั้นพบว่า นายก็ไม่อยู่ พวกนั้นก็จะออกตามหานายด้วยเหมือนกัน วิ่งให้ไวที่สุดเลยนะ
พวกนั้นไม่ฆ่านายตอนนี้หรอก แต่พวกเขาน่ะฆ่านายแน่ๆ '
'ตามหาเซอร์ฟรานซิส แล้วกลับมาพร้อมกับเขาให้ได้'
'ฉันอยากให้นายหาเขาให้เจอแล้วให้เขามาคุ้มครองฉัน'
ก่อนที่พวกเราจะออกมาจากเต๊นท์ ชาร์ล็อตบอกผมแบบนั้น
เซอร์ฟรานซิส
เธอบอกว่า เธอไม่รู้ว่าใครเป็นศัตรูหรือพันธมิตรของเธอเลย
ถึงอย่างนั้นเธอก็บอกว่า มีคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีทางเป็นศัตรูของเธอนั่นก็คือ อัศวินที่ช่วยชีวิตพวกเรา อย่างเซอร์ฟรานซิส
หากเขาเป็นลูกน้องของเบอตัสจริง เขาก็น่าจะฆ่าเราทิ้งตั้งแต่ตอนที่เจอพวกเราแล้ว แต่เขาเลือกที่จะช่วยชีวิตเรา นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่าเขาไม่มีทางเป็นข้ารับใช้ของเบอตัสเด็ดขาด
จากตอนที่ชาร์ล็อตได้รับการช่วยเหลือ แค่ชั่วขณะนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้เธอได้เข้าใจถึงวิกฤติที่เธอต้องเผชิญหน้า แทนที่จะดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือ
เดิมทีชาร์ล็อตจะต้องถูกฆ่าแม้ว่าจะล่วงรู้ถึงอันตรายต่อชีวิตของเธอแล้วก็ตาม เธอไม่สามารถทำอะไรได้เพื่อให้รอดชีวิตต่อไปนั่นก็แปลว่า …
ความสำเร็จหรือล้มเหลวของผมส่งผลต่อความเป็นตายของชาร์ล็อต
ชาร์ล็อตไม่สามารถออกไปตามหาฟรานซิสด้วยตัวเองได้
ถึงเธอจะสั่งให้พาเขามาหา คำสั่งนั้นก็ไม่มีทางไปถึง
สุดท้ายแล้วผมก็ต้องตามหาเขาด้วยตัวเองแล้วพาเขามาอยู่ข้างๆชาร์ล็อต
ทหารที่เดินไปเดินมาในค่ายทหาร มองตามด้วยความสงสัยตอนที่เห็นผมวิ่งไปวิ่งมาแต่ไม่มีสักคนที่ตรงมาหาผม
ในขณะที่ทุกคนต่างรู้จักเห็นหน้าชาร์ล็อต แต่ไม่มีใครรู้จักผมเลยทำให้แผนการนี้เป็นไปได้
ผมเข้าไปหาทหารคนหนึ่งที่ดูเป็นเจ้าหน้าที่ แล้วถามเขา
“นาย , นายรู้ไหมว่า เซอร์ฟรานซิสอยู่ที่ไหน ?”
เขามองด้วยแววตาดูถูกและพยักหน้า
“แล้ว ? มีอะไรล่ะ ?”
“ผมมีข้อความเร่งด่วนส่งมาจากผู้บัญชาการสูงสุด”
ถ้าผมมาพูดถึงเจ้าหญิง มันจะเสียเวลาในการอธิบายนานผมจึงไม่มีทางลือกอื่นนอกจากโกหกปิดบังไป เขากวาดสายตาดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
นับเป็นโชคดีที่ผมเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าหรูหราแล้ว จึงไม่โดนไล่ตะเพิด
นี่หากผมยังใส่ไอ้เศษผ้าพวกนั้นอยู่ น่าจะโดนไล่ว่า ไสหัวไปได้แล้ว ล่ะมั้ง
“ฉันก็ไม่ค่อยสนิทกับเซอร์ฟรานซิสสักเท่าไหร่ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาน่าจะไปค้นหาอยู่รอบๆปราสาท
ได้ยินว่า พวกอัศวินส่วนใหญ่ก็ถูกส่งไปอยู่ที่นั่นกัน”
บ้าเอ้ย
หลังจากช่วยพวกเราเสร็จดูเหมือนเขาก็ตั้งใจทำภารกิจเดิมนั่นคือ ออกสำรวจปราสาทต่อ
ไม่สิ ไม่สิ,เดี๋ยวก่อนนะ
ลูกน้องของเบอร์ตัสจะฆ่าทุกคนที่รู้ว่า ชาร์ล็อตมีชีวิตอยู่
ชัดเจนแล้วว่าชีวิตของฟรานซิสคนั้น ตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน
เขาไม่ใช่คนที่ภักดีต่อเบอร์ตัส ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะปิดปากเงียบอยู่ได้
ส่วนเบอร์ตัสเองก็ต้องการจะกำจัดทุกคนที่รู้ว่า ชาร์ล็อตยังมีชีวิตรอด
ผมเท่านั้น มีแค่ผมเท่านั้น ที่สามารถเป็นที่พึ่งในการเอาชีวิตรอดของชาร์ล็อต
“เราต้องไปหาตามหาเซอร์ฟรานซิสเดี๋ยวนี้ ! เขาตกอยู่ในอันตราย !”
“หวะ, หวา อะไรนะ?!”
ผมไม่ทางเลือกอื่นนอกจากตะโกนลั่นขึ้นมาทันทีใส่เจ้าหน้าที่ที่ผมไม่รู้จักคนนั้น