เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 4
เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 4
เด็กสาวคนที่ผมคุยด้วยนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น ชาร์ล็อต เดอ การ์เดียส(Charlotte de Gardias) ,เจ้าหญิงลำดับหนึ่งของจักรวรรดิการ์เดียส , จักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในผืนทวีป
อ่า ถ้าให้พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้คร่าวๆก็ ผมเองนั้นเป็นนักโทษในปราสาทจอมมารแล้วก็ความจำเสื่อ
ผมเองก็เลยพยายามที่จะช่วยเด็กสาวคนหนึ่งที่ร้องไห้อยู่ออกมาจากคุกโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คอยปลอบใจเธอจนกระทั่งดีขึ้น แล้วเอาอะไรให้เธอกินเพราะสงสารเห็นใจที่เธอหิวโหย
แล้วอยู่ๆก็กลายเป็นว่า เธอน่ะเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิที่โดนกองทัพจอมมารจับตัวมา !
แล้วผมก็ได้รับการช่วยเหลือไปพร้อมๆกับเจ้าหญิง
จากนั้นเจ้าหญิงคนนั้นก็บอกกับคนที่มาช่วยว่า ให้ปฏิบัติกับผมด้วยความเคารพด้วย
ความรู้สึกแรกนะที่ผมมีให้กับสถานการณ์แบบนี้นะ “โคตรจะคลีเช่*เลยว่ะ”
(TTL : คลีเช่ (Cliche) ซ้ำซาก จำเจ ตามขนบ ตามแพทเทิร์น )
ถึงอย่างนั้น ผมเองก็เป็นปีศาจที่ที่ปลอมรูปลักษณ์ด้วยเวทย์ปลอมแปลง
อะไรกันเนี่ย มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ?
ผมโดนพาตัวออกมาจากปราสาทจอมมารไม่ต่างจากวัวจูงไปยังโรงเชือด แล้วก็มาถึงค่ายทหารที่เป็นศูนย์บัญชาการทหารสูงสุดที่อยู่ห่างไกลจากสนามรบ
พ่อมดรวมถึงนักบวชมากมายเข้ามาล้อมเจ้าหญิงไว้แล้วยังทำอะไรบางอย่างกับผมด้วย
ทำเอาผมโล่งใจไป ที่ตัวเองนั้นไม่ได้มีธาตุอันเดดที่ทำให้เวทย์ของพวกนักบวชสร้างความเสียหายหรืออะไรทำนองนั้นกับตัวผม
แถมยังเป็นโชคดีอีกที่ผมไม่ได้มีพลังต้านพลังศักดิ์สิทธิ์
แหงล่ะ ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก เพราะถ้าเกิดปัญหาแบบนั้นจริงผมคงจะไม่พยายามให้พวกมนุษย์ช่วยเหลือหรอก
ผมเป็นเจ้าโสโครกอยู่ได้ไม่นานก็มีคนมากมายหิ้วผมไปล้าง เช็ด ทำความสะอาด
ถึงมันจะเป็นวันที่อากาศร้อนแต่ความกลัวที่ผมจะทำให้อะไรพลาดทำเอาหนาวจับใจเลย
หากพ่อมดร่ายเวทย์พวกลบล้างคำสาปใส่ผม ทุกอย่างเป็นอันจบกัน
นับเป็นโชคดีที่กองทหารส่วนใหญ่ออกไปค้นในปราสาทจอมมาร ก็เลยยากที่พวกนั้นจะดูแลเจ้าหญิงได้ทั่วถึงเพราะในกองกำลังพ่อมด และทหารก็บาดเจ็บกันไปเยอะ
ก็ยังคงมีคำถามแหละว่า ชาร์ล็อตน่ะเป็นคนนิสัยดีไหม หรือไม่อย่างนั้นก็เริ่มชอบผมบ้างหรือเปล่า ?
“กรุณาดูแลบุคคลนี้ให้ดี เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน”
กลายเป็นว่า ปัญหาจริงคือ เธอเป็นห่วงผมมากเกินไปน่ะสิ ขนาดไม่ค่อยจะมีแรงเหลือเธอก็ยังบอก ยังแนะให้ดูแลผมก่อนเลย
ผมโค้งคำนับให้กับเด็กสาวที่ผมเคยกอดมาเมื่อไม่นานมานี้
“มะ , ไม่ ไม่เป็นไรครับ , ฝ่าบาทผมนั้นแข็งแรงดี ครับ”
อันที่จริงผมไม่ได้ทำอะไรที่มันวิเศษวิโสเลย
“นายบอกว่า นายเสียความทรงจำ
นายคงโดนคำสาปรุนแรงมากเลยสินะ ”
“มะ , ไม่ครับ , ไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น! ผมไม่อยากได้จำได้ด้วย ใช่ ๆ มันไม่ใช่เลยใหญ่เลย ใช่ครับ”
“เรื่องนั้นน่ะ มัน….”
ไม่เอ๊าาา , ผมรู้แล้วว่า เธอน่ะเป็นเด็กดี แต่ช่วงเว้นระยะห่างบ้างได้ไหม ?
เธอน่ะตอบแทนผมเกินบิสกิตหนึ่งชิ้นแล้ววว
ถึงอย่างนั้นผมก็ได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องส่วนตัวใกล้ๆกับค่ายทหารด้วยการเชื้อเชิญจากเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลที่ดูแลผมกับเจ้าหญิงไม่พัก
จนพวกนั้นแทบจะล้มพับไปอยู่แล้ว
กลายเป็นว่า ผมหนีถ้ำที่กำลังจะถล่มลงมาแล้วดันไปโดดเข้าปากเสือแทน
[อีเว้นท์เสร็จสิ้น – การล่มสลาย ]
[คุณได้รับ 100 แอคชีฟเม้นพ้อยท์ ]
กลายเป็นว่า ผมสามารถผ่านอุปสรรคแรกไปได้แล้ว ..
ความห่วงใยของเจ้าหญิงเองก็ยังมีให้ผมอยู่ไม่ขาด
หลังจากปฐมพยาบาลแล้ว เจ้าหญิงก็เรียกผมไปที่ค่าย ทหาร ที่มีอาหารวางไว้เต็มโต๊ะ
“นายคงจะไม่ได้กินอะไรดีๆ เอาเลย กินเลย”
“อ่า , ครับ …. ครับ”
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สะดวกใจที่จะกิน คือ มีสายตาหลายคู่จับจ้องผมอยู่ ณ ตอนนี้
เจ้าหญิงพอมองผมเธอก็พยักหน้าราวกับเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอคงคิดว่า ผมเป็นพวกกระเดือกข้าวไม่ลงแม้แต่เม็ดเดียวหากมีคนจ้องผมอยู่
เจ้าหญิงหันไปหาพวกองค์รักษ์ พ่อมดและนักบวช
“ออกไปรอข้างนอก”
“ตะ , แต่ฝ่าบาท ….”
“พวกเจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่า จอมมารตายแล้ว และที่นี่ก็ปลอดภัยด้วย ?”
จากคำสั่งของเจ้าหญิง ทุกคนก็เลยออกจากค่ายไป เหลือไว้แต่เพียงผมกับเจ้าหญิง เธอมองผมแล้วไม่พูดอะไร
“รีบๆกินเข้าสิ”
“ครับ ,อ้ะ ? ใช่ , ครับ ครับ”
เจ้าหญิงคว้าขาไก่ย่างด้วยมือเปล่าแล้วกัดง่ำลงไป
ดูเหมือนเธอไล่พวกเขาไปเพราะอยากจะได้กินอย่างสบายอกสบายใจสินะ
“อ่า , เอ่อ …… คือ , พวกเราจะไม่ป่วยเหรอ ……?”
คือถ้าใครสักคนทนหิวมาเป็นเวลานานๆแล้วอยู่ๆก็กินอะไรแบบนั้นลงไป มันจะไม่ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนจนตายเหรอ ?
นี่เธอไว้ใจพวกนักบวชข้างนอกขนาดนั้นเลยเหรอ ?
“นายก็ด้วย รีบกินเข้าสิ”
คงไม่จำเป็นต้องบอกเธอแล้วมั้ง
มันเป็นมื้ออาหารชุดใหญ่ ที่ผมมีเวลาครุ่นคิดสักพักในขณะที่เจ้าหญิงก็เคี้ยวอาหาร
ในปฐมบท จอมมารวาเลียร์นั้นตาย แต่สถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
สงครามโลกปีศาจ , สงครามเต็มรูปแบบระหว่างมนุษย์กับอาณาจักรของปีศาจที่เรียกกันว่า โลกปีศาจ
เป็นปรกติที่จะมีสงครามเกิดขึ้น โดยผู้กล้าฆ่าจอมมาร จากนั้นก็กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างเข่นฆ่ากันและกัน ส่วนเหตุผลเบื้องหลังในการทำสงครามก็ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มันก็เริ่มสงครามขึ้นในนามของพวกปีศาจ
จอมมารวาเลียร์นั้นมีกองทัพที่แข็งแกร่งมากและพยายามทำให้ทัพพันธมิตรของมนุษย์ยอมจำนน
วาเลียร์นั้นส่งสปายเข้าไปในทัพพันธมิตรมนุษย์เพื่อลักพาตัวบุคคลสำคัญๆของฝ่ายมนุษย์มา
เขาลักพาตัวทั้งนักการเมือง พระราชา นักรบที่แข็งแกร่ง พ่อมด หรือแม้แต่ครอบครัวของพวกนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมาเข้าร่วมสงคราม
และตัวประกันคนสำคัญที่สุดก็คือ เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งแห่งการ์เดียสและแม่ของเธอ
วาเลียร์สามารถลักพาตัวจักรพรรดินีและเจ้าหญิงมาได้สำเร็จ หากองค์จักรพรรดิถอนตัวจากสงครามก็แน่ชัดอยู่แล้วว่า อีกฝ่ายก็ต้องรุกไล่
อย่างไรก็ดีหาก จักรพรรดิยอมแพ้ในสงครามโลกปีศาจครั้งนี้มันจะกลายเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง
หากพระองค์สั่งถอยทัพมีแต่ความล่มสลายที่รออยู่ สุดท้ายพระองค์จึงเลือกที่จะไม่หวังช่วยตัวประกัน แล้วทำสงครามเต็มรูปแบบ
ตัวประกันทั้งหมดถูกฆ่า แต่ก็เกิดเรื่องพลิกผันอีกนั่นคือ เจ้าหญิงมีชีวิตรอด
มันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกันนะ .…?
ไม่สิ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ ลองคิดดูให้ดีๆสิ
นี่น่ะมันนิยายที่ผมเขียนแน่ๆ แต่เอาจริงๆนะ ผมจำไม่ได้สักประโยคเลย
ผมจำปฐมบทแทบจะไม่ได้แล้ว ก็เคยเขียนมันเมื่อนานมาแล้วนี่นะ
เจ้าหญิงหน้าตาน่ารักที่กำลังกินง่ำๆอยู่ตรงหน้าผมเนี่ย ไม่ใช่ตัวละครหลักในนิยายของผมที่เป็นแนวรั้วโรงเรียน
เอาจริงๆนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอน่ะชื่อ ชาร์ล็อต เดอ การ์เดียส
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจำหรืออะไรนะ แต่ผมไม่รู้แต่แรกแล้วตะหาก
มันไม่เห็นจะจำเป็นที่ต้องจดจำชื่อของบุคคลที่เดินผ่านมาแล้วผ่านไป หรือชื่อที่มีคนพูดถึงเสียเมื่อไหร่ แบบ
“โอ้ะ , ใช่เหมือนมีคนชื่อนั้นอยู่นะ”
ผมจำชื่อเจ้าหญิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
ลองคิดดูให้ลึกขึ้นอีกชั้นดีกว่า สิ่งที่ผมเขียนลงไปกลายเป็นความจริงขึ้นมา
ผลก็คือ มีการเติมเต็มในส่วนที่ผมไม่ได้จินตนาการลงไปด้วย
มันเป็นโลกที่ผมรู้จักก็จริง และมันก็เป็นโลกที่มีการเติมในสิ่งที่ผมไม่รู้มาก่อนด้วยเช่นกัน
ทหารองค์รักษ์ด้านนอกนั่นก็มีประวัติมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ถึงมันจะเป็นโลกที่ผมคิดขึ้นมา มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วหรือเปล่า
ที่อยู่ๆสิ่งที่คิดไว้ก็กลายเป็นความจริงขึ้นมาน่ะ
ดังนั้นแล้ว มันก็มักจะมีอีเว้นท์ในโลกนี้ที่เกิดขึ้นมาเสมอ ตามที่ผมไม่เคยระบุไว้ำก่อน และก็ควรที่จะมีอีเว้นท์ที่ต้องเกิดขึ้นด้วย
มันก็เลยมีทั้งเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน อนาคตที่ผมไม่รู้ไม่มีเบาะแสอยู่ด้วยเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นประโยคที่ผมเขียนลงไปน่ะเป็นจริงอย่างแน่นอน
จักรพรรดินั้นเลิกคิดช่วยตัวประกันแล้วทำการศึกเต็มกำลัง
การปราบปรามอาณาจักรปีศาจประสบความสำเร็จและถ้าจักรพรรดิเองกลับยอมถอยให้เพราะตัวประกัน ก็จะถูกโจมตีกลับและมีแนวโน้มที่จักรวรรดิจล่มสลายลง
เรื่องนั้นเป็นความจริง
และผมไม่เคยเขียนอะไรเกี่ยวกับเจ้าหญิงลำดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่สำคัญในเรื่องนี้
แน่ล่ะว่า มันควรที่จะเป็นเรื่องแนวสไลซ์ออฟไล้ฟ์ชิลๆ แต่อย่างไรก็ดีก็มีการพูดถึงประวัติราชวงศ์ของจักรพรรดิไว้เหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าผมเนี่ย ผมไม่เคยเขียนถึงเธอเลยสักนิด
ถึงนี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิดไปสักหน่อยก็เถอะ แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะกับบทของตัวละครเจ้าหญิงที่โดนจอมมารลักพาตัวไปน่ะ?
มันไม่เป็นการฝืนเกินไปหน่อยกับการที่ผมพยายามจะเล่าเรื่องโดยให้เธอเด่นขึ้นมาน่ะ ?
ก็ตัวละครหลักสำคัญก็ต้องโผล่ในเนื้อเรื่องหลักอยู่แล้ว และก็ไม่ควรจะออกนอกเรื่องจากเส้นเรื่องหลัก หรือถ้าอย่างนั้นเจ้าหญิงเองก็สมควรที่จะมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่องต่อๆมาสิ แต่ในอนาคตต่อจากนี้นั้น เธอไม่เคยปรากฏตัวด้วยซ้ำ
เธอน่ะเป็นเจ้าหญิงลำดับหนึ่งที่รอดมาจากสงครามโลกปีศาจเชียวนะ ?
แล้วทำไมถึงไม่มีตัวละครแบบนั้นปรากฏตัวึข้นมาล่ะ แล้วทำไมผมถึงไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับเธอเลยล่ะ?
ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้นิยายตัวเองเป็นดั่งคำพยากรณ์ ผมต้องทำอะไรแปลกๆอย่างเช่นการตีความแปลความหมายของสิ่งที่ตัวเองเขียนไป
นักเขียนก็มักจะมองข้ามรายละเอียดของเรื่องราวไป อันที่จริงผมเองก็มีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อนเหมือนกัน
พวกเขาน่ะจะรู้ว่าตอนนี้มันเป็นยังไง แล้วก็ค่อยๆใส่รายละเอียดเติมลงไป แต่ผมน่ะสิไม่รู้เลยว่าจะยัดอะไรลงไป ผมที่โดนส่งมายังพื้นที่ว่างของเรื่องราวเหล่านั้นที่ได้รับการเติมเต็มในโลกแห่งความจริงใบนี้ ก็ต้องเชื่อมต่อมันด้วยอนาคตที่ผมรู้
ผมต้องทำการอนุมานเชื่อมโยงเส้นเรื่องสองเส้นไปสู่อนาคตที่ผมรู้จัก
ตอนนี้เจ้าหญิงได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยปรากฏตัวอยู่ในอนาคตของราชวงศ์ในเนื้อเรื่องเลยแม้แต่น้อย
ผมคิดออกว่า คำตอบเรื่องนั้นเป็นไปได้สองอย่าง
อย่างแรก การมีตัวตนอยู่ของผมนั้นทำให้เจ้าหญิงที่ควรจะตายแล้วกลับมีชีวิตอยู่รอดได้
ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอกที่เจ้าหญิงคนนั้นจะร้องไห้อยู่ตามลำพังแล้วขอให้ฆ่าเธอที แถมเธอยังขาดสารอาหารอย่างมากอีกด้วย
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรื่องทั้งหมดมันแก้ได้ด้วยบิสกิตอันเดียวเนี่ยนะ ?
จะยังไงก็ตามมันก็มีความเป็นไปได้ที่การมีตัวตนอยู่ของผมมันช่วยชีวิตเจ้าหญิงไว้ แม้โอกาสจะเป็นไปได้น้อยแต่ก็เป็นไปได้แหละ
อย่างที่สอง คือ มีความเป็นไปได้สูงมากที่อาจเกิดอีเว้นท์ใหญ่ในนิยายในส่วนที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน
ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์อีเว้นใหญ่ที่ผมเขียนขึ้นมาอย่างตั้งใจให้เกิดนั้น อาจมีเหตุผลอื่นเบื้องหลังแฝงอยู่ก็ได้
เช่นถ้า เกิดอีเว้นท์ A ขึ้นมา ผมอาจเขียนเรื่องราวบรรยายไปอย่างหนึ่ง แต่เหตุการณ์ในฉากเบื้องหลังอาจมีองค์ประกอบต่างออกไปที่ทำให้เกิดอีเว้นท์ A
นั่นคือ ถึงผมเป็นผู้เขียน แต่ถ้ามันไปเกิดที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะในกรณีนี้ ?
ถึงจะบอกว่า ทั้งหมดมันเกิดจากการเขียนส่งๆแบบไม่รับผิดชอบอะไรก็เถอะ
แต่มันจะประหลาดไปไหมกับการที่มีแม้กระทั่งเรื่องราวปูมหลัง รวมถึงเหตุผลในการณ์ที่เหตุการณ์ชั่วขณะนั้นเกิดขึ้นในโลกที่กลายเป็นความจริงขึ้นมาแบบนี้
หรือก็คืออาจเป็นไปได้ที่มีการปรับแก้บางอย่างเกิดขึ้นด้วย เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ผมพยายามใช้ม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ทนั่นแหละ
ดังนั้นถึงผมจะล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันมาเป็นอย่างนี้ได้ยังไง และทำไม ทำให้เกิดสถานการณ์แปลกๆขึ้นมา
ทั้งหมดเกิดจากการที่ผมเขียนเรื่องแบบไม่รับผิดชอบเท่าไหร่นักแถมยังเขียนหยาบเกินไปโดยไม่อธิบายสิ่งต่างๆให้ดี
นี่เป็นบทลงโทษความละเอียดของผมสินะ ?
และหากผมไม่ใช่เหตุผลหลักในการทำให้เจ้าหญิงรอด ก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง
ในเร็วๆนี้แหละที่เธอจะถูกฆ่าหรือไม่ก็ตาย
“ทำไมนายไม่กินล่ะ ?”
เจ้าหญิงตัวน้อยถามผมอย่างสงบใจ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องแนวสไลซ์ออฟไล้ฟ์ก็เถอะ ก็ต้องมีตัวร้าย
ถึงจะมีสไลซ์ออฟไล้ฟ์หลายเรื่องที่ไม่มีตัวร้ายแถมยังเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชด้วยก็ตาม
การปรากฏตัวขึ้นมาของตัวร้ายนั้นเป็นกระบวนงานการเล่าเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างมันง่ายดายขึ้น
ถ้ามีคนเขียนให้ตัวร้ายทำอะไรสักอย่าง ก็มีวิธีการอธิบายได้มากมายหลายทาง
เขาทำแบบนั้นไปทำไมกันล่ะ ? หากมีใครถามอย่างนั้นขึ้นมา ก็จะมีคนตอบอธิบายให้ว่า “ก็เพราะเจ้านั่นมันชั่วยังไงล่ะ ฮ่าฮ่า”
และผมก็ไม่ช่ำพอที่จะเขียนแนวสไลซ์ออฟไล้ฟ์โดยไม่มีตัวร้ายได้
ตัวร้ายหลักของเรื่อง [จอมมารตายแล้ว ] คือเจ้าชายแห่งจักรวรรดิ เบอร์ตัส เดอ การ์เดียส(Bertus de Gardias)
อาจจะมีตัวร้ายตัวประกอบอยู่บ้าง แต่เจ้าชายคนนี้น่ะไม่เหมือนกับพวกนั้น หากจะเรียกพวกตัวร้ายที่พบในสถานศึกษาที่แบบอ่อนกาก เกรดสอง เจ้าชายคนนี้แหละของจริงเลย
เขาเป็นประเภทที่วางแผนฆ่าคนอื่น ผมวางเซตติ้งของตัวเขาไว้ว่าเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้กลายเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป
จากมุมมองของเบอร์ตัสแล้ว การมีตัวตนอยู่ของเจ้าหญิงลำดับหนึ่งที่รอดชีวิตกลับมาได้หลังจากถูกพวกปีศาจลักพาตัวไปนั้น เป็นหนามยอกอก
ทั้งเรื่องที่เธอต้องไปเผชิญความยากลำบากมานานาประการ ทำให้เจ้าหญิงอยู่ในฐานะที่ได้รับความเป็นอกเห็นใจจากทุกทาง แถมยังเป็นเรื่องที่เธอเป็นเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งที่มีสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังค์เหมือนกันกับเขา
เบอร์ตัสก็ย่อมต้องขายขี้หน้าที่เจ้าหญิงยังมีชีวิตอยู่ไม่ตายเสียที เขาคงเชื่อและคิดจริงๆว่า เธอน่ะตายไปแล้ว แต่กลับรอดชีวิตกลับมาได้
ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็แปลว่านี่เป็นโอกาสดีที่ชาร์ล็อตจะได้ตายด้วยน้ำมือของเบอร์ตัสหรือคนของเบอร์ตัส
ชาร์ล็อตเองก็คงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในหลังฉาก โดยเธอไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมเนื้อเรื่องหลัก
ชาร์ล็อตจะตายในอีกไม่ช้านี้ แต่ความเป็นไปได้ที่เธอจะกลับถึงจักรวรรดิก็ไม่ต้องต่ำขนาดนั้น
ชาร์ล็อตอาจตกอยู่ในอันตรายเร็วๆนี้แหละ แม้ผมจะไม่รู้วามันเกิดขึ้นได้ยังไงก็ตาม
ขณะที่ผมครุ่นคิดเรื่องนั้นอยู่ เจ้าหญิงก็ถอนใจออกมาเหมือนกับอิ่มแล้ว
ผมจะสามารถช่วยชีวิตเด็กสาวคนนี้ได้ไหมนะ?
ชีวิตของผมที่เป็นเหมือนใบไม้ที่ต้องลม ยังจะอยู่ในฐานะที่ไปห่วงใยชีวิตคนอื่นได้อีกเหรอ ?
มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับผมแน่ หากชาร์ล็อตมาตายตอนนี้ขณะที่พวกพ่อมดจับตามองผมอยู่ ?
แค่ความคิดนั้นแวบเข้ามาก็ชวนผมผวาเย็นไปถึงไขสันหลังละ
ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่อยู่ในสถานการณ์ไม่ธรรมดา , แต่ผมเองก็ยังเป็นคนธรรมดาเหมือนเดิมนั่นแหละ
แต่ความคิดที่จะวางแผนเอาชีวิตรอดด้วยการใช้ประโยชน์จากการตายของเด็กคนหนึ่งเนี่ยทำเอาผมขยะแขยงตัวเอง
ชาร์ล็อตน่ะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับพันธมิตรของผมที่สุดที่ผมมี และเธอเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่า หัวจะหลุดจากบ่าได้ทุกเมื่อ
การที่ชาร์ล็อตอยู่ฝ่ายผมก็นับเป็นกำลังสำคัญ ไม่สำคัญเลยว่า เหตุการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ลองคิดแบบนั้นดูสิ
เวลานี้เป็นเวลาเดียวที่เราจะพูดคุยกันได้
หลังจากจบมื้ออาหาร พวกองค์รักษ์ก็จะกลับเข้ามา ตอนนี้เราจะพูดคุยเรื่องสำคัญไม่ได้อีกแล้ว
แล้วผมจะบอกเธอได้ยังไงดีว่า ชีวิตของเธอน่ะตกอยู่ในอันตราย ? แล้วผมจะอธิบายได้ยังไงว่า ผมรู้เรื่องนั้นได้ยังไง ?
ชาร์ล็อตเช็ดคราบที่มุมปากก่อนจะมองมาที่ผม
มองเข้าไปในดวงตาของชาร์ล็อต ที่เคยดูใสซื่อและบริสุทธิ์ พลันเย็นชาขึ้นมาทันใด
แม้จะเป็นความคิดของผมเอง แต่บรรยากาศรอบตัวเธอเปลี่ยนกะทันหัน ชาร์ล็อตพูดด้วยเสียงต่ำ
“ตอนนี้ ,ตั้งใจฟังให้ดีนะ”
ตั้งใจฟัง
ท่าทางของเธอขึงขังจริงจังกว่าก่อนหน้า
“ชีวิตของพวกเราตกอยู่ในอันตราย”
ชาร์ล็อตกลับชิงพูดเรื่องนั้นก่อนผม
แล้วเธอก็บอกกับผมว่า ที่ตกอยู่ในอันตรายน่ะ เป็นเรา ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว
ผมอยากจะบอกเธอว่า มันแค่เธอเท่านั้นแหละ