ตอนที่แล้วเจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 1 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 3

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 2


เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา ตอนที่ 2

ในนิยายสไลซ์ออฟไลฟ์(Slice of life)ชีวิตชิลๆที่ผมเขียน ผมเป็นคนที่ได้รับประสบการณ์รุนแรงมากที่สุดในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ถ้าจะระบุให้ชัดก็คือ เหยื่อนั่นแหละ

อักษรแปลกๆที่ผมไม่รู้จักสลักอยู่บนกำแพงทางเข้านับไม่ถ้วนของปราสาทจอมมาร

ถึงอย่างนั้นผมดันอ่านมันออกเสียด้วย

ถึงมันจะเป็นเซตติ้งที่เป็นคอมม่อนเซ้นส์แล้วก็เถอะนะ แต่มันก็ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี อาจเพราะผมได้ประสบพบกับตัวเองก็ได้

คุณคงไม่รู้หรอกว่า มันรู้สึกยังไงที่จู่ๆมาอ่านตัวอักษรที่ไม่คุ้นเคยได้ จนกว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์นั้นด้วยตัวคุณเอง

ผมผ่านห้องหลายต่อหลายห่วงทั้งห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องอาวุธ คลังเก็บไอเทมเวทย์มนตร์ ห้องปรุงยา รวมถึงบ้านหมา

แน่ล่ะ ว่า มันไม่มีป้ายชี้ไปยังทางใต้ดินหรืออะไรพวกนั้นหรอก

ผมหมายถึง มันจะเป็นอะไรที่ประหลาดใช่ไหม ถ้าหากวางเจ้าป้ายแบบนั้นเปิดเผยให้เห็น แต่อันที่จริงอย่างน้อยก็ควรแสดงทางออกฉุกเฉินไว้บ้างรึเปล่า?

ถึงผมจะเป็นคนพูดเองก็เถอะแต่มันก็แปลกๆอยู่เหมือนกันที่จู่ๆก็มาอ่านภาษาที่ไม่เคยอ่านมาก่อนได้เฉย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ

คือตามปรกติแล้วนะ แผนที่ปราสาทจอมมารเนี่ยจะไม่โผล่โชว์ให้เห็นอีกเลยด้วยซ้ำหลังจบปฐมบท แต่อยู่ๆมันดันโผล่มาในหัวผมเฉยเลยเว้ย !

นี่ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นนะ คนแต่งหรือพวกนักอ่านที่เข้ามาในโลกของเรื่องก็คงจะรู้ได้ทันทีเลยแหละว่า ควรจะมองหาอะไร

แต่นี่มันบ้าไปแล้ว !

ผมไม่รู้เบาะแสอะไรด้วยซ้ำ ถึงผมเขียนมันขึ้นมาเองก็เหอะ !

ผมไม่เคยคิดรายละเอียดพวกนี้มาก่อนเลย ทำไมผมต้องไปบรรยายภาพสร้างจินตนาการสถานที่ที่ไม่โผล่มาในเรื่องหลักด้วยล่ะ ?!

ถึงงั้นก็เถอะ แต่ผมค่อนข้างแน่ใจเลยว่า ผมจำแผนผังสถานที่ที่ตัวเองเขียนขึ้นมาได้ !

แม้เสื้อผ้าที่ผมสวมใส่ตอนนี้จะเป็นเสื้อผ้าสีสันสุดแฟนซี ที่พวกราชสกุลปีศาจเขาสวมใส่กัน แต่มันก็ดันไม่ใช่ไอเทมเวทย์มนตร์น่ะสิ

• กร๊ง  ! เกร๊ง เกร๊ง !

สถานที่นี้วกวนอย่างกับเขาวงกต … ผมน่ะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะหาทางออกเจอไหม แต่ในสถานการณ์ที่ผมไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกเสียจากเดินดุ่มๆกุ่ยๆไปในปราสาท ทั้งที่ผมอยู่ในฐานะเจ้าชายแห่งดินแดนปีศาจ

คิดเข้าสิ คิดเข้า

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กำลังจะหวังให้มันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็ต้องคิด

แต่มันก็ไม่มีทางที่ผมจะนึกโครงสร้างปราสาทจอมมารออกเลย ไม่ว่าผมจะใช้เวลานึกไปนานแค่ไหนก็ตามนั่นผมเพราะไม่เคยรู้จักที่แห่งนี้มาก่อน

ผมไม่เห็นแม้แต่ลูกน้องข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์คนใดสามารถช่วยเหลือหรือบอกทางให้กับผมได้ว่าควรไปไหนต่อ

อันที่จริงมันควรจะมีคนอยู่ข้างกายผมบ้างไม่ใช่รึไงเนี่ย ?

แบบที่จะคอยช่วยอธิบาย เรื่องสามัญสำนึกของโลกใบนี้ รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันทันด่วนขึ้นมาน่ะ

แบบประมาณว่า : “อ้อ ,มันเป็นอย่างนี้ และอย่างนั้น แต่หากเป็นในที่นี่ และสถานการณ์แบบนั้น ที่นี่คือ สถานที่ที่คุณควรอยู่ บล้า บลา บลา  !”

แล้วจากนั้นเจ้าพวกนั้นก็ตายไปหลังจากที่ทำหน้าที่เสร็จหรือไม่ก็กลายเป็นผู้ช่วยของผมสิ !

ทำไมผมถึงไม่มีคนแบบนั้นกันล่ะเนี่ยยย ?!

เป็นเพราะว่า ผมเป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาใช่ไหม  ,เจ้าพวกนั้นเลยคิดว่า ผมไม่ต้องการคนแบบนั้นหรอก ?

จอมมารน่ะจะตายในการต่อสู้วันนี้แล้ว

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นิยายนี้เป็นหมวดไหน แต่ผมก็พยายามที่จะเขียนนิยายเรื่องนี้ เป็นแนวๆว่า เรื่องหลังหลังฉากจบ

โลกอันแสนสุขหลังจากที่เรื่องราวมาถึงบทสรุปแล้ว

เป็นส่วนที่ทุกคนต่างอยู่มีดีสุขกันถ้วนหน้า หลังจากปราบจอมมารได้แล้ว

มันเป็นโลกหลังจากที่เหล่าผู้กล้าได้เดินทางผจญภัยปราบจอมมาร ผลสรุปคือ จอมมารตาย

มันก็เลยเป็นเหตุที่ว่าทำไมถึงชื่อว่า [จอมมารตายแล้ว ]

ผู้กล้าและปาร์ตี้ของเขา ที่เป็นตัวเอกของเรื่องในจินตนาการอันที่จริงก็สมควรตายตามไปด้วยเหมือนกัน

ควรเป็นแบบนั้น เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะผู้กล้าผู้ช่วยโลกใบนี้ไว้ได้

เว้นก็แต่ในปฐมบทนี่แหละ ที่ไม่โผล่ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย

ผมต้องนึกอะไรให้ออกสักอย่างแล้ว

ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้

ไม่มีอะไรให้ผมทำกับจอมมารที่เป็นพ่อของผมที่จะต้องตายตามเซ็ตติ้งเรื่อง

นี่ถ้าผมมาถึงที่นี่ก่นหน้าสักวัน ผมอาจจะทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันแน่นอนไปแล้ว

ผมอยากได้ใครสักคนช่วยนำทางผม ใครก็ได้ที่บอกได้ว่า ผมควรจะทำอะไรต่อไป จะผู้ช่วยจอมมาร เลขาหรือใครก็ได้ทั้งนั้น  แต่ผมไม่เห็นเงาหัวไอ้คนแบบนั้นสักคนเลย พวกนั้นอาจจะตายไปหมดแล้วหรือไม่ก็โดนมนุษย์จับตัวไว้หลังจากต่อสู้กับกองกำลังมนุษย์ที่พยายามปิดล้อมปราสาทจากด้านนอก

และปาร์ตี้ผู้กล้าเองก็ทะลวงแนวป้องกันเข้ามาชั้นใต้ดิน ตอนนี้ก็น่าจะสู้กับจอมมารในห้องโถงใหญ่อยู่

ผมสามารถหลบหนีออกไปได้ด้วยทางใต้ดิน แต่ผมไม่รู้น่ะสิว่ามันอยู่ที่ไหนกัน

ผู้กล้าน่ะดันรู้จักปราสาทดีกว่าผมที่เป็นเจ้าชายปีศาจเสียอีก  ! นั่นล่ะคือสถานการณ์ตอนนี้ของผม !

-โครมมมมม!

แค่เสียงที่ดังลั่นมาจากเวทีหลักของเรื่องก็ชวนผวาแล้ว หลังจากการตายของจอมมาร ปราสาทก็จะพังทลายลงมา

เวทย์มนตร์บาเรียสุดแกร่งนั้นได้รับการสนับสนุนจากมานาของจอมมาร และเมื่อไม่มีมันเข้า  พวกทหารมนุษย์ทั้งหลายก็จะแห่แหนกันเข้ามาเหมือนคลื่นถล่ม

ถึงผมจะไม่ส่องตัวเองในกระจกแต่ก็สัมผัสได้ถึงเขาคู่หนึ่งบนหัวตัวเอง

ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองดูแตกต่างจากมนุษย์มากแค่ไหน แต่แค่เขาคู่นั้นก็ชัดเจนแล้วที่จะบอกว่า ผมเป็นปีศาจ

ผมจะเอาชีวิตรอดอยู่ได้ยังไงในสถานการณ์แบบนี้กันนะเนี่ย?

ไม่สำคัญเลยว่า จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาในอนาคต ถ้าหาก ณ จุดนั้นเป็นช่วงเวลาที่คุณอยู่ตรงหน้ารถสิบล้อไปแล้ว  ?

ฐานะความเป็นเจ้าชายปีศาจของผมมันจะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อผมมีชีวิตรอดไปได้แล้วต่างหากเล่า!

ถึงผมจะรู้ว่าตัวเองตายไปแล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนผมก็กำลังจะตายอีกรอบ

“เฮ่อออ ….แฮ่กกก ….”

ผมหายใจหายคอแทบไม่ทัน เพราะผมวิ่งอ้าวสุดแรงอยู่ในปราสาทจอมมารโดยที่ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนแล้ว

นี่มัน ไม่มีคุณสมบัติพิเศษทางสายเลือดส่งต่อมาจากทางฝ่ายปีศาจมั่งเลยเหรอ ?

หรือเพราะผมยังเด็กเกินไปนะ ?

ไม่สิ ,เจ้าร่างกายนี่มันอ่อนแอเกิ้น

เป็นไปได้ยังไงที่อายุ 17 ปีแล้วจะแรงน้อยแค่นี้ ? ร่างกายวัยนี้มันควรจะเป็นช่วงที่พีคที่สุดสิ !

ผมไม่รู้เหมือนกันว่า สืบสายเลือดอะไรมาแต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อย่างเห็นได้ชัดเลย

หลังจากวิ่งมาสักพักผมก็ได้เห็นหน้าตัวเองสะท้อนจากหน้าต่าง

ผมมองเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีจุดตรงไหนต่างจากมนุษย์เลย

ก็แค่มีเขาอย่างเดียวเท่านั้นแหละ

ไม่สิ เขาพวกนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งเดียวที่โดดเด่นขึ้นมา …

แหม ผมเองก็หล่อพอตัวเลยนะ

“อะ,โอ ….โห้ !”

หล่อเอาเรื่อง

ไม่ดิๆ ,ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้ ไม่ใช่เวลาๆ

เพราะถ้าผมตายทุกอย่างมันก็จบ !

พอมาคิดๆดูว่า ผมยังรู้สึกมีความสุขได้แม้จะเป็นสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม ….

เลยกลายเป็นว่ารู้สึกแย่ที่ดันมามีความสุขขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมพยายามอดทนที่จะไม่ตะโกนออกมา ไม่ว่าจะรู้สึกกลัวหรือดีใจ

ถ้าผมรอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ ผมจะปฏิบัติต่อร่างกายนี้ดั่งสมบัติล้ำค่า ผมจะเอาร่างนี้ไปโชว์ให้แฟนเก่าผมเห็น แล้วผมจะไม่ไปหาเธออีกเลย …

ตอนนี้สงบใจไว้ก่อน

ก่อนอื่นเลยก็เรื่องเขา

เขาสองอันบนหัวผมนี่แหละเป็นตัวปัญหา

หากมีทหารมนุษย์มาเจอผมเข้าตอนนี้ ผมควรจะดีใจด้วยซ้ำหากพวกนั้นมาตัดเขาผมทิ้งแบบเงียบๆ เชียบๆ

แต่มันเป็นไปได้สูงมากที่พวกนั้นจะทำอะไรเลวร้ายกว่านั้น นี่หากผมรู้ว่า ใช้เวทย์มนตร์ยังไง ผมอาจจะแปลงรูปลักษณ์ตัวเองด้วยเวทย์มนตร์แล้ว

เอ้ะ ?

อยู่ๆผมก็หยุดวิ่ง

“ตรงนั้น !”

ผมหันกลับไปมองแล้ววิ่งกลับทางเดิม

มันเป็นวิธีล่อหลอกที่ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เรียบง่ายเสียจนน่าหัวร่อ

ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ผมก็ไม่รู้แผนผังปราสาทจอมมารอยู่ดี  ถึงแม้ปกติผมจะจำสถานที่ที่เคยผ่านได้ก็ตาม

แถมผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นมันห้องอะไร หรือควรทำยังไงกับมันบ้าง

ในบรรดาสถานที่ที่ผมผ่านมา อาจมีอะไรบางอย่างในนั้นที่ช่วยผมได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็ได้

-โครมมม ….

การสั่นสะเทือนทุเลาลงดูเหมือนจะหยุดสู้กันแล้ว

หากจอมมารตายลง ปราสาททั้งหลังก็ถล่มลงมาในทันที

ผมไม่มีเวลาแล้ว

“เร็วเข้า ….เร็วเข้า ….”

สถานที่แรกที่ผมไปก็คือ คลังเก็บไอเทมเวทย์

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรอยู่ที่นั่นแต่นั่นก็น่าจะช่วยอะไรสักอย่างผมได้บ้างแหละ

มันมีไอเทมเวทย์มนตร์กลิ้งอยู่รอบๆ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ผมน่ะต้องการม้วนคัมภีร์ที่เก็บเอาไว้ที่กองสูงพะเนินเพดาน

อาจหายไปบ้างบางส่วน แต่ยังเป็นโชคดีที่ยังสามารถใช้งานได้และยังถนอมรักษาสิ่งที่เขียนในนั้นไว้ได้

สิ่งที่ผมมองหานั้นไม่ใช่อะไรเลยนอกเสียจาก คัมภีร์เทเลพอร์ท

การหนีไปที่ไหนสักแห่งนั้นเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญลำดับสูงสุด

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะทำอะไรต่อ ไป แต่มันน่าจะมีอะไรสักอย่างที่ช่วยให้ผมออกจากที่นี่ได้หลังจากรอดชีวิตไปแล้ว

[อินเฟอโน่][Inferno]

[กราเซียส สไตร้ค์][Glacial Strike]

[บลิซซาร์ด][Blizzard]

[เบลซซิ่ง สตรอม][Blazing Storm]

มันมีตู้เก็บคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยเวทย์ทรงพลัง แต่ตอนนี้มันดันว่างเปล่า

ในฐานะนักเขียนแล้ว มีอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างมากที่ผมไม่รู้ แต่ผมรู้ดีถึง สามัญสำนึกของโลกใบนี้และมุมมองภาพรวมโลก

ม้วนคัมภีร์น่ะสร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกต่อการร่ายเวทย์ แต่ก็แลกกับการที่แพงหูฉี่และสร้างขึ้นมายากมาก

คัมภีร์นั้นจะเก็บรักษาพวกเวทย์โจมตีทรงพลังไว้เป็นเหมือนกับอาวุธสมัยใหม่ที่ใช้ในการรบ

คัมภีร์พวกนี้ใช้ได้งานได้ แม้ผู้ใช้จำไม่รู้จักวิธีการใช้เวทย์ใดๆมาก่อน ใช้งานก็แค่เปิดมันออกมา ดังนั้นมันก็เลยราคาแพงมาก

แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะ ตอนนี้คัมภีร์เวย์ทรงพลังทั้งหลายในตู้กลับไม่มีเลยสักม้วน

พวกเราอยู่ในสภาวะสงคราม พวกเขาก็เลยเอาทุกอย่างที่ใช้งานได้ไปหมด

ให้ตายเถอะ ถ้าพวกนั้นมันเอาคัมภีร์เทเลพอร์ทติดตัวไปด้วยล่ะ ? ผมไม่รู้เหมือนกันวา พวกนั้นจะต้องใช้มันไหม แต่มันก็มีความเป็นไปได้อยู่

ผมค้นหาตู้เก็บม้วนคัมภีร์ขนาดใหญ่แล้วก็เห็นม้วนคัมภีร์นับไม่ถ้วน

ผมไม่มีเวลาแล้ว

ม้วนคัมภีร์เวทย์โจมตีส่วนใหญ่โดนเอาไปหมดแล้ว แต่ในตู้เก็บก็ยังมีคัมภีร์อยู่เยอะ

แม้มันจะตัวเล็กจนผมไม่สามารถบอกได้เลยว่า มันเป็นเวทย์อะไร

แล้วก็มีพวกคัมภีร์อื่นๆจิปาถะทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็น กระตุ้นความหลงไหล,ทำให้หลงผิด,ภาพลวงตาและอื่นๆ

เห็นได้ชัดเลยว่า การเทเลพอร์ทได้เนี่ยเป็นหนึ่งในเวทย์มนตร์ระดับสูงของโลกใบนี้

คัมภีร์เทเลพอร์ทไม่ใช่ของทั่วไปที่หาได้ง่ายๆ แม้แต่ในปราสาทจอมมารเองก็เถอะ ทำเอาผมอยากจะร้องออกมาดังๆเลยจริงๆ

หลังจากมองหาม้วนคัมภีร์ระดับสูงในตู้เก็บมาจนถึงตอนนี้ ค่อนนข้างชัดแล้วว่า มันก็ควรที่จะมีคัมภีร์เทเลพอร์ทอยู่ด้วยเหมือนกัน

“เจอแล้ว !”

ท่ามกลางกองม้วนคัมภีร์มากมาย ในที่สุดผมก็เจอมันจนได้

[เทเลพอร์ท] [Teleport]

แต่ผมก็ดันไม่รู้อีกว่าควรไปที่ไหน

ผมแค่นึกถึงสถานที่ที่ผมจะอยากไปแล้วก็ร่ายเวทย์

ขอแค่ไม่ใช่ที่นี่จะที่ไหนผมโอเคทั้งนั้นแหละ

ดินแดนที่เป็นผืนทวีปของมนุษย์ก็ได้

มันอาจใช้เวลาไปสิบนาทีหรือเกือบชั่วโมงกว่าจะหามันเจอ แต่ความตายมันย่างกรายเข้ามาใกล้ทุกวินาที ผมรีบเปิดม้วนคัมภีร์อย่างว่องไว

และจากนั้น

มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

[สถานที่นี้ไม่อนุญาตให้เทเลพอร์ท ]

“โอ้ พระเจ้า !”

บาเรียที่มีอยู่นั้นทำให้ไม่สามารถใช้สกิลหรือเวทย์พื้นที่ที่เคลื่อนย้ายจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งได้

ต่อให้จอมมารตายแล้ว แต่บาเรียเองก็ยังกีดขวางพื้นที่ไม่ให้ไปไหนด้วยเทเลพอร์ท อย่างนั้นเรอะ ?

เอาล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แปลว่า ที่พวกผู้กล้าไม่ใช้เทเลพอร์ท แล้วหันไปใช้ทางลับก็เพราะแบบนี้สินะ

ผมพยายามปรับร่างการเขียนอย่างหยาบๆขณะเขียนเรื่อง

กลุ่มผู้กล้าจะต้องไม่มีการเทเลพอร์ท แต่จะเข้าปราสาทจอมมารผ่านทางทางลับชั้นใต้ดิน

ก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่เรอะ ? ก็ถ้าพวกนั้นเทเลพอร์ทได้ จะไปใช้ทางลับใต้ดินกันทำไมล่ะ?

มันคงจะมีคอมเม้นท์ประมาณนี้แหละ

นี่หากมีใครสักคนมาคอมเมน้ท์อะไรแบบนี้ตอนผมมีชีวิตอยู่ ,ผมคงไม่โดนลงโทษแบบนี้แน่

ผมไม่รู้เรื่อง วาร์ปเกท แต่เรื่องคัมภีร์วาร์ปนี่หมดคำถามละ มันคงจะมีประตูวาร์ปที่ไหนสักแห่งนั้นแหละ อาจจะเป็นที่นั่น แต่ผมดันไม่รู้ด้วยสิ ว่าที่นั่นน่ะ มันที่ไหน

• ว๊ากกกกกกกก!

เสียงตะโกนดังสะท้อนก้องไปทั่ว

พอพวกกองทัพมนุษย์ดันทัพปีศาจให้ถอยร่นไปได้ กำลังใจพวกนั้นก็ดิ่งร่วงโรยราไม่ต่างจากใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง

นี่ผมจะตายแบบนี้น่ะหรือ ?

นี่หากผมเอาคัมภีร์เวทย์โจมตีไปด้วย ผมอาจซื้อเวลได้บ้างมั้ง อยางไรก็ดีมันก็แค่ม้วนคัมภีร์เสริมพลังที่ไม่มีประโยชน์ต่อสงครามตอนนี้เลย

ถึงผมจะเป็นเจ้าชายแห่งดินแดนปีศาจแต่ผมกลายเป็นหมาขี้แพ้ไร้น้ำยา

เสื้อสุดหรูหราที่ผมใส่แสดงให้เห็นว่า ผมน่ะเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของฝ่ายปีศาจ ……

อีกนาทีต่อมา

เสื้อผ้าหรูหรา

ภาพลักษณ์ของผมในฐานะปีศาจ

และ

ม้วนเวทย์ที่กระจายกันเต็มพื้น

ยังมีโอกาสหนึ่งที่ผมคว้าไว้ในมือได้

ผมไม่รู้ว่ามันจะเวิร์คไหม แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้

มันอาจจะมีวิธีอื่นอยู่ก็ได้ แต่เพื่อความอยู่รอดผมต้อแงลองเสี่ยงเดิมพันชีวิตดูไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ

ในสถานการณ์ที่ผมเกือบจะยอมแพ้ไปแล้ว เนื่องจากไม่รู้ตำแหน่งทีตั้งของทางลับ ผมที่มีเป้าหมายในชีวิตเพียงอย่างเดียว คือ เอาชีวิตรอด

สถานที่ที่ผมมาถึงก็คือ

“ฮ่า ….แฮ่ก ….”

[คุก] นั่นเอง

ผมเดินลงไปสู่ความมืด มีกลิ่นอับชื้นแฉะ ผมถอดเสื้อผ้าโยนออกไป โดยลงไปทั้งที่ยังเปลือยๆ

มันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำหากยังมีคัมภีร์สำรองเหลือติดตัวผมมาด้วย แต่ผมต้องเดิมพันทุกสิ่งแล้วโยนทุกอย่างทิ้งไป

หากมีอะไรติดตัวผมมาด้วย ผมจะถูกสงสัย

เวทย์เดียวที่ผมต้องการ นั้นเป็นเวทย์ระดับต่ำ

เพียงเวทย์เดียว

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของผมตอนนี้เหมาะกับเวทย์ที่ว่านันเป็นอย่างมาก เวทย์เดียว แผนการของผมจะใช้การไม่ได้ถ้าไม่มีเวทย์ที่ว่านั่น

[ร่ายเวทย์ ปลอมตัว ]

ผมเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง ให้กลายเป็นนักโทษมนุษย์ที่โดนปีศาจจับตัวไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด