บทที่ 8: หรือว่าแท้จริงแล้วอาจารย์ถังคือ!
บทที่ 8: หรือว่าแท้จริงแล้วอาจารย์ถังคือ!
โม่ซิ่วคว้าถุงที่เย่เฉียนมอบให้และยิ้มเล็กน้อย “หรือว่าเธอจะกลัวเรารึเปล่านะ?”
โม่ซิ่วส่ายหัวขณะที่เขาดูเย่เฉียนวิ่งหนีไป
อีกด้านหนึ่ง เย่เฉียนวิ่งไปหลังต้นไม้และซ่อนตัวหายใจหอบแรง เธอใช้ต้นไม้เป็นที่แอบและมองย้อนกลับไป
จากนั้น เธอเอามือปิดหน้าและนั่งยองๆราวกับว่าเธอนั้นอายเกินกว่าที่จะไปเผชิญหน้ากับใคร
“ฮืออ น่าอายชะมัด ทําไมฉันถึงได้ขี้อายแบบนี้ ฉันแค่ชอบรุ่นพี่แค่นั้นเอง T_T”
...
เมื่อโม่ซิ่วกลับไปถึงบ้าน เขานั่งทําความสะอาดอยู่ครู่หนึ่งและเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดเพื่อเปลี่ยน
เขาฝากข้อความถึงแม่ของเขาเพื่อบอกว่าเขาจะไม่กลับบ้านสักระยะหนึ่ง
แม้ว่าการคุยผ่านโทรศัพท์จะสะดวกกว่า แต่โม่ซิ่วยังคงชอบฝากข้อความไว้เมื่อบอกกับแม่ของเขา อาจเป็นเพราะการเขียนบนกระดาษนั้นมันสื่อถึงอารมณ์ได้ชัดกว่า
ในตอนเย็น โม่ซิ่วได้ออกมาหากาวเฉียน
จากนั้นกาวเฉียนก็พาโม่ซิ่วออกจากเมืองไป
ในที่สุดโม่ซิ่วก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาจารย์ พวกเราจะไปที่ไหนงั้นเหรอ? ทําไมพวกเราถึงต้องมาไกลขนาดนี้ด้วย?”
“ทําไมล่ะ? นี่นายกลัวว่าฉันจะเอานายไปขายรึไง?”
"ปะ..เปล่าครับ!"
แน่นอนว่าโม่ซิ่วไม่สงสัยอะไรในตัวกาวเฉียนเลยแม้แต่น้อย
การเดินทางด้วยรถนั้นมืดสนิท นอกจากนี้โม่ซิ่วก็เริ่มหิวแล้วดังนั้นเขาจึงเปิดกระเป๋าเป้ของเขา แต่มีเพียงถุงกระดาษที่เย่เฉียนมอบให้เขาเท่านั้นที่ดูเหมือนจะมีอาหารอยู่
เมื่อเขาเปิดมันก็เห็นว่ามันเป็นอาหารจริงๆ มันเป็นคุกกี้ที่เย่เฉียนทำเอง หลังจากที่กินเข้าไปแล้วเขาสัมผัสได้ว่ารสชาติของมันนั้นดีจริงๆ
กาวเฉียนที่เห็นโม่ซิ่วกําลังกินคุกกี้ ไม่ว่าเขาจะมองมันอย่างไร ถุงนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นถุงที่ผู้หญิงคนหนึ่งมอบให้
“โฮ้ นั่นเป็นของขวัญจากแฟนของนายงั้นเหรอ? ฉันเองก็นะเวลาได้กินอาหารที่คนอื่นทําเพื่อฉันน่ะ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็คว้าคุกกี้และกินมัน
“รสชาติค่อนข้างดีทีเดียว ผู้หญิงคนไหนให้มางั้นเรอะ?”
จากในความทรงจําของโม่ซิ่ว กาวเฉียนนั้นเป็นอาจารย์ที่เคร่งครัดมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่คาดคิดว่าเขาจะคนสบายๆและเป็นกันเองมากขนาดนี้
“ไม่ใช่แฟนหรอกครับ แค่ผู้หญิงที่ผมช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อวานนี้ ดูเหมือนเธอจะมอบคุกกี้เหล่านี้ให้เป็นการขอบคุณผมมากกว่า”
“งั้นก็แสดงว่าเป็นเย่เฉียนน่ะสิ? เธอน่ะเป็นนักเรียนที่สวยมากเลยล่ะ ดูเหมือนว่านายนี่จะโชคดีจริงๆ”
"เอ่อ...คือ"
โม่ซิ่วแทบจะสําลักกับคําพูดของเขา นี่ไม่ใช่แค่เป็นกันเองแล้ว แต่มันคุกคามกันชัดๆ!
ขณะที่กาวเฉียนแกล้งเขา ในที่สุดรถก็มาหยุดอยู่หน้าลานกว้าง
โม่ซิ่วมองไปที่เวลา ตอนนี้เป็นเวลา 21.00 น. แล้ว แต่นี่ก็ยังไม่ถึงเวลานอนของเขา
โม่ซิ่วเดินตามกาวเฉียนเข้าไปในบ้านโดยที่มีชายวัยกลางคนสองคนเดินตามพวกเขามา
หนึ่งในนั้นพูดว่า "นี่คือคนที่อาจารย์ถังแนะนํามางั้นรึ?"
กาวเฉียนตอบไปว่า “ใช่ ฉันพาเขามาที่นี่ด้วยตัวเองแล้วไม่ผิดแน่นอน”
ชายวัยกลางคนสองคนคุยกับกาวเฉียนและจัดห้องให้โม่ซิ่ว
แม้หลังจากเข้าไปในห้องและนอนอยู่บนเตียงแล้ว โม่ซิ่วก็ยังไม่เชื่อ
บ้านที่ดูเรียบๆนี้จะเป็นชั้นเรียนระดับสูงที่กาวเฉียนพูดถึงหรือเปล่า? นี่เป็นชั้นเรียนระดับสูงที่จะทำให้ได้กลายเป็นคนขององค์กรเงาหลังจากเรียนจบจริงๆหรือ?
หลังจากคืนแห่งความเงียบงันผ่านไป โม่ซิ่วก็ตื่นแต่เช้าตรู่ในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่ออาบน้ำ ซึ่งแหล่งน้ำก็คือน้ำใต้ดินจากบ่อน้ำ
เขามองไปที่นอกบ้านและพบว่ามีบางอย่างแปลกๆ เพราะมันมีวงกลมเล็กๆที่ว่างเปล่าอยู่ตรงกลางสนามที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งมันอาจจะใหญ่กว่าสนามของโรงเรียนด้วยซํ้า
ก่อนที่โม่ซิ่วจะทันได้อาบน้ำเสร็จ เสียงก็ดังก้องไปทั่วพื้นที่
"รวมตัวในห้านาที!"
โม่ซิ่วเงยหน้าขึ้นมองและเห็นชายวัยกลางคนสองคนที่อยู่ตรงกลางลาน จากนั้นเขาก็วิ่งไปโดยไม่พูดอะไรสักคํา
โม่ซิ่วจึงวิ่งไปหาพวกเขาสองคนและยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทันที
เมื่อได้มองอย่างชัดๆ โม่ซิ่วจึงได้รู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝดกันและมีความต่างเพียงอย่างคือคนหนึ่งสวมแว่นตาในขณะที่อีกคนไม่สวม
จากนั้นก็มีผู้ชายอีกสองคนก็วิ่งออกมาซึ่งคนหนึ่งอ้วนและอีกคนผอม พวกเขานั้นดูค่อนข้างตลกเมื่อวิ่งคู่มาด้วยกัน
แต่คนต่อไปที่ออกมาทําให้โม่ซิ่วตกใจนั้นคือผู้หญิงที่โม่ซิ่วคุ้นเคยมาก
“มู่ชิงอี้ไม่ใช่รึ?! ทําไมเธอถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?!”
หลังจากที่ยืนเข้าแถวแล้ว ทั้งสองคนก็มองหน้ากันและยิ้มให้กัน
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ…
ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครมาสายแล้ว โม่ซิ่ว ก้าวออกมาข้างหน้าซะ!”
โม่ซิ่วก้าวออกมาข้างหน้าเมื่อได้ยินแบบนี้
“เนื่องจากนายเป็นคนแรกที่มาเข้าแถว จากนี้ไปนายจะเป็นหัวหน้าทีมนี้ ถ้าหากสมาชิกในทีมทําผิดพลาด นายจะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน”
เมื่อโม่ซิ่วได้ยินครึ่งแรกของประโยค เขาคิดว่ามันเป็นภารกิจที่สําคัญ แต่เมื่อเขาได้ยินครึ่งหลัง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ทําไมมันฟังดูเหมือนเขาต้องถูกลงโทษเพียงเพราะเขาเป็นหัวหน้าที่มาเข้าแถวเป็นคนแรกด้วย?
"โมซิ่ว นายได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?!"
โม่ซิ่วตอบอย่างรวดเร็วว่า "ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ!"
"ดีมาก เอาล่ะถอยกลับเข้าแถวไป"
“ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันชื่อหวังหยู นี่คือพี่ชายของฉันหวังเล่ย หากพวกนายไม่สามารถแยกความต่างระหว่างพวกเราสองคนได้ ก็จงจําไว้ว่าคนที่สวมแว่นตาคือหวังหยู”
พวกเขาทั้งสี่คนยังคงรอคําสั่งต่อไปของหวังหยู
“เอาล่ะ เลิกแถวได้ ไปกินข้าวเช้าให้เสร็จก่อน 8 โมงและมาที่ห้องเรียนนี้ ส่วนทางเข้าโรงอาหารจะอยู่ที่ทางเข้าหลักตรงนั้น”
หลังจากพูดจบ สองพี่น้องก็กลับไปที่ห้องของพวกเขาและทิ้งพวกเขาสี่คนให้ยืนงง
“นี่มันอะไรกัน? นี่มันไม่ต่างอะไรกับค่ายทหารเลยไม่ใช่เรอะ!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังมึนงง โม่ซิ่วจึงที่เป็นผู้นําจึงพูดว่า "เอาล่ะทุกคน มาแนะนําตัวเองและทําความรู้จักกันก่อนดีกว่า"
“ฉันชื่อโม่ซิ่ว ฉันเป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมปลายชุน”
หลังจากนั้นคนอื่นๆก็เริ่มแนะนําตัวเอง ซึ่งชายร่างผอมนั้นชื่อเย่หยวนส่วนชายร่างอ้วนชื่อหลิวซี่หยาง ซึ่งทั้งคู่นั้นมาจากโรงเรียนมัธยมปลายไฮแอทชุน
โม่ซิ่วเคยได้ยินชื่อโรงเรียนมัธยมปลายไฮแอทชุนมาก่อนแล้ว ว่ากันว่ามันเป็นโรงเรียนชั้นยอดที่ดีที่สุดในเมืองและใครก็ตามที่สามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนนั้นได้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา
หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ในที่สุดโม่ซิ่วก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าชั้นเรียนระดับสูงนั้นไม่ใช่การเรียนแบบทั่วไป แต่มันเป็นเหมือนค่ายฝึกมากกว่า
ครอบครัวของหลิวซี่หยางและเย่หยวนได้จัดให้พวกเขาทั้งคู่มาที่นี่เพื่อรับการฝึกอบรมเพื่อจะได้รับคุณสมบัติที่จะกลายเป็นคนขององค์กร “เงา” ได้ในอนาคต
หลังจากที่ทานอาหารเช้าแล้วพวกเขาก็แยกกัน ซึ่งมู่ชิงอี้ก็แอบไปหาโม่ซิ่ว
“โม่ซิ่ว ทําไมนายถึงได้มาที่นี่ได้ล่ะ?”
โม่ซิ่วพูดว่า "ฉันก็อยากจะถามเธอเหมือนกันว่าทําไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่?"
มู่ชิงอี้ดีใจเล็กน้อยที่ได้เห็นโม่ซิ่ว เพราะงานเลี้ยงครั้งก่อนเป็นการจัดเพื่อส่งมู่ชิงอี้ก่อนที่เธอจะมาฝึกที่นี่
ในตอนนั้นโม่ซิ่วไม่ได้มางานเลี้ยงซึ่งทำให้มู่ชิงอี้ยังคงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คิดว่าจะได้มาพบเขาอีกครั้งที่นี่
มู่ชิงอี้จึงเดินเข้ามาหาโม่ซิ่วและพูดว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับนายที่นี่ ใครเป็นแนะนําให้นายมาที่นี่งั้นเหรอ?”
โม่ซิ่วพูดเบาๆว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันได้ยินมาว่าเป็นอาจารย์ถังน่ะ”
มู่ชิงอี้เบิกตากว้างและพูดว่า “นี่นายเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ถังงั้นเหรอ? พูดจริงรึเปล่าเนี่ย?!”
“ไม่ๆๆ อันที่จริงฉันน่ะไม่รู้จักอาจารย์ถังด้วยซ้ำ”
“นี่นายไม่รู้จักอาจารย์ถังงั้นเหรอ?! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ด้วยสถานะของอาจารย์ถัง เขาจะไม่แนะนํานายมาที่นี่ถ้าเขาไม่รู้จักนาย จะว่าไปเขาก็มักจะชอบอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียนเราด้วยสิ”
โม่ซิ่วนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน เขาพึ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วอาจารย์ถังคือชายชราในห้องสมุดคนนั้นเอง!
“อย่างงั้นเองเหรอ ที่แท้ก็คนๆนั้นนี่เอง!”
“ใช่แล้วล่ะ อาจารย์ถังน่ะยังมีส่วนอย่างมากต่อสมาคมในช่วงสงคราม...”
คําพูดของมู่ชิงอี้หยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน เธอเอามือปิดปากของเธอด้วยมือทั้งสองข้างและจ้องไปที่โม่ซิ่วด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
"แย่ล่ะ ฉันเผลอหลุดปากไปซะแล้ว"
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่บอกใครอยู่แล้ว”
"นายพูดจริงนะ!"
"ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร"
"สาบานมาสิ สาบานมา!"
“ก็ได้ๆ ฉันขอสาบานว่าฉันจะไม่บอกใครว่ามู่ชิงอี้บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้”
"นี่นาย..."