ตอนที่แล้วบทที่ 76 กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 78 วางแผน

บทที่ 77 ฝีมือการแสดงของเฉินเซียนเหอ


บทที่ 77 ฝีมือการแสดงของเฉินเซียนเหอ

ท่าเรือเกาะซวงหู

"สิ่งที่ข้าบอก พวกเจ้าจำได้หมดแล้วใช่ไหม?"

เฉินเต้าเสวียนกำชับ จากนั้นมองไปที่เฉินเต้าฉูและคนอื่นๆ ที่มาส่งเขาพร้อมกับเฉินเซียนเหอ

"จำได้แล้วขอรับ!"

เฉินเต้าฉูและคนอื่นๆ รีบพยักหน้า

หลังจากจัดการกับผู้ฝึกตนในตระกูลแล้ว เฉินเต้าเสวียนก็หันไปมองเฉินเหลียงยวี่และเฉินเป่ยหวัง "เรื่องงานการผลิตในโรงงานและการก่อสร้างโรงเรียนในเมืองฉางผิง ข้าขอมอบให้พวกเจ้าดูแลแล้วกัน"

เฉินเหลียงยวี่และเฉินเป่ยหวังมองหน้ากัน โค้งคำนับแล้วพูดว่า "ผู้นำตระกูล ท่านผู้นำตระกูลรุ่นเยาว์ โปรดวางใจเถิดอะขอรับ พวกข้าน้อยจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน"

"อืม"

เฉินเต้าเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือ "ไปกันเถอะ"

หนึ่งชั่วยามต่อมา

เฉินเต้าเสวียนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือมังกรฟ้า มองดูร่างของผู้คนบนท่าเรือที่เลือนราง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งปี เขากำลังจะได้เหยียบย่างเข้าสู่เมืองกวงอันอีกครั้ง

แต่การเดินทางไปเมืองกวงอันในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การซื้อเสบียงและขนส่งสินค้าธรรมดาๆ

แต่เป็นการกวาดล้างอุปสรรคบนเส้นทางข้างหน้าของตระกูลเฉิน

ราวกับเห็นว่าเฉินเต้าเสวียนกำลังกังวล เฉินเซียนเหอที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วปลอบใจว่า "ไม่ต้องกังวล แม้ว่าการกระทำครั้งนี้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ความเสี่ยงก็ไม่ได้มากนัก หากดำเนินการอย่างดี ตระกูลเฉินของเราไม่เพียงแต่จะสามารถเอาชนะวิกฤตในครั้งนี้ได้เท่านั้น แต่การพัฒนาในอนาคตก็จะราบรื่นเช่นกัน"

"ข้าไม่ได้กังวล"

เฉินเต้าเสวียนส่ายหน้า "ข้ากลับรู้สึกว่าคนที่ควรจะเป็นกังวลคือตระกูลหมั่วต่างหาก"

พูดจบ เขาก็ลูบถุงเก็บของที่เอวเบาๆ

ภายในถุงเก็บของ กระบี่หิมะบินและกระบี่สะท้อนเงานอนนิ่งอยู่ ราวกับสัมผัสได้ถึงความคิดของเจ้านาย พวกมันจึงส่งเสียงร้องเบาๆ

"ฮ่าๆๆ!"

เมื่อเห็นเฉินเต้าเสวียนมั่นใจเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็หัวเราะออกมา "พูดได้ดี! ทำไมเราต้องกังวลด้วย? ควรต้องถามว่าตระกูลหมั่วกลัวเรารึเปล่าต่างหาก!"

พูดจบ ดวงตาของเฉินเซียนเหอก็ฉายแววเย็นชา

เมืองเซียนกวงอัน…

หลังจากเดินทางนานกว่าหนึ่งเดือน

ทั้งสองคนก็ได้เหยียบย่างบนเกาะหลิงเป้ยที่กว้างใหญ่อีกครั้ง

การเดินทางมาเมืองกวงอันในครั้งนี้ ทั้งสองคนคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี

เมื่อกลับมาถึงร้าน ด้วยกระบี่จำนวนมหาศาล เฉินเซียนเหอและเฉินเต้าเสวียนต่างก็รอคอยที่จะลงมือ

แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขายังมีอย่างหนึ่งที่ต้องทำ

นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการฉวยโอกาสของเฉินเซียนเหอ

มิฉะนั้น แม้ว่าตระกูลเฉินจะสามารถขับไล่ตระกูลหมั่วได้ มันก็ยังคงมีตระกูลเล็กๆ อื่นๆ ที่หมายปองตลาดอาวุธวิเศษในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระอยูดี

ดังนั้น แทนที่จะข่มขู่ตระกูลเล็กๆ ในตลาดอาวุธวิเศษของผู้ฝึกตน สิ่งที่ตระกูลเฉินต้องทำในครั้งนี้คือ การใช้ชื่อของผู้อื่น อย่างน้อยก็ต้องทำให้คนนอกเห็นว่าพวกเขามีภูมิหลัง

วันรุ่งขึ้น

โรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลว ย่านการค้าใจกลางเมืองกวงอัน

โรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลว คือร้านอาหารระดับสุดดยอดที่สุดในย่านการค้าใจกลางเมือง วัตถุดิบที่นี่ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศของเมืองกวงอัน

การกินอาหารที่นี่ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานทั่วไป พวกเขาก็ยังต้องรู้สึกเสียดายเงิน

แต่วันนี้ เฉินเซียนเหอกลับเลี้ยงอาหารแขกคนสำคัญสองคน หรือจะพูดว่าหนึ่งคนก็ได้

หน้าโรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลว

เฉินเต้าเสวียนและเฉินเซียนเหอยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ รอคอยการมาถึงของบุคคลสำคัญบางคน

"ท่านอาสิบสาม ท่านรู้จักกับผู้ดูแลหน่วยลาดตระเวนของตระกูลโจวผู้นี้ได้อย่างไร?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็หยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า "พูดให้ถูกคือ ข้าไม่ได้รู้จักกับเขา แต่รู้จักกับบุตรชายของเขา"

"บุตรชายของเขางั้นรึ?"

เฉินเต้าเสวียนขมวดคิ้ว

"ใช่แล้ว" เฉินเซียนเหอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางลูบมือ "ในเมืองกวงอัน บางครั้งเงินก็ใช้ได้ผลกว่าการใช้กำลัง"

เฉินเต้าเสวียนส่ายหน้า "ข้ายังไม่ค่อยเชื่อเลยว่า ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานจะยอมรับคำเชิญของเรา"

เฉินเซียนเหอยิ้มโดยไม่พูดอะไร

เขาแค่บอกว่า ตระกูลของเขามีช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งขั้นสูงคนหนึ่ง ที่ชื่นชมผู้อาวุโสผู้นี้อย่างมากเท่านั้น!

ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณธรรมดาๆ ย่อมไม่อยู่ในสายตาของผู้อาวุโสขอบเขตสร้างรากฐาน

แต่ช่างหลอมอาวุธคนหนึ่งนั้น มันแตกต่างออกไป

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้งานช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งก็ตาม แต่ใครบ้างที่ไม่มีลูกหลาน?

บางทีในอนาคตอาจมีโอกาสได้ขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายก็ได้?

ยิ่งไปกว่านั้น การที่เฉินเซียนเหอมาที่นี่ในครั้งนี้ มันก็เพื่อมอบของขวัญและประจบประแจงอีกฝ่าย ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานผู้้นี้จะไม่รับคำเชิญได้อย่างไร?

หลังจากรอคอยเป็นเวลานานหนึ่งชั่วยาม

ในขณะที่ทั้งสองคนรอจนเกือบจะร้อนใจ แขกที่เฉินเซียนเหอรอคอยก็มาถึง

บนรถม้าเทียมสัตว์อสูรเหยียบเมฆา

ผู้ฝึกตนสองคนลงจากรถม้าทีละคน

คนที่มีอายุมากกว่า สวมชุดลำลองของหน่วยลาดตระเวนของตระกูลโจว ดูคล่องแคล่วว่องไว

ผู้ฝึกตนผู้นี้ ดูเหมือนจะมีอายุประมาณสี่สิบปี ใบหน้าเข้มแข็ง เดินด้วยท่าทางที่สง่างาม ดวงตาคมกริบ ราวกับเปล่งประกายความหนาวเย็น ดูช่างน่าเกรงขาม

เฉินเซียนเหอมองออกอย่างรวดเร็วว่า คนผู้นี้ต้องเคยไปรบที่อาณาจักรฉู่หยุนมาแล้วอย่างแน่นอน

สำหรับกลิ่นอายของทหารผ่านศึก เฉินเซียนเหอไม่มีทางจำผิดไปได้

คนผู้นี้คือโจวมู่เฉิง ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานของตระกูลโจว ที่เฉินเซียนเหอต้องการเลี้ยงอาหาร ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกับโจวมู่ไป๋ อัจฉริยะของตระกูลโจว

ชายหนุ่มที่เดินตามหลังโจวมู่เฉิงคือโจวซือเลี่ยง บุตรชายของเขา

และด้วยการติดสินบนกับผูกมิตรคนผู้นี้มาตลอดกว่าหนึ่งปี วันนี้เฉินเซียนเหอจึงสามารถเชิญผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเขามาได้

"สหายเต๋าโจว!"

เฉินเซียนเหอรีบเดินเข้าไปข้างหน้า โค้งคำนับและทักทายโจวซือเลี่ยง แต่สายตากลับมองไปที่โจวมู่เฉิงที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มองไปที่โจวซือเลี่ยงด้วยแววตาคาดหวัง

เมื่อเห็นดังนั้น

โจวซือเลี่ยงก็แนะนำอย่างหยิ่งผยองว่า "ท่านผู้นี้คือบิดาของข้า แล้วช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งขั้นสูงที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ล่ะ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็รีบเรียกเฉินเต้าเสวียนที่อยู่ข้างหลังทันที "เต้าเสวียน ยังไม่รีบมาคำนับท่านผู้อาวุโสโจวอีก"

เฉินเต้าเสวียนไม่กล้าละเลย

เขารีบเดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว โค้งคำนับโจวมู่เฉิง แล้วพูดว่า "ข้าน้อยเฉินเต้าเสวียน คำนับท่านผู้อาวุโสโจว!"

"เจ้าคือช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งขั้นสูงของตระกูลเฉินงั้นรึ?"

น้ำเสียงของโจวมู่เฉิงค่อนข้างบาดหู ฟังดูเหมือนเสียงโลหะกระทบกัน ทำให้รู้สึกอึดอัด

"ข้าน้อยเองขอรับ"

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ โจวมู่เฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่า แม้ตระกูลเฉินจะมีช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่ง คนผู้นี้ก็น่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณที่อายุมากแล้ว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอายุน้อยขนาดนี้

สิ่งนี้ทำให้เขาสนใจตระกูลเฉินขึ้นมาทันที

"สหายเต๋าโจว ท่านผู้อาวุโสโจว พวกเรามาคุยกันข้างในระหว่างกินอาหารดีกว่า ข้าเตรียมอาหารและสุราไว้ให้พวกท่านแล้ว เชิญนั่งตามสบาย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวมู่เฉิงก็พยักหน้าอย่างไม่แยแส

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินเซียนเหอจึงรีบนำทางไปข้างหน้า

เมื่อทุกคนนั่งลงในห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลวแล้ว

หลังจากดื่มสุราชั้นยอดและกินอาหารรสเลิศไปหลายจาน

ในที่สุดทุกคนก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น

"เฉินเซียนเหอ"

"ข้าน้อยอยู่ขอรับ"

เฉินเซียนเหอโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

"ข้าได้ยินมาว่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลเฉินของเจ้าขายอาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นต่ำในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ ตระกูลของเจ้ามีช่างหลอมอาวุธมากมายขนาดนั้นเชียวรึ?"

เมื่อได้ยินคำถามนี้

มือของเฉินเซียนเหอที่กำลังถือถ้วยสุราสั่นเล็กน้อย จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำ แล้วก็ร้องไห้ออกมา

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเต้าเสวียนก็ตกตะลึง

เขาไม่คิดเลยว่า อาสิบสามของเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ ฝีมือการแสดงช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!

"ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่รู้หรอกว่า"

เฉินเซียนเหอเช็ดน้ำตาที่มุมตา พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ "คนในตระกูลเฉินของข้า คนที่มีพรสวรรค์ไม่ดี เมื่อไปถึงขั้นที่สามของขอบเขตหลอมรวมพลังปราณแล้ว พวกเขาก็จะเลิกฝึกฝนโดยอัตโนมัติ และอุทิศตนเพื่อหลอมกระบี่ให้กับตระกูล เนื่องจากพวกเขาจดจ่ออยู่กับการเรียนรู้วิธีการหลอมสร้างอาวุธวิเศษเพียงอย่างเดียว ดังนั้นไม่กี่ปีมานี้ พวกเขาก็สามารถเป็นช่างหลอมอาวุธได้"

เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ โจวมู่เฉิงก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก

"เจ้าหมายความว่า ผู้ฝึกตนตระกูลเฉินของเจ้ายอมละทิ้งการบำเพ็ญเพียร และจดจ่ออยู่กับการหลอมสร้างอาวุธเพื่อหารายได้ให้กับตระกูลงั้นรึ?"

"ใช่แล้วขอรับ"

พูดจบ น้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าของเฉินเซียนเหออีกครั้ง "น่าสงสารลูกหลานตระกูลเฉินของข้า พวกเขายอมเสียสละเพื่อตระกูลเช่นนี้ แต่ร้านค้าของตระกูลก็ยังถูกคนชั่วหมายปองในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ"

"ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก! ที่นี่คือเมืองกวงอัน ใครจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้!"

โจวมู่เฉิงยังไม่ทันได้พูดอะไร โจวซือเลี่ยง บุตรชายของเขาก็ทนไม่ไหวพูดขึ้นมาก่อน

โจวมู่เฉิงเหลือบมองบุตรชายของเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นโจวซือเลี่ยงก็หดคออย่างเขินอาย ยกถ้วยสุราขึ้นดื่ม แล้วไม่กล้าพูดอะไรอีก

ตอนนี้เฉินเต้าเสวียนตกตะลึงไปแล้ว

ฝีมือการแสดงของเฉินเซียนเหอนั้นยอดเยี่ยมเกินไป หากเขาไม่รู้ความจริง ตอนนี้เขาคงสงสัยว่าผู้ฝึกตนตระกูลเฉินน่าสงสารอย่างที่เฉินเซียนเหอบอกจริงๆ

เพื่อตระกูล พวกเขายอมละทิ้งการฝึกฝน และจดจ่ออยู่กับการหารายได้ให้กับตระกูล

ตามที่เฉินเซียนเหอพูด หินจิตวิญญาณทุกก้อนที่ตระกูลเฉินหามาได้ ล้วนแลกมาด้วยเส้นทางการบำเพ็ญเพียรของผู้ฝึกตนในตระกูล ช่างน่าสงสารจริงๆ

โจวมู่เฉิงพยักหน้า "การกระทำของผู้ฝึกตนตระกูลเฉินน่านับถือจริงๆ สำหรับคนชั่วที่เจ้าพูด ตราบใดที่สหายเต๋ายังอยู่ในเมืองกวงอันวันไหน ตระกูลโจวของข้ารับรองว่าร้านค้าของตระกูลเฉินจะปลอดภัยในวันนั้น"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็ร้อนใจ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

ไม่ว่าตระกูลหมั่วจะบ้าคลั่งแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือในเมืองกวงอัน

สิ่งที่เขาต้องการคือ โจวมู่เฉิงสามารถช่วยเหลือเขาบนเส้นทางเดินเรือจากเกาะซวงหูไปยังเมืองกวงอันได้

ในฐานะผู้ดูแลหน่วยลาดตระเวนของตระกูลโจว อำนาจของโจวมู่เฉิงนั้นยิ่งใหญ่มาก เพราะเขามีเรือรบหลิงซวีอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา

ตราบใดที่โจวมู่เฉิงให้ความร่วมมือกับตระกูลเฉิน เฉินเซียนเหอก็สามารถวางกับดัก และจับคนของตระกูลหมั่วเข้ามาได้ทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านั้น

หลังจากเรื่องนี้ เขาแค่ต้องเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป เขาก็จะสามารถใช้ชื่อของตระกูลโจวได้

อย่างน้อยก่อนที่คนนอกจะรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างตระกูลเฉินกับตระกูลโจว พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือกับตระกูลเฉิน

และช่วงเวลานั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ตระกูลเฉินต้องการมากที่สุดในการพัฒนา

ตอนนี้ตระกูลเฉินเพิ่งมีทารกเกิดใหม่เกือบหมื่นคน

รอจนกว่าเด็กกลุ่มนี้จะโตขึ้น ตระกูลเฉินก็จะมีผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานเพิ่มขึ้นอีกคน

เมื่อถึงตอนนั้น ตระกูลเฉินก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ในเมืองกวงอันได้อย่างมั่นคง

หากต้องการบรรลุเป้าหมายนี้ ตระกูลเฉินต้องมีหินจิตวิญญาณ หรือแม้แต่สายสัมพันธ์ที่เพียงพอ

เพราะการซื้อโอสถสร้างรากฐานต้องใช้หินจิตวิญญาณ การขอยืมเส้นพลังปราณระดับสองเพื่อทะลวงขอบเขตสร้างรากฐานต้องใช้สายสัมพันธ์

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

ในช่วงเวลานี้ ตระกูลเฉินจำเป็นต้องหาที่พึ่ง แม้ว่าที่พึ่งแห่งนี้จะไม่ใช่ของจริงก็ตาม

นี่คือการแผนการฉวยโอกาสของเฉินเซียนเหอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด