บทที่ 77 ฝีมือการแสดงของเฉินเซียนเหอ
บทที่ 77 ฝีมือการแสดงของเฉินเซียนเหอ
ท่าเรือเกาะซวงหู
"สิ่งที่ข้าบอก พวกเจ้าจำได้หมดแล้วใช่ไหม?"
เฉินเต้าเสวียนกำชับ จากนั้นมองไปที่เฉินเต้าฉูและคนอื่นๆ ที่มาส่งเขาพร้อมกับเฉินเซียนเหอ
"จำได้แล้วขอรับ!"
เฉินเต้าฉูและคนอื่นๆ รีบพยักหน้า
หลังจากจัดการกับผู้ฝึกตนในตระกูลแล้ว เฉินเต้าเสวียนก็หันไปมองเฉินเหลียงยวี่และเฉินเป่ยหวัง "เรื่องงานการผลิตในโรงงานและการก่อสร้างโรงเรียนในเมืองฉางผิง ข้าขอมอบให้พวกเจ้าดูแลแล้วกัน"
เฉินเหลียงยวี่และเฉินเป่ยหวังมองหน้ากัน โค้งคำนับแล้วพูดว่า "ผู้นำตระกูล ท่านผู้นำตระกูลรุ่นเยาว์ โปรดวางใจเถิดอะขอรับ พวกข้าน้อยจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน"
"อืม"
เฉินเต้าเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็โบกมือ "ไปกันเถอะ"
หนึ่งชั่วยามต่อมา
เฉินเต้าเสวียนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือมังกรฟ้า มองดูร่างของผู้คนบนท่าเรือที่เลือนราง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะท้อนใจเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งปี เขากำลังจะได้เหยียบย่างเข้าสู่เมืองกวงอันอีกครั้ง
แต่การเดินทางไปเมืองกวงอันในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การซื้อเสบียงและขนส่งสินค้าธรรมดาๆ
แต่เป็นการกวาดล้างอุปสรรคบนเส้นทางข้างหน้าของตระกูลเฉิน
ราวกับเห็นว่าเฉินเต้าเสวียนกำลังกังวล เฉินเซียนเหอที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วปลอบใจว่า "ไม่ต้องกังวล แม้ว่าการกระทำครั้งนี้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ความเสี่ยงก็ไม่ได้มากนัก หากดำเนินการอย่างดี ตระกูลเฉินของเราไม่เพียงแต่จะสามารถเอาชนะวิกฤตในครั้งนี้ได้เท่านั้น แต่การพัฒนาในอนาคตก็จะราบรื่นเช่นกัน"
"ข้าไม่ได้กังวล"
เฉินเต้าเสวียนส่ายหน้า "ข้ากลับรู้สึกว่าคนที่ควรจะเป็นกังวลคือตระกูลหมั่วต่างหาก"
พูดจบ เขาก็ลูบถุงเก็บของที่เอวเบาๆ
ภายในถุงเก็บของ กระบี่หิมะบินและกระบี่สะท้อนเงานอนนิ่งอยู่ ราวกับสัมผัสได้ถึงความคิดของเจ้านาย พวกมันจึงส่งเสียงร้องเบาๆ
"ฮ่าๆๆ!"
เมื่อเห็นเฉินเต้าเสวียนมั่นใจเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็หัวเราะออกมา "พูดได้ดี! ทำไมเราต้องกังวลด้วย? ควรต้องถามว่าตระกูลหมั่วกลัวเรารึเปล่าต่างหาก!"
พูดจบ ดวงตาของเฉินเซียนเหอก็ฉายแววเย็นชา
เมืองเซียนกวงอัน…
หลังจากเดินทางนานกว่าหนึ่งเดือน
ทั้งสองคนก็ได้เหยียบย่างบนเกาะหลิงเป้ยที่กว้างใหญ่อีกครั้ง
การเดินทางมาเมืองกวงอันในครั้งนี้ ทั้งสองคนคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี
เมื่อกลับมาถึงร้าน ด้วยกระบี่จำนวนมหาศาล เฉินเซียนเหอและเฉินเต้าเสวียนต่างก็รอคอยที่จะลงมือ
แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขายังมีอย่างหนึ่งที่ต้องทำ
นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการฉวยโอกาสของเฉินเซียนเหอ
มิฉะนั้น แม้ว่าตระกูลเฉินจะสามารถขับไล่ตระกูลหมั่วได้ มันก็ยังคงมีตระกูลเล็กๆ อื่นๆ ที่หมายปองตลาดอาวุธวิเศษในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระอยูดี
ดังนั้น แทนที่จะข่มขู่ตระกูลเล็กๆ ในตลาดอาวุธวิเศษของผู้ฝึกตน สิ่งที่ตระกูลเฉินต้องทำในครั้งนี้คือ การใช้ชื่อของผู้อื่น อย่างน้อยก็ต้องทำให้คนนอกเห็นว่าพวกเขามีภูมิหลัง
วันรุ่งขึ้น
โรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลว ย่านการค้าใจกลางเมืองกวงอัน
โรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลว คือร้านอาหารระดับสุดดยอดที่สุดในย่านการค้าใจกลางเมือง วัตถุดิบที่นี่ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศของเมืองกวงอัน
การกินอาหารที่นี่ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานทั่วไป พวกเขาก็ยังต้องรู้สึกเสียดายเงิน
แต่วันนี้ เฉินเซียนเหอกลับเลี้ยงอาหารแขกคนสำคัญสองคน หรือจะพูดว่าหนึ่งคนก็ได้
หน้าโรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลว
เฉินเต้าเสวียนและเฉินเซียนเหอยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ รอคอยการมาถึงของบุคคลสำคัญบางคน
"ท่านอาสิบสาม ท่านรู้จักกับผู้ดูแลหน่วยลาดตระเวนของตระกูลโจวผู้นี้ได้อย่างไร?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็หยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า "พูดให้ถูกคือ ข้าไม่ได้รู้จักกับเขา แต่รู้จักกับบุตรชายของเขา"
"บุตรชายของเขางั้นรึ?"
เฉินเต้าเสวียนขมวดคิ้ว
"ใช่แล้ว" เฉินเซียนเหอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางลูบมือ "ในเมืองกวงอัน บางครั้งเงินก็ใช้ได้ผลกว่าการใช้กำลัง"
เฉินเต้าเสวียนส่ายหน้า "ข้ายังไม่ค่อยเชื่อเลยว่า ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานจะยอมรับคำเชิญของเรา"
เฉินเซียนเหอยิ้มโดยไม่พูดอะไร
เขาแค่บอกว่า ตระกูลของเขามีช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งขั้นสูงคนหนึ่ง ที่ชื่นชมผู้อาวุโสผู้นี้อย่างมากเท่านั้น!
ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณธรรมดาๆ ย่อมไม่อยู่ในสายตาของผู้อาวุโสขอบเขตสร้างรากฐาน
แต่ช่างหลอมอาวุธคนหนึ่งนั้น มันแตกต่างออกไป
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้งานช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งก็ตาม แต่ใครบ้างที่ไม่มีลูกหลาน?
บางทีในอนาคตอาจมีโอกาสได้ขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายก็ได้?
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เฉินเซียนเหอมาที่นี่ในครั้งนี้ มันก็เพื่อมอบของขวัญและประจบประแจงอีกฝ่าย ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานผู้้นี้จะไม่รับคำเชิญได้อย่างไร?
หลังจากรอคอยเป็นเวลานานหนึ่งชั่วยาม
ในขณะที่ทั้งสองคนรอจนเกือบจะร้อนใจ แขกที่เฉินเซียนเหอรอคอยก็มาถึง
บนรถม้าเทียมสัตว์อสูรเหยียบเมฆา
ผู้ฝึกตนสองคนลงจากรถม้าทีละคน
คนที่มีอายุมากกว่า สวมชุดลำลองของหน่วยลาดตระเวนของตระกูลโจว ดูคล่องแคล่วว่องไว
ผู้ฝึกตนผู้นี้ ดูเหมือนจะมีอายุประมาณสี่สิบปี ใบหน้าเข้มแข็ง เดินด้วยท่าทางที่สง่างาม ดวงตาคมกริบ ราวกับเปล่งประกายความหนาวเย็น ดูช่างน่าเกรงขาม
เฉินเซียนเหอมองออกอย่างรวดเร็วว่า คนผู้นี้ต้องเคยไปรบที่อาณาจักรฉู่หยุนมาแล้วอย่างแน่นอน
สำหรับกลิ่นอายของทหารผ่านศึก เฉินเซียนเหอไม่มีทางจำผิดไปได้
คนผู้นี้คือโจวมู่เฉิง ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานของตระกูลโจว ที่เฉินเซียนเหอต้องการเลี้ยงอาหาร ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกับโจวมู่ไป๋ อัจฉริยะของตระกูลโจว
ชายหนุ่มที่เดินตามหลังโจวมู่เฉิงคือโจวซือเลี่ยง บุตรชายของเขา
และด้วยการติดสินบนกับผูกมิตรคนผู้นี้มาตลอดกว่าหนึ่งปี วันนี้เฉินเซียนเหอจึงสามารถเชิญผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเขามาได้
"สหายเต๋าโจว!"
เฉินเซียนเหอรีบเดินเข้าไปข้างหน้า โค้งคำนับและทักทายโจวซือเลี่ยง แต่สายตากลับมองไปที่โจวมู่เฉิงที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มองไปที่โจวซือเลี่ยงด้วยแววตาคาดหวัง
เมื่อเห็นดังนั้น
โจวซือเลี่ยงก็แนะนำอย่างหยิ่งผยองว่า "ท่านผู้นี้คือบิดาของข้า แล้วช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งขั้นสูงที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ล่ะ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็รีบเรียกเฉินเต้าเสวียนที่อยู่ข้างหลังทันที "เต้าเสวียน ยังไม่รีบมาคำนับท่านผู้อาวุโสโจวอีก"
เฉินเต้าเสวียนไม่กล้าละเลย
เขารีบเดินเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว โค้งคำนับโจวมู่เฉิง แล้วพูดว่า "ข้าน้อยเฉินเต้าเสวียน คำนับท่านผู้อาวุโสโจว!"
"เจ้าคือช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่งขั้นสูงของตระกูลเฉินงั้นรึ?"
น้ำเสียงของโจวมู่เฉิงค่อนข้างบาดหู ฟังดูเหมือนเสียงโลหะกระทบกัน ทำให้รู้สึกอึดอัด
"ข้าน้อยเองขอรับ"
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ โจวมู่เฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่า แม้ตระกูลเฉินจะมีช่างหลอมอาวุธระดับหนึ่ง คนผู้นี้ก็น่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณที่อายุมากแล้ว ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอายุน้อยขนาดนี้
สิ่งนี้ทำให้เขาสนใจตระกูลเฉินขึ้นมาทันที
"สหายเต๋าโจว ท่านผู้อาวุโสโจว พวกเรามาคุยกันข้างในระหว่างกินอาหารดีกว่า ข้าเตรียมอาหารและสุราไว้ให้พวกท่านแล้ว เชิญนั่งตามสบาย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวมู่เฉิงก็พยักหน้าอย่างไม่แยแส
เมื่อเห็นดังนั้น เฉินเซียนเหอจึงรีบนำทางไปข้างหน้า
เมื่อทุกคนนั่งลงในห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยมชุ่ยอวี้โหลวแล้ว
หลังจากดื่มสุราชั้นยอดและกินอาหารรสเลิศไปหลายจาน
ในที่สุดทุกคนก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น
"เฉินเซียนเหอ"
"ข้าน้อยอยู่ขอรับ"
เฉินเซียนเหอโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
"ข้าได้ยินมาว่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลเฉินของเจ้าขายอาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นต่ำในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ ตระกูลของเจ้ามีช่างหลอมอาวุธมากมายขนาดนั้นเชียวรึ?"
เมื่อได้ยินคำถามนี้
มือของเฉินเซียนเหอที่กำลังถือถ้วยสุราสั่นเล็กน้อย จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำ แล้วก็ร้องไห้ออกมา
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเต้าเสวียนก็ตกตะลึง
เขาไม่คิดเลยว่า อาสิบสามของเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ ฝีมือการแสดงช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
"ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่รู้หรอกว่า"
เฉินเซียนเหอเช็ดน้ำตาที่มุมตา พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ "คนในตระกูลเฉินของข้า คนที่มีพรสวรรค์ไม่ดี เมื่อไปถึงขั้นที่สามของขอบเขตหลอมรวมพลังปราณแล้ว พวกเขาก็จะเลิกฝึกฝนโดยอัตโนมัติ และอุทิศตนเพื่อหลอมกระบี่ให้กับตระกูล เนื่องจากพวกเขาจดจ่ออยู่กับการเรียนรู้วิธีการหลอมสร้างอาวุธวิเศษเพียงอย่างเดียว ดังนั้นไม่กี่ปีมานี้ พวกเขาก็สามารถเป็นช่างหลอมอาวุธได้"
เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ โจวมู่เฉิงก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
"เจ้าหมายความว่า ผู้ฝึกตนตระกูลเฉินของเจ้ายอมละทิ้งการบำเพ็ญเพียร และจดจ่ออยู่กับการหลอมสร้างอาวุธเพื่อหารายได้ให้กับตระกูลงั้นรึ?"
"ใช่แล้วขอรับ"
พูดจบ น้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าของเฉินเซียนเหออีกครั้ง "น่าสงสารลูกหลานตระกูลเฉินของข้า พวกเขายอมเสียสละเพื่อตระกูลเช่นนี้ แต่ร้านค้าของตระกูลก็ยังถูกคนชั่วหมายปองในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ"
"ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก! ที่นี่คือเมืองกวงอัน ใครจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้!"
โจวมู่เฉิงยังไม่ทันได้พูดอะไร โจวซือเลี่ยง บุตรชายของเขาก็ทนไม่ไหวพูดขึ้นมาก่อน
โจวมู่เฉิงเหลือบมองบุตรชายของเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นโจวซือเลี่ยงก็หดคออย่างเขินอาย ยกถ้วยสุราขึ้นดื่ม แล้วไม่กล้าพูดอะไรอีก
ตอนนี้เฉินเต้าเสวียนตกตะลึงไปแล้ว
ฝีมือการแสดงของเฉินเซียนเหอนั้นยอดเยี่ยมเกินไป หากเขาไม่รู้ความจริง ตอนนี้เขาคงสงสัยว่าผู้ฝึกตนตระกูลเฉินน่าสงสารอย่างที่เฉินเซียนเหอบอกจริงๆ
เพื่อตระกูล พวกเขายอมละทิ้งการฝึกฝน และจดจ่ออยู่กับการหารายได้ให้กับตระกูล
ตามที่เฉินเซียนเหอพูด หินจิตวิญญาณทุกก้อนที่ตระกูลเฉินหามาได้ ล้วนแลกมาด้วยเส้นทางการบำเพ็ญเพียรของผู้ฝึกตนในตระกูล ช่างน่าสงสารจริงๆ
โจวมู่เฉิงพยักหน้า "การกระทำของผู้ฝึกตนตระกูลเฉินน่านับถือจริงๆ สำหรับคนชั่วที่เจ้าพูด ตราบใดที่สหายเต๋ายังอยู่ในเมืองกวงอันวันไหน ตระกูลโจวของข้ารับรองว่าร้านค้าของตระกูลเฉินจะปลอดภัยในวันนั้น"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเซียนเหอก็ร้อนใจ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ไม่ว่าตระกูลหมั่วจะบ้าคลั่งแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือในเมืองกวงอัน
สิ่งที่เขาต้องการคือ โจวมู่เฉิงสามารถช่วยเหลือเขาบนเส้นทางเดินเรือจากเกาะซวงหูไปยังเมืองกวงอันได้
ในฐานะผู้ดูแลหน่วยลาดตระเวนของตระกูลโจว อำนาจของโจวมู่เฉิงนั้นยิ่งใหญ่มาก เพราะเขามีเรือรบหลิงซวีอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา
ตราบใดที่โจวมู่เฉิงให้ความร่วมมือกับตระกูลเฉิน เฉินเซียนเหอก็สามารถวางกับดัก และจับคนของตระกูลหมั่วเข้ามาได้ทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านั้น
หลังจากเรื่องนี้ เขาแค่ต้องเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป เขาก็จะสามารถใช้ชื่อของตระกูลโจวได้
อย่างน้อยก่อนที่คนนอกจะรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างตระกูลเฉินกับตระกูลโจว พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือกับตระกูลเฉิน
และช่วงเวลานั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ตระกูลเฉินต้องการมากที่สุดในการพัฒนา
ตอนนี้ตระกูลเฉินเพิ่งมีทารกเกิดใหม่เกือบหมื่นคน
รอจนกว่าเด็กกลุ่มนี้จะโตขึ้น ตระกูลเฉินก็จะมีผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานเพิ่มขึ้นอีกคน
เมื่อถึงตอนนั้น ตระกูลเฉินก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ในเมืองกวงอันได้อย่างมั่นคง
หากต้องการบรรลุเป้าหมายนี้ ตระกูลเฉินต้องมีหินจิตวิญญาณ หรือแม้แต่สายสัมพันธ์ที่เพียงพอ
เพราะการซื้อโอสถสร้างรากฐานต้องใช้หินจิตวิญญาณ การขอยืมเส้นพลังปราณระดับสองเพื่อทะลวงขอบเขตสร้างรากฐานต้องใช้สายสัมพันธ์
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ในช่วงเวลานี้ ตระกูลเฉินจำเป็นต้องหาที่พึ่ง แม้ว่าที่พึ่งแห่งนี้จะไม่ใช่ของจริงก็ตาม
นี่คือการแผนการฉวยโอกาสของเฉินเซียนเหอ