บทที่ 7 ชั้นเรียนระดับสูงสู่องค์กร ‘เงา’
บทที่ 7 ชั้นเรียนระดับสูงสู่องค์กร ‘เงา’
ในเช้าวันต่อมา
โม่ซิ่วนั่งอยู่ที่โต๊ะของเขาและฟังเจิ้งอี้พูดโม้ไม่หยุด
นักเรียนทั้งห้องเรียนนั้นเข้ารายล้อมพวกเขาทั้งสองคนเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้
"นายเจิ้ง ฉันได้ยินว่าพวกนายเอาชนะปีศาจได้เมื่อวานนี้น่ะเป็นจริงเรอะ?"
เจิ้งอี้นั่งอยู่ที่โต๊ะเงยหน้าขึ้น "แน่นอนสิ พวกนายไม่เห็นเหรอว่าฉันกับโม่ซิ่วเก่งแค่ไหน พวกเราจัดการกับปีศาจนั่นได้อย่างง่ายดายและทำให้มันคุกเข่าอ้อนวอนได้เลยทีเดียว"
โม่ซิ่วเอาหมวกคลุมหัวตัวเองเพราะไม่อยากฟังต่อ
ปีศาจตัวนั้นจัดการได้ง่ายตรงไหนกัน เจิ้งอี้เองก็ใช้พลังของตัวเองจนหมดตั้งแต่เมื่อวาน ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนช่วยกัน เขาก็น่าจะยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ
การโม้ของเจิ้งอี้เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มโม้ตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากนี้เขาบอกว่าเขาวางแผนตั้งแต่ที่ปีศาจอินทรีปรากฏตัวและรู้ว่าปีศาจอินทรีจะเคลื่อนไหวอย่างไรตั้งแต่มันโผล่มา
ตอนแรกโม่ซิ่วนั้นก็อยากจะเมินเขา แต่เขาไม่สามารถหยุดเจิ้งอี้โม้ได้ และหลังจากนั้นเจิ้งอี้ก็หันมาและพูดว่า "ฉันพูดถูกใช่ไหม โม่ซิ่ว"
โม่ซิ่วทำได้เพียงพยักหน้าแบบงงๆแล้วตอบว่า "อื้อ ใช่ นายพูดถูกแล้วล่ะ"
แต่หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ประจำชั้นกาวเฉียนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน
เช่นเคย กาวเฉียนยังคงพูดคำกำลังใจกับทุกคนก่อนที่ปล่อยให้พวกเขาไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ก่อนที่อาจารย์กาวเฉียนจะจากไป เขาได้เรียกโม่ซิ่วกับเจิ้งอี้ให้ตามไปด้วย หลังจากที่โดนตามตัวมา เจิ้งอี้จึงมีท่าทีเหมือนยืนยันคำพูดของตัวเองอยู่ว่า "เห็นไหม! ที่ฉันพูดน่ะเป็นเรื่องจริง ขนาดพวกอาจารย์ยังต้องมาหาฉันเพื่อฟังเรื่องจากฉันเลย"
ทั้งสองคนเดินตามอาจารย์กาวเฉียนเข้าไปในห้องทำงาน พออาจารย์กาวเฉียนนั่งลงเขาก็ชี้ไปที่เก้าอี้ด้านหลังตัวเองและบอกว่า "นั่งลงก่อนสิ"
"วันนี้ฉันให้พวกนายมาที่นี่เพราะอยากจะบอกว่า พวกเราสืบกันทั้งคืนแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถยืนยันที่มาของปีศาจอินทรีได้"
โม่ซิ่วพยักหน้า เนื่องจากเขาและเจิ้งอี้ได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องบอกความจริงกับพวกเขา
"อีกอย่าง ทางโรงเรียนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะยกย่องพวกนายทั้งสองคนต่อหน้านักเรียนทุกคนและจะพยายามหาทางช่วยเหลือให้พวกนายให้ได้คะแนนพิเศษสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย"
พอได้ยินคำว่าคะแนนพิเศษสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แววตาของโม่ซิ่วและเจิ้งอี้จึงเปล่งประกายขึ้น เจิ้งอี้นั้นอดไม่ได้ที่จะถามว่า "อาจารย์ครับ แล้วมันจะได้กี่คะแนนเหรอครับ?!"
อาจารย์กาวเฉียนส่ายหัว "อันนี้ก็ยังไม่แน่นอนนัก แต่ในเมื่อฉันบอกพวกนายไปแล้ว พวกนายก็ไม่ต้องกังวลหรอก"
โม่ซิ่วเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้เหมือนกัน ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่จะโดนยกย่องต่อหน้าโรงเรียน แต่ไม่คิดว่าจะมีเรื่องคะแนนพิเศษสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเข้ามาเกี่ยวด้วย
อาจารย์กาวเฉียนจึงพูดต่อ "แล้วก็ ถ้าหากมีความคืบหน้าในการสืบสวนเรื่องปีศาจอินทรี พวกเราจะแจ้งให้พวกนายรู้ก่อนทันที"
ทั้งสองคนจึงพูดพร้อมกันว่า "ขอบคุณครับท่านอาจารย์"
กาวเฉียนผายมือเบาๆ “พวกนายไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกนายทั้งสองคนต่างหากที่สมควรได้รับมัน”
“เจิ้งอี้ นายน่ะกลับไปก่อนเถอะ ส่วนโม่ซิ่วอยู่คุยกับฉันต่ออีกสักหน่อยนะ”
ทั้งสองคนลุกขึ้นพร้อมกัน แต่เมื่อได้ยินอาจารย์กาวเฉียนเรียกโม่ซิ่วให้อยู่ต่อ เจิ้งอี้จึงกลับไปนั่งลงตามเดิม
โม่ซิ่วไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์กาวเฉียถึงต้องการให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ?
หลังจากที่เจิ้งอี้เดินออกไป สีหน้าจริงจังของอาจารย์กาวเฉียนก็เปลี่ยนไปทันที “โม่ซิ่ว นายเก่งกาจจริงๆฉันไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจอกับผู้ที่มีความสามารถระดับเดียวกับอาจารย์ถังแบบนี้ได้”
โม่ซิ่วสงสัย “อาจารย์ถังงั้นหรือ?”
อาจารย์กาวเฉียนจึงพิงเก้าอี้และพูดต่อ “เอาล่ะ หลังจากนี้ให้เป็นข้อความที่อาจารย์ถังฝากข้ามาบอกกับนาย เพราะเขาได้แนะนำให้นายเข้าร่วมชั้นเรียนพิเศษระดับสูงอีกด้วย นี่นายยังไม่รู้ตัวอีกงั้นเหรอ?”
โม่ซิ่วยิ่งงงหนัก ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“อาจารย์กาวเฉียน อาจารย์พูดเรื่องอะไรกัน? ผมไม่รู้จักอาจารย์ถังจริงๆและไม่เคยได้ยินเรื่องของชั้นเรียนพิเศษระดับสูงด้วย ถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นความลับ ผมจะไม่บอกใครแน่นอน”
สำหรับโม่ซิ่วแล้ว เห็นได้ชัดว่าอาจารย์กาวเฉียนต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักได้เลย
หลังจากที่ฟังโม่ซิ่วพูด อาจารย์กาวเฉียนจึงเงียบเสียงลงราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับอาจารย์”
“อย่าเพิ่งไป ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ตามผิดคนหรอก แต่ในเมื่อนายยังไม่รู้รายละเอียดฉันก็จะเล่าให้ฟังเอง”
โม่ซิ่วพยักหน้ารับ
“ไม่สำคัญว่านายจะรู้จักอาจารย์ถังหรือไม่ แต่โอกาสที่จะได้เข้าชั้นเรียนพิเศษระดับสูงนั้นถือว่าหาได้ยากยิ่ง นายอาจไม่เคยได้ยินชื่อชั้นเรียนพิเศษระดับสูงนี้มาก่อน แต่นายคงเคยได้ยินชื่อองค์กร ‘เงา’ สินะ?”
ดวงตาของโม่ซิ่วเบิกกว้างขึ้น องค์กร ‘เงา’ นั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นองค์กรที่สังกัดอยู่กับสมาคมแต่ไม่ได้ถูกข้อจำกัดของสมาคมบังคับ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นองค์กรที่หลายคนใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วม
องค์กร ‘เงา’ นั้นเปรียบเหมือนผู้เก็บกวาดที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาจะได้รับอิสระในการเลือกที่จะรับภารกิจหรือไม่ก็ได้ นอกจากนี้องค์กร ‘เงา’ จะถูกเรียกตัวมารวมกันเฉพาะเวลาที่สมาคมต้องการให้พวกเขาไปปฏิบัติภารกิจสำคัญเท่านั้น ถึงอย่างนั้น องค์กร ‘เงา’ ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธภารกิจได้
นั่นเท่ากับว่าพวกเขามีทั้งอำนาจและเงินทอง และยังมีอิสระในเรื่องเวลา ตราบใดที่ไม่ต้องการทำ พวกเขาก็สามารถเลือกที่จะไม่รับแม้แต่ภารกิจเดียวเลยก็ยังได้
“ถ้าองค์กร ‘เงา’ ผมน่ะรู้จักครับ แต่ชั้นเรียนพิเศษนี่มันเกี่ยวอะไรกับองค์กร ‘เงา’ หรือครับ?”
“ถ้านายเรียนจบจากชั้นเรียนพิเศษระดับสูง นายจะมีโอกาสสูงมากที่จะได้กลายเป็นสมาชิกขององค์กร‘เงา’ โดยตรง”
โม่ซิ่วถึงกับอึกอักไปครู่หนึ่ง "เอ่อ... ผมมีคำถามครับ"
"อะไรเรอะ?" กาวเฉียนถามกลับ
"อาจารย์ถังคือใครครับ? ผมไม่รู้จักเขาเลย แล้วทำไมเขาถึงแนะนำให้ผมไปเรียนชั้นเรียนพิเศษระดับสูงล่ะครับ?"
กาวเฉียนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ "ถ้าท่านไม่ประสงค์ให้นายรู้ นายก็อย่าถามเลย เพราะเดี๋ยวนายก็ได้เจอกับท่านเองนั่นแหละ"
"เอ่อ…ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ"
"อืม แต่ว่าเรื่องนี้ห้ามบอกไปใครทั้งนั้นรวมถึงครอบครัวของนายด้วย บอกทุกคนไปว่านายถูกส่งไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เมืองอื่นก็พอแล้ว"
ยิ่งคุยมากเท่าไหร่ โม่ซิ่วก็ยิ่งรู้สึกว่าชั้นเรียนพิเศษระดับสูงนี้ไม่ธรรมดา และเมื่อดูจากคำพูดที่อาจารย์กาวเฉียนบอกกับเขา มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะโกหกเขาเลยแม้แต่น้อย
"ครับ..." โม่ซิ่วตอบกลับเบาๆ
พอกลับเข้ามาในห้องเรียนอีกครั้งก็ถึงเวลาพักกลางวันแล้ว ซึ่งเจิ้งอี้ก็เห็นโม่ซิ่วเดินกลับเข้ามาพร้อมกับอาจารย์กาวเฉียน ดังนั้นเขาจึงรีบเข้ามาถามว่าอาจารย์กาวเฉียนคุยอะไรกับโม่ซิ่ว
โม่ซิ่วเล่าไปตามที่อาจารย์กาวเฉียนบอก ถึงเรื่องที่เขาจะถูกส่งไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
"โห! เจ๋งอะ นี่ฉันเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนักเรียนแลกเปลี่ยนเลยนะ ว่าแต่นายไปเมืองไหน โรงเรียนอะไรงั้นเหรอ?" เจิ้งอี้ถามด้วยความตื่นเต้น
โม่ซิ่วเหลือบไปมองเจิ้งอี้ด้วยความรู้สึกเหมือนเพื่อนกำลังจับโป๊ะ "นี่นายไม่รู้จริงๆเหรอว่าฉันจะไปโรงเรียนไหนน่ะ?"
เจิ้งอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบอึกอักๆ "อ๋อ... รู้สิ แน่นอนต้องรู้อยู่แล้ว..."
หลังจากนั้น โม่ซิ่วได้เดินออกไปทิ้งไว้แค่เจิ้งอี้ที่ยังคงพึมพำกับตัวเองอยู่ไม่หยุด
โม่ซิ่วพูดประโยค "ไม่รู้จริงๆเหรอว่าฉันจะไปโรงเรียนไหน" ด้วยเจตนาแฝง เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนอย่างเจิ้งอี้จะต้องทำเป็นรู้ดีและถามเขาทีหลังแน่ๆหากคิดไม่ออก
….
เนื่องจากสนามฝึกซ้อมอยู่ในระหว่างการบำรุง จึงไม่มีการฝึกซ้อมในช่วงบ่าย ดังนั้นโม่ซิ่วจึงเก็บของและเตรียมจะกลับบ้าน
หลังจากแยกกับเจิ้งอี้แล้วโม่ซิ่วที่เพิ่งเดินออกจากประตูโรงเรียนก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งขวางเอาไว้
“สวัสดีค่ะรุ่นพี่โม่ หนูขอรบกวนเวลารุ่นพี่สักครู่ได้ไหมคะ?”
“เธอเป็นใครน่ะ?”
“อ๋อ หนูชื่อเย่เฉียนค่ะ หนูคือคนที่รุ่นพี่ช่วยเมื่อวานน่ะ เมื่อวานต้องขอบคุณมากจริงๆนะคะ หนูเลยบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
โม่ซิ่วลูบหัวตัวเองเบาๆและเริ่มจำได้แล้วว่าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ถูกปีศาจอินทรีจับตัวไว้เมื่อวานนี้ ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่เธอจะดูหน้าคุ้นๆ
“แล้วมีอะไรทำไมถึงได้มาหาพี่ล่ะ?”
เย่เฉียนไพล่มือไว้ด้านหลังและก้มหน้าลงโดยที่ไม่กล้ามองโม่ซิ่ว
เมื่อเห็นว่าเย่เฉียนไม่ตอบ โม่ซิ่วจึงถามอีกครั้ง
"แล้วหนูมีอะไรถึงได้มารอพี่ตรงนี้งั้นเหรอ?"
เมื่อเย่เฉียนได้ยินคำถามของโม่ซิ่วอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกตัวและร่างกายของเธอก็สั่นไปทั้งร่างก่อนที่เธอจะยื่นมือออกมาจากด้านหลัง
เธอถือถุงกระดาษไว้ในมือและเธอก็รีบมอบมันให้กับโม่ซิ่วทันที
“ขอบคุณมากนะคะรุ่นพี่ หนูเอาของชิ้นนี้มาให้รุ่นพี่ค่ะ!”
หลังจากนั้นเธอก็หันหลังกลับและวิ่งออกไปทันที...