บทที่ 599 สงครามแห่งเสวียนหวงดับสูญ (ฟรี)
"ใกล้แล้ว"
"รออีกสักหน่อยเถอะ"
ท่ามกลางเสียงพึมพำของเทียนอี ความประหลาดทั้งปวงภายในวิหารอวิ๋นสุ่ย รวมถึงชานไห่ กลับคืนสู่สภาพเดิมในชั่วพริบตา
ราวกับตลอดหลายพันหมื่นปีที่ไม่เคยมีผู้ใดรบกวน
ส่วนผู้ฝึกเซียนเหล่านั้นที่เข้ามาผจญภัยในวิหารอวิ๋นสุ่ย รวมถึงร่างแยกของหลี่ฟาน ก็ถูกสองมือของเทียนอีกดเบาๆ จนกลายเป็นผุยผงละลายหายไป
ไม่มีโอกาสให้ต่อต้านแม้แต่น้อย
ที่จริงแล้ว โจวชิงอ๋างร่างแยกแม้แต่จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายได้อย่างไร
หลี่ฟานตัวจริง เพียงรู้สึกว่ามือยักษ์ของเทียนอีกดลงมา ตนเองก็สูญเสียการติดต่อจากฝั่งร่างแยกไป
การทำลายเจ้าอย่างแท้จริง มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าเล่า
"ฟู่ว" แม้จะสูญเสียร่างแยก แต่หลี่ฟานกลับถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย
"ดูเหมือนข้าจะเดิมพันถูก ต่อให้แข็งแกร่งอย่างเทียนอี ก็ไม่มีทางคาดถึงได้ว่า มดปลวกที่เขาพึ่งเหยียบตายเมื่อครู่นี้ กำลังคิดคำนวณอยู่ในที่ลับ"
แต่ในตอนนี้ บนใบหน้าของหลี่ฟานกลับไม่มีสีหน้าพึงพอใจแม้แต่น้อย
เพราะพลังแท้จริงที่เทียนอีแสดงออกในการต่อสู้นี้ ถึงขั้นน่าตะลึงงันเกินคาดเดาเสียแล้ว
ในแผนเดิมของหลี่ฟาน แม้ว่าชาวประมงเฒ่าจะบ้าคลั่งความจำไม่สมบูรณ์ ศิษย์เอกจะกลายเป็นเรื่องพิสดารพลังลดลงอย่างมาก
แต่เมื่อทั้งสองร่วมมือกัน อย่างไรก็ต้องสร้างความยุ่งยากให้เทียนอีบ้างแท้ๆ
แต่ผลที่ได้กลับ...
ช่องว่างพลังระหว่างทั้งสองกับเทียนอี ราวกับไกลกันหลายขั้นใหญ่ เหมือนความต่างระหว่างหลี่ฟานกับพวกเขา!
พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทียนอีเลยสักนิด
จนกระทั่งสิ่งที่หลี่ฟานเรียกว่าแผนการสร้างความยุ่งยากให้เทียนอี กลายเป็นการอับอายขายหน้าตัวเองไปเสียอย่างนั้น!
ชาวประมงเฒ่ากับศิษย์เอก เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือใต้ขั้นอายุวัฒนะโดยแท้ ทว่ายังคงถูกเทียนอีเล่นงานตามใจชอบ ประหนึ่งแมลงเม่า
พลังเช่นนี้...
"เทียนอี เขาเลื่อนชั้นขึ้นขั้นอายุวัฒนะแล้วหรือ?"
หลี่ฟานอดคิดเช่นนี้ไม่ได้
ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอธิบายได้เลยว่า ทำไมเทียนอีจึงแข็งแกร่งขนาดนี้
"สิ่งที่เขาหยั่งรู้คือกฎเกณฑ์อะไรกัน?"
"เงียบเชียบไร้เสียง ไม่ให้ใครล่วงรู้ หรือว่าผู้ที่ครอบครองกฎความตายและทำให้หลานหยู่ขึ้นทะเบียนเต๋าพ่ายแพ้คือเขา?"
"ความสัมพันธ์ระหว่างเทียนอีกับพันธมิตรหมื่นเซียนแท้จริงแล้วคืออะไรกัน?"
"พูดก็พูดเถอะ เหมือนไม่เคยเห็นเทียนอีลงมือแทนพันธมิตรหมื่นเซียนเลย ไม่ว่าชาติก่อนตอนเครือข่ายเสวียนต่อสู้กับผู้ฝึกเซียนกบฎรุนแรงที่สุด..."
คำถามมากมายผุดขึ้นในใจหลี่ฟานในฉับพลัน
แต่เดิมหลี่ฟานนึกว่า คราวนี้อย่างน้อยก็จะได้สืบถึงที่มาของเทียนอีบ้าง
ใครจะไปคิดว่าเกี่ยวกับเขา ยิ่งรู้มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้นี้ช่างลึกล้ำเหลือหยั่ง
"ถ้ายังไม่ถึงขั้นหนึ่งเดียวกับเต๋า คงอย่าไปยั่วโทสะเขาจะดีกว่า"
หลี่ฟานถอนหายใจอย่างจนใจ ตัดสินใจในใจอย่างไม่เต็มใจ
แม้ตนจะมีสมบัติมหัศจรรย์【หวนเจิน】อยู่ในกาย เผชิญหน้ากับความต่างของพลังอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ ก็คงต้องหลบคมเขาไปก่อน
ไม่เช่นนั้น เดินทางกลางคืนบ่อยๆ ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะโชคดี สามารถไม่ถูกเขาจับได้
ข่มความอาฆาตพยาบาท ความประหลาดใจและข้อสงสัยในใจลงไปทั้งหมด หลี่ฟานใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะค่อยๆ สงบใจลงได้
เรียกเหตุการณ์ที่ร่างแยกได้พบเจอในวิหารอวิ๋นสุ่ยมาใคร่ครวญในใจอีกครั้ง ความคิดอ่านของหลี่ฟานก็กำเนิดขึ้นมาใหม่
"เทียนอี เทียนเจวี๋ย เทียนอวี้..."
"ทั้งหมดต่างใช้【เทียน】นำหน้า แล้วก็เป็นคนรู้จักเก่าแก่ด้วยกันทั้งนั้น ผู้คนวิหารอวิ๋นสุ่ย ต่างเรียกพวกเขาว่าจอมเทพ"
"เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีต้นกำเนิดเดียวกัน"
"สำนักเสวียนเทียน?"
ตามเบาะแสและข้อมูลที่ได้มาในตอนนี้ หลี่ฟานแทบจะลงความเห็นได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด
แต่ในใจเขากลับรู้สึกเลือนรางว่ายังไม่ถูกต้อง
ในภาพลวงตาของศิษย์พี่หญิงจ้าว ต่อสำนักเสวียนเทียนที่เป็นยักษ์ใหญ่ครอบงำโลกเสวียนหวงในยุคโบราณ ทั้งสองเคยแลกเปลี่ยนกันอย่างค่อนข้างลึกซึ้ง
สำนักเสวียนเทียน ชิงยึดชะตาสวรรค์ ถือครองอำนาจสวรรค์ เพื่อปราบปรามผองชนใต้หล้า
ผู้นำในสำนักมักจะเรียกตัวเองว่าจอมราชันแห่งสวรรค์ จอมราชันแห่งธรรมะ
แต่เทียนอีและพวกของเขา...
ดูจะยกย่องสวรรค์เป็นใหญ่
เสียงอ่านหนังสือที่ติดตามศิษย์เอกอยู่ข้างกาย ก็พากันท่องซ้ำไปมาว่า "กฎของสวรรค์เคร่งครัด เคารพกฎระเบียบ" "กฎของสวรรค์ไม่อาจฝ่าฝืน" เป็นต้น
ดูไม่เหมือนจะมีต้นกำเนิดเดียวกับสำนักเสวียนเทียนที่หลี่ฟานรู้จัก
"ด้วยระดับพลังของคนพวกนี้ ไม่น่าจะโผล่มาจากใต้หินได้หรอก แล้วจะไม่เจอร่องรอยอะไรเลย"
"แท้จริงแล้ว..."
หลี่ฟานอดจมอยู่ในห้วงความคิดไม่ได้
—-----------------------------
ภายในวิหารอวิ๋นสุ่ย เกิดฉากที่แทบจะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
แต่ทะเลชงอวิ่นภายนอกวิหารอวิ๋นสุ่ย ดูไม่มีอาการรู้สึกต่อเรื่องนี้เลย
นอกเสียจากซากวิหารอวิ๋นสุ่ยที่เพิ่งจะปรากฎโฉมไม่นาน หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง
นอกเหนือจากนี้แล้ว ไม่มีอิทธิพลใดๆ เหลือหลงเหลืออยู่ในทะเลชงอวิ่น
ทว่ายอดฝีมือของโลกเสวียนหวง ไม่ได้มีแค่เทียนอีเพียงผู้เดียว
ถึงแม้ผู้ฝึกเซียนธรรมดาจะไม่ได้รับรู้ แต่บรรดาจอมเทพเซียนผู้อาวุโสทั้งห้าแห่งสมาพันธ์ห้าผู้อาวุโส จะต้องพอจับทางได้บ้างแน่
และแรงลมแรงเกิดจากปลายใบแห่งหญ้าชิงผิง ช่วงนี้หลี่ฟานได้ลงทุนคะแนนผลงานมหาศาล สืบเสาะหาข้อมูลที่มักถูกผู้คนมองข้ามอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดก็สืบเบาะแสออกมาได้บ้าง
อย่างแรก หลังศึกใหญ่ในเขตเทียนหลิง พื้นที่ชายแดนของสมาพันธ์ห้าผู้อาวุโสที่แต่เดิมยังมีผู้ฝึกเซียนบางส่วนประจำการอยู่
ผู้ฝึกเซียนทั้งหมดถูกเรียกตัวกลับภายในเวลาไม่กี่วัน
เหมือนว่าในระยะยาวข้างหน้า พวกเขาจะยอมแพ้ความคิดที่จะทำสงครามโดยสิ้นเชิง
ถัดมา สมาพันธ์ห้าผู้อาวุโสเองกลับส่งทูตมาเสนอแผนการแลกเปลี่ยนมิตรภาพระหว่างกัน
บอกว่าสมาพันธ์กับพันธมิตรหมื่นเซียน เพราะขัดแย้งกันมานาน ตัดขาดจากกันเกินไป
ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่คุ้นเคยกันแล้ว
จึงอาจใช้โอกาสอันหาได้ยากหลังศึกครั้งใหญ่นี้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกัน
สำหรับข้อเสนอนี้ ฝ่ายทางการพันธมิตรหมื่นเซียนยังไม่ได้ตอบรับที่แน่ชัด
แต่ท่าทีของฝ่ายสมาพันธ์ห้าผู้อาวุโส ช่างน่าขบคิดอย่างยิ่ง
เพราะด้วยความที่พวกเขามีจอมเทพห้าองค์ เวลาได้เปรียบก็ไม่เคยปล่อยให้ใครหนีรอด ถ้าไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ก็ไม่มีทางที่จะยอมรับฟังเหตุผล
แต่ตอนนี้ กลับมาริเริ่มเสนอการแลกเปลี่ยนมิตรภาพ ผ่อนคลายความขัดแย้งระหว่างกันเสียอย่างนั้น?
บรรดาผู้ฝึกเซียนที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ยังนึกว่าพันธมิตรหมื่นเซียนเอาชนะสมาพันธ์ห้าผู้อาวุโสในการต่อสู้ที่เขตเทียนหลิงซะอีก
แต่หลี่ฟานรู้ว่า นี่คงเป็นเพราะการลงมือของเทียนอี ถูกจอมเทพทั้งห้าจับทางได้อย่างแน่นอน
"สงครามก่อนหน้า บางทีอาจมีจุดประสงค์เพื่อลองเชิงว่าจอมเทพฉวนฝ่ายังอยู่หรือไม่ก็ได้"
"สุดท้ายแม้จะไม่ได้ล่อจอมเทพฉวนฝ่าออกมา กลับทำให้เทียนอีต้องแสดงตัว"
"สมาพันธ์ห้าผู้อาวุโสระแวดระวังถึงขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าเทียนอีบรรลุขั้นอายุวัฒนะจริงๆ เสียแล้ว?"
ในเรื่องนี้ หลี่ฟานก็ยังคงมีข้อสงสัยในใจอยู่บ้าง
เพราะตามความรู้อันตื้นเขินของเขาเกี่ยวกับขั้นอายุวัฒนะ หลังหยั่งรู้กฎฟ้าดิน ตนก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และแผ่นดิน
บนตัวของจอมเทพอายุวัฒนะ กลิ่นอายของ "เต๋าสวรรค์" ควรจะชัดเจนยิ่งนัก
เมื่อเทียบกับผู้ฝึกเซียน ก็เหมือนสิ่งมีชีวิตคนละชนิดกันเลย ความแตกต่างย่อมแยกแยะได้ง่าย
แต่สิ่งที่หลี่ฟานเห็นจากเทียนอีหลายครั้ง กลับไม่เห็น "เต๋าสวรรค์"
ในทางกลับกัน กลิ่นอาย "มนุษย์" ของเขายังคงเข้มข้นมาก
โดยสรุป เทียนอีดูภายนอกแล้วยังไม่เหมือนยอดฝีมือขั้นอายุวัฒนะนัก