บทที่ 29 : ราชานักสู้โม่ซิ่ว
บทที่ 29 : ราชานักสู้โม่ซิ่ว
โรงแรมที่บอสฟางจัดให้โม่ซิ่วพักคือโรงแรมที่เป็นที่ตั้งของเวีมวยเถื่อน ดังนั้นโม่ซิ่วจึงลงลิฟต์ไปที่ห้องได้
โม่ซิ่วกลับไปที่ห้องของเขาและอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนจะนอนลงบนเตียง
จากนั้นเขาก็ส่งข้อความถึง มู่ชิงอี้ เย่หยวน และ หลิวซี่หยาง
“(มด) อยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมเที่ยนเป่า อย่าพึ่งทําตัวหุนหันพลันแล่น”
ตามแผนการของโม่ซิ่ว เขาจะส่งข้อความถึงเพื่อนของเขาเพื่อรายงานสถานการณ์เท่านั้นและได้บอกเพื่อนๆว่าไม่ต้องส่งข้อความตอบกลับมา
แต่ตอนนี้โม่ซิ่วกลับได้รับการตอบกลับทันทีที่เขาส่งข้อความ
"แล้วนายอยู่ที่โรงแรมเป็นยังไงบ้าง?"
ข้อความนี้ถูกส่งโดยมู่ชิงอี้ ดังนั้นโม่ซิ่วจึงเข้าใจทันที
มู่ชิงอี้อาจได้ยินเรื่องที่เขาพาผู้หญิงคนหนึ่งไปที่โรงแรมและไม่ได้ออกมาจากห้องเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม
โม่ซิ่วจึงยิ้มและส่ายหัวก่อนจะตอบ
“ฉันนอนอยู่ในห้องทั้งวัน ทําไมล่ะ? เธออิจฉาผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”
โม่ซิ่วไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาแค่บอกว่าเขานอนทั้งวัน
หลังจากนั้นไม่นานมู่ชิงอี้ก็ตอบว่า "จะบ้าเรอะ!"
สิ่งที่โม่ซิ่วไม่รู้ในตอนนี้ก็คือมู่ชิงอี้กำลังอยู่ตรงหน้าโทรศัพท์ของเธอด้วยความโกรธ…
ตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ดังนั้นโม่ซิ่วจึงกําลังเตรียมตัวนอน แต่แล้วจู่ๆเสียงที่หน้าประตูก็ดังขึ้น
โม่ซิ่วสะดุ้งเล็กน้อยแล้วคิดในใจ “ใครกันที่มาตอนนี้?”
เมื่อเขาเปิดประตู เขาได้เห็นผู้หญิงสองคนที่สวมชุดนอนไม่ได้นอนอยู่
โม่ซิ่วขมวดคิ้วและถามว่า "เธอเป็นใครน่ะ?"
ผู้หญิงอีกคนได้หนึ่งกล่าวว่า “บอสฟางได้ส่งพวกเรามารับใช้คุณค่ะ คุณต้องการให้พวกเราเข้าไปไหม?”
โม่ซิ่วพูดอย่างเย็นชาว่า “กลับไปบอกบอสฟางซะว่าสิ่งที่ฉันต้องการก็คือเงินเท่านั้น!”
ป้าบ!
โม่ซิ่วปิดประตูเสียงดังใส่หน้าผู้หญิงทั้งสองคนนั้น
หลังจากที่ประตูปิด พวกเธอจึงคุยกันว่า "แล้วพวกเราจะกลับไปอธิบายบอสฟางยังไงดีล่ะเนี่ย.."
“จะให้พูดอะไรล่ะ? พวกเราก็พูดความจริงกับบอสฟางไง เพราะฉะนั้นรีบกลับไปกันเถอะ!”
โม่ซิ่วกลับมาที่เตียงของเขาอีกครั้งและคิดอย่างรอบคอบว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากบอสฟางด้วยวิธีไหนได้บ้าง ซึ่งรวมถึงวิธีการใดที่เขาสามารถใช้เพื่อให้เข้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้ง่ายขึ้น
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง โม่ซิ่วจึงยิ้มและมองดูเงินที่บอสฟางมอบให้เขา
“จะว่าไป…ยังมีวิธีนี้อยู่นี่นา”
...
ในเช้าวันรุ่งขึ้น โม่ซิ่วที่ต้องการจะออกไปเดินเล่น แต่กลับถูกลูกน้องของบอสฟางห้ามเอาไว้
“ขอโทษด้วยนะครับคุณโม่ แต่คุณไม่สามารถออกไปข้างนอกได้”
โม่ซิ่วไม่สนใจและเดินผ่านเขาไปทันที ซึ่งลูกน้องของบอสฟางก็เอามือไปคว้าร่างของโม่ซิ่วเอาไว้
โม่ซิ่วจึงคว้ามือของเขาและทุ่มเขาลงกับพื้นทันที
ทันใดนั้นลำแสงสีทองได้ส่องผ่านร่างของลูกน้อง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาได้เปิดใช้งานพลังของเขา
โม่ซิ่วนั้นรู้ถึงพลังของลูกน้องคนนี้กับบอสฟางได้แล้วในระหว่างช่วงที่เขาได้พบกันเป็นครั้งแรก
บอสฟางมีพลังเสริม ในขณะที่ลูกน้องส่วนใหญ่มีพลังด้านการสืบสวนและมีเพียงพลังเดียวที่เพิ่มพลังโจมตีของเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะโม่ซิ่ว
โม่ซิ่วจึงตะคอกและพูดว่า “เฮอะ! นี่นายอยากสู้กับฉันจริงๆงั้นเรอะ?!”
หลังจากนั้น โม่ซิ่วก็ยื่นมือไปคว้าคอของเขาและทำเหมือนกับว่าเขากําลังจะต่อสู้กับลูกน้องของบอสฟาง
ทันใดนั้น บอสฟางก็วิ่งมาทันที
“ทำอะไรของนายน่ะ?! นายทำแบบนั้นกับโม่ซิ่วได้ยังไงกัน?!”
ลูกน้องของเขาวิ่งหนีออกไปทันที ส่วนโม่ซิ่วก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นลูกน้องคนนั้นวิ่งหนีไป
“บอสฟาง นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? นี่คุณกำลังกักบริเวณผมอยู่งั้นเหรอ?”
บอสฟางตอบทันทีว่า “โมซิ่ว เมื่อวานนายต่อสู้ได้ดีมาก ถ้านายออกไปข้างนอกตอนนี้ นายจะต้องตกเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน”
โม่ซิ่วพูดอย่างใจร้อนทันที “บอสฟาง คุณคิดว่าผมโง่เหรอ? มีอะไรก็พูดมาตรงๆจะดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถหลอกโม่ซิ่วได้ บอสฟางจึงเชิญโม่ซิ่วไปที่ห้องของเขาและเริ่มอธิบาย
“โม่ซิ่ว จริงๆแล้วฉันเป็นแค่ลูกน้องที่มีหน้าที่คัดเลือกนักสู้เท่านั้น ฉันได้รับคําสั่งมาว่าห้ามให้ทุกคนภายใต้การดูแลของฉันออกไปจากโรงแรมได้ในวันนี้ ดังนั้นฉันเลยไม่มีทางเลือก”
โม่ซิ่วพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ไปตามคนที่อยู่เหนือกว่าคุณมาคุยกับผมซะ!"
หลังจากนั้นบอสฟางก็พยายามพูดหว่านล้อมไปมากมายและอธิบายไปอีกหลายสิ่งหลายอย่างจนกระทั่งในที่สุดโม่ซิ่วก็กลับไปที่ห้องของเขาอย่างไม่เต็มใจมากนัก
หลังจากการสนทนาครั้งนี้ โม่ซิ่วจึงเข้าใจการจัดการเกือบทุกอย่างที่นี่แล้ว
พวกเขาถูกแบ่งออกไปตามลำดับที่ชัดเจน เริ่มจาก “เฮ่ยจือ” ที่จะเลือกนักสู้และส่งตัวมาให้กับผู้จัดการอย่าง “บอสฟาง” ถ้าหากบอสฟางรับนักสู้เอาไว้ เฮ่ยจือก็จะได้ค่านายหน้าเป็นการตอบแทน
ในขณะเดียวกัน บอสฟางก็ต้องฟังคําสั่งจากหัวหน้าของเขา ซึ่งหัวหน้าของเขาจะเป็นคนบอกเขาว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ และนักสู้จะออกไปข้างนอกได้ตอนไหน
เมื่อนักสู้คนหนึ่งสู้จนอยู่ในระดับที่มีชื่อเสียงโด่งดัง พวกเขาจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็น “ราชานักสู้”
ราชานักสู้นั้นจะได้รับการดูแลร่วมกันโดยเหล่าผู้บริหารระดับสูงซึ่งถูกเรียกว่า “ราชาแห่งสงคราม”
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความสนใจหรือการเดิมพันจากเหล่า “ราชาแห่งสงคราม” มันจะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าผู้ชมทั่วไปเป็นอย่างมาก
โม่ซิ่วเองก็กำลังสงสัยว่าบอสฟางนั้นไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการจัดมวยเถื่อนครั้งนี้อย่างแน่นอน และเมื่อเขาเริ่มทำการติดต่อกับหัวหน้าของเขา เขาก็จะเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
...
คืนนั้นบอสฟางได้ถามโม่ซิ่วว่าเขาต้องการสู้หรือไม่
โม่ซิ่วตอบว่า “ก็เอาสิ ยังไงซะฉันก็มาที่นี่เพื่อมาหาเงินอยู่แล้ว!”
คู่ต่อสู้รอบที่สองในการแข่งขันครั้งนี้ไม่แข็งแกร่งเท่าทุยทู่จี ดังนั้นโม่ซิ่วจึงเอาชนะได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่าชัยชนะของเขามาพร้อมกับหมัดสีเลือดด้วยเช่นกัน
คราวนี้ ในที่สุดเขาก็สร้างชื่อเสียงของเขาได้ในฉายา “หมัดเลือดเดือด” ดังนั้นผู้ชมทุกคนจึงได้รู้ว่านักเรียนที่สอบได้อันดับที่หนึ่งของเมืองนั้นมีฉายาในวงการมวเถื่อนว่า “หมัดเลือดเดือด”
ในวันที่สาม โม่ซิ่วได้ต่อสู้กับผู้ท้าชิงทั้งห้าคนและชนะการต่อสู้ได้ทั้งหมด!
ในวันที่สี่ โม่ซิ่วได้ต่อสู้กับผู้ท้าชิงทั้งเก้าคนและชนะการแข่งขันได้ทั้งหมดเช่นกัน!
ในวันที่ห้า โม่ซิ่วได้ต่อสู้กับผู้ท้าชิงทั้งเจ็ดคนและชนะการแข่งขันทั้งหมดอีกครั้ง!
โม่ซิ่วนั้นเอาชนะไปได้แล้วทั้งหมด 24 ครั้งติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เขาลงสู้ในครั้งแรก ซึ่งในการต่อสู้แต่ละครั้งนั้นไม่มีใครสามารถทําอะไรโม่ซิ่วได้เลย
โม่ซิ่วในตอนนี้ถูกเรียกว่าเป็นราชาหน้าใหม่โดยเหล่าผู้ชมคนอื่นๆไปแล้ว เนื่องจากผลงานอันน่าตื่นตาของเขา เขาจึงได้รับการเลื่อนยศเป็น “ราชานักสู้”
ราชานักสู้ทุกคนนั้นต้องผ่านการต่อสู้หลายสิบครั้งก่อนที่พวกเขาจะสามารถเลื่อนระดับได้ แต่โม่ซิ่วนั้นกลับใช้เวลาเพียงห้าวันในการได้เป็นราชานักสู้แล้ว
ซึ่งวันนี้เป็นวันที่หกนับตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ โม่ซิ่วเองก็กำลังถอนหายใจเพราะมันง่ายมากที่เขาจะหาเงินได้อย่างมากมายในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
ในเวลาเพียงแค่ห้าวัน โม่ซิ่วได้เงินมารวมแล้วทั้งหมด 1.53 ล้านเรียว ซึ่งเมื่อเทียบกับรางวัลภารกิจเพียง 800,000 เรียว นอกจากนี้ยังต้องหารสี่อีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่กฎของสหพันธมิตรนั้นจะเข้มงวดมาก เพราะมีคนที่พร้อมเสี่ยงจะละเมิดกฎหมายเพื่อหาเงินอยู่เสมอ
ถ้าหากโม่ซิ่วที่เป็นเพียงแค่นักสู้ยังได้เงินมากขนาดนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้อาจจะได้เงินจํานวนมหาศาลในทุกครั้งที่มีการต่อสู้ก็เป็นได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น และโม่ซิ่วก็รู้ว่าใครที่มาหาเขา
เมื่อโม่ซิ่วเปิดประตู เขาได้เห็นบอสฟางพูดกับเขาด้วยความเคารพ “โม่ซิ่ว ขอแสดงความยินดีที่เลื่อนระดับขึ้นเป็น”ราชานักสู้“จากนี้ไป นายจะไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของฉันอีกต่อไป น่าเสียดายจริงๆที่ฉันกับนาย...”
โม่ซิ่วขัดจังหวะบอสฟางแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “เฮอะ ทำเป็นพูดดี คุณน่ะได้จากผมไปเท่าไหร่แล้วล่ะ?!”
บอสฟางยิ้มและพูดว่า “ฮ่าๆๆๆ ฉันน่ะไม่ได้เงินเท่ากับนายหรอกนะ รีบไปกันเถอะ”
จากนั้นบอสฟางก็พาโม่ซิ่วไปที่อีกห้องในโรงแรม
โม่ซิ่วรู้สึกงงเล็กน้อย เพราะดูเหมือนว่าทั้งองค์กรจะตั้งอยู่ในโรงแรมนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
บอสฟางพูดเบาๆว่า “โม่ซิ่ว นายเดินเข้าไปเลย ฉันจะไม่เข้าไปกับนาย คนที่อยู่ข้างในห้องน่ะชื่อว่า”ซู่จิน“ซึ่งเขาเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ทั้งหมด”
หลังจากที่เคาะประตูสามครั้ง ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีที่กำลังนั่งรออยู่
โม่ซิ่วเองก็เดินเข้าไปและนั่งลงบนเก้าอี้เช่นกัน
“นายเป็นผู้ดูแลที่นี่สินะ? ว่าแต่นายจะจ่ายให้ฉันเท่าไหร่ถ้านายจะให้ฉันไปอยู่ภายใต้การดูแลของนายน่ะ?”