บทที่ 27: ทุยทู่จี
บทที่ 27: ทุยทู่จี
โม่ซิ่วได้สั่งให้ทั้งสามคนอย่างเพิ่งติดต่อกับเขาและรอข่าวจากเขาเท่านั้นโดยรหัสลับว่า "มด"
เมื่อถึงเวลาสามทุ่มครึ่ง โม่ซิ่วได้มาที่บาร์เพื่อมาหาเฮ่ยจือ
เฮ่ยจือให้กับต้อนรับโม่ซิ่วอย่างอบอุ่นเมื่อเขาเห็นโม่ซิ่ว
“ฮ่ะๆๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องมาที่นี่ จะว่าไปดูเหมือนว่านายจะชื่อโม่ซิ่วใช่ไหม?”
โม่ซิ่วตอบว่า “ใช่ แล้วสถานที่ที่นายพูดถึงอยู่ที่ไหนกัน? พาฉันไปที่นั่นเร็วเข้า”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากนั้นเฮ่ยจือได้ขับรถและพาโม่ซิ่วไปที่ใจกลางเมืองและในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าโรงแรมระดับไฮเอนด์
โม่ซิ่วไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งหลัก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทีมควบคุมกฎมักจะทำภารกิจล้มเหลว
เพราะสนามกีฬาใต้ดินที่เป็นที่พูดถึงกันนั้นไม่ใช่สนามกีฬาที่อยู่ใต้ดิน แต่มันคือโค้ดลับของคำว่า “กีฬาเถื่อน”
เฮ่ยจือพาโม่ซิ่วไปที่ดาดฟ้า ซึ่งบนชั้นดาดฟ้านั้นใหญ่มากและเขาก็เริ่มได้ยินเสียงที่ดังมากขึ้นเรื่อยๆ
มีทั้งเสียงเชียร์ ดนตรี และเสียงกรีดร้องปะปนกัน
โม่ซิ่วเดินตามเฮ่ยจือไปยังห้องที่อยู่ริมดาดฟ้า
โม่ซิ่วพูดว่า "เฮ่ยจือ นายไม่ได้พาฉันมาดูการแข่งไม่ใช่เหรอ?"
“ก็ใช่ แต่ว่าการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันที่นี่นั้นเข้มงวดมาก ดังนั้นนายจะต้องไปเข้าพบกับคนที่คอยจัดการการแข่งก่อน”
โม่ซิ่วพูดด้วยความหัวเสียทันที “ทําไมฉันจะต้องไปพบกับคนอื่นด้วย? ฉันจะกลับล่ะ!”
เฮ่ยจือดึงโม่ซิ่วเอาไว้และพูดว่า “ใจเย็นๆน่า ไหนๆพวกเราก็อยู่ที่นี่แล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้อง มีโต๊ะตั้งอยู่เพียงโต๊ะเดียว ซึ่งมีคนหนึ่งกำลังนั่งและอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
เฮ่ยจือเดินเข้าไปและพูดด้วยความเคารพว่า “บอสฟาง ผมพาคนที่ดูน่าสนใจมาให้ท่านดูครับ”
บอสฟางนั้นเหลือบไปมองโม่ซิ่วแล้วพูดว่า “เฮยจื่อ นี่นายกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่เหรอ? เจ้านั่นเป็นแค่นักเรียนไม่ใช่รึไงกัน?”
“บอสฟางครับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเรียนจริงๆ แต่เขาไม่ใช่นักเรียนธรรมดา เพราะเขาเป็นนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงสุดของเมืองนี้เลยนะครับ”
“งั้นเรอะ? ถ้าอย่างนั้นนายออกไปก่อน ฉันขอคุยกับเจ้านั่นเป็นการส่วนตัวสักพัก”
เฮ่ยจือจึงเดินออกไปจากห้องโดยปล่อยให้โม่ซิ่วอยู่ในห้องนั้นคนเดียว
โม่ซิ่วถามว่า “นี่ๆ? คุณจะไม่ให้ผมนั่งคุยกับคุณเหรอ?”
บอสฟางยิ้มขอโทษและพูดว่า “ฮ่าๆๆๆ จริงด้วย ขอโทษทีนะเจ้าหนุ่ม เอ้านั่งลงสิ”
จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณไปยังลูกน้องของเขาให้ออกไปจากห้อง
บอสฟางถามว่า “นายชื่ออะไร? แล้วนายเป็นนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงสุดของเมืองนี้จริงเหรอ?”
โม่ซิ่วหันหน้าไปอีกทางโดยที่ไม่มองไปที่บอสฟาง
"ใช่!"
"งั้นเหรอ แล้วทําไมนายถึงได้อยากมาชกมวยเถื่อนนี่ล่ะ?"
โม่ซิ่วเหลือบมองบอสฟางและพูดว่า “เฮอะ! ฉันแค่ต้องการหาเงินเท่านั้นเอง”
บอสฟางถามอีกครั้งว่า “นายเป็นถึงนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงสุดของเมืองนี้ แล้วทําไมนายถึงใช้ความสามารถของนายหาเงินไม่ได้ล่ะ? ทําไมนายถึงต้องมาที่นี่ด้วย?”
โม่ซิ่วพูดด้วยความหงุดหงิด “ทําไมถึงได้พูดอะไรง่ายๆออกมาแบบนั้นได้ล่ะ? ฉันน่ะไปทําให้ใครบางคนโกรธแค้นจนไม่สามารถปรากฏตัวในข่าวได้ และเมื่อฉันไม่มีชื่อเสียง ฉันก็ไม่สามารถหาเงินได้ นอกจากนี้ฉันก็ชอบทำร้ายคนอื่นด้วย ฉันน่ะชอบเอาชนะคนอื่นจนกว่ามันจะสู้กลับไม่ได้”
บอสฟางมองไปที่โมซิ่วราวกับว่าเขาเป็นเด็กเหลือขอคนหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกน้องของบอสฟางก็กลับมาพร้อมกับกองเอกสาร
โม่ซิ่วรู้ได้โดยที่ไม่ต้องดูว่าเอกสารเหล่านั้นมีข้อมูลของเขาอยู่
บอสฟางเปิดดูเอกสารอย่างจริงจังและพยักหน้าเป็นครั้งคราว
จากนั้นโม่ซิ่วจึงพูดว่า “บอสฟาง คุณจะบอกผมว่าได้รึยังว่าผมผ่านรึเปล่า?”
บอสฟางมองไปที่โม่ซิ่วอีกครั้งและพูดว่า “เอาล่ะโม่ซิ่ว นายน่ะชกที่นี่ได้ พรุ่งนี้ให้มาที่นี่อีกครั้งตอนสามทุ่ม แล้วฉันจะจัดเตรียมคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับนายเอาไว้ให้เอง”
โม่ซิ่วยืนขึ้นและเดินออกไป ขณะที่เขาเดินเขาได้พูดว่า “น่าเบื่อจริงๆ ฉันคิดว่าจะได้ต่อยวันนี้แท้ๆ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้!”
หลังจากที่โม่ซิ่วเดินออกไปจากห้อง ลูกน้องคนหนึ่งของบอสฟางจึงถามว่า “บอส ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย เพราะข้อมูลได้บอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าโม่ซิ่วนั้นเป็นคนที่ฝึกหนักและชอบอยู่เงียบๆ แต่ทำไมท่าทีของเขาในตอนนี้กลับไม่เหมือนที่ข้อมูลได้บอกเอาไว้เลย?”
บอสฟางหยิบเอกสารขึ้นมาอีกครั้งและพูดว่า “ถ้าหากว่าเขาเป็นแบบในข้อมูลฉันก็คงจะไม่ให้เขามาชกที่นี่เหมือนกัน”
"ทําไมเหรอครับบอส?"
“บางครั้ง แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็มากพอแล้วที่จะทําให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปได้มาก อย่างเช่นการพยายามอย่างหนักแต่ไม่ได้รับรางวัลตอบแทน หรือเมื่อคนๆหนึ่งคิดว่าในที่สุดก็จะสร้างชื่อให้กับตัวเองได้แต่กลับถูกขัดขวางเอาไว้ ซึ่งโม่ซิ่วนั้นเป็นคนแบบที่สองที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้”
ลูกน้องของเขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
บอสฟางหัวเราะและพูดว่า “ถึงแม้นายจะเก่งทุกอย่าง แต่นายอ่านคนไม่เก่งเลยนะ ในข้อมูลบอกว่าโม่ซิ่วพยายามและฝึกอย่างหนักมาตลอดตั้งแต่เขายังเด็ก ซึ่งผลลัพธ์ของเขาก็โดดเด่นมาโดยตลอด นั่นหมายความว่าเขาพยายามอย่างหนักเพื่อสอบเข้าวิทยาลัยมาโดยตลอด แต่เขากลับไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆหลังจากการสอบไงล่ะ”
“ถ้านายพยายามอย่างหนักมาตลอด 18 ปี แต่กลับไม่ได้อะไรตอบแทนเลย นายจะทํายังไง? นอกจากนี้ คนแบบนี้น่ะยังควบคุมได้ง่ายอีกด้วย”
ลูกน้องคนนั้นจึงเข้าใจทันที เขายกนิ้วโป้งขึ้นและพูดว่า “บอสช่างฉลาดจริงๆ!”
...
โม่ซิ่วยังไม่ได้กลับบ้านหลังจากที่ออกมาจากโรงแรม แต่เขาไปนั่งเล่นที่บาร์ใกล้ๆและอยู่ยาวตลอดทั้งคืน
นั่นเป็นเพราะโม่ซิ่วรู้ว่าเขาจะถูกตรวจสอบอย่างลับๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองตามปกติได้
และเป็นไปไม่ได้ที่บอสฟางจะเป็นผู้บงการ บางที่บอสฟางอาจเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรตามปกติได้
ในเช้าวันรุ่งขึ้น โม่ซิ่วได้พาผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งหน้าหนาเตอะออกมาจากบาร์และเข้าไปในโรงแรม
ซึ่งแน่นอนว่าโม่ซิ่วไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่เขาหลับทันทีที่เข้าไปในห้องและออกมาอีกครั้งในตอนกลางคืน
บอสฟางที่นั่งอยู่ในห้องทํางานของเขาและได้ถามลูกน้องของเขาว่า "วันนี้ทั้งวันโมซิ่วทําอะไรบ้าง?"
ลูกน้องของเขาตอบว่า “เขาดื่มเหล้าที่บาร์เมื่อคืนนี้และพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับไปที่โรงแรมในตอนเช้า ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ได้ออกมาจากห้องเลยครับ”
บอสฟางพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันจะจัดให้โม่ซิ่วต่อสู้กับทุยทู่จีในคืนนี้!”
ลูกน้องของเขาพูดด้วยความประหลาดใจว่า “บอส ทุยทู่จีนั้นชนะติดต่อกันมาสิบครั้งแล้ว โม่ซิ่วควรจะเริ่มต่อสู้กับนักสู้คนอื่นๆก่อนจะไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“เอาน่า นายน่ะรอดูเฉยๆก็พอแล้ว”
…
ตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว ซึ่งโม่ซิ่วกำลังนั่งอยู่ด้านหลังลานประลองเพื่อเตรียมตัวสําหรับการต่อยมวยเถื่อนครั้งแรกของเขา
โม่ซิ่วได้ดูการแข่งขันสองสามรอบจากด้านหลังเวที ซึ่งภาพที่ได้เห็นนั้นโหดร้ายมาก ตราบใดที่ทั้งสองคนอยู่บนขึ้นเวที พวกเขาจะเลือกใช้วิธีอะไรเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามก็ได้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะหมดสติไปแล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่หยุดและทำร้ายคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆเหล่าผู้ชมก็จะยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับนิสัยของโม่ซิ่วอย่างมาก นอกจากนี้เขายังไม่เข้าใจว่าทําไมถึงได้มีสถานที่ที่จัดงานแบบนี้อยู่?
แต่หลังจากที่คิดแล้วมันก็สมเหตุสมผล เพราะนักศิลปะการต่อสู้ที่นี่โดยทั่วไปนั้นอ่อนแอมาก เมื่อเขาเทียบกับคนอื่นๆที่เคยได้เจอมา พวกเขาเทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้กติกาแข่งขันที่โหดเหี้ยมเพื่อดึงดูดผู้ชมและดึงดูดความสนใจเท่านั้น จากนั้นพวกเขาจึงเริ่มดึงเอาการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง
บอสฟางตบไหล่โม่ซิ่วและพูดว่า “เอ้าๆอย่าพึ่งหลับ ได้เวลาของนายแล้วนะ”
โม่ซิ่วเดินตามหลังบอสฟางไปและกําลังจะเข้าไปในเวที
เสียงเชียร์ที่เร่าร้อนของคนดูนั้นดังก้องไปทั่วพื้นที่
“ทุกท่าน! การแข่งขันรอบสุดท้ายกําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งผมก็รู้ว่าทุกคนต่างก็น่าจะรอชมอยู่”
“คนแรกคือคนที่ชนะติดต่อกันสิบครั้ง... ทุยทู่จี!!!”
ชายร่างสูงประมาณสองเมตรเดินเข้ามาในเวที ซึ่งร่างที่สูงตระหง่านนั้นทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงได้ง่ายๆ
เสียงของเหล่าผู้ชมจึงดังขึ้นทันที
“คนต่อไปคือนักสู้หน้าใหม่ของพวกเรา นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุด... โม่ซิ่ว!”
เมื่อเหล่าผู้ชมได้ยินแบบนี้ พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันว่านักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดจะมาที่นี่เพื่อชกมวยเถื่อนจริงๆเหรอ?
และเมื่อพวกเขาได้เห็นโม่ซิ่วปรากฏตัวขึ้น โม่ซิ่วจึงถูกโห่ใส่ทันที
พวกเขาเชื่อว่าทุยทู่จีสามารถฆ่าโม่ซิ่วได้เพียงแค่หมัดเดียว
เมื่อเผชิญกับเสียงโห่จากเหล่าผู้ชม โม่ซิ่วจึงยิ้มอย่างชั่วร้ายและยกมือขึ้นเหนือหัวขณะที่เขายกนิ้วกลางให้เหล่าผู้ชมด้วยความรังเกียจ
ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนต่างเดือดมากยิ่งขึ้นไปอีก