ตอนที่แล้วบทที่ 24: ให้ฉันจัดการเอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 26 : สนามกีฬาใต้ดิน

บทที่ 25: ความโกรธของนายหายไปหมดแล้วรึยัง?


บทที่ 25: ความโกรธของนายหายไปหมดแล้วรึยัง?

"โม่…ซิ่ว..."

ตู้มม! ตู้มม! ตู้มม!

"ฉัน..."

ตู้มม! ตู้มม! ตู้มม!

"ยอมแพ้... ยอมแพ้..."

ตู้มม! ตู้มม! ตู้มม!

หวังซวนหูนั้นต้องการที่จะพูดยอมแพ้ แต่ในตอนนี้แววตาของโม่ซิ่วได้เปลี่ยนเป็นสีแดงจากความโกรธและเขาก็คิดให้หวังซวนหูได้พูดโต้ได้เลย

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้อีกต่อไป แต่มันเป็นการโจมตีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

สุดท้าย หมัดของโม่ซิ่วก็หยุดลงเพราะหวังซวนหูนั้นหมดสติไป

หลังจากนั้นโม่ซิ่วได้เหยียบมือของหวังซวนหูอย่างแรง

"อ๊ากกกก!!!"

หวังซวนหูตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดและมองไปที่โม่ซิ่วด้วยความหวาดกลัว

“โม่ซิ่ว..ฉันผิดไปแล้ว…ได้โปรดหยุดเถอะ…นายไม่ใช่ขยะ…ฉันต่างหากที่เป็นขยะ…ฉันยอมแล้ว..ฉันขอโทษ!!”

โม่ซิ่วนั่งยองๆและกระซิบเข้าหูของหวังซวนหูว่า "อย่าให้มีอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด เข้าใจไหม?"

หวังซวนหูจึงตอบทันทีว่า “รู้แล้ว..ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่ทำแบบ... อ๊ากกกกก!”

โม่ซิ่วต่อยหวังซวนหูอีกครั้งและทําให้แขนขวาของหวังซวนหูหักทันที

หวังซวนหูไม่สามารถตอบโต้อะไรได้อีกต่อไปและหมดสติไปทันที

ในขณะเดียวกัน ความโกลาหลก็เกิดขึ้นในกลุ่มคนดูทันทีที่ได้เห็นโม่ซิ่วที่ดูค่อนข้างเป็นมิตรคนนั้นเอาชนะหวังซวนหูด้วยความโหดเหี้ยม

จากนั้น โม่ซิ่วจึงยืนขึ้นและเดินไปหาเจี้งอี้และพูดว่า "เป็นไงบ้าง ความโกรธของนายหายไปหมดแล้วรึยัง?"

เจิ้งอี้มองไปที่โม่ซิ่วเงียบๆ

โม่ซิ่วจึงหันกลับไปและกําลังจะกลับไปชกหวังซวนหูอีกสองสามครั้ง แต่เจี้งอี้ได้คว้าแขนของโม่ซิ่วเอาไว้

“พอได้แล้วโม่ซิ่ว! ถ้านายยังชกมันอีกมันต้องตายแน่!”

โม่ซิ่วจึงหันกลับมาและถามคำถามเดิมกับเจี้งอี้อีกครั้ง

"ความโกรธของนายหายไปหมดแล้วรึยังเจิ้งอี้?"

เจี้งอี้กลับมาตั้งสติและตอบว่า “ก็นะ เดิมทีฉันแค่อยากจะทําให้มันอับอายเท่านั้น แต่ช่างมันเถอะ เพราะฉันเองก็ไม่อยากลดระดับตัวเองไปอยู่ระดับเดียวกันพวกมดปลวกอยู่แล้ว”

แม้ว่าเจิ้งอี้จะไม่ได้พูดออกมาดังๆแต่เขากลับรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก

ครั้งแรกที่หวังซวนหูท้าดวลโม่ซิ่ว โม่ซิ่วได้มอบบทเรียนให้เขาไปแล้ว

แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าโม่ซิ่วนั้นโกรธจัด ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่หมัดแรกจนหมัดสุดท้ายที่โม่ซิ่วชกใส่หวังซวนหู

เจิ้งอี้รู้ดีว่าโมซิวทําทั้งหมดนี้ก็เพื่อเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก

หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงมองหน้ากันอยู่นานก่อนที่จะหัวเราะออกมาดังๆ

"ฮ่าๆๆๆๆๆ นายนี่นะ”

ทั้งสองคนหัวเราะและจากไป เหลือเพียงแค่เหล่าผู้ชมที่ต่างยืนอึ้งหลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“อะไรกัน? ทำไมโม่ซิ่วที่โหดเหี้ยมคนนั้นถึงได้หัวเราและจากไปแบบนั้นล่ะ?”

ส่วนที่เจิ้งอี้หัวเราะออกมานั้นเป้นเพราะเขาได้สะสางความคับแค้นใจของเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้

ในขณะเดียวกัน โม่ซิ่วเองก็หัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ เพราะในช่วงสามปีของโรงเรียนมัธยมปลาย นอกจากเขาจะแข็งแกร่งแล้วเขายังเป็นเพื่อนที่ดีของเจิ้งอี้อีกด้วย

ทั้งสองคนนั้นไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆและเดินจากไปทั้งอย่างนั้นทันที

หลังจากนั้นพวกเขาก็เดิมมาถึงร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่งและเริ่มพูดคุยกันราวกับว่าพวกเขาไม่ได้เจอกันมานานมาก

“โม่ซิ่ว นายไปอยู่ที่ไหนมาน่ะ? นายคงไม่ได้เป็นไปนักเรียนแลกเปลี่ยนแน่ๆสินะ? หรือว่านายหนีไปฝึกพิเศษที่ไหนสักแห่งมางั้นเหรอ? นอกจากนี้นายยังทำคะแนนสอบได้เต็มอีกด้วย”

โม่ซิ่วจึงตอบว่า “โทษนะแต่ฉันบอกไม่ได้จริงๆว่าไปที่ไหนมา เพราะฉันสัญญากับคนอื่นเอาไว้ว่าจะเก็บมันไว้เป็นความลับ นอกจากนี้ อาจเป็นเพราะหนึ่งในรูปแบบการฝึกพิเศษ ฉันจึงพัฒนาขึ้นมากเลยล่ะ”

เจิ้งอี้ส่ายหัวและพูดว่า “งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก เอ้อจริงสิ จริงๆฉันกะว่าจะถามนายหลังจากที่จัดการกับเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว รวมทั้งข่าวลือแปลกๆนั่นด้วย”

"อ้อ นั่นน่ะมู่ชิงอี้น่ะบอกฉันหมดทุกอย่างแล้วล่ะ"

เมื่อเจี้งอี้ได้ยินโม่ซิ่วพูดถึงมู่ชิงอี้ การแสดงออกของเขาจึงเริ่มแปลกไป

“จะว่าไปพวกนายก็หายไปพร้อมกันด้วยนี่ หรือว่านาย…? เพื่อนฉันนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ฮี่ๆๆ”

โม่ซิ่วจึงตอบกลับทันทีว่า “อย่าพูดบ้าๆน่า! ระหว่างฉันกับชิงอี้น่ะไม่มีอะไรหรอก”

“ฮ่าๆๆๆ นี่นายเรียกเธอว่าชิงอี้ด้วยงั้นเรอะ? แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรน่ะ? นายคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอโม่ซิ่วเอ๋ย”

"นายนี่มัน..."

โม่ซิ่วจึงตัดสินใจที่จะไม่อธิบายอะไร

จากนั้นจู่ๆเจิ้งอี้ก็กลับเข้าสู่โหมดจริงจัง “จะว่าไปพอพูดถึงผู้หญิง ฉันก็นึกถึงคนนึงขึ้นมาได้”

"ใครอีกล่ะ?"

“เย่เฉียนไงล่ะ ตอนที่เธอได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนาย เธอน่ะรีบมาหาฉันเลย ฉันเลยบอกเธอไปว่านายน่ะปลอดภัยดี หลังจากนั้นเธอก็กลับไปและหยุดข่าวลือแปลกๆนั่น หลังจากนั้นเธอก็โดนเกลียดไปเลยล่ะ”

โม่ซิ่วหันกลับมาและพูดว่า “งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องไปขอบคุณเธอสักหน่อยแล้วล่ะ”

เจี้งอี้พูดเสริมว่า “นอกจากนี้ยังมีลิ่วชิงหยูอีกคน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาฉันอาจจะพิการไปแล้วก็ได้...”

ในขณะที่ทั้งสองกําลังกินข้าวและพูดคุยกัน เรื่องของโม่ซิ่วที่อัดหวังซวนหูก็แพร่กระจายออกไป

เรื่องของโม่ซิ่วนั้นปรากฏบนเว็บไซต์ต่างๆซึ่งบางคนได้บอกว่าเรื่องนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าผลการสอบของโม่ซิ่วนั้นเป็นของจริง ในขณะเดียวกันคนอื่นๆก็บอกว่าโม่ซิ่วไม่ได้เป็นเพียงคนที่หยาบคายเท่านั้น แต่ยังทำร้ายตีเพื่อนร่วมชั้นของเขาด้วย

แต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไร ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งวัน ข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับโม่ซิ่วก็ถูกทำให้หายไปทันที

แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัด แต่หน้าเว็บไซต์ต่างๆกลับไม่มีเรื่องของโม่ซิ่วปรากฎขึ้นอีกต่อไป…

ณ สํานักงานใหญ่ขององกรณ์เงาในเมืองชุน...

คนสองคนกําลังพูดคุยกันอย่างจริงจังในสํานักงาน

“หวังหยู มันไม่ดีเลยนะที่บล็อกข่าวของโม่ซิ่วน่ะ เขาอุส่าอดทนต่อความยากลําบากมาตั้งหลายปีและจนสร้างชื่อให้กับตัวเองได้แท้ๆนะ”

หวังหยูปรับแว่นตาของเขาและพูดว่า "พี่ นี่พี่ลืมสิ่งที่อาจารย์ถังบอกพี่ไปรึเปล่าน่ะ?"

หวังเล่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "เขาบอกให้พวกเราเก็บความลับของโม่ซิ่วเอาไว้"

“ใช่ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ควรทำให้เรื่องของโม่ซิ่วนั้นแพร่กระจายออกไปจากเมืองชุนเด็ดขาด ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเราคงไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้เป็นแน่”

"แต่ว่า..."

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น พี่เองก็รู้นิสัยของเขาดีไม่ใช่เหรอ? คนอย่างเขาจะสนใจชื่อเสียงเล็กน้อยแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

หวังเล่ยถอนหายใจและพูดว่า “นั่นก็จริง แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีชีวิตที่ยากลําบากและควรจะได้รับสิ่งที่เขาสมควรได้รับบ้างก็เท่านั้นเอง”

...

ตกดึก โม่ซิ่วได้เลื่อนดูหน้าซอฟต์แวร์ขององกรณ์เงาอยู่ในห้องของเขา

เขาต้องการดูว่ามีภารกิจใดบ้างที่เขาทำได้ เพราะโม่ซิ่วไม่อยากเสียวันหยุดนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์

เขามีวันหยุดเพียงแค่ 15 วันหลังจากสอบ ดังนั้นโม่ซิ่วจึงต้องการใช้เวลานี้เพื่อสะสมแต้ม

เพล้งง!

หน้าต่างกระจกที่เพิ่งเปลี่ยนนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โม่ซิ่วจึงเดินไปดูทันทีว่าใครเป็นคนที่ทำกระจกแตก

แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ถูกโยนเข้ามาจากภายนอก โม่ซิ่วจึงไม่สนใจหน้าต่างที่แตกอีกต่อไปก็

สิ่งที่ถูกโยนเข้ามาจากภายนอกนั้นเป็นเหรียญสีดํามันวาว ซึ่งเป็นเหรียญขององกรณ์เงา!

โม่ซิ่วหยิบมันขึ้นมา จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีชื่อและหมายเลขสลักอยู่ด้านหลังจริงๆ

"โม่ซิ่ว หมายเลข 13267"

ตอนนี้เขามีเหรียญประจำตัวแล้ว ดังนั้นมันจะง่ายขึ้นมากเวลาที่เขารับภารกิจ

หวังหยูได้บอกเอาไว้ว่าเหรียญนี้เป็นสัญลักษณ์เดียวขององกรณ์เงา ดังนั้นการมีเหรียญจะทำให้ทำภารกิจต่างๆได้ง่ายขึ้น

โม่ซิ่วจึงมองหาไม้กระดานสองสามแผ่นเพื่อเอาไปปิดแทนหน้าต่างที่แตกไป

ขณะที่เขาทํา เขาได้พึมพําว่า “ทำไมองกรณ์เงาต้องทำแบบนี้ด้วย? ทําไมพวกเขาถึงไม่เอาให้ดีๆหรือไม่ก็เคาะหน้าต่างสักหน่อยก็ได้…”

หลังจากนั้นโม่ซิ่วจึงนอนลงบนเตียงและอ่านภารกิจ

หลังจากที่หาอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พบกับภารกิจที่เหมาะสมกับเขา ซึ่งสถานที่ตั้งนั้นอยู่ในเมืองชุนและมีรางวัลที่ดีด้วย

"ภารกิจสืบสวน : สนามกีฬาใต้ดิน"

"ระดับความยาก : C"

“รายละเอียดภารกิจ : เมื่อเร็วๆนี้ สนามกีฬาใต้ดินได้ปรากฏขึ้นในเมืองชุน พวกเขาได้ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายในการจัดตั้งบ่อนการพนันและได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมาก เป้าหมายของภารกิจคือสืบหาว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”

"รางวัล : 2,000 คะแนน และเงิน 800,000 เรียว"

โม่ซิ่วจึงส่งข้อความหาอีกสามคนทันที

"พวกเราไปทําภารกิจกันไหม?"

หลิวซี่หยางตอบว่า "ได้เลยหัวหน้า!"

เย่หยวนตอบว่า "เอาสิ!"

หลังจากที่เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง...

มู่ชิงอี้ตอบว่า "ได้.."

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด