บทที่ 23 หนีหลบพันลี้
เฉินกงหมินและเวยเหยียนจื้อกำลังปรึกษากันว่าจะช่วยรักษาสหายหญิงนักพรตผู้นี้อย่างไร
ส่วนหลี่ผิงอันถือแผนที่อยู่ ความคิดไหลวนไม่หยุด
คำพูดสองประโยคของหญิงนักพรตบาดเจ็บสาหัสนี้ ถูกหลี่ผิงอันเข้าใจดังนี้
'ข้าตั้งใจจะใช้ป้ายคำสั่งกลับสำนักกลับไป แต่ถูกอาคมขวางกั้น จึงถูกย้ายมาที่นี่'
'พวกเจ้าอย่ายุ่งกับข้า รีบไปเร็วๆ เถอะ'
ท่านอาจารย์ชิงซู่ไม่มีความรู้สึกยินดีที่ได้รับการช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังบอกให้พวกเขารีบไปอีก?
ไม่ดีแล้ว!
หลี่ผิงอันเงยหน้าขึ้นทันใด ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยสีหน้าจริงจัง แทบจะร้องบอกออกมา "รีบไปกันเถอะ!"
พรตทั้งสองข้างๆ ขมวดคิ้วมองเขา
หลี่ผิงอันตั้งสติพูดว่า "อาจจะมีคนมีฝีมือจำนวนมากไล่ล่านางอยู่ แถมยังปิดเส้นทางกลับเขาของนางไว้ด้วย! รีบลบร่องรอยที่นี่แล้วไปกันเถอะ ช้าไปจะหนีไม่ทันแล้ว!"
พรตเฉินถาม "นี่มัน? ผิงอัน ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนี้ขึ้นมากะทันหันล่ะ..."
"ท่านทั้งสองจะยอมเชื่อข้าไหม?"
เวยเหยียนจื้อรีบพยักหน้าตอบทันที "เชื่อ!"
"ผู้จัดการใช้ไฟแท้จัดการเผาศาลาเต๋านี่ทิ้งไปเลย!"
"เผา เผาที่นี่เหรอ?" เฉินกงหมินอ้าปากค้าง "นี่ยังไม่มีศัตรูมาหาเรื่องเลยนะ ข้ายังไม่ได้ตัดสัมพันธ์ทางโลกเสียหน่อย!"
"พอศัตรูมาถึงแล้ว พวกเราก็หนีไม่รอดแล้ว"
หลี่ผิงอันหยิบถุงอุปกรณ์วิเศษที่มีแสงนวลอ่อนโยนงดงามออกมาจากแขนเสื้อ พูดเสียงเร่งร้อน
"ผู้จัดการ ของชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์วิเศษที่ข้าเตรียมไว้สำหรับจับสัตว์เลี้ยงวิเศษ เก็บสิ่งมีชีวิตได้ ชั่วคราวเก็บท่านอาจารย์ชิงซู่เข้าไว้ในนี้ก่อน!
พวกเราต้องหาทางติดต่อกลับสำนัก แต่ตอนนี้ป้ายหยกสื่อสารใช้ไม่ได้ สิ่งนี้ถูกดักจับได้ง่ายมากโดยผู้ที่มีใจมุ่งร้าย
ผู้มีวิชาสูงในสำนักก็คงกำลังตามหาท่านอาจารย์ชิงซู่อยู่ พวกเราแค่ต้องนำนางผ่านพ้นช่วงวิกฤติครั้งนี้ไป เจอกับคนของสำนักก็พอแล้ว!"
เวยเหยียนจื้อดูเหมือนจะใจลอยไปบ้าง พึมพำ "ทำไมถึงเป็นเป้าสังหารของศัตรูได้ล่ะ? แม้แต่ผู้ฝึกเซียนแห่งสำนักว่านหยุนจงของข้าก็ยังมีคนไล่ฆ่าได้อีกเหรอ?"
หลี่ผิงอัน: ... แล้วบาดแผลบนตัวนางมาจากไหนล่ะ!
"หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับโบราณสถานในทะเลตะวันออก"
หลี่ผิงอันอธิบายเพิ่มอีกสองสามคำ
"ข้าสังเกตบาดแผลบนร่างท่านอาจารย์อย่างละเอียดแล้ว น่าจะได้รับการโจมตีจากคนหลายคนในระยะเวลาอันสั้น มีบาดแผลหลายแห่งที่ทับซ้อนกัน พลังเต๋าที่หลงเหลือฟุ้งกระจายไปทุกทิศทาง
ไม่แน่ ท่านอาจารย์ผู้นี้อาจจะได้สมบัติวิเศษบางอย่างมา จึงกลายเป็นเป้าโจมตีของฝูงชน ขณะถูกโจมตีก็ฝืนใช้ป้ายคำสั่งกลับสำนักหนีรอดมาได้"
เวยเหยียนจื้อสูดลมหายใจเย็นเฉียบ "ใช่! ในร่างนางมีพลังลมปราณประหลาดที่บรรยายยาก กำลังรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณเชื่อมโยงของนาง!"
เวยเหยียนจื้อกลับสู่สติแล้ว
หากเป็นดังที่หลี่ผิงอันว่าจริง ต่อจากนี้จะต้องมีฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งไม่รู้จบจากทะเลตะวันออกมาถล่ม
หลี่ผิงอันก้มตัวลงไปใกล้นักพรตหญิง กระซิบว่า "ท่านอาจารย์ ท่านถูกอาคมประทับรอยติดตามตัว หรือหนอนคุมร่างที่สามารถติดตามท่านได้หรือเปล่า?"
นักพรตหญิงเผยอปากน้อยๆ เปล่งคำว่า 'ไม่มี' ออกมาได้อย่างลำบาก และยังพูดคำว่า 'ไป' อย่างยากลำบากอีก
นางเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่มีความเข้มแข็งในใจ
เวยเหยียนจื้อไม่กล้ารีรอ รับถุง 'เก็บสัตว์วิเศษ' มาจากหลี่ผิงอัน บอกประโยคหนึ่งว่าขอโทษแล้วใช้พลังเซียนห่อหุ้มร่างกายนางไว้ ก่อนจะใส่นางเข้าไปในถุงเก็บสัตว์วิเศษ
อีกครู่หนึ่งต่อมา
เปลวไฟสีส้มพวยพุ่งขึ้นจากศาลาเต๋าอย่างรุนแรง แต่แสงไฟถูกอาคมรอบข้างกั้นเอาไว้ทั้งหมด
เวยเหยียนจื้อใช้วิชาแปรเป็นแสงรุ้ง มือซ้ายจูงหลี่ผิงอัน มือขวาจับเฉินกงหมิน แล้ววิ่งไปทางตะวันตกเฉียงใต้สุดกำลัง
ตามคำแนะนำของหลี่ผิงอัน พวกเขาไปพบศาลเก่าร้างแห่งหนึ่งใกล้เมืองใหญ่ เวยเหยียนจื้อใช้พลังเซียนเจาะอุโมงค์ใต้ดินง่ายๆ แล้วใช้พลังอัดแน่นทางโลกเป็นเกราะป้องกัน
ทั้งสามคนปรึกษากันสองสามประโยค ตกลงว่าจะไม่ส่งป้ายหยกใดๆ ออกไปด้านนอก จากนี้จะให้พรตเฉินไปทางเหนือ หาทางกลับสำนักหรือติดต่อประสานงานกับผู้มีวิชาสูงในสำนัก แล้วค่อยกลับมารับอีกครั้ง
เรื่องการไปส่งข่าว แท้จริงแล้วหลี่ผิงอันตั้งใจจะไปเอง แต่ถูกเวยเหยียนจื้อและเฉินกงหมินร่วมกันห้ามไว้
เวยเหยียนจื้อพูดอย่างจริงจัง "ผิงอัน เจ้าเพิ่งแค่ขั้นควบแน่งปราณเท่านั้น ความเร็วในการบินต่ำเกินไป ต่อให้บินตรงไปก็ต้องใช้เวลาสิบวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าระหว่างทางยังต้องระมัดระวังศัตรูรอบด้านอีก เจ้าอยู่ข้างๆ ข้าเถอะ อย่าไปไหนทั้งนั้น"
เฉินกงหมินก็เอ่ย "แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้ฝึกเซียน แต่ก็ฝึกวิชาสุญญตาขั้นเจ็ดได้แล้ว ไม่ขาดทักษะการปรับตัว"
หลี่ผิงอันไม่ได้ยืนกรานต่อ หยิบแผนที่ออกมาวางแผนเส้นทางที่ค่อนข้างปลอดภัยสองเส้นให้เฉินกงหมิน เฉินกงหมินจดจำไว้แล้วรีบจากไป
หลังจากที่พรตเฉินจากไปได้แค่ชั่วครู่ เวยเหยียนจื้อยังฟื้นฟูพลังเซียนที่สูญเสียไปไม่ทัน
หลี่ผิงอันกอดอุปกรณ์วิเศษทรงกลมหนึ่งลูกไว้ พลางพึมพำอีกสองสามคำ
"ข้าคิดไปคิดมาก็ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ผู้จัดการ พวกเราย้ายไปทางตะวันออกเฉียงใต้ใต้ดินอีกหกร้อยลี้ดีไหม ไปใกล้ๆ เมืองใหญ่ถัดไปนั่นแหละ"
เวยเหยียนจื้อขมวดคิ้ว "ผิงอัน ข้ารู้ว่าเจ้ามีนิสัยระมัดระวัง แต่เจ้าเป็นแบบนี้... หรือว่าไม่ไว้ใจเฉินกงหมินเหรอ?"
"ข้าสนิทสหายกับพรตเฉินมาหลายปีแล้ว จะไม่ไว้ใจเขาได้อย่างไร"
หลี่ผิงอันเอ่ย
"ความสามารถของเทียนเซียน สามารถย้ายภูเขาถมทะเลได้ หากศัตรูจับพรตเฉินไป กลัวว่าจะสามารถมองทะลุหัวใจของพรตเฉินได้อย่างง่ายดาย
ท่านผู้จัดการเพิ่งหยวนเซียนได้ไม่ถึงสองปี ข้าก็มีวิชาต่ำต้อยยังสร้างฐานไม่เสร็จ หากต้องเผชิญหน้ากับศัตรูระดับเจินเซียนขึ้นไป ก็มีแต่ตายเป็นเก้าเก้าส่วนร้อยแน่!
ชีวิตสำคัญกว่า ตอนนี้ต่อให้พวกเราระมัดระวังแค่ไหนก็ไม่มากไปหรอก!"
เวยเหยียนจื้อถอนหายใจยิ้มๆ "ข้าถูกเจ้าหลอกให้ขึ้นเรือโจรจริงๆ เอาเถอะๆ ข้าจะฟังเจ้า"
ทันใดนั้น เวยเหยียนจื้อก็วุ่นวายไปอีกรอบ พาหลี่ผิงอันและหญิงนักพรตที่ถูกใส่เข้าไปในถุงเก็บสัตว์เลี้ยงวิเศษหนีลงใต้ดิน
เวยเหยียนจื้อเดิมทีก็เป็นคนที่มีบุคลิกเซียนอยู่บ้าง ตามสัญชาตญาณอยากจะกระโดดขึ้นฟ้า ขี่เมฆบินจากไป
แต่ภายใต้คำแนะนำอย่างไม่ย่อท้อของหลี่ผิงอัน พรตหยวนเซียนผู้นี้ก็ค่อยๆ คุ้นเคยกับการเดินทางใต้ดิน และถ้าเจอแม่น้ำใต้ดิน ก็จะใช้พลังเซียนร่ายวิชาควบคุมน้ำเป็นเกราะป้องกัน แบบนี้แทบจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย
เมื่อพวกเขาหาที่ซ่อนตัวใหม่ใต้ดินได้แล้ว เวยเหยียนจื้อก็เปิดสร้างสองถ้ำหลบง่ายๆ ตามคำบอกของหลี่ผิงอัน
ถ้ำหลบแรกอยู่ลึกสามร้อยจั้งจากพื้นดิน โดยเฉพาะวางขวดหยกสองใบที่เคยใส่ยาลูกกลอนศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ และผ้าชิ้นหนึ่งที่เปื้อนเลือดของนักพรตหญิง
นี่เป็นการล่อให้เห็นได้ชัดเจน
ส่วนถ้ำหลบที่สองก็อยู่ลึกถึงพันจั้งจากพื้นดิน ซ่อนอยู่ในซอกหินตามเส้นชะตาใต้ดิน ซึ่งเวยเหยียนจื้อก็วางอาคมกั้นด้วยพลังเซียนอย่างระมัดระวัง
นี่คือที่ที่พวกเขาซ่อนตัวจริงๆ
พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เวยเหยียนจื้อนั่งบนเก้าอี้พับตัวเล็กที่หลี่ผิงอันหยิบออกมา เต๋าในใจก็เกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด...
เวยเหยียนจื้อถามอย่างสงสัย "ผิงอัน เจ้าเคยถูกไล่ล่าบ่อยๆ หรือ?"
หนี!
หลี่ผิงอันหัวเราะแห้งๆ "แค่รักษาชีวิตเอง ของที่เตรียมมาก่อนออกเดินทางก็ใช้ได้หมดแล้ว"
"เจ้าหนีตายได้คล่องแคล่วเชี่ยวชาญจริงๆ!"
เวยเหยียนจื้อหัวเราะเบาๆ แล้วก็นึกอะไรได้ จึงหยิบถุงเก็บสัตว์วิเศษใบนั้นออกมาจากแขนเสื้อ พึมพำคำว่า "ขอโทษ" ก่อนจะวางหญิงนักพรตที่บาดเจ็บหนักลงบนพรมที่หลี่ผิงอันปูเตรียมไว้แล้ว
บาดแผลบนร่างเซียนของนางหายดีขึ้นมาก
ถึงแม้จะยังเต็มไปด้วยคราบเลือดทั่วตัว แต่แผลเหวอะหวะก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ก็เริ่มสมานแล้ว
หลี่ผิงอันสังเกตความสามารถการรักษาบาดแผลได้ของร่างเทียนเซียนด้วยความสนอกสนใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
"ผิงอัน เจ้าเป็นรุ่นเยาว์นะ!"
เวยเหยียนจื้อขมวดคิ้ว
"อย่ามองท่านอาจารย์ในสำนักแบบนี้สิ มันไม่สุภาพหน่อย"
หลี่ผิงอันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่คือหญิงนักพรต รีบพนมมือแสดงคารวะ
"เอ๊ะ?"
เวยเหยียนจื้อขมวดคิ้วหยิบแผ่นหยกบางๆ ออกมาจากแขนเสื้อ แผ่นหยกนี้สั่นสะเทือนเบาๆ ก่อนแตกละเอียด
สีหน้าของพรตหยวนเซียนผู้นี้กลายเป็นหน้านิ่งในพริบตา ใบหน้าซีดขาวไปหน่อย
"อาคมของศาลาเต๋านั้นถูกทำลายแล้ว... มีผู้ฝึกเซียนตรงนั้นหลายคน... มีอย่างน้อยสามสี่เทียนเซียน!"
เวยเหยียนจื้อกลืนน้ำลาย หันมามองหลี่ผิงอัน กล่าวเสียงหนักแน่น
"ผิ ผิงอัน เจ้ารีบไปเถอะ! ต่อไปนี้พวกมันต้องออกตามหาพวกเราแน่! ที่นี่ซ่อนตัวไม่ได้นานหรอก!"
หลี่ผิงอันกลับมีสีหน้าค่อนข้างสงบนิ่ง ยิ้มถามว่า "ทำไมผู้จัดการไม่ทิ้งท่านอาจารย์ผู้นี้ไว้ แล้วหนีไปกับข้าล่ะ?"
"ทอดทิ้งสหาย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ!"
เวยเหยียนจื้อถอนหายใจ
"ถึงแม้ข้าไม่มีอิทธิพลอะไรในสำนัก และไม่รู้จักกับชิงซู่เจินเซียนแห่งยอดเขาสายหมอกผู้นี้ แต่การทอดทิ้งสหายแบบนี้ ข้าไม่มีทางทำได้เด็ดขาด!"
หลี่ผิงอันถามต่อ "แล้วทำไมผู้จัดการถึงแนะนำให้ข้าหนีล่ะ?"
เวยเหยียนจื้อชะงักไปครู่
หลี่ผิงอันพูดอย่างจริงจัง "ผู้จัดการลองคิดกลับกันดูสิ กลุ่มผู้ฝึกเซียนนี้บุกเข้ามาในอาณาจักรเต๋าหลินเจิ้งแล้ว ญาณทัศนะของพวกเขาสำรวจได้รัศมีพันลี้ ตอนนี้คงกำลังสืบหาศิษย์สำนักที่ประจำการที่นี่เพื่อสอบถามอยู่ทั่วทุกหนแล้ว ข้าจะหนีไปได้อย่างไร? หากข้าหนีไปตอนนี้ ข้ากับพ่อจะมีหน้ามายืนอยู่ในสำนักได้อย่างไร?"
"ซี่ด..."
เวยเหยียนจื้อสูดหายใจเย็น
"ก็มีเหตุผลนี้จริงๆ ด้วย"
หลี่ผิงอันยิ้มพูด "ผู้จัดการลืมไปแล้วหรือ ข้ายังมีของนี่อยู่นะ"
เขาหยิบป้ายคำสั่งกลับสำนักว่านหยุนจงอันนั้นออกมา
"หากข้าอยากไป ก็สามารถกลับเขาไปได้โดยตรงด้วยของชิ้นนี้ แถมไม่โดนอาคมขวางทางด้วย
"ข้าคิดไตร่ตรองโดยละเอียดแล้ว ตอนที่ท่านอาจารย์ชิงซู่ใช้ป้ายคำสั่งกลับสำนัก น่าจะอยู่ในโบราณสถาน จึงถูกอาคมขัดขวางไว้
"แต่ตอนนี้ข้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว"
"จริงด้วย เกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าก็มีของชิ้นนี้อยู่ ข้าก็วางใจได้แล้ว"
เวยเหยียนจื้อเพิ่งจะโล่งอก ยิ้มกว้าง
"เจ้ายังอายุน้อย ชีวิตดีๆ ยังไม่ทันได้ใช้เลย ส่วนข้าสามารถเป็นหยวนเซียนได้แล้วก็พอใจไม่เสียดายอะไรอีก
"งั้นต่อไปนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?"
หลี่ผิงอันเอ่ยเสียงหนักแน่น "พลังเซียนของผู้จัดการก็คือที่พึ่งของพวกเรา นอกจากนี้ข้ายังมีวิธีที่จะทำให้เราได้รับกำลังใจอีกส่วนหนึ่ง"
"อะไร?"
หลี่ผิงอันหยิบแหวนหยกที่พ่อให้เขาตั้งแต่แรก เอากล่องผ้าไหมข้างในออกมา เผยให้เห็นยาลูกกลอนที่ท่านอาจารย์จินเซียนมอบให้
ไอร้อนหอมฉุนของยาลูกกลอนปะปนกับพลังเต๋าลึกลับไหลเวียนไปมาในอุโมงค์แคบๆ แห่งนี้
ดวงตาของเวยเหยียนจื้อเบิกกว้างเล็กน้อย
ยาวิเศษจินเซียน!
ยาลูกกลอนวิเศษป้องกันชีวิตที่จินเซียนปรุง!
เพียงแค่สัมผัสได้ถึงพลังเต๋าของยาลูกกลอนนี้ เวยเหยียนจื้อก็รู้ทันทีว่ายานี้มีค่าเพียงใด
"ผิงอัน นี่เป็นยาวิเศษจินเซียนนะ..."
"ตัวข้ามียาอมตะที่ทำให้ผู้ฝึกปราณช่วงสร้างฐานรอดชีวิตได้อยู่หลายชนิด"
หลี่ผิงอันย่อตัวลงข้างๆ หญิงนักพรต ถอนหายใจเบาๆ
"ยาลูกกลอนเช่นนี้ ข้าต้องให้คนระดับเจินเซียนมาใช้ถึงจะไม่เสียของ
"ข้าตัดสินใจแล้ว ผู้จัดการไม่ต้องพูดอะไรอีก ถ้าท่านอาจารย์ใหญ่อยู่ที่นี่ ท่านก็คงไม่ขัดขวางแน่"
พูดจบ เขาก็ยื่นยาลูกกลอนนี้ไปที่ปากของนักพรตหญิง กดเบาๆ
แสงเซียนอ่อนๆ ส่องสว่างขึ้นในถ้ำ
...
ดังๆ ดังๆ
เสียงระฆังที่ดังขึ้นทันใดบนยอดเขาหลักสำนักว่านหยุนจง ทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ตื่นตระหนก
ฝูงนกกระเรียนเซียนบินวนอยู่บนท้องฟ้าเหนือป่าบนเขา เงาร่างนับสิบพุ่งออกมาจากที่พำนักของแต่ละคน มุ่งหน้าไปยังยอดเขาหลัก
บนยอดเขาสายหมอก
"หนิงหนิง!"
เจินเซียนชิงสวี่เปลี่ยนเป็นชุดเสื้อคลุมสีเทา ถือพัดอุปกรณ์วิเศษฟ้าคว่ำแผ่นดินหงายที่เคี่ยวกรำมาหลายปี สีหน้าเคร่งขรึมเอ่ยว่า
"ไม่กี่วันก่อน ทางทะเลตะวันออกมีโบราณสถานโผล่ขึ้นมา ชิงซู่อาจารย์พี่ของเจ้าได้ลาภลอยจากการแย่งชิง ได้โอกาสวิเศษมาแต่กลับถูกผู้ฝึกเซียนจากสำนักต่างๆ รุมโจมตี ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหายตัวไป!
"เจ้าสำนักโกรธมาก กำลังเรียกผู้ฝึกเซียนในสำนักทุกคนให้ออกไปช่วยกู้ภัย
"เจ้ารอฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างใจสงบในเขา อาจารย์ต้องไปดูว่าใครกล้ารังแกสำนักว่านหยุนจงของเราได้ถึงเพียงนี้!"
"ท่านอาจารย์!" มู่หนิงหนิงเต็มไปด้วยความห่วงใย "ท่านต้องระวังตัวให้ดีๆ นะเจ้าคะ!"
"ไม่ต้องห่วงหรอก!"
ชิงสวี่ถอนหายใจ พึมพำเบาๆ
"การแย่งชิงสมบัติในโบราณสถานมีบ่อย พวกเราครั้งนี้ได้ประโยชน์มาก ผู้ฝึกเซียนจากสำนักอื่นไม่ยอม ขอแค่พวกเรามีท่าทีเข้มแข็งหน่อย พวกเขาก็จะถอยเองแหละ"
มู่หนิงหนิงถึงได้โล่งใจ
ดูจากท่าทางท่านอาจารย์เมื่อกี้ เหมือนจะออกไปหาคนสู้ตายอย่างนั้นแหละ
"อาจารย์ไปก่อนนะ เจ้าฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างใจสงบไป"
ชิงสวี่พูดอย่างโศกเศร้า
"ชิงซู่อาจารย์พี่ของเจ้าฝึกวิชาเต๋าดวงใจบริสุทธิ์ ปกติก็ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร
เจ้าอย่ามองนางเป็นคนอากาศหนาวเย็นชา หยิ่งผยองนะ อาจารย์กับนางเข้าสำนักเกือบพร้อมกัน รู้ชัดแจ้งว่า แท้จริงแล้วนางไม่รู้ว่าจะคุยกับคนอื่นอย่างไร
เฮ้อ! ไม่รู้ว่านางถูกป้ายคำสั่งกลับสำนักส่งไปที่ไหน!"
มู่หนิงหนิงมองตามเงาหลังท่านอาจารย์ที่ขี่เมฆจากไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กลับไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่งของตัวเอง หยิบหุ่นไม้ตัวเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ วางไว้หน้าตัว ให้เป็นเพื่อนนั่งสมาธิ
ในป่าไผ่หลังยอดเขาหลัก
หลี่ต้าจื่อรู้สึกรำคาญกับเสียงระฆัง เลิกคิ้วน้อยๆ ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาจากภวังค์
"ตั้งใจฝึกก็พอ"
เต๋าเหรินคงหมิงเอ่ยเสียงนุ่มนวล
"ผู้ฝึกเซียนในสำนักได้สมบัติจากโบราณสถาน โดนคนมากมายโจมตีพร้อมกัน เจ้าสำนักกำลังเรียกผู้ฝึกเซียนจากยอดเขาต่างๆ ออกไปช่วยกู้ภัย
เจ้าก็มุ่งเน้นเป็นเซียนไป"
"ท่านอาจารย์ขอรับ" หลี่ต้าจื่อเอ่ยเสียงเบา "ศิษย์ดูเหมือนจะยังขาดการตระหนักรู้บางอย่าง รู้สึกเหมือนยังขาดอยู่อีกนิดเดียว"
"รอต่อไป" เต๋าเหรินคงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "การเป็นเซียนเป็นเรื่องไม่ง่ายอยู่แล้ว นี่ไม่ใช่ด่านที่จะก้าวข้ามได้ด้วยพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว ต้องเข้ากันได้กับเต๋า เจ้าทำได้แน่นอน"
"ขอรับ"
หลี่ต้าจื่อถอนหายใจเบาๆ จิตใจยังคงวุ่นวายไม่น้อย
เต๋าเหรินคงหมิงเข้าใจศิษย์ของตน หยิบกระจกหยินหยางออกมา ตั้งใจจะใช้สำรวจความปลอดภัยของหลี่ผิงอันหน่อย แต่ใบหน้าเหี่ยวย่นอย่างชัดเจนของเขาแข็งค้างไปครู่หนึ่ง
กระจกหยินหยาง ใช้งานไม่ได้แล้ว?
สถานการณ์แบบนี้มีได้แค่สองความเป็นไปได้
หนึ่งคือ อีกด้านของกระจกหยินหยางอยู่ไกลเกินไป สองคือ อีกด้านของกระจกหยินหยางอยู่ภายใต้อาคมกั้นขนาดใหญ่
ก็นี่มันแค่อุปกรณ์สื่อสารที่เขาทำขึ้นมาอย่างลวกๆ เมื่อปีก่อน ไม่ใช่อุปกรณ์วิเศษอะไร ถูกอาคมต่างๆ รบกวนแล้วก็มักจะใช้งานไม่ได้ง่ายๆ
เต๋าเหรินคงหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรกับหลี่ต้าจื่อ แต่สื่อสารโดยตรงกับเจ้าสำนักว่านหยุนจงรุ่นปัจจุบันในหอใหญ่ ให้พวกเขาระวังความปลอดภัยของหลี่ผิงอันด้วยเมื่อต้องลงใต้
เจ้าสำนักรับคำสั่งของอาจารย์ใหญ่ผู้เปิดสำนัก เรียกผู้อาวุโสในสำนักสองคนมา ขอให้พวกเขาไปก่อนสักก้าว ไปตามหาร่องรอยของหลี่ผิงอันที่บริเวณใกล้เคียงนครหว่านอัน
ครึ่งชั่วยามต่อมา แสงเซียนของสำนักว่านหยุนจงพุ่งทะลุฟ้า ผู้ฝึกเซียนหลายร้อยคนกลายเป็นแสงรุ้งพุ่งไปยังชายฝั่งทะเลตะวันออก
สถานการณ์ที่พัฒนาไปก็ทำให้เจ้าสำนักว่านหยุนจงคาดไม่ถึง
สองชั่วยามต่อมา สองเทียนเซียนผู้อาวุโสที่รีบตรงไปยังอาณาจักรเต๋าหลินเจิ้งก็ส่งข่าวกลับมา
พวกนักพรตขโมยสมบัติตามรอยชิงซู่มาถึงอาณาจักรเต๋าหลินเจิ้ง ได้ทำร้ายศิษย์ที่ประจำการอยู่ที่นั่นมากกว่าร้อยคน โชคดีที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงมือฆ่า
นักพรตกลุ่มใหญ่ของสำนักว่านหยุนจงรีบหันทิศทางทันที จากริมทะเลตะวันออกพุ่งตรงไปยังอาณาจักรเต๋าหลินเจิ้ง
นักพรตที่ตามล่าชิงซู่เหล่านั้น เมื่อได้ยินข่าวก็แยกย้ายกันไปเกือบหมด เหลือแค่ส่วนน้อยที่ยังไม่ยอมล้มเลิก ยังคงค้นหาเบาะแสอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
ผ่านไปหนึ่งวัน นักพรตกลุ่มใหญ่ของสำนักว่านหยุนจงสังหารนักพรตศัตรูไปหลายสิบคน และยืนยันแล้วว่าตอนนี้ชิงซู่กำลังหลบซ่อนอยู่ในอาณาจักรเต๋าสามัญ
ตอนนี้มีเพียงเจ้าสำนักและผู้อาวุโสในสำนักไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่า หลี่ผิงอันที่กำลังเข้าร่วมการทดสอบศิษย์นอกก็หายตัวไปเช่นกัน หลี่ผิงอันกับชิงซู่ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวพันบางอย่างกัน
หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นักพรตของสำนักว่านหยุนจงรู้สึกอึดอัด...
พวกเขาค้นหาอาณาจักรเต๋าหลินเจิ้งทั่วทั้งแคว้น แต่ก็หาไม่พบทั้งหลี่ผิงอันและชิงซู่
ผ่านไปอีกสองวัน เฉินกงหมินเดินทางมาถึงสำนักว่านหยุนจง ในที่สุดก็นำข่าวที่แน่ชัดมาบอก - หลี่ผิงอันกับเวยเหยียนจื้อช่วยชิงซู่ไว้ ตอนนี้กำลังหลบหนีนักพรตระดับสูงที่ไล่ล่าอยู่
แต่เมื่อผู้อาวุโสสองสามคนของสำนักว่านหยุนจง นำเฉินกงหมินไปถึงที่ซ่อนตัวแรกของหลี่ผิงอันพวกเขา กลับพบว่าถ้ำใต้ดินนี้ถูกระเบิดแตกเป็นชิ้นๆ แล้ว ที่นี่ยังหลงเหลือพลังเต๋าของเทียนเซียนสามสี่ชุดอยู่
ชิงซู่หายไปไม่มีร่องรอย
ผิงอันไม่รู้หายไปไหน
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศแปลกประหลาดก็ปกคลุมไปทั่วอาณาจักรเต๋าหลินเจิ้ง
นักพรตบินไปมาทั่วท้องฟ้า ทหารสามัญเคาะประตูตามหาทุกหลังคาเรือน ผู้คนในเมืองใหญ่นับร้อยเมืองต่างหวาดผวา
...
ในเวลาเดียวกัน
ที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ในเมืองการค้าใหญ่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากโบราณสถานที่โผล่ขึ้นมา
หลี่ผิงอันที่เปลี่ยนหน้าตาแล้วนั่งอยู่ในอาคมรวมพลังปราณที่ชั้นบนของโรงเตี๊ยม กำลังครุ่นคิดแผนการขั้นต่อไป
ตอนนี้พวกเขาน่าจะสลัดกลุ่มไล่ล่าออกไปแล้ว ขั้นต่อไปก็แค่พาชิงซู่กลับเขาอย่างปลอดภัยก็ถือว่าเสร็จภารกิจแล้ว
'ไม่รู้ว่าสำนักจะให้รางวัลอะไรบ้างนะ'
ที่ตรงหน้าหลี่ผิงอันสามฟุตมีหญิงนักพรตในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำแข็งคนหนึ่ง บาดแผลเหวอะหวะบนไหล่ของนางค่อยๆ สมาน เส้นควันสีดำลอยออกมาเรื่อยๆ
"ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า"
หญิงนักพรตพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา
"ท่านอาจารย์พูดเกินไปแล้ว" หลี่ผิงอันยิ้มตอบ "วันหน้าคืนยาอมตะจินเซียนหนึ่งลูกข้าก็พอแล้ว"
"อืม"