บทที่ 23 ฉันขอโทษ
บทที่ 23 ฉันขอโทษ
“โม่ซิ่วชนะ การทดสอบได้สิ้นสุดลงแล้วดังนั้นขอเชิญผู้เข้าทำการสอบออกไปได้”
เมื่อโม่ซิ่วเดินออกจากห้องไป ครูทั้งหกคนจึงพูดคุยกัน
หลังจากการสอบตอนเช้า โม่ซิ่วยังไม่เจอกับเจิ้งอี้เลยแม้แต่ในช่วงพักกลางวัน ดังนั้นเขาจึงออกไปหาข้าวกินเพียงคนเดียว
ซึ่งการสอบด้านพลังในช่วงบ่ายนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นการสอบที่สําคัญที่สุดเพื่อใช้เข้ามหาวิทยาลัย
คะแนนเต็มของการสอบนี้คือ 400 ซึ่งแค่นี้ก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นได้ถึงความสําคัญของการสอบแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น มหาวิทยาลัยหลายแห่งจะให้ความสําคัญกับการสอบและคะแนนในการประเมินพลัง
เนื่องจากความสําคัญของคะแนนในการประเมินพลังนั้น จะทำให้มีนักเรียนที่มีคะแนนสูงแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในฝันของพวกเขาในทุกปีอยู่เสมอ
ซึ่งนั่นเป็นเพราะทั้งคะแนนด้านการสอบข้อเขียนและคะแนนด้านการสอบด้านกายภาพของพวกเขาสูงมาก แต่คะแนนจากการทดสอบด้านพลังนั้นต่ำเกินไป
สถานที่ทำการสอบพลังนั้นอยู่ภายในห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันถูกเตรียมเป็นพิเศษสําหรับการสอบด้านพลัง
แม้ว่าห้องนี้จะเปิดให้ใช้ตลอดเวลา แต่นักเรียนจะต้องจ่ายเงินเพื่อใช้ห้อง นอกจากนี้มันเป็นราคาที่โม่ซิ่วไม่สามารถจ่ายได้ ดังนั้นโม่ซิ่วจึงไม่เคยเข้าไปในห้องนี้มาก่อน
โม่ซิ่วได้หยิบบัตรผ่านออกมา จากนั้นเจ้าหน้าที่คุมสอบจึงพาตัวโม่ซิ่วเข้าไปในห้องๆหนึ่ง
หลังจากที่สังเกตภายในห้องแล้ว โม่ซิ่วจึงเห็นว่ามันเป็นห้องที่ปิดตายและมีประตูเพียงบานเดียวที่ใช้เข้าออกเท่านั้น
กำแพงทั้งสามด้านนั้นทําจากเหล็ก ในขณะที่กำแพงสุดท้ายทําจากแก้ว ทำให้เขาสามารถเห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังกระจกได้อย่างลางๆ
โม่ซิ่วกําลังจะมองเข้าไปในกระจกนั้นแต่จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น
เสียงดังนั้นดังมาจากลําโพงที่บนหลังคาของห้อง
"ผู้เข้าสอบกรุณาสวมแว่นตาและเตรียมตัวให้พร้อมสําหรับการสอบ"
โม่ซิ่วมองไปรอบๆและเห็นกล่องที่มุมห้อง
เมื่อเขาเปิดกล่องและดู เขาได้พบว่ามันเหมือนหมวกกันน็อคมากกว่าแว่นตา หลังจากนั้นโม่ซิ่วจึงหยิบมันออกมาและสวมไว้บนหัวของเขา
หลังจากที่สวมมันแล้ว หมวกกันน็อคจะทำการล็อคโดยอัตโนมัติและโอบล้อมรอบหัวของโม่ซิ่วเอาไว้
หมวกกันน็อคนี้ไม่ส่งผลต่อการมองเห็นของเขา กลับกันโม่ซิ่วกลับสามารถมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวเขาได้อย่างชัดเจนขึ้นด้วยซ้ำ
“ผู้เข้าสอบโปรดยกมือขวาขึ้น หลังจากนั้นท่านจะเข้าสู่การทดสอบภายในสามวินาที”
โม่ซิ่วทําตามคําแนะนําโดยการยกมือขวาขึ้น จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงนับถอยหลัง
"สาม"
"สอง"
"หนึ่ง"
"การทดสอบเริ่มต้นขึ้น"
หลังจากที่การทดสอบได้เริ่มขึ้น ผนังกระจกก็ค่อยๆหายไปและกลายเป็นกําแพงเหล็ก
หลังจากนั้น ชายสองคนในชุดดําได้ปรากฏตัวขึ้นในห้อง หนึ่งในนั้นมีคําว่า “เพื่อน” เขียนอยู่ ในขณะที่อีกคนมีคําว่า “ศัตรู” เขียนอยู่
โม่ซิ่วจึงเข้าใจทันทีว่าหนึ่งในนั้นคือเพื่อนร่วมทีมของเขาในขณะที่อีกคนเป็นศัตรูของเขา
ทันใดนั้น โม่ซิ่วได้ใช้พลัง “ก้าวข้ามขีดจำกัด” ทันที
เมื่อโม่ซิ่วพุ่งไปข้างหน้า เขาได้เห็นศัตรูที่กำลังทําร้ายเพื่อนร่วมทีมของเขาด้วยการชกอย่างรุนแรง
โม่ซิ่วเอื้อมมือไปดึงเพื่อนร่วมทีมของเขาขึ้นมา แต่เมื่อเขาสัมผัสกับเพื่อนร่วมทีมของเขา เพื่อนร่วมทีมของเขากลับหายไป
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองศัตรู ศัตรูของเขาเองก็หายตัวไปเช่นกัน โม่ซิ่วจึงมองไปรอบๆแต่ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของชายในชุดดํา
ทันใดนั้น ชายในชุดดําก็ปรากฏตัวต่อหน้าโม่ซิ่วและต่อยเขา
โม่ซิ่วตอบโต้ทันที แต่เมื่อเขาโจมตีชายในชุดดํา เขารู้สึกเหมือนหมัดของเขากําลังต่อยเข้ากับแผ่นเหล็ก
ไม่ว่าโม่ซิ่วจะโจมตีอย่างไร เขาก็ไม่สามารถเอาชนะชายในชุดดําได้ เมื่อเวลาผ่านไปโม่ซิ่วจึงได้รู้ว่าพลังของชายในชุดดํานั้นกําลังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
จนกระทั่งความแข็งแกร่งของชายในชุดดําเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่โม่ซิ่วไม่สามารถตอบโต้กลับได้ ขณะที่เขาชายในชุดดําได้ชกเข้าใส่หัวของโม่ซิ่ว
"การทดสอบจบลงแล้ว"
ด้วยเสียงของคอมพิวเตอร์ ชายในชุดดําจึงหายไปและกำแพงกระจกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
โม่ซิ่วถอดหมวกกันน็อคออกและใส่กลับเข้าไปในกล่องเพื่อรอคําแนะนําเพิ่มเติม
โม่ซิ่วเข้าใจกลไกของการทดสอบพลังอย่างคร่าวๆแล้ว ในตอนแรกจะมีชายสองคนในชุดดําที่ต่อสู้กัน หลังจากนั้นจะเป็นการทดสอบว่าผู้เข้าทดสอบนั้นมีพลังที่สามารถช่วยเพื่อนร่วมทีมได้หรือไม่
หลังจากนั้น เมื่อเพื่อนร่วมทีมของเขาได้รับบาดเจ็บและล้มลงกับพื้น พวกเขาจะทำการทดสอบพลังในการรักษาของผู้เข้าทดสอบ
หลังจากนั้นศัตรูก็หายไป ซึ่งนี่คือการทดสอบทักษะการตรวจจับของผู้เข้าทดสอบ
และการทดสอบครั้งสุดท้ายคือการทดสอบขีดจํากัดของพลังในการต่อสู้ของผู้เข้าทดสอบ
โม่ซิ่วนั้นไม่ได้ปิดบังความแข็งแกร่งของเขาเลยในระหว่างการทดสอบ แต่เขาใช้พลังทั้งหมดออกไปในการต่อสู้
หลังจากที่ยืนรออยู่นิ่งๆเป็นเวลาห้านาที ครูคุมสอบจึงพูดว่า “การทดสอบจบลงแล้ว กรุณาออกไปจากห้องด้วย”
โม่ซิ่วจึงเดินออกไปจากห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเดินไปรอบๆลานประลองเพียงลําพัง
"โม่ซิ่ว นายอยู่ที่นี่เองเหรอ?!"
เมื่อโม่ซิ่วเห็นว่าเป็นมู่ชิงอี้ เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ ฉันเพิ่งสอบเสร็จและกําลังรอผลน่ะ แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง?”
มู่ชิงอี้ตอบกลับว่า “ไม่เลวเลย แล้วนายล่ะ? ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ว่าแต่เธอจะไปเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหนต่องั้นเหรอ?”
มู่ชิงอี้ตอบด้วยความลังเลว่า “อันที่จริง... ฉันว่าจะไปเข้าที่มหาวิทยาลัยเหลียนปังน่ะ”
โม่ซิ่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากมหาวิทยาลัยหลักสามแห่งในสหพันธมิตรนั้นได้แก่ มหาวิทยาลัยหยานจิ่ง , มหาวิทยาลัยเหลียนปัง และ มหาวิทยาลัยซินหยาง
ซึ่งมหาวิทยาลัยทั้งสามนี้มีความเกี่ยวข้องกันหลังจากช่วงสงครามครั้งก่อน
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนของสหพันธมิตรในตอนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเหลียนปัง ได้โดยการเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายในเมืองชุน
อย่างแรกเป็นเพราะระยะทางที่ห่างไกล นอกจากนี้การใช้ชีวิตของทั้งสองฝากฝั่งนัน้ยังค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก
"ครอบครัวของเธอเป็นคนจัดการเอาไว้สินะ?"
มู่ชิงอี้พยักหน้าเบาๆและพูดว่า "ใช่ บางทีพวกเราอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้วก็ได้"
“ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองได้ แต่ฉันน่ะไม่เหมือนกับเธอ ถ้าหากเป็นไปได้ฉันจะไปหาเธอที่นั่นเอง”
"จริงเหรอ?"
"จริงสิ จะโกหกทำไมล่ะ"
“ขอบใจมากน่ะ โม่ซิ่ว”
...
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงต่อมา ได้มีการประกาศผลทดสอบซึ่งผลการทดสอบของทุกคนนั้นจะถูกประกาศไว้กระดานที่สนามฝึกซ้องและส่งไปยังโทรศัพท์ของพวกเขา
เมื่อโม่ซิ่วได้รับข้อความ เขาจึงรีบกลับบ้านทันทีเพราะคะแนนของเขาคือ 1,000 คะแนน!
ซึ่งนั่นเป็นคะแนนของการทดสอบครั้งนี้ และเท่าที่โม่ซิ่วได้รู้มา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาของการสอบเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย มีคนที่ได้คะแนนเต็ม 1,000 คะแนน น้อยกว่าสิบคนด้วยซ้ำ!
ถ้าหากเขาอยู่ที่โรงเรียน เขาอาจจะถูกสอบถามโดยพวกนักข่าวท้องถิ่น ดังนั้นเขาจึงต้องรีบกลับบ้านทันที
“อันดับที่ 1 : โม่ซิ่ว 1,000 คะแนน”
“อันดับ 2 : มู่ชิงอี้ 981 คะแนน”
“อันดับที่ 3 : ลิ่วชิงหยู 923 คะแนน”
“อันดับ 4 : เจิ้งอี้ 901 คะแนน”
“อันดับที่ 5 : หวังซวนหู 898 คะแนน”
หลังจากที่ได้เห็นอันดับแล้ว หวังซวนหูจึงรู้สึกโกรธอย่างมาก เพราะเดิมทีเขาคิดว่าเขาจะได้เป็นอันดับที่หนึ่งในโรงเรียนแน่นอนแล้ว
แต่ถึงว่าจะไม่มีโม่ซิ่วก็ยังมีเจี้งอี้ที่มีคะแนนสูงกว่าเขา
ตอนนี้หวังซวนหูจึงมีคิดออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าโม่ซิ่วได้ทำการโกง ดังนั้นเขาจึงต้องไปตามหาโม่ซิ่วและประจานการโกงสอบในครั้งนี้ของเขาให้ได้!
ในขณะเดียวกัน เย่เฉียนซึ่งกำลังตกอยู่ในความงุนงงที่บ้านได้รับข้อความมากกว่าสิบข้อความติดต่อกัน
เย่เฉียนนั้นรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตั้งแต่ที่เธอได้ยืนกรานว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับโม่ซิ่ว เธอก็ถูกคนอื่นเกลียดและเมิน แต่ทําไมจู่ๆถึงได้มีคนจํานวนมากที่ติดต่อเข้ามาหาเธอแบบนี้ได้?
หลังจากที่อ่านข้อความแล้ว เย่เฉียนจึงรีบใส่เสื้อผ้าและวิ่งไปที่โรงเรียนทันที
นั่นเป็นเพราะข้อความเหล่านั้นมาจากเพื่อนร่วมห้องของเธอ ซึ่งพวกเธอนั้นได้ส่งข้อความมาขอโทษเย่เฉียน
ข้อความส่วนใหญ่นั้นบอกว่า “เย่เฉียน ฉันขอโทษที่หาว่าเธอนั้นบ้าและเมินใส่เธอ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นจริงๆนะ ว่าแต่เธอช่วยแนะนําฉันให้รุ่นพี่โม่ซิ่วรู้จักทีได้ไหม?”
ส่วนข้อความอื่นๆนั้นได้บอกว่า “รุ่นพี่โม่ซิ่วเก่งเกินไปแล้ว จากนี้ไปฉันจะนับถือรุ่นพี่โม่ซิ่วเป็นไอดอลของฉัน!”
เมื่อเย่เฉียนมาถึงสนามฝึกซ้อม เธอแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้เห็นอันดับการทดสอบ
ไม่ใช่เพราะโม่ซิ่วได้คะแนนอันดับที่ 1 แต่มันได้พิสูจน์ว่าโม่ซิ่วนั้นยังปลอดภัยดี
หลายวันที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าข่าวลือนั้นจะเลวร้ายไหนแต่โม่ซิ่วกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้รุ่นพี่เจิ้งอี้ก็เงียบหายไปอีกด้วย
ซึ่งนั่นทำให้เย่เฉียนคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับโม่ซิ่วจริงๆ
แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าโม่ซิ่วจะปลอดภัย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก..