บทที่ 21 : องกรณ์เงา
บทที่ 21 : องกรณ์เงา
ณ โรงเรียนมัธยมปลายชุน ในห้องเรียนของชั้นม. 6 ห้อง 1...
เจิ้งอี้กำลังนั่งในที่นั่งของเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว
ถ้าโม่ซิ่วอยู่ที่นี่ตอนนี้ เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน เพราะเจิ้งอี้ไม่เคยตกอยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน
สองสามวันที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องยากสําหรับเจิ้งอี้มาก แม้ว่ามือขวาของเขาจะได้รับการรักษาด้วยยาแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
การต่อสู้ระหว่างลิ่วชิงหยูกับหวังซวนหูนั้นดุเดือดมาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นลิ่วชิงหยูก็ยังคงแพ้
หวังซวนหูเองก็หงุดหงิดหลังการต่อสู้ครั้งนั้นเช่นกัน ดังนั้นในทุกวันเขาจึงมาระบายความหงุดหงิดของเขาใส่เจิ้งอี้
เขาได้ทำการยั่วโมโหและท้าทายเจิ้งอี้อย่างไม่หยุดหย่อน
เจิ้งอี้เองก็สงบลงเล็กน้อยหลังจากได้รับบาดเจ็บ เพราะเขาไม่ต้องการให้มีเรื่องมาส่งผลกระทบต่อผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเขา
แม้ว่าเขาจะถูกเรียกว่าไอ้ขี้ขลาด แต่เขาก็ยอมอดทนมาจนถึงตอนนี้
เจิ้งอี้เอนหลังพิงเก้าอี้และถอนหายใจ “เฮ้อ เจ้าโม่ซิ่ว นายจะรู้บ้างมั้ยนะว่าฉันลำบากแค่ไหนตั้งแต่ที่นายไม่อยู่เนี่ย?”
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่เจิ้งอี้แอบคิดว่าไม่อยากให้โม่ซิ่วรู้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา เพราะเขาไม่ต้องการให้โม่ซิ่ว เสียสมาธิ
เย่เฉียนเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกับเจิ้งอี้มากนัก เพราะแทบจะไม่มีคนที่เชื่อคําพูดของเย่เฉียนเลย
...
ณ สถานที่จัดตั้งชั้นเรียนระดับสูง...
ภายในห้องเรียน
หวังหยูได้เขียนคําๆหนึ่งบนกระดานดํา
ซึ่งก็คือคําว่า "เงา"
"พวกเธอรู้ไหมว่าองกรณ์เงาคืออะไร?"
“องกรณ์เงาเป็นหนึ่งในแผนกขององค์การพันธมิตรที่จะขจัดความขัดแย้งภายในและทำการลงโทษผู้ที่ใช้พลังของตนเพื่อก่อให้เกิดเรื่องอันตรายต่อสังคม”
“พวกเธออาจจะถามว่า นั่นไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยคุมกฎหรอกเหรอสินะ? ถ้าอย่างนั้นให้ฉันจะถามพวกเธอว่า ถ้ามีคนในหน่วยคุมกฎที่ทำการฝ่าฝืนกฎเสียเอง ใครจะเป็นคนลงโทษพวกเขา?”
จากนั้นโม่ซิ่วจึงได้รู้ว่าองกรณ์เงามีหน้าที่นี้ ซึ่งทำให้เขาคิดว่าองกรณ์เงานั้นเป็นหน่วยที่อิสระที่สุด
“องกรณ์เงาเป็นหนึ่งในแผนกขององค์การพันธมิตรก็จริง แต่ค่อนข้างมีความอิสระมาก นอกจากองค์การพันธมิจะตกอยู่ในอันตราย สมาชิกในองกรณ์เงาจะสามารถเลือกที่จะไม่ทำภารกิจใดๆเลยก็ยังได้”
“เอาล่ะจากนี้ไปพวกเธอจงจดเอาไว้ให้ดี”
“อย่างแรก สัญลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียวขององกรณ์เงาคือเหรียญนี้ ซึ่งจะมีชื่อและหมายเลขถูกสลักไว้ที่ด้านหลังของเหรียญ ดังนั้นฉันขอแนะนําให้พวกเธอพกติดตัวไปด้วยอยู่เสมอ”
หวังหยูถือเหรียญสีดําแวววาวขึ้นมาไว้ในมือ
“อย่างที่สอง ชื่อขององกรณ์เงานั้นอาจทําให้พวกเธอเข้าใจผิดได้ อันที่จริงองกรณ์เงานั้นไม่ใช่องค์กรลับเพราะพวกเธอสามารถเปิดเผยตัวตนของพวกเธอและต่อสู้เพื่อสิทธิของพวกเธอได้เช่นกัน”
“อย่างที่สาม มีระบบลําดับชั้นอยู่ภายในองกรณ์เงา ซึ่งจะถูกจัดอันดับจากระดับ 1 ถึงระดับ 10 ซึ่งผู้ที่อยู่ในระดับต่ำจะต้องฟังคําสั่งของระดับสูงเท่านั้น”
“อย่างที่สี่ พวกเธอจะต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เพื่อรับภารกิจ หลังจากทำภารกิจเสร็จพวกเธอจะได้รับเงินสดและแต้มเป็นรางวัล ซึ่งพวกเธอสามารถเพิ่มระดับของพวกเธอได้โดยการสะสมแต้ม”
“นั่นคือทั้งหมดเกี่ยวกับองกรณ์เงา ที่เหลือพวกเธอไปทําความเข้าใจในส่วนที่เหลือเอาเอง ส่วนการผลิตเหรียญนั้นจะใช้เวลาพอสมควร ในขณะเดียวกันพวกเธอสามารถไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ลงในโทรศัพท์ของพวกเธอก่อนได้ เมื่อการผลิตเหรียญเสร็จสมบูรณ์จะมีคนติดต่อพวกเธอไปในภายหลัง”
“อ้อ เกือบลืมไป สิ่งที่สําคัญที่สุดคือแม้ว่าองกรณ์เงานั้นจะค่อนข้างอิสระ แต่ก็มีความเข้มงวดที่สุดเช่นกัน หากมีคนในองกรณเงาสร้างความอันตรายต่อสังคมหรือใช้สถานะเพื่อก่ออาชญากรรม คนๆนั้นจะถูกลงโทษขั้นรุนแรงที่สุด”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ลงในโทรศัพท์
ซอฟต์แวร์นั้นแปลกมาก เพราะไม่มีตัวเลือกในการสร้างบัญชีเลย
มีเพียงแถบป้อนข้อมูลเท่านั้น
"โปรดกรอกข้อมูลส่วนตัวของท่าน"
โม่ซิ่วพิมพ์ข้อมูลส่วนตัวของเขาและเข้าถึงซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์นั้นเรียบง่ายมาก ซึ่งมันมีเพียงสองตัวเลือกขนาดใหญ่ หนึ่งคือภารกิจและสองคือโปรไฟล์ของเขา
โม่ซิ่วจึงเปิดโปรไฟล์ของเขาและอ่านสิ่งที่เขียนอยู่
"ชื่อ : โม่ซิ่ว"
"ระดับ : 1"
"แต้มปัจจุบัน : 0"
"เงินที่ได้รับ : 0"
หลังจากที่ดูซอฟต์แวร์แล้ว โม่ซิ่วจึงได้รู้ว่าจุดประสงค์ของซอฟต์แวร์นี้คือเพื่อยอมรับภารกิจ
หลังจากนั้นในช่วงเย็น ทั้งสี่คนได้เก็บกระเป๋าและเตรียมพร้มอที่จะออกเดินทาง
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากที่พักบ้าน ทุกคนก็มีรถมารอรับ
ซึ่งกาวเฉียนนั้นเป็นคนที่มารอโม่ซิ่ว หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็อำลากัน
มู่ชิงอี้ยิ้มและพูดกับโม่ซิ่วว่า "ไว้เจอกันที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะ"
หลังจากที่โม่ซิ่วเข้าไปในรถ กาวเฉียนจึงถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? เสร็จแล้วเหรอ?”
โม่ซิ่วพยักหน้าและพูดว่า “อืม ผมผ่านการทดสอบแล้ว อาจารย์ไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน? ฉันน่ะไม่ได้เป็นสมาชิกขององกรณ์เงาสักหน่อย”
ระหว่างทาง โม่ซิ่วได้ถามกาวเฉียนหลายครั้งว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียนหรือไม่ แต่กาวเฉียนกลับไม่ตอบอะไร
เมื่อเป็นแบบนี้ โม่ซิ่วจึงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียนกันแน่?
เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของโรงเรียนและวันมะรืนนี้จะเป็นวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้ว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เขาก็ไม่มีทางรู้ได้ ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงแค่ถามเจิ้งอี้เท่านั้น
หลังจากที่เดินทางอย่างกลับเป็นเวลานาน ในที่สุดโม่ซิ่วก็มาถึงบ้าน
ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน เขาได้เห็นแม่ของเขากำลังวุ่นอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งโม่ซิ่วได้ส่งข้อความมาล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นหลี่เรียวจึงเตรียมอาหารเอาไว้เต็มโต๊ะ
ทันทีที่โม่ซิ่วเปิดประตู หลี่เรียวจึงหยิบกระเป๋าของโม่ซิ่วไปเก็บและชวนให้เขาเข้ามาก่อน
"เจ้าซิ่ว เป็นยังไงบ้าง?"
โม่ซิ่วคว้ากระเป๋าเดินทางและพูดว่า “ก็ดีนะครับ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยล่ะ”
"อืมๆ ดีแล้วล่ะ"
โม่ซิ่วถอนหายใจ แม่ของเขาเป็นแบบนี้มาตลอด หลังจากที่เธอได้ยินว่าทุกอย่างนั้นเป็นไปด้วยเธอจึงไม่ถามอะไรเพิ่มอีก
หลังจากทานอาหารเย็น โม่ซิ่วได้กลับไปที่ห้องของเขาและนอนลงก่อนจะส่งข้อความถึงเจี้งอี้
“ฉันกลับมาแล้วนะ พรุ่งนี้มาเจอกันหน่อยมั้ย?”
หลังจากนั้นไม่นานเจี้งอี้ก็ตอบ
“ฉันว่าจะฝึกเพื่อเตรียมตัวสําหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยน่ะ”
หลังจากนั้นโม่ซิ่วก็ไม่ตอบอะไรกลับไป
แน่นอนว่าเจี้งอี้เองก็ไม่ต้องการให้เรื่องของเขาไปกระทบต่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของโม่ซิ่ว ดังนั้นเขาจึงตอบไปแบบนั้น
ในวันรุ่งขึ้น โม่ซิ่วนั้นไม่ฝึกฝนอะไรและใช้เวลาทั้งวันในการพยายามพักผ่อน
เขาช่วยแม่ของเขาทํางานบ้านและออกไปซื้อของ เมื่อเขากลับมา เขาก็ทําอาหารช่วยแม่อย่างเงอะๆงะๆ
หลังจากทานอาหารเย็น แม่ของเขาก็ติชมถึงการทำอาหารของโม่ซิ่ว
"ลูกยังต้องฝึกอีกเยอะเลยนะ!"
หลังจากนั้น โม่ซิ่วได้กลับขึ้นไปนอนบนเตียงและเรียกเปิดดูซอฟต์แวร์ขององกรณ์เงา
“ภารกิจระดับ D สํารวจโรงงานลึกลับ รางวัล: 100 แต้ม เงิน 50,000 เรียว”
“ภารกิจทําลายล้างระดับ C ทําลายล้างกลุ่มสุนัขจิ้งจอกดํา รางวัล: 1,500 แต้ม เงิน 800,000 เรียว”
“ภารกิจจับกุมระดับ B จับกุมผู้ลี้ภัย รางวัล: 5,000 แต้ม เงิน 3 ล้านเรียว”
...
“ภารกิจล่าค่าหัวระดับ SSS สังหารมังกรดํา รางวัล: 10 ล้านแต้ม เงิน 1 หมื่นล้านเรียว”
ก่อนหน้านี้โม่ซิ่วไม่ได้เปิดดูภารกิจเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาได้ลองเข้ามาเปิดดู เขาจึงได้รู้ว่ามีภารกิจย่อยที่เกี่ยวข้องกับการตามหาของไปจนถึงภารกิจสําคัญที่เกี่ยวข้องกับการสังหารจักรพรรดิปีศาจ!
ซึ่งรางวัลนั้นก็สูงมากเช่นกัน ดังนั้นโม่ซิ่วจึงตัดสินใจทําภารกิจบางอย่างหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในการหารายได้เสริมเข้าครอบครัวเพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องทํางานหนักทุกวัน
ในทางกลับกัน เขาก็ต้องเก็บเงินเพื่อซื้อสมุนไพรด้วยเพราะโม่ซิ่วได้ยินมาว่ามหาวิทยาลัยนั้นแตกต่างจากโรงเรียนมัธยมปลาย มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝึกฝนอย่างหนักและมีเพียงการใช้สิ่งของในการฝึกที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะทำให้แข็งแกร่งได้
เนื่องจากโม่ซิ่วไม่มีเส้นสายหรือเงินเพื่อยัดเข้ามหามหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงใช้สถานะของเขาในฐานะสมาชิกองกรณ์เงาเพื่อทำภารกิจหาเงิน
หลังจากนั้น จู่ๆเขาก็นึกถึงอาจารย์ถังและหยิบกริชเล่มสีดําออกมา
ตอนแรกเขาถือมันและควงเล่นอยู่ในมือ แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่ากริชเล่มนั้นดูถนัดและเข้ามือของเขาอย่างมาก
"เพล้งงง!!!"
โม่ซิ่วจ้องไปที่กระจกที่แตกและกริชสีกำที่ขยายออกไปนอกหน้าต่างและพูดไม่ออก
กริชเล่มนี้ขยายได้ด้วยงั้นเรอะ?!!!