บทที่ 20 : เพิ่มเลเวลพลัง
บทที่ 20 : เพิ่มเลเวลพลัง
พลังของเขาได้รับการอัพเกรด...
"พลัง : เนตรแห่งพระเจ้าเลเวล 2"
"ผลของพลัง : สามารถตรวจสอบพลังทั้งหมดของเป้าหมายได้สองคน"
"คูลดาวน์: 20 นาที"
ในขณะที่โม่ซิ่วกำลังถอนหายใจกับพลังของทักษะของเขา เขาเองก็มีข้อสงสัยเช่นกัน เพราะในเมื่อเขามีความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้นในพลัง “ก้าวข้ามขีดจำกัด” แต่ทําไมพลัง “เนตรแห่งพระเจ้า” ถึงได้เลเวลเพิ่มแทน?
โม่ซิ่วรีบหันกลับมาและใช้พลังของเขากับเย่หยวนและหลิวซี่หยางทันที
หลังจากที่ใช้พลัง “เนตรแห่งพระเจ้า” แล้ว จู่ๆพลัง “ก้าวข้ามขีดจำกัด” ของโม่ซิ่วก็ปรากฎขึ้น
"พลัง : ก้าวข้ามขีดจำกัดเลเวล 2"
"ผลของพลัง : เพิ่มพลังทั้งหมดในร่างกาย 300%"
"ระยะเวลาที่ใช้ได้ : 10 นาที"
"คูลดาวน์ : 1 ชั่วโมง"
พลังทั้งสองของเขาได้รับการเพิ่มเลเวลแล้วซึ่งมันเป็นการเพิ่มเลเวลครั้งใหญ่ด้วย
โม่ซิ่วถึงกับตกตะลึงอยู่ชั่วขณะและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะพลังของเขาได้รับการเพิ่มเลเวลหลังจากที่ผ่านการทดสอบขั้นสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจว่าทําไมพลังทั้งสองของเขาถึงเพิ่มขึ้น?
โม่ซิ่วมองไปที่พลังติดตัวของเขาทันที หรืออาจเป็นเพราะว่าพลังทั้งสองนี้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันหรือเปล่า?
อย่างนั้นพลังติดตัวนี้มันไม่โกงเกินไปหน่อยเหรอ?
“โม่ซิ่ว! โม่ซิ่ว!”
โม่ซิ่วกลับมาได้สติอีกครั้งและเห็นมู่ชิงอี้กำลังเขย่าไหล่ของเขา
"โม่ซิ่ว นายเป็นอะไรไปน่ะ?"
โม่ซิ่วพูดด้วยความตกใจว่า “ฉันแค่ตื่นเต้นเกินไปน่ะ โทษทีนะ”
จากนั้นเขาก็พูดกับหวังเล่ยว่า "อาจารย์ครับ แบบนี้พวกเราผ่านหรือยังครับ?"
หวังเล่ยตอบว่า “ผ่านแล้ว พวกเธอน่ะทําให้ฉันบาดเจ็บจากการต่อสู้ได้จริงๆ”
ไม่มีใครรู้ว่าอาจารย์ถังออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้มีเพียงหวังหยูเพียงคนเดียวที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้
จากนั้นหวังหยูก็ยืนขึ้นและพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อพวกเธอผ่านแล้วก็กลับไปพักผ่อนและกินข้าวกลางวันซะ ฉันจะบอกพวกเธอเกี่ยวกับการเข้าร่วมองค์กรเงาในช่วงบ่ายเอง”
โม่ซิ่วยังไม่ได้กลับไปที่ห้องของเขา แต่เขาไปที่พื้นที่ว่างนอกที่พักของเขาแทน
เมื่อเทียบกับการเข้าร่วมองค์กรเงาแล้ว การเพิ่มเลเวลของพลังนั้นทําให้โม่ซิ่วตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะพลังที่เพิ่มเลเวลนั้นถือว่าเป็นการเพิ่มพลังจากรากฐานของร่างกายอย่างแท้จริง
ซึ่งโม่ซิ่วได้ใช้พลัง “ก้าวข้ามขีดจำกัด” เพื่อทดสอบทันที
เมื่อพลังที่เพิ่มขึ้น 300% ค่อยๆไหลเข้าสู่ร่างกายของโม่ซิ่ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทําไมพลังนี้จึงถูกเรียกว่า “ก้าวข้ามขีดจำกัด”
ในขณะนี้ โม่ซิ่วรู้สึกเหมือนตัวเขาเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ซึ่งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งพล่าน
ด้วยการชกลมเพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างพายุลมที่รุนแรงได้แล้ว
หากโม่ซิ่วในตอนนี้ต้องต่อสู้กับหวังเล่ยที่ใช้พลังเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเขาจะไม่ชนะแต่เขาจะทำให้หวังเล่ยบาดเจ็บได้แน่นอน
ทันใดนั้น เงาสีดําได้ปรากฏขึ้น ซึ่งเงาสีดํานั้นทําให้โม่ซิ่วรู้สึกอันตรายมาก
โม่ซิ่วชกหมัดออกไปทันที แต่จู่ๆหมัดของเขากลับชกเข้ากับอากาศตรงหน้า ซึ่งทำให้ความรู้สึกที่ไร้พลังของโม่ซิ่วก่อตัวขึ้นก่อนที่เขาจะถอยหลังออกไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว
“ไม่เลวนี่ ที่เธอทําตัวแปลกๆเมื่อกี้เป็นเพราะพลังของนายได้รับการเพิ่มเลเวลแล้วสินะ? นอกจากนี้มันัยงไม่ธรรมดาอีกด้วย ดูเหมือนว่าพลังนี้จะทำให้พลังทั้งหมดในร่างของทั้งหมดของเธอขึ้น 300% ล่ะสิ?”
โม่ซิ่วหันหลังกลับไปมองและเห็นว่าคนที่กำลังพูดอยู่นั้นคืออาจารย์ถังที่เพิ่งหายตัวไป
โม่ซิ่วจึงตั้งการ์ดขึ้นทันที เพราะเขายังไม่รู้ว่าอาจารย์ถังนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู
อาจารย์ถังจึงหัวเราะออกมาดังๆทันที “ฮ่ะๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันน่ะมาดี”
โม่ซิ่วได้กล่าวว่า "อาจารย์ถัง ผมรู้สึกขอบคุณมากสําหรับโอกาสที่ให้ผมมาที่ชั้นเรียนระดับสูงนี้ แต่ว่า..."
"แต่เธอไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฉันพาเธอมาที่นี่สินะ?"
โม่ซิ่วพยักหน้า
อาจารย์ถังพูดต่อ “สักวันนึงที่เธอแก่ตัวลง เธอจะต้องหาความสนุกให้กับตัวเองบ้าง ซึ่งฉันก็ทำแบบนั้นโดยการสังเกตทุกคนที่เข้ามาในห้องสมุดอยู่หลายปี”
"เธอคงจะเข้าใจแล้วสินะ?"
“ไม่! ผมไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว!”
โม่ซิ่วตื่นตระหนกอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าอาจารย์ถังกำลังพูดถึงอะไร?
“ฮ่าๆๆๆ แล้วถ้าฉันบอกว่าอยากรับเธอเป็นลูกศิษย์ของฉันล่ะ?”
“รับผมเป็นศิษย์ของอาจารย์เหรอครับ?”
“เธอรู้มั้ยว่าตอนที่หวังหยูสอนเธอถึงทฤษฎีพลังน่ะ มีบางเรื่องที่เขาไม่ได้พูดถึง”
"เรื่งอะไรเหรอครับ?"
“พลังน่ะค่อนข้างยุติธรรม โดยปกติแล้วยิ่งเพิ่มเลเวลพลังได้ง่ายเท่าไร พลังที่เพิ่มขึ้นหลังจากนั้นก็จะน้อยลงเท่านั้น ซึ่งหมายความว่ามันเป็นพลังที่มีระดับต่ำและอัปเกรดได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกัน พลังที่อัปเกรดได้ยากนั้นจะทำให้พลังที่หลังจากผ่านการเพิ่มเลเวลแล้วจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากเช่นกัน”
โม่ซิ่วนั้นเข้าใจว่าอาจารย์ถังกำลังพูดถึงอะไร
"เข้าใจแล้วครับ"
“ยิ่งไปกว่านั้น พลังเริ่มต้นและการเพิ่มขึ้นพลังของเธอก็ไม่เลว ที่สําคัญไปกว่านั้นมันยังคล้ายกับของฉันมากตอนที่ฉันยังเด็ก”
ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าโม่ซิ่วจะมีพลังที่สองหรือไม่ เพราะแค่พลังนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้อาจารย์ถังต้องการรับเขาเป็นศิษย์
พลังเลเวล 1 ที่เพิ่มพลังทั้งหมดขึ้น 100% ได้ก็ถือว่าน่ากลัวมากๆแล้ว แต่เมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 2 มันกลับเพิ่มพลังทั้งหมดของเขาเป็น 300% อีก
ซึ่งเมื่อเทียบกับพลังเกราะเพลิงของหวังเล่ยที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ 500% และเพิ่มการป้องกันของเขา 300% อยู่ที่เลเวล4 เท่านั้น
แค่พลังเลเวล 2 ของ โม่ซิ่วก็เกือบจะเทียบได้กับพลังเลเวล 4 ของหวังเล่ยได้แล้ว!
โม่ซิ่วจึงถามว่า "แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไรถ้าผมยอมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์?"
อาจารย์ถังเบิกตากว้างและพูดว่า "โฮ่ๆๆ นี่ฉันกําลังรับเธอเป็นศิษย์ของฉันอยู่แท้ๆแต่เธอกลับถามว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากฉันงั้นเรอะ?"
โม่ซิ่วผายมือและพูดว่า “ในเมื่ออาจารย์มาตามหาผมและต้องการรับผมเป็นศิษย์ของอาจารย์ ถึงแม้ว่าผมจะยอมเป็นศิษย์แต่ผมก็ต้องได้อะไรบ้างไม่ใช่เหรอครับ?”
อาจารย์ถังโกรธมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆสงบสติและตอบโม่ซิ่วไป
“เฮฮะ ฉันน่ะเตรียมสิ่งนั้นไว้ให้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะติดต่อเธอไปอีกครั้งทีหลังก็แล้วกัน”
ที่จริงแล้วโม่ซิ่วไม่ได้ต้องการของขวัญหรืออะไรเลย เขาแค่กําลังทดสอบอาจารย์ถังเพื่อดูว่าอาจารย์ถังนั้นจริงแค่ไหน
เมื่อดูจากปฏิกิริยาของอาจารย์ถังแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีเจตนาร้ายและจริงจังมาก
โม่ซิ่วหยิบกล่องขึ้นมากล่องหนึ่งและเปิดมันเพื่อค้นหาดาบสั้นสีดําข้างใน
เขาหยิบมันออกมาและมองดูมันอยู่สักครู่ หลังจากนั้นเขาได้พบว่านอกจากความคมที่คมกว่าปกติแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าดาบสั้นทั่วไปเลย
แม้ว่าโม่ซิ่วจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก แต่สถานะและตัวตนที่แท้จริงของอาจารย์ถังนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่แน่นอน
พลังของเขานั้นเหมาะสําหรับอาวุธอย่าง เช่น ดาบหรือกระบี่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์ถังจะไม่สังเกตเห็นถึงสิ่งนี้ แต่ทําไมเขาถึงได้ให้ดาบสั้นกับเขาแทน?
โม่ซิ่วไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงเก็บดาบสั้นเอาไว้และกลับไปที่ที่พักของเขาทันที
มู่ชิงอี้ หลิวซี่หยาง และ เย่หยวน มายืนรออยู่ที่ประตู
เมื่อหลิวซี่หยางเห็นโม่ซิ่ว เขาจึงทักทันทีว่า “ไงโม่ซิ่ว นายไปไหนมาน่ะ? พวกเรากําลังตามหานายอยู่พอดี”
โม่ซิ่วสงสัย “ทําไมพวกนายถึงมาหาฉันล่ะ? ยังไม่ถึงคาบเรียนเลยนะ”
มู่ชิงอี้หัวเราะเบาๆและพูดว่า “พวกเราจะรอไปกินข้าวกลางวันพร้อมกันไงล่ะ!”
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปที่โรงอาหารพร้อมกันและนั่งลง
โม่ซิ่วได้กล่าวว่า “ในเมื่อพวกเรากําลังจะต้องแยกกัน พวกเรามาหาวิธีเพื่อติดต่อหากันเถอะ ว่าแต่พวกนายจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหนต่องั้นเหรอ”
หลิวซี่หยางตอบว่า “ฉันจะไปมหาวิทยาลัยหยานจิ่ง นายก็ไปสอบเข้าที่นั่นด้วยสิจะได้ช่วยดูแลฉันบ้าง”
โม่ซิ่วยิ้ม "อะไรกัน นายน่ะดูแลตัวเองได้อยู่แล้วล่ะ"
เย่หยวนได้ตอบว่า “ฉันว่าน่าจะสอบเข้าที่มหาลัยในเมืองชุนนี่แหละ ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยในเมืองชุนจะเล็กไปหน่อย แต่ครอบครัวของฉันอยู่ที่นี่ ฉันก็เลยต้องอยู่กับครอบครัว”
พวกเขาพยักหน้าและมองไปที่มู่ชิงอี้
“ฉันอาจจะไปที่ปักกิ่งหรือทางตอนเหนือของกลุ่มพันธมิตรน่ะ”
ทางตอนเหนือของกลุ่มพันธมิตรนั้นอยู่ห่างไกลจากเมืองชุนและปักกิ่งอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นโม่ซิ่วจึงเข้าใจทันทีว่าทําไมมู่ชิงอี้ถึงได้บอกว่าเธอจะไปในสถานที่อันห่างไกล..