บทที่ 198 เจ้าหรือ คนสังหารลูกชายข้า
วิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียน เพิ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในเวลาไม่ถึงปี ต่อให้เขาจะฝึกฝนหนักมากถึงเพียงไหน หรือมีโอสถสูงส่งขั้นใด แต่มันก็ยังยากที่สหายน้อยเขา จะติดหนึ่งในสิบของการประลองฝีมือระดับสำนักแห่งอาณาจักรเสินไห่
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยแค่อยากลองดูเท่านั้น”
ถึงวันนี้เขาจะไม่ได้เข้าฌานบ่มเพาะในธาราโอสถพันปี แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มีปัจจุบัน มาตรว่าสามารถคว้าอันดับหนึ่งในอาณาจักรเสินไห่ได้อย่างแน่นอน
ยิ่งหลังจากได้บ่มเพาะปราณในธาราโอสถพันปี ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้นั้น ต่อให้มีเลี่ยวคุนถึงสิบคนก็ไม่อาจมีฝีมือทัดเทียมกับเขาได้ ไม่ต้องกล่าวถึงหูซิงและคนอื่นๆ ในอาณาจักรเลยด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลี่เหวินก็แสดงรอยยิ้ม เลิกพยายามเกลี้ยกล่อมหยางเสี่ยวเทียน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องไปกล่าวถึงหยางหลิงเอ๋อร์ ผู้เป็นน้องสาวของสหายน้อยเขา
“ขอแสดงความยินดีกับสหายน้อยหยาง ที่น้องสาวของเจ้าได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่ขึ้นมา ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงให้คนไปทั่วอาณาจักรโดยรอบได้ฮือฮายิ่งนัก ข้าเกรงว่าแม้แต่ทั้งจักรวรรดิก็ยังต้องตกอยู่ในความโกลาหล”
“ไม่นาน บรรดาสำนักน้อยใหญ่คงได้ออกมาแย่งตัวนาง เพื่อให้ได้นางเข้าร่วมเป็นศิษย์ สร้างชื่อเสียงให้แก่สำนักตน”
ข่าวที่ว่าหยางหลิงเอ๋อร์ได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่ บัดนี้ แพร่สะพัดไปทั่วทั้งอาณาจักรอย่างรวดเร็วประหนึ่งลมพายุ สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งอาณาจักรเสินไห่
ไม่ช้า อาณาจักรมังกรศักดิ์สิทธิ์จะต้องทราบข่าวนี้เป็นแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง บรรดาสำนักต่างๆ ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่จากทุกจักรวรรดิ เกรงว่าจะมารวมตัวกันอยู่ ณ จุดเดียว
วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงไม่มีทางสั่นคลอนจักรวรรดิได้ แต่วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่นั้นกำเนิดยากกว่ามาก การปลุกวิญญาณยุทธ์เช่นนี้ขึ้นมา จึงมิแปลกที่จะทำให้ทุกอาณาจักรต้องสั่นคลอน
หลี่เหวินมองหยางเสี่ยวเทียนผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย หยางเสี่ยวเทียนก็เป็นอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งอาณาจักรอยู่แล้ว แต่ตอนนี้น้องสาวของเขากลับร้ายกาจยิ่งกว่ามาก
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์หลี่สำหรับทุกอย่าง เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลา หากครั้งหน้ามีโอกาสข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่” หยางเสี่ยวเทียนกำหมัดแน่นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับอูฉีและหลัวชิง “เรารีบออกเดินทางกันเถอะ”
ไม่ช้า ทั้งสามก็เดินทางออกจากหอสมาคมนักปรุงโอสถระดับปรมาจารย์
ขณะนี้ จิตใจของเขาว้าวุ่นด้วยความกังวลจึงต้องรีบกลับไปยังเมืองเสินเจี้ยน เนื่องจากน้องสาวเขาได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่ ที่อาจทำให้ทั่วทั้งอาณาจักรแลสำนักต่างๆ ใคร่ต้องการตัว
เพราะวิญญาจารย์ผู้มีวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับนี้ สามารถสร้างชื่อกระทั้งให้อำนาจแก่บุคคลเหล่านั้นในภายภาคหน้าได้ มันจึงทำเขาหวั่นใจว่าจะต้องเกิดอันตรายขึ้นอีก
ดังที่หลี่เหวินกล่าวไว้ก่อนหน้า เมื่อสำนักมหาอำนาจของจักรวรรดิตื่นตัว เมืองเสินเจี้ยนจะต้องตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่
เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะต้องอยู่กับครอบครัวจึงจะสามารถปกป้องทั้งสามไว้ได้ โดยเฉพาะเรื่องบุคคลผู้ต้องการใช้น้องสาวเขา แลกกับคัมภีร์ทักษะหลอมโอสถวายุคลั่ง
ครั้นปรมาจารย์นักปรุงโอสถ เห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนขอตัวกลับเมืองเสิ้นเจี้ยน พวกเขาจึงออกจากโถงสมาคมนักปรุงโอสถหลัก แล้วร่ำลาอัจฉริยะน้อยหยางทั้งน้ำตาอาบสองแก้ม
หลี่เหวินได้ตามมาส่งหยางเสี่ยวเทียนจนออกจากเมืองหลวง
เขามองตามยังแผ่นหลังของหยางเสี่ยวเทียนผู้กำลังเดินจากไป ก่อนทอดถอนใจพึมพำ “เฮ้ย…น้องสาวของเขา”
หยางเสี่ยวเทียน อูฉีและหลัวชิงใช้เส้นทางเดินลัดเลาะไปตามหุบเขา และขณะนี้ท้องฟ้าสว่างใสก็ค่อยๆ มืดมัวลง
ระหว่างหยางเสี่ยวเทียนและคนอื่นๆ กำลังเดินผ่านหุบเขาอันแห้งแล้ง ทันใดนั้น ลูกเกาทัณฑ์อันแหลมคมจำนวนมากก็พวยพุ่งออกมาจากรอบข้างของหุบเขา
หัวลูกเกาทัณฑ์อันแหลมคมเหล่านี้ ล้วนมีของเหลวสีดำแวววาวอาบอยู่ ทำพวกเขารับรู้ได้ในทันทีว่าถูกอาบยาพิษ
“นายน้อย ระวัง!” เมื่อหลัวชิงเห็นสิ่งนี้ เขาก็ชักดาบออกมาโบกสะบัด สร้างลมกระโชกแรงเพื่อเป็นม่านป้องกันลูกเกาทัณฑ์นี้ ส่วนทางด้านอูฉี เขาก็ยกไม้เท้าขึ้นแล้วใช้พลังเวทย์ส่งพวกมันย้อนกลับไป
ทันใดนั้น ก็มีเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร้องออกมาจากทิศทางที่ลูกเกาทัณฑ์มุ่งกลับไป
ไม่ช้า เสียงโอดครวญเมื่อครู่ก็พลันเงียบลง
เหนือยอดเขาอันแห้งแล้ง ปรากฏกลุ่มคนของพรรคดาบโลหิต ย่างกรายออกมาจากความมืด ที่แฝงตัวอยู่ตามซอกและหลืบเขา
ครานี้ พวกมันมีจำนวนคนเยอะมาก มาตรว่าสองถึงสามพันคนเห็นจะได้!
หยางเสี่ยวเทียนประหลาดใจขณะเผยยิ้มเย็นเยียบ ไม่คิดว่าพรรคดาบโลหิตจะปรามาสตน ทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อเตรียมสังหารเขาถึงเพียงนี้
เวลานี้ กลุ่มคนจากพรรคดาบโลหิตได้หลีกทางออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา และผู้นำของพวกมันก็เดินมาพร้อมกับดาบใหญ่ในมือสองเล่ม มันยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยแววตาอันหยิ่งผยอง
“เจ้าหรือหยางเสิน”
เห็นได้ชัด ว่ามันคงล่วงรู้ประวัติและตัวตนของหยางเสี่ยวเทียนแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้ถึงความสามารถของหยางเสี่ยวเทียนเป็นอย่างดี แต่มันก็ยังต้องการที่จะลงมือสังหาร
“เจ้าคือคนที่สังหารลูกชายข้างั้นหรือ” ผู้นำพรรคดาบโลหิตถือดาบไว้ในมือ ดวงตาของมันประกายแสงเย็นยะเยือก
“เป็นข้าแล้วอย่างไร” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“อย่างไรงั้นหรือ หึ หึ” ผู้นำพรรคดาบโลหิตหัวเราะเยาะในลำคอ มันก็ชี้ปลายดาบมาทางหยางเสี่ยวเทียน แล้วแผดเสียงคำรามประหนึ่งฟ้าร้อง “ฆ่า!”
สิ้นเสียง เหล่าลูกสมุนของมันที่มีมากกว่าสองพันคน ก็พลันกระโจนลงจากยอดเขา พวกมันแต่ละคนยกดาบขนาดใหญ่ขึ้นสูง แล้วกรูกันเข้ามาสังหารกลุ่มหยางเสี่ยวเทียน
ด้วยจำนวนคนที่มากถึงสองพันจากพรรคดาบโลหิต เสียงโห่ร้องพวกมันดังสนั่นหุบเขา ขณะวิ่งกรูกันเข้ามาคล้ายคลากับฝูงมดแตกรังมิมีผิด
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของพรรคดาบโลหิต หลัวชิงก็เพียงเหยียดยิ้มเย็น ยินดียิ่งที่ได้ยืดเส้นยืดสายหลังต้องนั่งๆ ยืนๆ รอนายน้อยตนออกจากธาราโอสถอยู่นานกว่าสิบวัน
เขาก้าวเข้าไปประจันหน้าพร้อมกับดาบในมือ ฟาดฟันออกกระบวนท่า ปราณดาบก็กวาดพวกมันปลิวกระเด็นไปทันที
หลัวชิงกระชับด้ามดาบแน่น แล้วขยับร่างทะยานเข้าไปท่ามกลางพวกมัน ฟาดฟันอยู่ในนั้นไม่หยุดหย่อน ไม่ช้า เขาก็จมหายเข้าไปในกลุ่มคนจากพรรคดาบโลหิต ที่มีมากกว่าพันด้วยรอยยิ้มประทับบนใบหน้า