ตอนที่แล้วบทที่ 196 หยางหลิงเอ๋อร์ถูกลอบสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 198 เจ้าหรือ คนสังหารลูกชายข้า

บทที่ 197 เห่อชิงเจ๋อ ศิษย์สำนักเทียนโต้ว!


เมื่อทราบว่ามือสังหารถูกจับ พร้อมยังโดนทั้งห้าคอยยื้อชีวิตมันกลับมาทรมาน มิปล่อยให้ตายง่ายๆ หยางเสี่ยวเทียนจึงเอ่ยถามน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“มันยอมเปิดเผยหรือไม่ ว่าผู้ใดส่งมา”

“เลี่ยวคุนซ้อมมันอยู่นาน ก็ไม่ยอมเปิดปาก แต่หลังจางจิงหรงเริ่มถอดเล็บมัน มันถึงยอมเผยบอก” หลัวชิงกล่าวว่า “มันถูกส่งมาโดยเห่อชิงเจ๋อ ศิษย์จากสำนักเทียนโต้ว”

“สำนักเทียนโต้ว… เห่อชิงเจ๋อ” จิตใจหยางเสี่ยวเทียนดิ่งจมลง

ด้วยไม่คาดคิดว่าเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ จะเกี่ยวข้องกับสำนักเทียนโต้ว

“ขอรับ สำนักเทียนโต้ว” หลัวชิงกล่าว “เห่อชิงเจ๋อผู้นี้ เป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนักเทียนโต้วด้วยมีพรสวรรค์สูงส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรสวรรค์ทางด้านการหลอมโอสถ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาอัจฉริยะวัยเยาว์ของสำนักเทียนโต้วก็ว่าได้”

“ตอนนี้ เขาเป็นหนึ่งในสามอัจฉริยะวัยเยาว์ผู้โดดเด่นที่สุดของสำนักเทียนโต้ว”

“นอกจากนี้ เขายังเป็นศิษย์หลักแห่งอาณาจักรอู่ติง และเป็นหลานชายของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรอู่ติง”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หลัวชิงกล่าว หยางเสี่ยวเทียนก็ขมวดคิ้วทันที

หลานชายองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรอู่ติงกระนั้นหรือ?

จักรวรรดิเทียนโต้ว มีอาณาจักรภายใต้ปกครองทั้งหมดสี่สิบหกอาณาจักร

ซึ่งอาณาจักรอู่ติง มีอำนาจยิ่งใหญ่และครองอันดับหนึ่งทางด้านความแข็งแกร่งสุด ในบรรดาทั้งสี่สิบหกอาณาจักร

ส่วนอันดับสองที่เป็นรองด้านความแข็งแกร่งของอาณาจักรอู่ติง คืออาณาจักรกู่เจี้ยน

“เจ้าได้ถามเหตุผลของอีกฝ่ายหรือไม่ ว่าไฉนต้องมาลงมือลอบสังหารน้องสาวข้า” หยางเสี่ยวเทียนถาม สีหน้าเคร่งขรึม

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยมีความแค้นกับเห่อชิงเจ๋อเลยสักครั้ง อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรก ที่เขาเคยได้ยินนามของบุคคลผู้นี้

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าได้ถามมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันบอกว่าความตั้งใจแท้จริงที่มาในครานี้ มิใช่เพื่อลอบสังหารหยางหลิงเอ๋อร์ แต่หมายลักพาตัวนางไว้เป็นประกัน เพื่อใช้เจรจาต่อรองกับนายน้อยเรื่องคัมภีร์ทักษะหลอมโอสถวายุคลั่ง” หลัวชิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

หลังฟังเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าหยางเสี่ยวเทียนพลันมืดลงด้วยโทสะอีกหน

“นายน้อย สำหรับมือสังหารเราควรจัดการอย่างไร” หลัวชิงถามออกไป แม้นในใจตนจะรู้ดีว่าหยางเสี่ยวเทียนต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่

“ฆ่า!” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนเสริมว่า “ให้เลี่ยวคุนพาพ่อแม่ข้าและหลิงเอ๋อร์กลับมายังเมืองเสินเจี้ยนด้วย”

หลัวชิงพยักหน้ารับคำ แต่ขณะกำลังจะออกไป จู่ๆ เขาก็นึกถึงอะไรได้บางอย่างแล้วพลันเอ่ยขึ้น “จริงสินายน้อย ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

เขาหันกลับมากล่าว “สำนักเสินเจี้ยนส่งข่าวมาว่า สำนักเทียนโต้วได้ประกาศเปิดรับศิษย์เข้าร่วมสำนักแล้ว กำหนดเวลาลงทะเบียนคือสิ้นปีนี้”

“ไฉนเปิดรับเร็วกว่ากำหนด” หยางเสี่ยวเทียนพึมพำด้วยประหลาดใจ

การเปิดรับศิษย์เข้าร่วมสำนักเทียนโต้ว ที่กำหนดการมาเร็วกว่าปกติจนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่ว ผู้คนที่ได้ทราบ ล้วนเล่าลื่อถึงเหตุผลกันไปต่างๆ นาๆ ทั้งดีและเสีย

ภายในสิ้นปีนี้งั้นหรือ นี่มันเร็วกว่ากำหนดตั้งครึ่งปี

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าทำไมถึงเปิดรับเร็วเช่นนี้” หยางเสี่ยวเทียนเอ่ยถามหลังไตร่ตรองอยู่ครู่

“ไม่ทราบขอรับ” หลัวชิงกล่าวพลางส่ายศีรษะ

จากนั้นเสริมว่า “สำนักเทียนโต้วไม่ได้แจ้งเอาไว้ชัดเจนนัก เพียงแต่ขอให้แต่ละอาณาจักรจัดการประลองระดับสำนักในอีกสามเดือนข้างหน้า เพื่อเป็นการประเมินศิษย์ใหม่”

อีกสามเดือนข้างหน้ากระนั้นหรือ

ไฉนจึงปุบปับกะทันหันเช่นนี้

ไม่นานจากนั้น หลัวชิงก็หันหลังจากไป เพื่อทำตามคำสั่งของหยางเสี่ยวเทียนก่อนหน้า

หยางเสี่ยวเทียนยืนอยู่หน้าลานโถงหลัก ในหัวก็พลันคิดถึงเรื่องเห่อชิงเจ๋อ และการเปิดรับศิษย์ของสำนักเทียนโต้ว

“เห่อชิงเจ๋อ” คราใดนึกถึงนามนี้ แววตาเขาก็ทอประกายเย็นเยียบ

หากเขากล้าแตะต้องคนในครอบครัวหยางเสี่ยวเทียนแม้เพียงปลายนิ้ว ต่อให้อยู่ห่างไกลเพียงไหนหรืออยู่ภายใต้ราชวงศ์ใด เขาจะตามทรมานจนกว่ามันจะรู้สึกว่าอยู่ไม่สู้ตาย

เช้าตรู่ของวันถัดมา

ทันทีที่ฟ้าสาง หยางเสี่ยวเทียนก็รีบออกจากเรือนรับรองของหอสมาคมนักปรุงโอสถ เพื่อขอตัวลากับหลี่เหวิน เดินทางกลับเมืองเสินเจี้ยน

“สหายน้อย ไฉนเจ้าจึงปุบปับรีบกลับเมืองเสินเจี้ยนเร็วถึงขนาดนี้” หลี่เหวินถามด้วยความประหลาดใจ

หยางเสี่ยวเทียนยกมือประสานกำหมัดและกล่าวว่า “เนื่องจากสำนักเทียนโต้ว ใกล้เปิดรับศิษย์แล้ว ซึ่งในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่ละอาณาจักรจะมีการจัดประลองระดับสำนัก ข้าน้อยอยากกลับไปยังเมืองเสินเจี้ยนโดยเร็ว เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น”

หลี่เหวินพยักหน้า ขณะนี้เขาเพิ่งรู้ว่าสำนักเทียนโต้วกำลังจะเปิดรับสมัครศิษย์ล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนกล่าว ว่าเขาจะเข้าร่วมการประลองระดับสำนัก หลี่เหวินก็อดสงสัยไม่ได้ “สหายน้อย เจ้าต้องการเข้าร่วมการประลองระดับสำนักครั้งนี้ด้วยงั้นหรือ”

โดยปกติแล้ว ทุกครั้งที่จัดการประลองระดับสำนักของแต่ละอาณาจักร ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นราชันยุทธ์เท่านั้นที่ลงประลองฝีมือ

ซึ่งผู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำสุดในงานประลองนี้ ล้วนแต่อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับสิบกันทั้งนั้น

ทว่าสหายน้อยเขา หยางเสี่ยวเทียน แม้นมีฝีมือในการหลอมโอสถระดับสูง แต่ดูท่าพลังยุทธ์เขาจะยังไม่ถึงกับเข้าเกณฑ์ที่เหมาะแก่การเข้าร่วมนัก นั่นจึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หลี่เหวินกังวล ด้วยกลัวจะมีผู้ประสงค์ร้ายต่อเขา ใช้โอกาสนี้ลงมือ…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด