บทที่ 196 หยางหลิงเอ๋อร์ถูกลอบสังหาร
สถานการณ์ไม่คาดฝันพลันเกิดขึ้นอย่างกระชั้นชิด จนทุกคนที่มัวแต่ยินดี มิทันได้ตอบสนองเหตุร้ายนี้
หยางเฉาและหวงอิ๋ง ผู้คอยเฝ้าระวังหยางหลิงเอ๋อร์ไม่วางตา ทันประสบเห็นทุกอย่างพร้อมพุ่งตัวแหวกฝูงชนที่กำลังขวางทางไม่เป็นระเบียบสองสามคนจนพวกเขาร่างลอยกระเด็น
สีหน้ามืดมนหยางเฉาเปี่ยมด้วยอำมหิต ขณะปรี่ถึงตัวหยางหลิงเอ๋อร์พร้อมกระบี่ในมือยกปัดป้องคมดาบจากศัตรูที่กำลังพุ่งใกล้ตัวบุตรสาว พานให้มันต้องพลาดท่า ครั้นแรงเหวี่ยงกระบี่หยางเฉาผลักมันผู้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศปลิวออกไปกระแทกเข้าศิลาข้างจัตุรัสจนเศษฝุ่นฟุ้งกระจาย
“จับตัวมัน!”
เหล่าวิญญาจารย์และทหารองครักษ์ประจำเมืองซิงเยว่ที่มาคอยเฝ้ารักษาพิธีห้าถึงหกคน ต่างปรี่เข้าหมายจัดการผู้ไม่หวังดีภายใต้ฝุ่นหนาเตอะ ระหว่างพวกเขาย่างกรายเข้าใกล้ระยะฝุ่นละอองนั้น ปราณกระบี่สีแดงฉานก็พุ่งออกมาโถมใส่บุคคลที่กำลังตีวงล้อมหามันทันที
กลุ่มทหารองครักษ์เหล่านั้นร่างกระเด็นล้มลงก่อนกระอักเลือดคำใหญ่ พวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บจนบางคนถึงกับหมดสะติ
ส่วนหยางเฉาและหวงอิ๋งเพลานี้ พาหยางหลิงเอ๋อร์หลบหนีออกจากสถานที่ทันทีหลังมีผู้ประสงค์ร้ายต่อครอบครัวตน ขณะพวกเขาหลบหลีกผู้คนก็ต่างเผ่นเอาตัวรอดเช่นกัน มือสังหารอีกสองสามคนที่แฝงมากับกลุ่มคน พุ่งเข้าจู่โจมทั้งสามระหว่างไม่ทันระวังตัวอย่างเร็ว
“พาลูกหนีไปเสีย!” หยางเฉาตะโกน หลังผลักคนที่ตนรักทั้งสองให้ออกห่างจากวงล้อม พร้อมยกกระบี่ในมือเข้ากั้นคมดาบของมือสังหารสามคน พวกมันหนึ่งในนั้นใช้จังหวะนี้เหวี่ยงเท้าเตะเข้าซี่โครงหยางเฉาจนร่างถอยออกไปหลายก้าว
“ท่านพ่อ! ท่านพี่!” หวงอิ๋งและหยางหลิงเอ๋อร์ร้องตะโกนเสียงหลง ครั้นเห็นหยางเฉาตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มมือสังหาร
“ไป!!!” หยางเฉาแผดเสียงไล่คนที่ตนรักทั้งสอง ขณะพวกนางยังคงหันกลับมามองด้วยสายตาเป็นห่วง น้ำตาอาบไหลเต็มสองแก้มพานทำเขาอดกังวลมิได้
มือสังหารสองคนไม่รอช้า พุ่งจัดการหยางเฉาหลังพวกมันแยกเขาออกจากหวงอิ๋งและหยางหลิงเอ๋อร์ได้สำเร็จ ระหว่างทางนี้กำลังประมือกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นตายเท่ากัน สมาธิเขากลับยังมิวายห่วงภรรยาและลูก
“หลิงเอ๋อร์!!!” หยางเฉาที่เห็นมือสังหารอีกคนปรี่เข้าหาคนทั้งสองจากทางด้านหลัง ซึ่งปลายดาบมุ่งหมายยังตัวบุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจขณะหวงอิ๋งกำลังโอบกอด
ตูบ!
ฉากนี้ ทำเขาระเบิดวิญญาณยุทธ์ส่งร่างมือสังหารทั้งสองกระเด็นออกไปไกล หยางเฉาเคลื่อนตัวพร้อมๆ กับปลายดาบที่กำลังมุ่งแทงหยางหลิงเอ๋อร์ ซึ่งไม่ว่าเขาจะเร็วสุดชีวิตแค่ไหน อย่างไรก็ไม่เร็วพอปกป้องพวกนางเวลานี้
ซวก!
หยางเฉาชะงักตัวแข็งทื่อ ทรุดกายลงกับพื้นครั้นเห็นมือสังหารแทงบุตรสาวตนเบื้องหน้า ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาสิ้นสติแผดเสียงร้องตะโกนพร้อมลุกขึ้นหมายจัดการมันให้สิ้นสาแหรกขาด ระหว่างอีกสองคนพุ่งเข้าหาเขาจากทางด้านหลัง
“ท่านพ่อ!” ทันใดนั้น เสียงเรียกจากหยางหลิงเอ๋อร์ทำเขาหันมอง พร้อมเห็นปลายดาบที่ควรแทงบุตรสาวตอนนี้ กลับเป็นมือสังหารเองที่ถูกทะลวงอกจนปลายกระบี่ทะลุโผล่ยังด้านหลัง ก่อนร่างมันจะล้มลง เผยให้เห็นว่าทั้งสองยังปลอดภัยดี
ครั้นประสบเห็นเช่นนั้น เขาก็หันมองยังเบื้องหลังที่ยังเหลือมือสังหารอีกสองคนพุ่งเข้ามา แต่เพลานี้ กลับมีหนึ่งร่างไร้วิญญาณนอนแน่นิ่งขณะอีกคนอยู่ในอาการบาดเจ็บ
เมื่อรับรู้ว่าเหลือเพียงตนเองแล้ว ความรู้สึกหวาดกลัวแลตื่นตระหนกที่จู่ๆ พวกของมันได้ตายสิ้น เจ้ามือสังหารก็พร้อมทิ้งดาบ หันหลังเตรียบหลบหนี แต่ระหว่างมันคิดทำเช่นนั้น เสียงคมกระบี่แหวกตัดผ่านอากาศพุ่งทะลวงซี่โครงมันทันที
เวลานี้ ปรากฏร่างคนทั้งห้าเหินออกมาจากคนละทิศ พวกเขาคือเลี่ยวคุน จางจิงหรง และอีกสามคน เลี่ยนคุนกระแทกผนึกฝ่ามือเข้าหามันจนร่างกระเด็นไถลครูดไปกับพื้น
“จะ เจ้าเป็นใคร!” เจ้ามือสังหารผู้เหลือรอด เอ่ยถามขณะเลือดพุ่งออกจากปาก ดวงตาเบิกโพลงระคนเดือดดาล
“พวกเราเป็นใคร หึ” เลี่ยวคุนหัวเราะเยาะ “พวกข้าต่างหาก ที่ควรเป็นฝ่ายถามเจ้าเรื่องนี้”
ปรากฎว่าหยางเสี่ยวเทียน เป็นผู้ส่งคนทั้งห้ามาคอยเฝ้าระวังครอบครับตนที่เมืองซิงเยว่ ด้วยมีความกังวลว่าจะเกิดปัญหาระหว่างพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ หลังเขากับอูฉีและหลัวชิงออกเดินทางมายังเมืองหลวง
เจ้ามือสังหารยันกายลุกขึ้น เตรียมถอยตัวหลบหนีไปกับฝูงชน แต่ไม่เร็วเท่าฝ่าเท้าจางจิงหรงที่กำลังเหยียบทับบนหลังมันจนต้องนอนจมกับพื้นอีกหน มันหันเหลียวมองเรียวขาของหญิงงาม ผู้เคลื่อนกายหามันตั้งแต่เมื่อไรมิทราบได้
“จะรีบไปไหนเล่า เรายังมีธุระกับเจ้าอยู่” สุ้มเสียงแห่งความตาย แต่ไฉนไพเราะจนจิตใจเคลิบเคลิ้มดั่งมนต์สะกด ให้มันเผยแย้มยิ้มดวงตาหยาดเยิ้ม
……
สิบวันผ่านไปในพริบตา
หลี่เหวินออกมาเปิดประตูของสระธาราโอสถพันปีได้ตรงเวลา ซึ่งหลังประตูถูกเปิดกว้างดวงตาเขาพลันเบิกค้างทันที
หยางเสี่ยวเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในธาราโอสถพันปี แต่สระซึ่งเดิมเคยเต็มไปด้วยธาราของแก่นแท้แห่งสวรรค์และโลกตอนนี้กลับแห้งเหือด
“นี่!” หลี่เหวินชี้ไปที่สระธาราโอสถพันปี
ในเวลาเพียงสิบวัน หยางเสี่ยวเทียนได้ดูดซับพลังแก่นแท้จากสวรรค์และโลกในสระเกือบทั้งหมด นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยพบหรือคิดถึงมาก่อน
นักปรุงโอสถผู้เป็นอันดับหนึ่งในอดีต ได้รับรางวัลอนุญาตให้เข้าสู่ธาราโอสถพันปีเพื่อบ่มเพาะพลังปราณด้วยเวลาสิบวันเช่นเดียวกัน แต่ไม่มีผู้ใดดูดซับไปเกือบหมดแบบนี้
เขาต้องแกร่งขนาดไหน ถึงสามารถดูดซับแก่นแท้ของสวรรค์และโลกเกือบทั้งหมดจากธาราโอสถพันปีได้ในเวลาเพียงสิบวัน
หยางเสี่ยวเทียนลุกขึ้นยืนพร้อมสังเกตเห็นสีหน้าซีดเผือดหลี่เหวิน ก็รู้สึกละอายใจก่อนกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์หลี่ ข้าไม่คิดว่าธาราโอสถพันปีจะทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้มากถึงเพียงนี้”
หลี่เหวินเกือบเป็นลม ด้วยแก่นแท้ของสวรรค์และโลกในธาราโอสถ ใช้เวลาอยู่หลายศตวรรษกว่าจะสั่งสมได้มากขนาดนี้
คาดไม่ถึง ว่าเด็กน้อยเช่นเขาจะดูดมันเกือบทั้งหมดราวกับสูดหายใจ หลี่เหวินมองร่างเล็กๆ ของหยางเสี่ยวเทียนด้วยความทึ่ง ที่ในเวลาเพียงสิบวันเขากลับดูดซับแก่นแท้ของสวรรค์และโลกจวนเกือบสะอาดทั้งสระ
“ท่านปรมาจารย์หลี่ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้ามีโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ร้อยขวดหยก” หยางเสี่ยวเทียนขบคิดหาของทดแทนอยู่พักหนึ่ง จึงหยิบโอสถสร้างฐานวิญญาณออกมา
“ข้า มอบให้ท่านปรมาจารย์หลี่” เป็นของสิ่งเดียวที่เขาพอจะชดเชยให้ได้
หลี่เหวินตะลึง ครั้นเห็นโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ร้อยขวดหยกที่หยางเสี่ยวเทียนนำออกมา และท้ายที่สุด เขาทำได้เพียงรับมันอย่างช่วยไม่ได้
ความเป็นจริง เขาไม่สามารถตำหนิหยางเสี่ยวเทียนในเรื่องนี้ได้ เพราะมันคือรางวัลจากการแข่งขันหลอมโอสถที่เขาสมควรได้รับ
หยางเสี่ยวเทียนเพียงใช้ช่วงเวลาฝึกฝนตามคำแนะนำเขาเท่านั้น
จากนั้น หลี่เหวินจึงเชิญหยางเสี่ยวเทียนอยู่ต่อที่โถงหลักอีกสองสามวันอย่างอบอุ่น และคอยให้คำชี้แนะแก่นักปรุงโอสถเพื่อการพัฒนาทักษะการหลอมโอสถที่ดีขึ้น
หลี่เหวินแย้มยิ้ม ขณะกล่าวถึงบรรดานักปรุงโอสถที่หอสมาคมนักปรุงโอสถระดับปรมาจารย์ทุกคน ว่าต่างยกย่องชื่นชมหยางเสี่ยวเทียนมากจนแทบรอเขาช่วยมาแนะนำไม่ไหว
หยางเสี่ยวเทียนจึงตัดสินใจอยู่ต่อ เมื่อได้รับคำเชิญอันแสนอบอุ่นจากหลี่เหวิน
ตกดึก ระหว่างหยางเสี่ยวเทียนกำลังฝึกฝนเพลงกระบี่อยู่ภายในลานประจำโถงหลัก หลัวชิงก็ปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองซิงเยว่
“อะไรนะ น้องสาวข้าปลุกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่!” หยางเสี่ยวเทียนประหลาดใจ ก่อนพลันเปลี่ยนสีหน้ามืดลง ครั้นได้ทราบว่าหยางหลิงเอ๋อร์ถูกลอบสังหาร
“จับมือสังหารได้หรือไม่!”
“มือสังหารถูกจับแล้วขอรับ” หลัวชิงกล่าว