บทที่ 18 : หวังซวนหูผู้บ้าคลั่ง
บทที่ 18 : หวังซวนหูผู้บ้าคลั่ง
ที่สนามฝึกของโรงเรียนมัธยมชุน
เมื่อวานนี้ทั้งโรงเรียนได้จัดการสอบจําลองขั้นสุดท้ายก่อนที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเริ่มขึ้น
ในการสอบจําลองครั้งก่อน เนื่องจากมีนักเรียนบางคนที่ยังไม่ได้ปลุกพลังขึ้น จึงไม่มีการประเมินพลังใดๆ
การสอบจําลองครั้งล่าสุดนั้นเป็นการทดสอบเพียงอย่างเดียวที่มีการประเมินพลัง หรือก็คือผลการทดสอบนี้จะคล้ายกับผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจริงมาก
นักเรียนทุกคนจึงให้ความสําคัญกับการสอบนี้เป็นอย่างมากดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปิดบังความสามารถของพวกเขาเอาไว้เลย
ซึ่งวันนี้จะเป็นวันประกาศผล ซึ่งการจัดอันดับนั้นจะถูกประกาศบนกระดานหน้าสนามฝึก
การประกาศในครั้งนี้ได้สร้างความฮือฮาให้กับทั้งโรงเรียนทันที
เมื่อก่อนจะมีนักเรียนเพียงสองคนที่อยู่ในอันดับที่หนึ่งและสองของการสอบจําลองทุกครั้งโดยไม่มีใครขึ้นมาเบียดได้ ซึ่งก็คือโม่ซิ่วและมู่ชิงอี้
แต่คราวนี้รายชื่อสองอันดับแรกนั้นกลับเปลี่ยนไป
หวังซวนหูอยู่ในอันดับที่หนึ่งด้วยคะแนนรวม 910 คะแนน
ในขณะเดียวกัน หลิวชิงหยูอยู่อันดับที่สองด้วยคะแนนรวม 893 คะแนน
คะแนนสูงสุดของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยคือ 1,000 คะแนน ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทําคะแนนได้มากกว่า 900 คะแนน ดังนั้นผลลัพธ์ของสองคนนี้จึงอยู่เหนือความคาดหมายของคนอื่นไปเล็กน้อย
แม้ว่าหวังซวนหูจะเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกของชั้น ม.6 และได้อันดับสามในห้องเรียนมาหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยมีชื่อติดอยู่ในสิบอันดับแรกของทั้งโรงเรียนมาก่อน
ส่วนหลิวชิงหยูนั้นไม่เคยติดหนึ่งร้อยอันดับแรกเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นชื่อของทั้งสองคนนี้จึงทําให้ทั้งโรงเรียนแตกตื่น
ส่วนการหายตัวไปของมู่ชิงอี้และโม่ซิ่วนั้นก็มีข่าวลือแปลกๆด้วยเช่นกัน
ข่าวลือของมู่ชิงอี้นั้นดูปกติที่สุด เพราะทุกคนนั้นรู้ดีว่าครอบครัวของมู่ชิงอี้นั้นมีอำนาจและร่ำรวยมาก
มีข่าวลือว่ามู่ชิงอี้ได้ถูกครอบครัวของเธอย้ายให้ไปโรงเรียนมัธยมที่ดีกว่าเพื่อเตรียมการสอบครั้งสุดท้ายของเธอ
ในขณะเดียวกัน กลับมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปของโม่ซิ่ว
แต่มีข่าวลือเพียงสองอย่างเท่านั้นที่เป็นที่พูดกัน ซึ่งเรื่องแรกมาจากเจิ้งอี้เพื่อนสนิทของโม่ซิ่ว โดยเขาบอกว่าโม่ซิ่วกลายนักเรียนแลกเปลี่ยนจากทางโรงเรียนและในตอนนี้เขากำลังอยู่ที่โรงเรียนอื่น
แต่ข่าวลือนี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ เพราะอย่างแรก ทางโรงเรียนไม่เคยทำการส่งนักเรียนแลกเปลี่ยนไปโรงเรียนอื่นมาก่อน อย่างที่สอง แม้แต่เจิ้งอี้เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้โม่ซิ่วอยู่ที่โรงเรียนไหน
คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเจิ้งอี้นั้นกําลังพยายามปกปิดเรื่องของโม่ซิ่วเอาไว้และคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับโม่ซิ่ว
ส่วนข่าวลือที่สองนั้นมาจากคนอื่น ซึ่งได้บอกว่าโม่ซิ่วสร้างปัญหาให้กับผู้มีอำนาจมืดจนถูกทำร้ายสาหัสและไม่กล้ามาโรงเรียน
หลังจากนั้นข่าวลือนี้ก็เริ่มมีการใส่ไข่เข้าไปมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งมีแม้กระทั่งอธิบายด้วยว่าโม่ซิ่วถูกทำร้ายที่ไหนและมีบางคนถึงกับบอกว่าพวกเขาได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง
ดังนั้นข่าวลือของโม่ซิ่วจึงไปถึงหูของเย่เฉียนอย่างรวดเร็ว
เย่เฉียนรู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่อได้ยินข่าวลือนี้ เธอไม่เชื่อว่าผู้มีพระคุณของเธอจะต้องไปเจอกับเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ
ด้วยเหตุนี้เย่เฉียนจึงไปหาเจิ้งอี้เพื่อถามเรื่องของโม่ซิ่วให้แน่นอน
เจิ้งอี้เองก็หงุดหงิดมากเช่นกัน เมื่อได้ยินข่าวลือแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความหาโม่ซิ่วไปเมื่อสองวันก่อน
เจิ้งอี้นั้นให้ความมั่นใจกับเย่เฉียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าโม่ซิ่วนั้นปลอดภัยดีและจะกลับมาอย่างแน่นอนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะเริ่มขึ้น
หลังจากที่เย่เฉียนกลับไป เธอจึงไปบอกเรื่องของโม่ซิ่วให้ทุกคนในชั้นเรียนของเธอฟัง แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครฟังเธอและคิดว่าเธอนั้นเพ้อเจ้อว่าโม่ซิ่วจะกลับมาได้อย่างไร?
แต่กลับกัน หวังซวนหูนั้นกลับเป็นคนที่ดูมีความสุขที่สุดเมื่อได้ยินข่าวลือนี้
หวังซวนหูนั้นเคยถูกโม่ซิ่วทำให้อับอายมาก่อน นอกจากนี้ยังโดนแฉพลังของเขาอย่างละเอียดซึ่งมันอาจส่งผลต่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเขาอีกด้วย
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก
ซึ่งหวังซวนหูนั้นก็หวังให้ข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริงเช่นกัน ส่วนเหตุผลที่พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั้นเป็นเพราะว่าพ่อของเขาได้มอบแหวนวิญญาณให้กับเขา
แหวนวิญญาณนั้นสามารถเพิ่มเลเวลของพลังได้เป็น เลเวล 2 ได้ทันที ซึ่งราคาของแหวนวิญญาณนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย นอกจากนี้ไม่ว่าแหวนวิญญาณนี้จะขายแพงแค่ไหนก็จะมีคนซื้อมันอย่างแน่นอน เพราะความต้องการแหวนวิญญาณนั้นมีสูงมาก
พ่อของหวังซวนหูได้ใช้ทรัพย์สมบัติของครอบครัวเกือบทั้งหมดเพื่อซื้อแหวนวิญญาณนี้ หลังจากที่ใช้แหวนวิญญาณแล้ว พลังของหวังซวนหูจึงก็ได้รับการอัพเกรดเป็น เลเวล 2 ซึ่งตอนนี้เขาอาจถูกจัดให้อยู่อันดับต้นๆในเมืองชุนไปแล้ว
และด้วยผลลัพธ์ของเขาดีขึ้น การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเขาจึงราบรื่นขึ้นมาก นอกจากนี้เขายังดีใจมากอีกด้วยที่ได้ยินว่าโม่ซิ่ว นั้นบาดเจ็บสาหัว
แต่ถึงอย่างนั้นหวังซวนหูก็ยังไม่พอใจ เพราะวันนั้นโม่ซิ่วได้ทําให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถตามหาตัวโม่ซิ่วเพื่อแก้แค้นได้ หวังซวนหูจึงทําได้เพียงระบายอารมณ์ใส่เจิ้งอี้ได้แทนเท่านั้น
ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น ที่สนามฝึกซ้อมของโรงเรียนมัธยมปลายชุน...
ผู้คนหลายร้อยคนกำลังมารวมตัวกันที่สนามฝึกซ้อมซึ่งพวกเขาทั้งหมดต่างเฝ้ารอการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างเจิ้งอี้ผู้ซึ่งเคยต่อสู้กับปีศาจอินทรีและหวังซวนหูผู้ที่ได้รับคะแนนจากการทดสอบเป็นอันดับที่ 1
หวังซวนหูได้ท้าดวลเจิ้งอี้เมื่อวานนี้ และด้วยนิสัยของเจิ้งอี้เขาจึงไม่ปฏิเสธ
การต่อสู้นี้ไม่ได้ดุเดือดอย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้ เพราะการต่อสู้นั้นใช้เวลาน้อยกว่าห้านาทีด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ามันจบลงด้วยการที่หวังซวนหูเอาชนะเจิ้งอี้ได้อย่างราบคาบ
เจิ้งอี้นอนแผ่ลงบนพื้นและกัดฟันกรอด "ฉันยอมแพ้"
ด้วยความแตกต่างในระดับพลังที่มากเกินไป แม้ว่าพลังของเจิ้งอี้จะแข็งแกร่งมาก แต่พลังดั้งเดิมของหวังซวนหูก็ไม่ธรรมดาประกอบกับพลังของหวังซวนหูที่เป็นเลเวล 2 ดังนั้นเขาจึงเอาชนะเจิ้งอี้ได้อย่างง่ายดาย
หวังซวนหูนั้นเดินไปและยื่นมือขวาของเขาออกไป
เจิ้งอี้คิดว่าหวังซวนหูกำลังจะช่วยเขาให้ลุกขึ้นมา เขาจึงเพิ่งยื่นมือออกไป แต่หวังซวนหูกลับชักมือกลับ
หลังจากนั้นเขาได้เตะมือของเจิ้งอี้อย่างไร้ความปราณีด้วยพลังทั้งหมดของเขา จนทำให้เจิ้งอี้กลิ้งไปไกลด้วยความเจ็บปวด
“อ๊ากกก!!! แก! ไอ้หวังซวนหู”
หลังจากนั้นหวังซวนหูได้เตะเขาอีกครั้ง
“อะไรนะ? นายพูดอะไรน่ะทำไมเสียงเบาจัง?”
เจิ้งอี้เหงื่อตกด้วยความเจ็บปวด เขากัดฟันและพูดว่า "แก! จำเอาไว้ให้ดีเชียวล่ะ!"
“อะไรกันเจี้งอี้ นี่นายคิดจะกลับาแก้แค้นฉันอีกงั้นเหรอ?”
เจิ้งอี้ตัวสั่นและไม่พูดอะไรอีกต่อไป เหล่าผู้ชมรอบข้างต่างก็รู้สึกว่าหวังซวนหูนั้นเริ่มทำเกินไปแล้ว
หนึ่งในผู้ชมนั้นเดินออกมาและพูดว่า “หวังซวนหู ในเมื่อนายชนะแล้วก็เลิกทำแบบนี้สักทีเถอะ!”
หวังซวนหูเบิกตากว้างและตะคอกใส่ทันที “อะไรนะ? นี่แกมีปัญหากับฉันงั้นเรอะ?”
หลังจากนั้นทุกคนก็เงียบและไม่มีใครพูดอะไรอีก
หวังซวนหูยังรู้สึกไม่หนำใจพอและคิดที่จะเตะเจิ้งอี้อีกครั้ง
“พอได้แล้ว! นี่มันชักจะเกินไปแล้วนะเฮ้ย!”
เมื่อหวังซวนหูได้ยินแบบนี้ เขาจึงหันกลับมาและเห็นชายร่างผอมสวมแว่นตาเดินออกมาจากฝูงชน
หวังซวนหูพูดอย่างหงุดหงิดว่า “แกเป็นใครกัน? หรือว่าแกคิดจะสู้กับฉันต่อจากไอ้สวะนี่งั้นเรอะ?!”
“ฉันชื่อหลิวชิงหยู ถ้านายต้องการแบบนั้นฉันก็จะสู้กับนายเอง”
"หลิวชิงหยูงั้นเรอะ?"
หวังซวนหูนึกขึ้นได้ว่าหลิวชิงหยูนั้นอยู่ในอันดับที่สองของการสอบจําลอง นอกจากนี้ยังสนิทกับโม่ซิ่วอีกด้วย
“ถ้าอย่างนั้นแกกับฉันจะต้องมาสู้กันพรุ่งนี้เวลานี้!”
"ได้อยู่แล้ว!"
หวังซวนหูจ้องไปที่หลิวชิงหยู จากนั้นทุกคนก็เปิดทางให้เขาทันทีและเดินจากไป
หลิวชิงหยูพยุงเจิ้งอี้ขึ้นมาช้าๆและถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? เจ็บมากรึเปล่า?”
เจิ้งอี้มองไปที่มือขวาของเขาและถอนหายใจ "เฮ้อ ฉันว่ามือขวาของฉันน่าจะหนักเอาการทีเดียว"
หลังจากนั้นหลิวชิงหยูได้พาเจิ้งอี้ไปโรงพยาบาลทันที ซึ่งหลังจากตรวจอาการแล้วจึงได้รู้ว่าข้อมือขวาของเจิ้งอี้นั้นหัก
“เจิ้งอี้ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยกําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้าหากนายกลัวว่าข้อมือของนายจะส่งผลต่อการสอบ ฉันมียาอยู่ที่บ้านที่ช่วยรักษาข้อมือของนายได้ แต่มันอาจจะเจ็บสักหน่อยนะ”
ใบหน้าของเจิ้งอี้ถึงกับซีด เขาผายมือซ้ายทันทีแล้วพูดว่า “ฉันรู้นะว่ามันเป็นยาอะไรน่ะ เพราะฉันเองก็มียานั่นอยู่ที่บ้านเหมือนกัน ฉันน่ะเคยใช้มันมาก่อนดังนั้นฉันจึงรู้ว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน”
หลิวชิงหยูส่ายหัวและถอนหายใจ
เจิ้งอี้พูดต่อ "ว่าแต่นายเถอะ โอกาสที่นายจะชนะกับหวังซวนหูได้มีมากสักเท่าไหร่กัน?"
"คิดว่าน้อยกว่า 10% นะ"