บทที่ 14 : มู่ชิงอี้ผู้แข็งแกร่ง
บทที่ 14 : มู่ชิงอี้ผู้แข็งแกร่ง
โดยไม่รู้ตัว ทั้งสองคนต่อสู้กันมานานกว่า 20 นาทีแล้ว แต่ยังไม่มีใครเป็นผู้ชนะ
เย่หยวนได้แสดงให้เห็นถึงความอึดที่เหนือกว่า ส่วนหลิวซี่หยางนั้นเริ่มรู้สึกเหนื่อย ช้าลง และแทบจะไม่ขยับตัวอีกต่อไป ซึ่งเขาใช้เพียงความยืดหยุ่นของข้อมือเพื่อป้องกันตัวเอง
เย่หยวนนั้นรู้ทันทีว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว
ทันใดนั้น แสงไฟสว่างจ้าปรากฏขึ้นใต้เท้าของหลิวซี่หยางซึ่งเผยให้เห็นธาตุไฟ! ทันใดนั้นหลิวซี่หยางได้กลายเป็นเงาดำและปรากฏตัวที่ด้านซ้ายของ เย่หยวนในพริบตา
หลิวซี่หยางถือดาบสั้นเอาไว้ด้วยความมั่นใจในชัยชนะ แต่แล้วลำแสงสีทองสามดวงได้สว่างจ้าและปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา
อย่างแรกคือธาตุไม้ซึ่งตรึงร่างหลิวซี่หยาง และอีกสองอย่างคือธาตุไฟซึ่งสร้างความเสียหายให้กับหลิวซี่หยาง
หลิวซี่หยางที่กำลังหมดแรง ดังนั้นความเสียหายจากธาตุไฟทั้งสองจึงทําให้เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป
หลิวซี่หยางนอนแผ่ลงบนพื้นและพูดว่า "ฉันยอมแพ้"
หวังหยูจึงประกาศผลการต่อสู้ทันที
"การต่อสู้ในครั้งนี้ เย่หยวนคือผู้ชนะ!"
หลิวซี่หยางพยายามฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งและพูดว่า "ฉันไม่เข้าใจเลยว่านายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นจนตั้งพลังธารตุเอาไว้ล่วงหน้าได้"
เย่หยวนตอบว่า “ในฐานะผู้ใช้พลังธาตุ ฉันมีความเชี่ยวชาญในการตั้งกับดัก ตอนนั้นนายกำลังหมดแรงดังนั้นเมื่อฉันปล่อยพลังไฟออกมา นายจะต้องใช้พลังของนายอย่างแน่นอน”
“กุญแจสําคัญคือที่ที่นายจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากใช้พลัง หากพลังของนายเหลือน้อยนายคงไปไหนได้ไม่ไกลนัก”
“ดังนั้นจึงมีสามที่ที่นายจะไปได้ซึ่งก็คือด้านหลังฉันและทั้งสองข้างของฉัน แต่นายรู้ว่าฉันจะระวังด้านหลังของฉันมากที่สุด ในขณะที่มือขวาของฉันก็กำลังถืออาวุธอยู่ ดังนั้นฉันจึงเดิมพันว่านายจะต้องปรากฏขึ้นที่ด้านซ้ายของฉัน ซึ่งหนึ่งวินาทีหลังจากที่ฉันวางพลังไฟเอาไว้ นายก็ปรากฏตัวขึ้นดังนั้นฉันเลยตั้งพลังธาตุเพิ่มขึ้นอีกทางฝั่งซ้ายของฉันเอาไว้ติดต่อกัน”
หลิวซี่หยางทําหน้าอึ้งและพูดว่า “น่ากลัวจริงๆ นายนี่เฉียบแหลมไม่เบา”
แม้พลังของเย่หยวนจะเหมาะสมมากในการสู้เป็นทีม แต่เขากลับใช้พลังของเขาเพื่อต่อสู้แบบตัวต่อตัวได้อีกด้วย
โม่ซิ่วจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่หยวนอีกครั้ง ในการต่อสู้ครั้งก่อนกับหวังเล่ย เป็นโม่ซิ่วที่จัดแผนต่อสู้มาโดยตลอด เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะมีความสามารถในการวิเคราะห์และวางแผนที่เก่งกาจขนาดนี้ด้วย
แม้ว่าจะโม่ซิ่วไม่รู้ว่าเย่หยวนสามารถตั้งวางพลังธาตุได้กี่ครั้ง แต่เขาคาดเดาว่าน่าจะมีขีดจํากัดในการวางพลังธาตุแต่ละครั้งอยู่
อันที่จริง หลังจากที่เย่หยวนเปิดใช้พลังของเขา ไม่ว่าเขาจะใช้ธาตุประเภทใด เขาก็ยังสามารถใช้ได้อีกเพียงห้าธาตุก่อนที่จะเข้าสู่สถานะคูลดาวน์
แม้ว่าหลิวซี่หยางจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าความเร็วของหลิวซี่หยางนั้นจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่เขาปล่อยภาพลวงตาออกมา ดังนั้นเย่หยวนจึงทำได้เพียงแค่เดิมพันในครั้งนี้เท่านั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังตราตรึงกับการต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยูได้ประกาศการต่อสู้คู่ต่อไปแล้ว
โม่ซิ่วและมู่ชิงอี้ก้าวออกมาแล้วเช่นกัน ซึ่งทำให้โม่ซิ่วใช้พลังเนตรแห่งพระเจ้าใส่มู่ชิงอี้ทันที
"พลังแรก : การย่นระยะ"
“ผลของพลัง: (1) วาร์ป : ส่งผลให้ผู้ใช้พลังสามารถวาร์ป (2) ควบคุมวัตถุ : ส่งผลให้ต่อวัตถุสามารถคลื่อนที่ได้สองครั้งในสามวินาที
"คูลดาวน์ : ห้าวินาที (เมื่อเปิดใช้งานการควบคุมวัตถุ การเคลื่อนไหวครั้งที่สองของวัตถุจะไม่ติดสถานะคูลดาวน์)"
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ซิ่วตกใจหลังจากที่ใช้พลังเนตรแห่งพระเจ้า ซึ่งเขารู้สึกตกใจเมื่อได้รู้ว่าเธอสามารถวาร์ปได้และใช้เวลาคูลดาวน์เพียงห้าวินาทีเท่านั้น
หรือก็คือ ถ้าโม่ซิ่วต้องการเอาชนะเธอ เขาจะต้องหลบดาบสั้นทั้งสองอันของมู่ชิงอี้แล้วเอาชนะเธอให้ได้ภายในห้าวินาที
"เตรียมตัวให้พร้อม... เริ่มได้!"
โม่ซิ่วไม่ลังเลและเปิดใช้งาน “ก้าวข้ามขีดจำกัด” ทันที จากนั้นเขาก็ย่นระยะห่างระหว่างเขากับมู่ชิงอี้ด้วยความเร็วสูงสุด
โม่ซิ่วรู้ว่ามู่ชิงอี้จะใช้การโจมตีระยะไกล ดังนั้นยิ่งระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลง โอกาสในการคว้าชัยชนะของเขาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
มู่ชิงอี้ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอหยิบดาบสั้นออกมาจากเอวด้วยมือขวาแล้วปามันออกไปเบาๆ
ทันทีที่ดาบสั้นออกมาจากมือของเธอ มันได้พุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงจนโม่ซิ่วรู้สึกว่าดาบสั้นนี้ไม่ธรรมดา
มู่ชิงอี้ต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างในการใช้พลังเมื่อเธอขว้างดาบสั้นมา แม้ว่าการปาดาบนั้นจะดูเบา แต่ในความเป็นจริงมันเคลื่อนที่เร็วมาก
ดาบสั้นพุ่งตรงไปที่หน้าผากของโม่ซิ่ว ซึ่งโม่ซิ่วนั้นก็คิดที่จะหลบเพราะเขารู้ว่ามู่ชิงอี้จะต้องเปลี่ยนทิศทางของดาบสั้นนั้นอย่างแน่นอน
แต่เมื่อดาบสั้นพุ่งเข้ามาใกล้เขา โม่ซิ่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดความเร็วและหลบ
ขณะที่โม่ซิ่วลดความเร็วดาบสั้นก็หายไป ซึ่งมันทำให้โม่ซิ่วไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามและทําได้เพียงค้นหาดาบสั้นนั้น
จากนั้นโม่ซิ่วก็หันกลับมาและเห็นว่าดาบสั้นนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาจากด้านหลัง
โม่ซิ่วขมวดคิ้ว ทําไมเธอถึงขยับดาบสั้นไปไกลขนาดนั้น? เธอควรจะปล่อยให้ดาบสั้นเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ไม่ทันระวังไม่ใช่หรือ?
โม่ซิ่วจ้องไปที่ดาบสั้นนั้น เมื่อดาบสั้นนั้นเข้ามาใกล้เขา เขาก็หลบไปด้านข้างและเตรียมที่จะคว้ามันไว้ด้วยมือของเขา
แต่หลังจากนั้นดาบสั้นก็หายไปอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันเคลื่อนตัวออกจากตําแหน่งเดิมเพียงระยะสั้นๆและปรากฏขึ้นต่อหน้าโม่ซิ่ว โม่ซิ่วที่ไม่สามารถหลบได้ทันจึงทําได้เพียงนอนราบเพื่อหลบดาบสั้นนั้น
ในขณะนี้ โม่ซิ่วที่กำลังนอนราบอยู่บนพื้นดูน่าสมเพชอย่างมาก
พลังของมู่ชิงอี้นั้นจัดการได้ยากมาก ถ้าโม่ซิ่วไม่รู้พลังของเธอ เขาอาจจะบาดเจ็บไปแล้ว
โม่ซิ่วที่กำลังยืนขึ้น จู่ๆก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้และมองไปที่มู่ชิงอี้
โม่ซิ่วคิดในใจว่า "นี่ฉันถูกหลอกงั้นเหรอ?!"
มู่ชิงอี้ที่ใช้พลังควบคุมวัตถุหลังจากที่ใช้เป็นครั้งแรกพลังจะเข้าสู่ช่วงคูลดาวน์ แต่หลังจากที่ดาบสั้นปรากฎขึ้นมันได้กินเวลาไปมากกว่าห้าวินาที นั่นหมายความว่าพลังของเธอได้รับการรีเฟรชและสามารถใช้ได้อีกครั้ง
นั่นหมายความว่าการที่เธอเคลื่อนย้ายดาบสั้นให้ออกไปไกลขึ้นนั้นก็เพื่อซื้อเวลาให้มากขึ้นในการใช้พลังควบคุมวัตถุครั้งที่สอง
ก่อนที่โม่ซิ่วจะทันได้ตั้งท่า มู่ชิงอี้ก็ปาดาบสั้นเล่มที่สองออกมา
โม่ซิ่วที่รู้ถึงกลยุทธ์ของมู่ชิงอี้แล้ว ด้วยการใช้ช่วงเวลาสามวินาทีในการใช้พลังควบคุมวัตถุทั้งสอง ทำให้แทบจะสามารถใช้พลังของเธอได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ติดคูลดาว์น
โม่ซิ่วจะไม่ปล่อยโอกาสให้มู่ชิงอี้ทําให้เขาหมดแรงและถ่วงเวลาอีกต่อไป
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจดาบสั้นที่พุ่งเข้ามาและวิ่งตรงไปหามู่ชิงอี้ทันที
คราวนี้เมื่อดาบสั้นพุ่งเข้ามาใกล้โม่ซิ่ว โม่ซิ่วไม่ได้ลดความเร็วลงแต่เขาแค่เอียงหัวดาบสั้นนั้นลอยผ่านเขาไป
โม่ซิ่วนับถอยหลังอย่างเงียบๆในใจขณะที่ดาบสั้นนั้นหายไปและเริ่มเคลื่อนไหว เขาเริ่มคํานวณเวลาคูลดาวน์พลังของมู่ชิงอี้แล้ว
ห้า...
คราวนี้ดาบสั้นได้ปรากฏขึ้นด้านหลังโม่ซิ่ว แต่มันอยู่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
โม่ซิ่ว มองย้อนกลับไปและเร่งความเร็วให้เร็วกว่าดาบสั้นเล่มนั้น
สี่...
โม่ซิ่วในตอนนี้ยังไม่เร็วเท่าดาบสั้นที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
จากนั้นโม่ซิ่วก็ทําในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขากลิ้งลงกับพื้นอย่างรวดเร็วเพื่อลดความเร็วของเขาให้ได้มากที่สุดในขณะที่หลบดาบสั้น
สาม...
ดาบสั้นได้หายไปอีกครั้งและปรากฎขึ้นโดยที่ตอนนี้โม่ซิ่วอยู่ห่างจากมู่ชิงอี้เพียงไม่กี่ก้าว
มู่ชิงอี้ที่กําลังควบคุมดาบสั้นเพื่อมุ่งเป้าในการเคลื่อนครั้งที่สอง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเบี่ยงเบนการโจมตีของโม่ซิ่วและหลบได้
สอง...
มู่ชิงอี้นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ในขณะนั้นดาบสั้นก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอกของโม่ซิ่วเช่นกัน
มู่ชิงอี้นั้นรู้ทันทีว่าโม่ซิ่วไม่สามารถหลบการโจมตีได้ เพราะคราวนี้ดาบสั้นจะพุ่งทะลวงไปที่หัวใจของโม่ซิ่วดังนั้นโม่ซิ่วจะต้องหลบมันอย่างแน่นอน
หนึ่ง...
ขณะที่ดาบสั้นกำลังพุ่งไป หมัดของโม่ซิ่วก็พุ่งเข้าหามู่ชิงอี้และหยุดห่างจากใบหน้าของเธอหนึ่งเซนติเมตรพร้อมกับสายลมจากหมัดของเขาที่พัดผมของมู่ชิงอี้ให้สยายออกไป
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง มู่ชิงอี้จึงพูดว่า "ฉันแพ้แล้ว"
โม่ซิ่วนั้นหลบดาบสั้นได้ แต่เขาหลบมันด้วยท่าทางที่แปลกมาก
เขาไขว่ห้างและตัวของเขาก็เอียงไปทางด้านข้างเหมือนกับปู
ดาบสั้นนั้นพุ่งผ่านหน้าอกของโม่ซิ่วไปและไปเฉือนเข้าที่เสื้อผ้าของเขาแทน
โม่ซิ่วยิ้มและพูดว่า “เกือบไปแล้ว ถ้าเธอไม่หยุดเอาไว้เพียงครู่เดียวฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
มู่ชิงอี้นั้นหยุดดาบสั้นเอาไว้ครู่หนึ่งจริงๆในวินาทีสุดท้าย ซึ่งทําให้โม่ซิ่วมีเวลาหลบได้ทัน
โม่ซิ่วรู้ว่าแม้ว่าเธอจะหยุดดาบสั้นเอาไว้แต่เขาก็ยังเป็นฝ่ายชนะ แต่มันจะต้องแลกมาด้วยเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ซึ่งในตอนนี้ทั้งหวังเล่ยและหวังหยูต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจ
เขาจะหลบการโจมตีที่รุนแรงของดาบสั้นทั้งสองและจะหลบให้เหมือนกับปูได้ยังไง?
แม้ว่านี่มันอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่นั้นมีความคิดแบบเดียวกันอยู่ในใจ
โม่ซิ่วนั้นเป็นนักรบในสายเลือดอย่างแท้จริง...