ได้รับบริษัทก่อสร้างและชุมชนขนาดกลาง (อ่านฟรี 21/08/2567)
“เรื่องแค่นี้เอง! จริงสิ! คุณเย่เซวียนรอผมสักครู่นะครับ” หวังเฉากล่าวออกมาก่อนจะเดินไปลากตัวหลี่เจิ้งที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่มาด้วย
“เฮ้ย! ฉันจะได้ว่าแกพอจะมีธุรกิจอะไรอยู่ไม่ใช่เหรอ ? ยกพวกมันทั้งหมดให้คุณเย่เซวียนจะได้ไหม ?” หวังเฉาตะคอกถามหลี่เจิ้งเสียงดังจนอีกฝ่ายสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว
“ฮะ! แต่ว่าธุรกิจเหล่านั้นผมทำมันขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงกว่ายี่สิบปีเลยนะครับ!” หลี่เจิ้งที่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวถึงกับลืมความกลัวแล้วกล่าวแย้งขึ้นมา
ถ้าเขาต้องยกธุรกิจทั้งหมดให้คนอื่นไปล่ะก็ ชีวิตของเขามีหวังไม่เหลืออะไรแน่ ๆ !
“เงิน กับ ชีวิต แกเลือกอะไร ?” หวังเฉาทำเสียงเข้มขึ้น เข้าเน้นเสียงก่อนจะกล่าวออกมาทีละคำ ทำให้หลี่เจิ้งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะต่อรองอะไรอยู่แล้ว
ปึด! ฉึก! อ๊ากกก หมับ!
“เงียบหน่อย! จะเสียงดังทำไม ? แค่หูข้างเดียวโวยวายไปได้!” หวังเฉาเอามือปิดปากของหลี่เจิ้งที่ตอนนี้หูถูกตัดไปข้างหนึ่ง หลี่เจิ้งตัวสั่นน้ำหูน้ำตาไหลด้วยความกลัว หว่างขาของเขามีน้ำไหลออกมาเจิ่งนองไปหมด
“ทุเรศจริง ๆ ! ฉี่แตกเลยเหรอวะ ตกลงแกจะยอมยกให้ หรือ จะให้ฉันหาที่ให้แกพักผ่อนระยะยาวดีล่ะ ?” หวังเฉากล่าวออกมาด้วยหน้าตาน่ากลัวก่อนจะเอามือออกจากปากของอีกฝ่าย
“ผะ..ผมม ผมยอมแล้วครับ อย่าฆ่าผมเลย ไว้ชีวิตผมเถอะ ฮึก!” หลี่เจิ้งกล่าวออกมาเสียงสั่น เขาร้องไห้ออกมาไม่หยุด
“คือว่า... ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะครับ” เย่เซวียนที่รู้สึกโกรธแค้นอีกฝ่ายในตอนแรก พอเห็นสภาพในตอนนี้ก็ใจอ่อนลงมาก เขารู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้สิ
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ถึงยังไงคุณท่านก็บอกแล้วว่าให้จัดการเรื่องนี้ตามที่คุณเย่เซวียนต้องการ ถ้าคุณไม่อยากให้มันตาย ผมก็จะไม่ฆ่ามัน” หวังเฉากล่าวออกมาทำให้เย่เซวียนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
สำหรับชายหนุ่มที่เติบโตมาอย่างปกติเช่นเขา การได้เห็นคนตายหรือเป็นสาเหตให้ใครตายมันทำให้เขาลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนเรื่องการรับธุรกิจของอีกฝ่ายมานั้นเขาไม่ได้คิดมากอะไร เพราะจากที่เขามองชายชราคนนั้นต้องเป็นคนสำคัญอย่างมากเป็นแน่ ถ้าเขาไม่รับธุรกิจทั้งหมดของอีกฝ่ายมา แถมยังไม่อยากให้อีกฝ่ายตายด้วย คนของชายชราอาจไม่ปล่อยหลี่เจิ้งไปก็ได้ หรือไม่ก็อาจหาทางทำลายธุรกิจของอีกฝ่ายอยู่ดี
เมื่อเป็นแบบนั้นสู้เขารับธุรกิจทั้งหมดมาดูแลหรือหาคนดูแลแทนจะดีเสียกว่า ถึงยังไงเขาก็ยังมีปู่ที่ต้องพากลับมาอยู่ด้วยอีก การเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อมย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เงินมีมากไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร
“แกมีธุรกิจอะไรบ้างนะ ? ทรัพย์สมบัติทั้งหมดด้วย บอกมาให้ละเอียด! ถ้าปกปิดแล้วฉันรู้เข้าแกตายแน่!” หวังเฉากล่าวถามออกมาด้วยเสียงราบเรียบ หลี่เจิ้งที่รู้ตัวดีว่าเขาหมดหนทางแล้วก็ได้แต่บอกอีกฝ่ายตามตรง
“ผมมีบริษัทเจิ้งหลี่คอนดัคชั่น ทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร ทำถนน ทำไฟครับ”
“แล้วก็มีชุมชนเล่ยเฉิง เป็นชุมชนขนาดกลางห่างจากเมืองชางโจวประมาณหนึ่งชั่วโมง สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในนั้นผมเปิดให้ผู้คนเช่าอยู่ครับ มีอาคาร ตลาด บ้านเรือน”
“แล้วก็มี.....” หลี่เจิ้งเล่าถึงทุกสิ่งที่เขามีออกมาอย่างหมดเปลือก ไม่ว่าจะบ้าน รถ เงินทองของสะสมก็ล้วนถูกแจกแจงออกมาทั้งหมด
“คุณเย่เซวียนสนใจรับทั้งหมดเลยไหมครับ ?” หวังเฉาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มกล่าวถามออกมา
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมขอแค่บริษัทเจิ้งหลี่ ชุมชมเล่ยเฉิง เงินทองครึ่งนึง ก็พอแล้ว ที่เหลือก็ให้เขาเก็บไว้เถอะ” เย่เซวียนครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป
ครึ่งหลัง
เขามองว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นมันก็มากพอแล้ว ควรจะเหลือให้อีกฝ่ายติดตัวไปบ้าง ไม่เช่นนั้นต่อให้ไม่ถูกฆ่าตายก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เพราะดูจากลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายแล้วคงก่อศัตรูไว้เพียบอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนั้นก็แล้วกันครับ แต่ของพวกนี้ก็ไม่นับเป็นอะไรในการตอบแทนได้ เอาเป็นว่าถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ติดต่อผมมาได้เสมอนะครับ” หวังเฉากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แล้วคุณเย่เซวียนมีธุระอะไรต่อไหมครับ ? สะดวกไปโอนบริษัทกับชุมชนเป็นชื่อของคุณไหม ?” หวังเฉากล่าวถามออกมาอย่างรวดเร็ว
“คือ...” ตรู๊ดดดดด ตรู๊ดดดดดด
“อะไรหว่า.. อ๋อ! เครื่องของร้าน” เย่เซวียนได้ยินเสียงเรียกเข้าอันคุ้นเคย ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นเสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์จากทางร้าน เขาเลยเดินกลับไปยังมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้าที่จอดเอาไว้เพื่อรับสาย
“สวัสดีครับ เหม่ยฟาสยินดีให้บริการไม่ทราบว่า...” ยังไม่ทันจะพูดจบก็โดนปลายสายด่ามาเสียแล้ว
“กดรับออเดอร์ไปตั้งนานแล้วทำไมไม่มารับของสักที! รู้ไหมว่าลูกค้ารอรับมันเสียหายขนาดไหน! ทำงานไม่ได้เรื่องแบบนี้ฉันจะคอมเพลนแกเข้าบริษัทแน่ ๆ !”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ พอดีเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อยเลยทำให้การเดินทางล่าช้า” เย่เซวียนพยายามจะอธิบายให้ปลายสายฟังอย่างใจเย็น การทำงานบริการย่อมต่อว่าอะไรลูกค้าไม่ได้อยู่แล้ว
“ฉัน ไม่ สน! แกต้องรีบมาเดี๋ยวนี้!” ปลายสายตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
เพราะนี่มันก็เลทจากเวลาที่เขานัดลูกค้าไว้สิบนาทีแล้ว โชคดีที่ลูกค้ายังไม่ได้ต่อว่าอะไรเขา
“ครับ ๆ เดี๋ยวผมรีบไป ขอโทษสำหรับความล่าช้านะครับ” เย่เซวียนกล่าวขอโทษก่อนจะพูดคุยต่อเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงวางสายไป
“ให้ผมช่วยไหมครับ ?” หวังเฉากล่าวถามออกมา เขาไม่ได้อยากจะไปสอดรู้เรื่องชาวบ้านเท่าไร แต่เล่นคุยกันเสียงดังขนาดนั้นยังไงก็ต้องได้ยิน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นงานของผม” เย่เซวียนตอบปฏิเสธไป แต่ในใจของเขาก็คิดว่าคงจะทำต่ออีกไม่นานนัก
เพราะถ้าบริษัทเจิ้งหลี่และชุมชมเล่ยเฉิงมาแล้ว เขาคงหาทางไปพัฒนาหรือต่อยอดกับตรงนั้นอาจจะดีกว่า เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องขอคำปรึกษาจากฮวาหวู่หลิงอีกที
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอรายละเอียดส่วนตัวนิดหน่อยได้ไหมครับ ? ผมจะไปจัดการเรื่องโอนย้ายชื่อผู้ครอบครองให้ ใช้เวลาสองถึงสามวันก็เสร็จแล้วครับ” หวังเฉาก็ไม่อยากสร้างความลำบากให้อีกฝ่ายมากนักเลยตัดสินใจกล่าวออกมาเช่นนี้
ด้วยเส้นสายที่เขามี เพียงสองถึงสามวันก็จัดการเสร็จแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ โดนลูกค้าว่าเอาแล้ว” เย่เซวียนกล่าวลาออกมาก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์เพื่อที่จะไปทำงานต่อ
“โชคดีนะครับ มีอะไรก็อย่าลืมบอกผมให้ช่วยนะครับ” หวังเฉายิ้มแย้มโบกมือลาให้อีกฝ่าย เมื่อร่างของชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดพนักงานส่งของจากไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นเรียบเฉยดังเดิมก่อนจะเดินเข้าไปหาหลี่เจิ้งที่ยังคงนั่งเหม่ออยู่
“แกอยากตายไหม ?” เขากล่าวถามออกมาเสียบเรียบ
“ไม่..ไม่ครับ! ผมยอมทุกอย่าง อย่าฆ่าผมเลย!” หลี่เจิ้งที่ได้ยินคำถามของอีกฝ่ายก็ลนลานตอบกลับไปด้วยท่าทางหวาดกลัว
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยาก ไปทำเรื่องโอนย้ายให้เรียบร้อยซะ ฉันจะให้คนพาไป” หวังเฉาเรียกลูกน้องของตนมาคนหนึ่งก่อนจะให้พาตัวหลี่เจิ้งไป
วี๊หว่อ วี๊หว่อ วี๊หว่อ
เสียงไซเรนดังมาแต่ไกลพร้อมกับรถตำรวจนับสิบคันที่ใกล้เข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณยี่สิบคนเดินเข้ามาหาพวกหวังเฉาด้วยใบหน้าตึงเครียด
“ชิ! วุ่นวายจริง ๆ !” หวังเฉาเดาะลิ้นก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาเดินเข้าหาตำรวจอย่าไม่เกรงกลัวอะไร