ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 186 ตระกูลซ่างกวนอพยบ
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 186 ตระกูลซ่างกวนอพยบ
"ไปกันเถอะ"
ภายในอาณาเขตตระกูลหลัว หลังจากที่หลัวฮ่วยจัดการเรื่องของตระกูลซ่างกวนเรียบร้อยแล้ว เขาก็จูงมือซ่างกวนชิงเยว่ที่ร่วมทางมาหลายปี เดินไปยังลานบ้านหลังหนึ่งของตระกูลหลัว
"พี่หลัวฮ่วย"
"พี่ว่าดวงตาของข้าจะหายได้จริงหรือ?"
"บรรพบุรุษผู้นั้น..."
"จะไม่ใช่คนที่เข้าหายากใช่หรือไม่?"
ซ่างกวนชิงเยว่ที่ท่าทางดูเกร็งอยู่บ้าง เอ่ยถามเบา ๆ
"ไม่ต้องกังวลไป"
"เราไปกันเถอะ"
"หากเขายินดีช่วยแล้วล่ะก็ ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้"
หลัวฮ่วยยิ้มเบา ๆ แล้วตอบ
จากนั้นก็เดินไปยังอาณาเขตตระกูลหลัว ไปยังทิศทางที่ลานบ้านหลังหนึ่งที่แผ่ออกมาด้วยกลิ่นอายโบราณ
ภายในลานของอาณาเขตตระกูลหลัว
ในพื้นที่ว่างแห่งหนึ่ง
หลัวจิ่วเกอกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาลงเล็กน้อย
ควบคุมกระถางโอสถระดับเซียนขั้นสูงสุดทั้ง 108 ใบอย่างง่ายดาย ใบหน้าแสดงความไม่ยินดียินร้ายใด ๆ
เมื่อหลอมอาวุธเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ทักษะการหลอมอาวุธของหลัวจิ่วเกอก็เชี่ยวชาญและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ในตอนแรก จำเป็นต้องใช้สมาธิหลายส่วนจึงสามารถสร้างปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3 ขึ้นมาได้
ตอนนี้ หลัวจิ่วเกอเพียงแค่โบกมือไปมา ขยับสมองเล็กน้อย ควบคุมกระถางโอสถทั้ง 108 ใบนั้นเท่านั้นก็พอแล้ว
[ปุ๊ด ๆๆ...]
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
ในกระถางโอสถทั้ง 108 ใบนั้น วัสดุต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับหลอมอาวุธโดยเฉพาะ ก็หลอมละลายกลายเป็นของเหลวเหนียวหนืด
"ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3... ก่อรูป!!!"
เมื่อหลัวจิ่วเกอกล่าวอในใจ ของเหลวเหนียวหนืดในกระถางโอสถทั้ง 108 ใบ ก็ผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการผสานและก่อรูป
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปครึ่งชั่วโมง
ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3 จำนวน 108 กระบอกก็ก่อรูปสำเร็จแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือก็คือ หลัวจิ่วเกอจะจัดการรายละเอียดเล็กน้อย จากนั้นก็แกะสลักค่ายกลต่าง ๆ ลงไปบนปืน
เช่นนี้ก็ถือว่าสำเร็จไปได้ด้วยดีแล้ว
"การหลอมปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3 นี้ ช่างเป็นเรื่องยุ่งยากเหลือเกิน"
"ไม่เพียงต้องเสียเวลามากมาย"
"ยังต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลอีกด้วย"
"ถึงแม้ว่าจะควบคุมทั้งมณฑลตงหวง ก็ดูเหมือนว่าจะรักษาปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3 ไว้ได้ราว 3,000 กระบอกเท่านั้น..."
"น่าเสียดายจริง ๆ"
"หากของชิ้นนี้สามารถหลอมได้เลยหลายแสน หลายล้านกระบอก"
"ต่อให้เป็นเทพ"
"ดูท่าก็คงต้องหลบเลี่ยง"
"ไม่ต้องพูดถึงบรรดาขุมอำนาจในทวีปซวนหยวนนี้แล้ว หากมีปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่ 3 อยู่ 180 ล้านกระบอก ข้าคงจะปกครองทั้งทวีปได้เลยทีเดียว"
เขาพูดพลางส่ายหัว และคลี่ยิ้ม หลัวจิ่วเกอจัดเก็บปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่น 3 ทั้ง 108 กระบอกเข้าแหวนเก็บของ แล้วจึงเดินอย่างเชื่องช้าไปที่ศาลาหิน ก่อนจะนั่งลงอย่างเงียบ ๆ ชงชากระจ่างเต๋าให้ตัวเอง
เขารับรู้ถึงกาลเวลา และการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งรอบกายอย่างเงียบ ๆ
การบำเพ็ญเพียรหรือ?
สำหรับหลัวจิ่วเกอแล้ว การบำเพ็ญเพียรไม่อาจทำให้เขายกระดับได้อีกแล้ว มีเพียงการยกสภาวะจิตขึ้นสู่ขั้นสูงสุด หลอมรวมแก่นเทวะเทพชั้นต่ำ และทะลวงขอบเขตเทพชั้นต่ำ เช่นนี้ จึงจะสามารถยกระดับตัวเขาได้
"หลอมรวมแก่นเทวะเทพชั้นต่ำ?"
"ก้าวข้ามสู่ขอบเขตเทพชั้นต่ำ?"
"ยากเย็นนัก..."
เขาเอ่ยเสียงกระซิบพึมพำเบา ๆ
ชากระจ่างเต๋าก็เดือดปุด ๆ มานานแล้ว และหลัวจิ่วเกอก็โบกมือ หยิบถ้วยชาไม้จากแหวนเก็บของ รินชากระจ่างเต๋าให้ตัวเองหนึ่งถ้วย แล้วก็เริ่มสนุกกับชีวิต
หลังจากผ่านไปอีก 3 นาทีเศษ ๆ หลัวจิ่วเกอก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
"มีคนมารึ?"
"เป็นใครกัน?"
เขาใช้จิตตระหนักรู้แผ่ออกไป ในพริบตาก็มาถึงที่ ๆ กลิ่นอาย 2 สายนั้นกำลังเข้ามาใกล้
"หลัวฮ่วยกลับมาแล้วหรือ?"
"ได้ฝึกฝนอยู่ภายนอกเสร็จสิ้นแล้วหรือ?"
แต่อย่างไรก็ตาม ความสนใจของหลัวจิ่วเกอก็เปลี่ยนจากตัวหลัวฮ่วยไปสู่กลิ่นอายอีกสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายที่กำลังเข้ามาใกล้อีกสายหนึ่งนั้นเป็นหญิงสาว
หน้าตาดูธรรมดา
ใบหน้าแสดงท่าทางเกร็งเล็กน้อย
ดวงตาดูไร้แสง
ฐานพลังยุทธ์....
เพียงแค่ขอบเขตหลอมแก่นแท้
"พรสวรรค์นางช่างแย่เสียจริง ๆ"
"ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดมาพร้อมดวงตาที่มืดบอดอีกหรือ?"
เมื่อคิดไปพลาง หลัวจิ่วเกาก็ชะงักงันเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว คว้าถ้วยชาในมือ ยกมาจรดริมฝีปาก และจิบเล็กน้อย
"สาวน้อยนั่นเป็นใครกัน?"
"เจ้าหนูหลัวฮ่วยพานางมาเพื่อเหตุใดกัน?"
คำถามมากมายผุดขึ้นในความคิดของหลัวจิ่วเกอ แต่เขาก็ไม่รีบร้อนที่จะรู้คำตอบ เพราะสิ่งที่รู้ได้ เขาจะต้องรู้ได้ในไม่ช้า
ส่วนสิ่งที่รู้ไม่ได้หรือ?
แม้จะไม่รู้ แต่มันจะอย่างไรกัน?
ในโลกนี้ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะต้องเจาะลึกลงไปถึงก้นบึ้งก็ได้
อีกไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงลานที่มีกลิ่นอายดั้งเดิมแผ่กระจายอยู่แห่งนี้ จนกระทั่งเดินเข้ามาในลาน รอยยิ้มบนใบหน้าของหลัวฮ่วยก็ยิ่งกว้างขึ้น ส่วนสีหน้าที่เกร็งเล็กน้อยของซ่างกวนชิงเยว่ ดูเหมือนจะยิ่งชัดเจนขึ้น
แต่ซ่างกวนชิงเยว่กลับไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงแม้แต่น้อย เพราะความรู้สึกเกร็ง นางกลับยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ส่วนที่มณฑลเซวียนหมิงหรือ?
เมื่อข่างชั่ว บรรพบุรุษของตระกูลข่าง ทราบว่าผู้บำเพ็ญกระบี่ลึกลับนั้นอยู่กับตระกูลซ่างกวน ข่างชั่วจึงออกเดินทางอย่างเร่งด่วนไปยังที่ตั้งของตระกูลซ่างกวน
แต่...
เมื่อเขามาถึงตระกูลซ่างกวนแล้ว
เขาจึงพบว่า สมาชิกตระกูลซ่างกวนส่วนใหญ่ได้จากไปแล้ว เหลือเพียงลูกหลานจากตระกูลสาขาไม่กี่คนเท่านั้น
การค้นพบครั้งนี้ ทำให้ข่างชั่วเกิดความโกรธเกรี้ยว
ตระกูลซ่างกวนรึ?
เป็นเพียงสุนัขเฝ้าประตูที่ตระกูลข่างเขาเลี้ยงไว้เท่านั้น
หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี เจ้าสุนัขเฝ้าประตูตัวนี้กล้าเห่าใส่เจ้าของ ทั้งยังกล้าหนีหายไปอีก?
นี่ทำให้อารมณ์ของข่างชั่วย่ำแย่ลงไปอีก
เขาถึงกับเข่นฆ่าลูกหลานตระกูลสาขาของตระกูลซ่างกวนที่หลงเหลืออยู่
แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ การกระทำของเขา ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อตระกูลซ่างกวนที่หนีไปไกลแล้วได้
"ตระกูลซ่างกวนหรือ?"
"ดีมาก ข้าจะจำเจ้าไว้"
"รอให้ข้าจัดการเผ่ามนุษย์เงือกเสร็จ ต่อให้เจ้าหนีไปสุดขอบฟ้า ตระกูลข่างก็จะตามไปลากตัวเจ้ากลับมา"
"แล้วจึงค่อยทรมานพวกเจ้าเสีย"
หลังจากข่างชั่วมีรอยยิ้มเย็นชาในดวงตาแล้ว เขาก็ออกจากอาณาเขตของตระกูลซ่างกวนไป เดินทางอย่างรวดเร็วไปยังพรมแดนของมณฑลเซวียนหมิง
เผ่ามนุษย์เงือกหรือ?
บางที ในใจของบรรพบุรุษตระกูลข่างผู้นี้ที่ปิดด่านมาหลายหมื่นปีคงยังไม่อาจเข้าใจถึงความน่าสะพรึงกลัวของเผ่ามนุษย์เงือกได้
เผ่ามนุษย์เงือกที่สามารถยึดครองมณฑลซุยอวิ๋นได้ในเวลาอันสั้น จะเป็นเผ่าพันธุ์ธรรมดา ๆ ได้อย่างไร?