บทที่ 53 นับถอยหลัง (3)
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 53 นับถอยหลัง (3)
ประมาณ 10.00 น. ในอพาร์ทเมนท์สตูดิโอของคังวูจิน
ตรงกลางของห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีศพนอนอยู่บนเตียง ศพนั่นคือคังวูจิน เขาหลับสนิทจนอาจจะดูไม่ตื่นเลย แม้ว่าโลกจะกำลังแตกก็ตาม
เหตุผลที่เขานอนหลับจนถึงเวลานี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เพราะซีอีโอชเวชองกุนบอกเขาว่าวันนี้ วันเสาร์ที่ 9 เป็นวันหยุด
หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นตารางงานที่ยุ่งของ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้มีวันหยุด ทุกอย่างคงได้ยุ่งเพิ่มอีกในไม่ช้า แน่นอนว่าในตอนนี้ สังกัดของเขาอย่างบีดับเบิลยูเอนเตอร์เทนเมนต์ยังคงเป็นสนามรบ เพราะ ‘สำนักงานนักสืบ’ กวาดทั้งรางวัลภาพยนตร์และรางวัลนักแสดง
ในฐานะนักลงทุน มันจึงเป็นข่าวดีสำหรับฮงฮเยยอน คังวูจินและคนอื่น ๆ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ แต่ผู้กํากับ 'สำนักงานนักสืบ' อย่างผู้กำกับชินดงชุนคงจะยุ่งอยู่กับการประชุมและการสัมภาษณ์ของบริษัทภาพยนตร์ ส่วนทางด้านฮงฮเยยอนก็มีตารางงานที่ยุ่งอยู่แล้วของเธอ บวกกับประเด็นจาก 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' ยิ่งแล้วใหญ่
“······♬♪-”
ตอนนี้มีบริษัทมากหน้าหลายตา รวมถึงบริษัทผู้ผลิตหนังต่างสอบถามเรื่องของคังวูจิน คำขอสัมภาษณ์หลายครั้งมาจากสื่อภาพยนตร์และนิตยสารต่าง ๆ แม้ว่าเขาจะได้รับการยอมรับจากสาธารณชนในระดับต่ำ แต่เขาก็ได้รับการปฏิบัติในฐานะเพรชในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะบีดับเบิลยูเอนเตอร์เทนเมนต์
ทว่า ชเวชองกุนกลับขอให้คังวูจินรอก่อน
‘วูจิน ตอนนี้เรากำลังเดินทางอย่างรวดเร็ว แต่เราต้องคอยดูสถานการณ์กันสักหน่อย’
ฮงฮเยยอนอยู่ด้านบนแล้ว แต่คังวูจินอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและต้องระมัดระวังมาก พวกเขาจึงจำเป็นต้องจัดการประชุมและทยอยสัมภาษณ์คำขอที่หลั่งไหลเข้ามา
อืม คังวูจินก็พยักหน้าเห็นด้วยไป
ทว่า คังวูจินผู้ซึ่งกำลังนอนหลับสบายหลังจากผ่านไปนาน ก็ไม่สามารถนอนหลับได้นานนัก
-♬♪ ♬♪ ♬♪
โทรศัพท์ที่ข้างเตียงของเขาสั่นอยู่เป็นเวลานาน มันเป็นสายเรียกเข้า วูจินลืมตาขึ้นเล็กน้อยและไม่คิดจะรับสาย ทำไมล่ะเนี่ย?
“…..ทำไมเธอถึงเอาแต่โทรมากัน? ไม่มีอะไรจะทำหรือไง?”
คนที่โทรมาคือน้องสาวของเขา คังฮยอนอา เห็นได้ชัดว่าเหตุผลของการโทรเข้ามาคงจะมีแต่คำถามที่น่ารำคาญแหง
“อะไรนะ หรือว่าเธอเห็นบทความพวกนั้นแล้ว?”
ในไม่ช้า คังวูจินที่ไม่สนใจสายเรียกเข้าก็ลุกขึ้นและยืดเส้นยืดสาย
“ไว้ค่อยโทรหาแม่ พ่อและคังฮยอนอาทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ขอไปที่มิติว่างเปล่ากันก่อนดีกว่า”
คังวูจินที่บ่นกับตัวเองก็มองลงไปที่โต๊ะตัวเล็ก มีบทภาพยนตร์และบทละครซ้อนทับมากมายกัน ในหมู่พวกมัน คังวูจินหยิบบทภาพยนตร์ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ขึ้นมา
เขาอ่าน ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย‘ ตอนแรกจบแล้ว
“ฉันควรเริ่มจากบทบาทเล็ก ๆ ก่อนดีไหมนะ?”
เขาจำเป็นต้องอ่านหลายครั้ง เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากการคัดเลือกนักแสดงสำหรับงานนี้ได้รับการยืนยันแล้ว เขาจึงวางแผนที่จะอ่านบทที่เหลือแทน
“ฉันไปที่นั่นบ่อย ๆ เพื่อพักผ่อน แต่มันก็นานแล้วแฮะที่ฉันไม่ได้ไปสัมผัสเป็นตัวละคร”
ด้วยเหตุนี้แล้ว
-ปั้ก!
วูจินแหย่สี่เหลี่ยมสีดำที่ติดอยู่กับบทภาพยนตร์ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ เช่นนั้นแล้ว วูจินก็เข้าไปในมิติว่างเปล่า มิติว่างเปล่ายังคงว่างเปล่าและมืดมิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คังวูจินหาวอีกครั้งและหันร่างของเขาขยับไปมา
มีสี่เหลี่ยมสีขาวสามอันที่คุ้นเคยลอยอยู่
- [1/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: สำนักงานนักสืบ) ระดับ A]
- [2/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล 1) ระดับ S]
-[3/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: เกาะแห่งผู้สูญหาย ) ระดับA+]
ในหมู่พวกเขา คังวูจินมองไปที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวของ ‘สำนักงานนักสืบ’ และลูบคางของเขา
"ระดับ A ······สินะ งั้นนี้คือหนังสั้นระดับ A งั้นเหรอ? มันได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม รางวัลแดซังและรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย”
การที่มันได้ระดับ A คงเป็นโชคดีของผู้กำกับชินดงชุน ฮงฮเยยอนและคังวูจินแล้ว แต่คังวูจินไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่ระดับมันขึ้นมาจนมาถึงขั้นนี้ได้เพราะใคร เขาคิดเพียงว่า 'อ๋อ ระดับขึ้นเหรอ? งั้นสินะ'
จากนั้นเอง คังวูจินก็เลือก ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’
ในบรรดาบทบาทที่มีทั้งหมด วูจินตัดสินใจเลือก ‘พลทหารคิม’ ซึ่งอยู่ในช่วงท้ายสุด มันเป็นบทบาทรองที่ค่อนข้างสำคัญ เขาปรากฏในฉากแรกของบทภาพยนตร์ เป็นตัวสร้างสิ่งเร้าและความตึงเครียดของภาพยนตร์
แม้ว่าส่วนนี้จะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที แต่มันก็ค่อนข้างสำคัญ
คังวูจินสูดหายใจเข้าเล็กน้อย ก่อนที่จะเลือกพลทหารคิม แม้ว่ามันจะเป็นบทบาทเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาจะได้รับนั้นเหนือจินตนาการ
“ฮึบ ฟู่ว”
จากนั้นเอง วูจินก็เลือกพลทหารคิมด้วยนิ้วชี้ของเขา
[" การเตรียมการอ่านของพลทหารคิมอยู่ระหว่างดำเนินการ · · · · · · ”]
เสียงผู้หญิงที่ฟังดูเป็นมิตรได้ดังขึ้นหลังจากห่างหายไปนาน
[“······ การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ เป็นบทภาพยนตร์หรือบทละครที่ได้รับการขัดเกลาอย่างสูง อัตราการอ่านแบบสมบูรณ์คือ 100% การอ่านจะเริ่มขึ้นแล้ว”]
สีเทาอันกว้างใหญ่กลืนกินตัวคังวูจินไป
ลมร้อนพัดผ่านมา
-ซ่า
เพราะมันเป็นฤดูร้อน ความเหนียวและความร้อนจึงทำให้แทบหายใจไม่ออก จากนั้นการมองเห็นที่เป็นสีเทาของคังวูจินก็เริ่มชัดเจนขึ้นทีละน้อย
แม้ว่าจะเป็นเวลาบ่าย แต่สภาพแวดล้อมก็ดูมืดครึ้ม
ป่าทึบ ไร้ซึ่งแสง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้และโขดหิน ไม่มีอย่างอื่นที่มองเห็นได้
‘หลุมฝังศพ?'
ตรงหน้าเขาเห็นหลุมฝังศพทรงกลมหลายสิบหลุมที่มีแผ่นไม้ติดอยู่ นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นแปลก ๆ หินกองแบบสุ่ม พร้อมมีตุ๊กตาแปลก ๆ ติดอยู่ด้านบน
บรรยากาศที่น่าขนลุกและประหลาดแผ่กระจายออกไป
จากจุดนี้เอง ทุกอย่างเกี่ยวกับ ‘พลทหารคิม’ เริ่มถูกตอกเข้าใส่ตัวคังวูจิน ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สภาพจิตใจปัจจุบันของเขา เพราะตอนนี้ คังวูจินกำลังครอบครองร่างของพลทหารคิม
"เวรเอ๊ย เวรเอ๊ย!"
เขาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้คังวูจินเต็มไปด้วยความกลัวเป็นอย่างมาก ลมหายใจของเขาผิดปกติ เขาหายใจออกและกลั้นไว้ เขาหายใจเข้าออกเหมือนคนบ้า
"แฮ่ก! แฮ่ก แฮ่ก ฮึบ”
คังวูจินอยู่คนเดียว
อยู่คนเดียวในป่าแห่งนี้ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขารู้สึกถึงความอับชื้น เขามองลงไป เขาสวมเครื่องแบบทหาร เขาเห็นรองเท้าบูทสีโคลนและรอยเปื้อนสีเข้มตรงกลางกางเกงทหารของเขา
พลทหารคิม ไม่สิ วูจินได้เปียกโชกเสียแล้ว
ร่างกายของเขาไม่หยุดสั่นเลย ความรู้สึกเย็นยะเยือกบนหลังของเขา ผม บนแขนของเขา มันได้ผุดขึ้นจากแขนเสื้อที่ม้วนขึ้นของเครื่องแบบเขา
แล้วจากนั้น
เงียบชี่
เขามีปืนไรเฟิลอยู่ในมือ ปืนไรเฟิลที่แขวนอยู่เหนือไหล่ของเขา พร้อมที่จะยิงได้ทุกเมื่อ ออกมาสิ ไอ้เวรบัดซบ ออกมา ฉันจะยิงและฆ่าพวกแกให้หมด คังวูจินสบถในใจ
แต่มันเป็นเพียงการหลอกตัวเองเพื่อลดความกลัว
ทั้งร่างกายของเขารู้สึกหนักหน่วง ราวกับผ้าขนหนูที่เปียกโชก นั่นคือความรู้สึกของเขา ทุกซอก ทุกมุมเจ็บปวดจากการวิ่งและกลิ้งไปมา โคลนแห้งติดอยู่ทั่วใบหน้าและแขนของเขา ต้นขาของเขาก็ถูกต่อยราวกับว่ามีบางอย่างแทงทะลุพวกมันไป แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาในตอนนี้แล้ว
หมวกของเขารู้สึกหนักมาก
เมื่อเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขาแล้ว คังวูจินก็ถอดหมวกออกขณะหอบหายใจ ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงความเยือกเย็น หมวกที่ถอดออกได้ตกลงบนพื้น
-ตุ้บ!
หลังจากนั้น
-ครืด!
มีเสียงจากด้านหลัง ในเวลาเดียวกัน คังวูจินที่หันร่างของเขาไปอย่างเร่งรีบก็โบกปากกระบอกปืนของเขาไปที่นี่ ไปที่นั่น ด้วยความกังวล
“แฮ่ก แฮ่ก-”
แต่มันมีบางอย่าง เขาวิ่งและซ่อนตัว เพราะมันมีบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แล้ว คังวูจินยังคงเขย่าปากกระบอกปืนและคร่ำครวญ เขาต้องการหาสหายของเขา
“จ-จ่าคิม! สิบเอกปาร์ค!!”
“………”
ทว่าไม่มีคำตอบ ยิ่งไม่มีคำตอบ พลทหารคิมก็ยิ่งเรียกสหายของเขาอย่างสิ้นหวัง
"ตรงนั้น! นั่นคุณเหรอสิบเอกปาร์ค! คุณอยู่ที่นั่นใช่ไหม? ใช่ไหม? หรือสิบโทแจง??! คุณอยู่ตรงนั้นใช่ไหม?" ถ้าใช่ก็ตอบมาทีเถอะ!!”
ความกลัวที่ค้างอยู่ในใจประทุออกมา คังวูจินเริ่มยิงปืนไรเฟิลด้วยแรงกระตุ้น
-ปัง ปัง! ปัง ปัง ปัง!
ห้านัด ไม่มีทางที่จะรู้ว่าพวกมันถูกเล็งไปที่ใครหรือพุ่งไปที่ไหน มันไม่ใช่คำเตือน เขาแค่ต้องการลดความกลัวที่เพิ่มขึ้นในใจ
“--พวกเขาทั้งหมดไปไหนกันหมด?”
ณ ตอนนี้เอง
“อึก พลทหารคิม”
เสียงแปลก ๆ ดังขึ้นข้างหลังคังวูจิน ไม่สิ มันเป็นเสียงแน่เหรอ? วูจินมีลางสังหรณ์ และเป็นอีกครั้งที่ฉี่ไหลลงมาที่ขาของเขา
-พรู้ดดดดด!
คังวูจินหมุนตัวช้า ๆ มีคนยืนอยู่ข้างหลังเขา อีกฝ่ายคือสิบเอกปาร์คที่เขากำลังตามหา รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าของคังวูจินอย่างรวดเร็ว
“สิบเอกปาร์ค…ครับ?”
นั่นเป็นเพียงช่วงเวลาเดียวกันที่เขาตระหนักว่า เขาเห็นเพียงร่างกายส่วนบนของสิบเอกปาร์คเท่านั้น ร่างกายส่วนล่างฉีกขาดและไม่มีอะไรอยู่เลย เป็นอีกครั้งที่ได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมา
“อั๊ก…”
มีบางอย่างเกาะกุมร่างกายส่วนบนของสิบเอกปาร์คเอาไว้ คังวูจินยิงปืนใส่อะไรก็ตามที่ว่านั้น
-ปัง ปัง ปัง ปัง!!
"เวรเอ๊ย! ตายซะ! ตาย!!"
หลังจากนั้น
-ตุ้บ!
“อั๊ก-”
บางอย่างยาวเหยียดทะลุร่างกายส่วนบนของสิบเอกปาร์คและทะลุท้องของคังวูจิน มันเต็มไปด้วยแท่งหนาม รู้สึกราวกับว่าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายถูกฉีกขาดออกจากกันในคราวเดียว เมื่อคังวูจินที่ก้มศีรษะลงหันหน้าไปข้างหน้าอีกครั้ง
-พรวด!
ด้วยเหตุผลบางอย่าง วิสัยทัศน์ของคังวูจินจึงกลับตาลปัตร
“....หือ?”
จากนั้น หัวของวูจินก็ล้มลงกับพื้นจนเกิดเสียงทุ้ม
“อึก!”
เนื่องจากคอของเขาถูกตัดไป แยกออกจากร่างกายโดยสมบูรณ์
บ่ายวันนั้น ที่จินจู คยองนัม
พ่อแม่ของคังวูจิน ซอฮยอนมีและคังวูชอลที่กำลังอยู่ที่เคาน์เตอร์ของร้านโจ๊ก หากพูดให้แม่นยำ...
“อืม วูจิน”
พวกเขากำลังคุยโทรศัพท์กับวูจิน ลูกชายของพวกเขา นี่เป็นการโทรครั้งแรกของพวกเขา ตั้งแต่ไปเจอข่าวในเน็ตมาหลายวันก่อน คังวูชอลเปิดลำโพงและวางโทรศัพท์ลง
“ลูก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”
“ใช่ใช่ ลูกรู้ไหมว่าพ่อกับแม่อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน?”
ซอฮยอนมีและคังวูชอลต่างระบายความตื่นเต้นลงในโทรศัพท์ ลูกชายของพวกเขาที่ประกาศจะเป็นนักแสดง กลับได้รับรางวัลบางอย่างหลังจากผ่านไปสองเดือน มีหรือพ่อแม่อย่างพวกเขาจะไม่อยากรู้? ทว่า ทางคังวูจินก็อธิบายผ่านทางโทรศัพท์อย่างใจเย็น
“อ่า ผมขอโทษทีครับ แต่มันไม่ใช่เทศกาลภาพยนตร์ยิ่งใหญ่อะไรหรอกครับ”
“เทศกาลนั่นมันคืออะไรเหรอ? พ่อพยายามค้นหาแล้ว แต่ก็ไม่เจอเลย”
"คือว่ามันไม่ใช่โฆษณาที่ขึ้นในโรงภาพยนตร์ แต่มันเป็นเทศกาลหนังสั้นที่เป็นการให้คะแนนหนังสั้นน่ะครับ แน่นอนว่ามันเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่อาจยิ่งใหญ่สำหรับหน้าใหม่อย่างผม แต่โดยรวมแล้วมันเป็นอะไรที่เล็กน้อยมากเลย”
“แต่ถึงยังไง ลูกก็ได้รางวัลจากที่นั่นมาไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ครับ ผมแค่โชคดี อีกไม่นานผลงานชิ้นต่อไปของผมก็จะออกมาแล้วครับ เป็นละคร”
"เป็นไปได้ยังไงกันเนี่ย? พวกนักแสดงทำแบบนี้กันปกติเลยเหรอ?"
"ไม่หรอกมั้งครับ ผมแค่อาจจะมีความสามารถพิเศษในการแสดงก็ได้ มันเลยราบรื่นแบบนี้"
“....หือ?”
"ว่ายังไงนะ?"
การโทรกับลูกชายของพวกเขา กินเวลาไปหลายนาที แต่พวกเขาก็ต้องตัดวายลงอย่างไม่เต็มใจ เพราะมีลูกค้าเข้ามา ซอฮยอนมีและคังวูชอลฟังคำอธิบายของลูกชายมาพอสมควร แต่พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย
ถึงยังไง พวกเขาก็รู้แล้วว่าลูกชายของพวกเขาได้รับรางวัลมา
ในขณะที่เตรียมข้าวต้มตามสั่ง ทั้งสองก็พูดถึงลูกชายของพวกเขาอย่างไม่มีวันจะสิ้นสุด บทสนทนาเริ่มต้นโดยซอฮยอนมี
“ลูกชายของฉันเป็นอัจฉริยะด้านการแสดงจริงเหรอเนี่ย? แต่วูจินเป็นคนเก็บตัวตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กนะ”
“จู่ ๆ เด็กแบบนั้นก็เปลี่ยนไปแบบนั้น วูจินคงได้ความหล่อจากสมัยหนุ่ม ๆ ของผมไปสินะเนี่ย”
"หา คุณพูดอะไรของคุณกัน? จมูกและดวงตาของเขาเหมือนของฉันต่างหากล่ะ”
ทันใดนั้น ซอฮยอนมีก็ตบมือของเธอเข้าหากัน
"อ่า! พอมาคิดดูแล้ว มีเด็กคนหนึ่งในหมู่เพื่อนของวูจินที่รักการแสดงด้วยไม่ใช่เหรอ? ชื่ออะไรนะ?
“โอ้ ไอ้หนูที่ดูเหมือนกอริลลาน่ะเหรอ? ออกจะตัวใหญ่หน่อย เขาชื่อคิมแดมยังหรือแดยองนะ?”
“พวกเขาแสดงร่วมกันงั้นเหรอ?”
ในไม่ช้า ซอฮยอนมีและคังวูชอลที่กำลังเตรียมข้าวต้มก็เริ่มพูดคุยไปเรื่อยอย่างสนุกสนาน
“เขาบอกว่าเขากำลังเล่นละครอยู่ใช่ไหม??! ถึงจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ แต่เราจะได้เห็นวูจินของเราในทีวีแล้วสินะ?”
ในขณะเดียวกัน ณ หอพักของมหาวิทยาลัยในกรุงโซล
มันเป็นวันเสาร์ ดังนั้นวิทยาเขตจึงเงียบสงบเป็นอย่างมาก ทว่าหอพักเต็มไปด้วยนักศึกษา ในหมู่พวกเธอ คังฮยอนอา ซึ่งกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงด้านขวาของห้องพักสองคนได้กล่าวขึ้นมาว่า
“ว้าว สุดยอด ‘สำนักงานสืบ’ ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย”
เธอกำลังค้นหาอย่างจริงจังผ่านโน๊ตบุ๊คของเธอ จะเป็นอะไรไปได้อีกล่ะ? ก็ต้องเป็นเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’ ภาพยนตร์ที่พี่ชายของเธอ คังวูจิน ได้ปรากฏตัว น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถดูหนังได้ แต่เพียงแค่พิมพ์ชื่อคังวูจินในแถบค้นหา มันก็มีบทความและข่าวโผล่มาจำนวหนึ่งเลย
มันเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก ที่เธอไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต
เมื่อวานนี้ เธอได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องคังวูจินกับเพื่อน ๆ ของเธอ เพื่อน ๆ ของเธอแทบคลั่ง ต่างคนต่างขอให้เธอโทรหาเขา แต่ตัวเอกตัวจริงอย่างคังวูจินกลับไม่รับโทรศัพท์ ดังนั้นสิ่งที่คังฮยอนอาทำได้คือ ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพี่ชายของเธอ
“ว้าว ชุมชนที่นี่ค่อนข้างคึกคักเลยแฮะ หือ? เขาอยู่กับสังกัดไหนนะ?”
ในเวลาเดียวกัน
-♬♪
โทรศัพท์มือถือของคังฮยอนอาดังขึ้น คนที่โทรมาคือคังวูจิน สายจากพี่ชายของเธอที่รอคอยมานานแสนนาน เธอเอาโทรศัพท์แนบหูทันที
"เฮ้!? นี่เธอล้อเล่นกับฉันอยู่หรือไง?"
วูจินถอนหายใจผ่านโทรศัพท์
“เฮ้อ- หูฉันจะพังแล้วเนี่ย ทำไมเธอถึงยังคงโทรมาอีก? ไปตั้งใจเรียนเข้าไว้เถอะ”
"หนูก็ตั้งใจเรียนอยู่นี้ไง! แล้วทำไมพี่ถึงไม่สนใจสายของหนูเลยล่ะ พี่?”
“ก็บอกเหตุผลสิบข้อที่ฉันควรตอบมาสิ”
“เพราะพี่เป็นพี่ชายของหนูไง! และ…เอ่อ หนูไม่รู้แล้ว! นี่พี่กำลังจะกลายเป็นคนดังจริง ๆเหรอ ??”
“ก็วางแผนไว้งั้น เพราะอย่างนั้นเธอเองก็ควรตั้งใจเรียนต่อไปเถอะ”
“ให้ตายสิ... นี่มันบ้าชัด ๆ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกันเนี่ย? ได้รับรางวัลภายในสองเดือนงั้นเหรอ? พี่ชายสังกัดอยู่กับบริษัทไหนเหรอ? พี่สนิทกับฮงฮเยยอนหรือเปล่า? งานต่อไปของพี่คืออะไร? พี่จะถ่ายทำอะไรอีกไหม?”
คำถามมากมาไยด้หลั่งไหลเข้ามา ตอนนี้คังวูจินก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง
“ถึงฉันจะตอบไปทั้งหมด แต่เธอก็คงถามคำถามออกมาอยู่ดีนั้นแหละ ฟังนะ ฉันจะบอกเธอทุกอย่างเมื่อถึงเวลา ดังนั้นตอนนี้ตั้งใจเรียนเข้าไว้พอ ถ้าเธอได้เกรดดี คราวนี้เดี๋ยวพี่ซื้อกระเป๋าให้เอง”
"...จริงเหรอ? จากพี่เนี่ยนะ?"
“ไม่อยากได้เหรอ?”
“ไม่ หนูอยากได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจเรียนพอ พี่วางสายแล้วนะ”
“อ๊ะอ๊ะ ขอแค่อย่างเดียว! ขออย่างเดียว! ตอนนี้พี่กำลังถ่ายทำอะไรอยู่เหรอ?”
“ละคร”
-ตู๊ด!
สายถูกตัดออก ส่วนคังฮยอนอาที่ค่อย ๆ วางโทรศัพท์มือถือลงก็เอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวสั่น
“หา…แต่ละครเนี่ยนะ? มหัศจรรย์เกินไปแล้ว! แต่บางทีคงมาแค่แวบเดียวใช่ไหม?”
ขณะเดียวกันที่นอนฮยอนดง จีจีโอเอ็นเตอร์เทนเมนท์
ซอกูซอบ ซีอีโอที่หน้าตาเหมือนสุนัขบูลด็อก ยามนี้กำลังนั่งอยู่ตรงกลางโซฟาขนาด 5 คนของสำนักงาน ใบหน้าที่แข็งกระด้างของเขา เผยให้เห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดีมาก ถัดจากเขาเป็นพัคจองฮยอก ผู้ซึ่งไม่ได้เข้าร่วม ‘เทศกาลหนังสั้น’ และมีพนักงานหลายคนอยู่รอบ ๆ ด้วย
ในขณะนี้พนักงานที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือก็เริ่มพูดอย่างระมัดระวัง
“คือก่อนหน้านี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับคุณจองฮยอกแล้วที่จะไม่เข้าร่วมพิธีปิดและพิธีมอบรางวัลครับ ปัจจุบันข่าวต่างมุ่งไปที่เรื่อง 'สำนักงานนักสืบ‘ ฮงฮเยยอนและนักแสดงที่ไม่รู้จักคนนั้นที่ได้รับรางวัล...”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซีอีโอซอกูซอบก็กดหน้าผากของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วเรื่องจองฮยอก”
“ไม่มีการกล่าวถึงเขาเลยนอกจากในวันพิธีครับ ถ้าเขาเข้าร่วม เขาคงถูกเยาะเย้ยมากกว่านี้แน่”
-ปัง!!
ซีอีโอซอกูซอบใช้กำปั้นกระแทกที่วางแขนโซฟา
"บัดซบ! ทำไมทุกอย่างมันเละเทะขนาดนี้!”
พนักงานและพัคจองฮยอกที่มีสีหน้าบูดบึ้งต่างตกใจ ซีอีโอซอกูซอบที่แทบจะสงบสติอารมณ์ไม่อยู่ ได้จ้องมองไปที่พัคจองฮยอกผู้อยู่ทางด้านซ้ายมือของเขา
“เฮ้ เพราะงี้ไงผมเลยบอกให้คุณทุ่มเททุกอย่างที่คุณมีในบทบาทนี้ไม่ใช่เหรอ?”
"...ผมขอโทษด้วยครับ"
“คุณต้องแย่ขนาดไหน ถึงแพ้โนเนมแบบนี้ได้??”
อันที่จริง แม้ว่าพัคจองฮยอกจะไม่ได้เข้าร่วม แต่ทางซีอีโอซอกูซอบก็เข้าร่วมพิธีปิดและมอบรางวัลของ 'เทศกาลหนังสั้น' สายตาของเขาจับจ้องมองทีมงานของ 'สำนักงานนักสืบ' รวมถึงคังวูจินตลอดเวลา
“ฮงเฮยอนก็พอเข้าใจได้ ผมเคยถูกแทงหลังโดยเธอมาก่อน รู้ระดับของเธอดี แต่ว่าโนเนมเนี่ยนะ? แพ้ให้กับโนเนมงั้นเหรอ?”
“เอ่อ แต่ท่านครับ แม้แต่ฮงฮเยยอนก็แพ้ให้กับนักแสดงโนเนมคนนั้นและได้รับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมแค่นั้นนะครับ”
“หุบปาก! อย่ามาขัดจังหวะ! เพราะงั้นเลยต้องบดขยี้มันทั้งคู่ไงเล่า!!”
ซีอีโอซอกูซอบได้หายใจเข้าลึก ๆ และให้คำแนะนำแก่พนักงานทางด้านขวา
“เหอะ อย่างแรก ต้องขุดคุ้ยประวัติของไอ้สารเลวโนเนมคนนั้นที่ได้รับรางวัลก่อน ชื่อคังวูจินใช่ไหม? ไปสืบดูภูมิหลังของมันสิ การแสดงของมนเก่งกาจขนาดนี้ แต่น่าแปลกที่จู่ ๆ กลับโผล่ขึ้นมาเฉย ๆ เสียอย่างนั้น ค้นหาดูว่ามันเป็นคนแบบไหนมาตั้งแต่ต้น”
“เข้าใจแล้วครับ เราจะเริ่มต้นด้วยการไปสืบในโรงละครนะครับ”
"ไม่"
ซีอีโอซอกูซอบได้ขัดจังหวะคำพูดของพนักงานพลางส่ายหัว
“ไม่ใช่โรงละคร มันต้องมาจากญี่ปุ่นแน่ มันพูดคุยกับผู้กำกับเคียวทาโร่อย่างเป็นมิตรและพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องเหมือนเป็นภาษาแม่ของมันด้วยซ้ำ”
เขาสั่งพนักงานด้วยสีหน้าจริงจัง
"ไปสืบดูภูมิหลังของมันจากญี่ปุ่นมา"
ดูท่า ซีอีโอซอกูซอบก็ติดเชื้อความเข้าใจผิดไปแล้วเช่นกัน
*****