ตอนที่แล้วบทที่ 193 อายุห่างกันกว่าสิบปีหาใช่ปัญแต่อย่างใด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 195 วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบสี่!

บทที่ 194 เราไม่จำเป็นต้องลงมือ


คำพูดที่หลัวชิงกล่าวก็ไม่ผิดไปเสียหมด โดยเฉพาะเมื่อเหล่าวิญญาจารย์ทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์สำเร็จ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแลการมีอายุขัยที่ใกล้เคียงกับความเป็นอมตะ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสมากขึ้น ที่บุคคลเหล่านี้จะมีชีวิตดำรงอยู่ถึงสองร้อยปีหรือมากกว่านั้น

แต่ถึงอย่างไร ไม่ว่าจะวิญญาจารย์ขั้นจักรพรรดิยุทธ์หรือขั้นไหนๆ การมีคู่ครองที่อายุห่างกันสิบหรือสี่ยิบปีมันก็ถือเป็นเรื่องปกติของคนในยุคนี้

“จริงหรือไม่ ท่านผู้เฒ่า” หลัวชิงหันหาอูฉี ผู้ร่วมพยักหน้าเห็นดีเห็นชอบในยามนี้

ครั้นเห็นหลัวชิง ไม่เพียงออกมาปลุกเร้าตนในเรื่องนี้เท่านั้น ดูท่าเขาจะยังสนับสนุนเหวินจิงอวี๋ด้วยชมชอบนิสัยใจคอที่นางอัธยาศัยดีมีมารยาท

หยางเสี่ยวเทียนที่ได้เห็นการแสดงออกของทั้งสองเช่นนั้น เขาก็เพียงถอนหายใจส่ายศรีษะ ขณะเดินนำหลัวชิงและอูฉี ด้วยเกรงว่าพวกเขาจะประสบเห็นสีหน้าแดงก่ำตนเพลานี้

“ไปที่โถงหลักของสมาคมนักปรุงโอสถก่อนเถอะ สายมากแล้ว” หยางเสี่ยวเทียนเปลี่ยนเรื่อง ทำทีไม่สนใจทั้งสองที่ยังคงยิ้มระรื่นให้ตนไม่หยุด

ทั้งสามคนออกตัวเดิน ระหว่างทางก็หยุดแวะถามผู้คนในเมืองถึงที่ตั้งโถงหลักของหอสมาคมนักปรุงโอสถ พร้อมอุดหนุนของกินริมถนนจากพ่อค้าแม่ขายเป็นการตอบแทนบ้างจนอิ่มท้อง

ขณะหยางเสี่ยวเทียนและคนทั้งสองมุ่งหน้าไปยังโถงหลัก อีกด้าน เหวินจิงอวี๋พร้อมคนของสามคม ก็กลับถึงสมาคมการค้าเฟิงยวินสาขาหลักแล้วเช่นกัน

หลังเหวินจิงอวี๋มอบหมายงานที่เหลือให้เหวินซิ่วหลานเสร็จ นางก็แยกย้ายทำหน้าที่ของตนต่อยังสมาคม

เหวินซิ่วหลานคุมสั่งการเหล่าบริวารได้สักพัก นางก็เร่งปลีกตัวออกไป เดินหลบตัวระหว่างผ่านตรอกซอกซอยหลายแห่ง ก่อนถึงจวนแห่งหนึ่งเพื่อมาหาใครสักคน

ภายในจวน เสียงถ้วยชาถูกเขวี้ยงกระแทกพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ หลังเหวินจิงเทาได้ฟังรายงานจากเหวินซิ่วหลาน สีหน้าเขาพลันมืดลงด้วยเดือดดาลจนตัวสั่น

“พรรคดาบโลหิตพวกนั้น ช่างไร้ประโยชน์นัก แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวก็จัดการไม่ได้” เหวินจิงเทากล่าวขณะในมือบดถ้วยชาอีกใบจนเป็นผง

เนื่องจากผลงานในช่วงผ่านๆ มาของนางเป็นที่น่ายกย่อง กลุ่มผู้อาวุโสหลักประจำสมาคมจึงเริ่มไว้วางใจแลเชื่อมั่นกับความสามารถนาง เสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งอันสูงส่งของสมาคมสาขาหลัก

และหลังจากเหวินจิงอวี๋ถูกย้ายกลับมายังสมาคมหลักคราวนี้ นางต้องถูกเลือกให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอาวุโสของสมาคมการค้าเฟิงยวินแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเห็นมันเกิดขึ้น

แผนการเดินทางของเหวินจิงอวี๋ระหว่างกลับเมืองหลวง เขาเองเป็นผู้เปิดเผยให้แก่พรรคดาบโลหิต ด้วยต้องการใช้กลุ่มมือสังหารเหล่านั้นจัดการนางก่อนถึงที่หมาย

แต่โดยไม่คาดคิด พรรคดาบโลหิตที่เลื่องลือด้วยฉกาจด้านเหี้ยมโหด จะล้มเหลวเอาได้ง่ายๆ

“เจ้ารู้ที่มาของเด็กนั่นหรือไม่” เหวินจิงเทาถามเหวินซิ่วหลาน

เพราะนาง ก็เป็นหนอนบ่อนไส้อีกคนที่เขาส่งให้คอยติดตามดูการเคลื่อนไหวของเหวินจิงอวี๋

เหวินซิ่วหลานส่ายหัว “ข้าไม่ทราบ เขาบอกเพียงว่ามาจากเมืองเสินเจี้ยน แต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องที่เขากล่าวนั้นเป็นจริงหรือเท็จ”

“เมืองเสินเจี้ยนงั้นหรือ” เหวินจิงเทาพึมพำสงสัย

“เจ้าเด็กนั้น ทำลายแผนการที่เราวางไว้เสียดิบดี พานให้เราต้องคลาดความชอบไป ไหนๆ ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว เราควรส่งคนไปลอบสังหารเลย ดีหรือไม่” เหวินซิ่วหลานกล่าวอย่างเหลืออด

ยิ่งนางได้นึกถึงน้ำเสียงจากวาจาปากเสียของหยางเสี่ยวเทียน อารมณ์นางก็ยิ่งเดือนพล่านจวนแทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปตุบตีเขาครั้นได้พบหน้ากันอีกหน

หยางเสี่ยวเทียน เจ้ากล้าดีอย่างไร กล่าวหาว่าข้าเป็นสตรีใจใหญ่แต่ไร้สมอง!

“เราไม่จำเป็นต้องลงมือ เพียงส่งสาส์นให้พรรคดาบโลหิตสังหารเขาแทนเรา” เหวินจิงเทาหัวเราะเยาะ

“เจ้าบอกเองมิใช่หรือ ว่าเด็กนั้นเป็นผู้สังหารเจ้าผู้นำหนุ่มของพรรคดาบโลหิต ผู้เฒ่าเสวี่ยเป็นคนอารมณ์รุนแรง หากเขารู้ว่ามือสังหารบุตรชายเขาอยู่ในเมืองหลวง ฮ่า ฮ่า เขาคงได้พลิกทั้งเมืองหลวงแทบคว่ำ”

“ส่วนเรา แค่นั่งรอดูการแสดงเงียบๆ ไปเท่านั้น” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหวินจิงเทา กล่าวอย่างชอบใจ

ระหว่างนี้เอง หยางเสี่ยวเทียนและคนทั้งสอง ที่ออกตัวมุ่งตามทิศทางจากคำบอกกล่าวของผู้คนยังท้องถนน จนที่สุด พวกเขาก็มาถึง

“หากโถงหลักสมาคมนักปรุงโอสถอยู่ไกลกว่านี้อีกสักสองสามลี้ ข้าคงได้ท้องแตกตายเป็นแน่” ครั้นเห็นประตูทางเข้าโถงหลักไม่ไกล หลัวชิงก็พลันเปิดปากบ่นทันที หลังต้องกินไปเดินไปพลางสอบถามบรรดาพ่อค้า

“ข้าคงไม่ต่างจากเจ้า แทบอยากอาเจียน” อูฉีเพลานี้ เริ่มรู้สึกว่าไม้เท้าตนมีประโยชน์จริงๆ ก็วันนี้ เพราะมันได้ช่วยเขาพยุงร่างเดินตั้งแต่ซุ้มของกินแรก ที่หยางเสี่ยวเทียนกว้านซื้อทั้งหมด

หยางเสี่ยวเทียนที่เห็นอาการอิ่มหนำของทั้งสองจนสมใจเขา ก็พลางลอบขำด้วยอยากใคร่กระเซ้าเย้าแหย่เรื่องเหวินจิงอวี๋กับเขาตลอดทางดีนัก

ครั้นทั้งสามเดินผ่านซุ้มประตูอันโอฬารของหอสมาคมนักปรุงโอสถระดับปรมาจารย์ ความตื่นเต้นในใจพวกเขาก็พลันสะท้านไหว แม้นจะไม่แปลกใจกับความยิ่งใหญ่แลสง่างามสมดั่งเกียรติยศ

ซึ่งทางเข้าของโถงหลัก ก็จัดการเช่นเดียวกับโถงสมาคมนักปรุงโอสถในเมืองเสินเจี้ยน ที่ประตูไม่ได้รับการคุ้มกันจากใคร

เมื่อหยางเสี่ยวเทียนและคนทั้งสองเดินเข้ามาภายในโถงหลักอันกว้างใหญ่ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ ครั้นเห็นกลุ่มนักปรุงโอสถ กำลังยืนมุงชื่นชมการหลอมโอสถของนักปรุงโอสถระดับสองดาวกันอย่างตื่นตา

ขณะถึงช่วงที่นักปรุงโอสถผู้นั้นใช้ทักษะอันยอดเยี่ยม บรรดานักปรุงโอสถหลายคนก็พลันปรบมือพร้อมร้องตะโกนด้วยความปลาบปลื้ม

หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองอยู่สองครั้ง แต่พลางได้ส่ายศรีษะ

นักปรุงโอสถระดับสองดาวรายนี้กำลังหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ ซึ่งทักษะของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่ไฟแห่งสวรรค์และโลกที่เขาควบคุมกลับไม่เสถียรมากนัก คุณภาพโอสถวิญญาณหลงหู่หลังได้รับการขัดเกลาจนสำเร็จ ไม่เกินระดับกลางแน่นอน

ครั้นนักปรุงโอสถระดับสองดาวเผลอประสบท่าทีของหยางเสี่ยวเทียนแตกต่างจากคนอื่นๆ ผู้รายล้อมเพลานี้ เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวระหว่างหลอมโอสถขณะสีหน้าพานมืดลงด้วยโทสะ

“เจ้า เป็นเด็กจากตระกูลใด ใครปล่อยให้เจ้าเข้ามา”

“โถงหลักสมาคมนักปรุงโอสถระดับปรมาจารย์ กำหนดมิให้เด็กเข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน” หยางเสี่ยวเทียนได้ยินดังนั้น พลันเอ่ยถามทันที

สีหน้านักปรุงโอสถระดับสองดาวผันเปลี่ยนเป็นเย็นชา แต่ขณะที่เขากำลังจะต่อว่าหยางเสี่ยวเทียน ชายชราในอาภรณ์นักปรุงโอสถระดับสามดาวพลางเดินเข้ามาขัดเสียก่อน ซึ่งเมื่อเขาเห็นเด็กน้อยหน้าใสผู้คุ้นเคย น้ำเสียงแหบห้าวทันเอ่ยร้องด้วยประหลาดใจสุดขีด

“สหายน้อยหยาง!”

ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่เหวิน ผู้นำแห่งหอสมาคมนักปรุงโอสถระดับปรมาจารย์

ทุกคนที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายหลี่เหวินพลันแข็งค้าง หลังได้ยินเขาเอ่ยเรียกนามเด็กน้อยคนนั้นว่าหยางเสี่ยวเทียนด้วยความดีอกดีใจ

“หยางเสิน!”

หนึ่งในนักปรุงโอสถกลุ่มนั้นเริ่มมีปฏิกิริยา ขณะจ้องมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยความตื่นเต้นแลแสดงสีหน้าปีติยินดี

เพลานี้ เสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นจากเหล่านักปรุงโอสถทุกคนพานดังขึ้น หลังได้สติคืนมากันทั้งหมด

นับตั้งแต่สิ้นสุดการแข่งขันหลอมโอสถ บรรดานักปรุงโอสถทุกคนในอาณาจักรเสินไห่ ต่างยกย่องนับถือหยางเสี่ยวเทียนด้วยความปลาบปลื้มกันหนักมาก

“จะ เจ้าคือหยางเสินงั้นหรือ” น้ำเสียงสั่นเทาของนักปรุงโอสถระดับสองดาว ผู้กำลังจะกล่าวล่วงเกินเขาด้วยไม่รู้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด