ตอนที่แล้วตอนที่ 239 คำขอที่หยาบคาย(ปัญญาอ่อน) และไร้เหตุผล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 241 หลิน อวี้ถิง ผู้ร้ายกาจ

ตอนที่ 240 ผู้จัดการร้านหวาดกลัว


“งั้นเหรอ?”

“คุณจะโทรแจ้งตำรวจหรือไม่ฉันไม่รู้.. แต่ที่แน่ๆ คือคุณอาจจะไม่ได้เป็นผู้จัดการร้านนี้นานนักหรอกนะ”

ซูเหวิน กล่าวอย่างเย็นชา

“คุณหมายความว่ายังไง?”

ผู้จัดการร้านขมวดคิ้ว โดยไม่ทราบสาเหตุ

พนักงานหลายคนก็มองว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างแปลกประหลาด

ซูเหวิน เองก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรกับคนพวกนี้เหมือนกัน

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโดยตรง และโทรออกไป

หมายเลขโทรศัพท์นี้เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของ สวี่เหยียน เจ้าของศูนย์การค้า ซื่อจิน

แน่นอนว่า บอสสวี่ ไม่ใช่เจ้าของร้านนี้

แต่เพียงเจ้าของร้านนี้เช่าที่จาก บอสสวี่

ขอแค่เขาพูดคำเดียว ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้?

ขณะกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โทรศัพท์ของ ซูเหวิน ก็เชื่อมต่อสายแล้ว

ทันทีที่เชื่อมต่อสายได้ น้ำเสียงที่สุภาพของ บอสสวี่ ก็ดังขึ้น

ซูเหวิน บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านเมื่อกี้ให้อีกฝ่ายทราบ

เมื่อ บอสสวี่ ได้ยิน น้ำเสียงของเขาก็จมลงทันที

และเขาได้ให้คำมั่นสัญญาทันทีว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ให้กับ ซูเหวิน

หลังจากนั้นเขาจึงวางสายไป

เสียงพูดของ ซูเหวิน ผู้จัดการร้าน และพนักงานต่างก็ได้ยินเช่นกัน

ทันใดนั้นหลายคนพากันหัวเราะเยาะทันที

ทุกคนต่างสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้มีอะไรผิดปกติกับสมองหรือเปล่า

เพราะเมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของชายหนุ่มเมื่อกี้ที่คุยโทรศัพท์ เหมือนกับว่าเขากําลังคุยโทรศัพท์อยู่กับเจ้าของศูนย์การค้า ซื่อจิน อยู่..

แถมเขายังบอกว่าให้ตักเตือนเจ้าของร้านนี้หน่อย ฮ่าฮ่าๆ มันช่างไร้สาระ และน่าขำจริงๆ เลย…

บอสสวี่ ของ ศูนย์การค้า ซื่อจิน เป็นใคร?

เขานั่นคือมหาเศรษฐีที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน

แล้ว.. ชายหนุ่มตรงหน้านี้สามารถไปรู้จักเขาได้หรือ?

อย่างไรก็ตามยังไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากที่หลายคนเพิ่งหัวเราะเสร็จ

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของผู้จัดการร้านก็ดังขึ้น

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเห็นว่าเป็นสายจากเจ้าของร้านของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจเล็กน้อย พลันสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน

แม้ว่าเจ้านายมักจะโทรมาหาเธอบ่อยๆ เพื่อสอบถามสถานการณ์ในร้าน แต่ที่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ครั้งนี้เวลาที่เจ้านายโทรมาก็ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป

เธอจึงรีบรับโทรศัพท์

และเสียงของเจ้านายเธอก็ดังมาจากตรงนั้นทันที

“เสี่ยวฉิน เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้คุณอยู่ที่ร้านหรือเปล่า เมื่อกี้มีคนหนุ่มสาวสองสามคนมาซื้อเสื้อผ้าในร้านใช่ไหม? และคุณได้ไล่ลูกค้าออกไปหรือไม่?”

พอคําพูดนี้หลุดออกมา ผู้จัดการร้านหญิงคนนั้นพลันตกใจ : “เจ้านายคะ คุณ... คุณรู้ได้อย่างไร?”

“ฉันต้องรู้แน่นอน บอสสวี่ ของศูนย์การค้า ซื่อจิน โทรหาฉัน และบอกกับฉันว่า ประธานซู เพื่อนของเขาคนหนึ่ง กําลังซื้อเสื้อผ้าในร้านของเรา แต่คุณอยากจะไล่เขาออกไป!”

“คุณเป็นถึงผู้จัดการร้าน คุณมันบ้าไปแล้วหรือ คุณคิดจะไล่ลูกค้าออกไปได้ยังไง?”

เจ้านายของเธอดูจะโกรธมาก

“มันไม่ใช่.. เจ้านายค่ะ นั่น.. นั่นเพราะมีคนนึงมาที่ร้านเรา…”

“มีดารามาที่ร้านใช่ไหม ฉันได้ยิน บอสสวี่ บอกแล้ว แต่เธอรู้ไหมว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ คุณนั้นเขามีสถานะอย่างไร.. เขามีอิทธิพลมากจนแม้แต่ บอสสวี่ ก็ยังต้องสุภาพด้วย แล้วดาราคนนั้นมีอะไรเทียบได้?”

เจ้าของร้านได้ขัดจังหวะผู้จัดการร้านโดยตรง

“ฉันจะบอกคุณให้ว่า ดาราดังหรืออะไรฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น แต่คุณต้องปฏิบัติต่อชายหนุ่มคนนั้นอย่างดี หากมีอะไรผิดพลาดแม้แต่น้อย คุณก็คงไม่คู่ควรกับตำแหน่งผู้จัดการร้านนี้แล้ว…”

เจ้าของร้านพูดจบก็วางสายไปทันที

จากคำพูดของเขา สามารถบอกได้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นอย่างแน่นอน

ผู้จัดการร้านหญิงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวแล้ว

เมื่อครู่นี้เจ้านายของเธอเพิ่งพูดว่าไงนะ?

ตัวตนของชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า บอสสวี่ ของศูนย์การค้า ซื่อจิน?

นี่... มันเป็นไปได้ยังไง?

“ยังไง.. คุณไม่คิดจะโทรแจ้งตำรวจแล้ว?”

ซูเหวิน หัวเราะเย็นชาพลางพูดออกไป

เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เขาจึงรู้ว่าเจ้าของร้านน่าจะตักเตือนผู้จัดการร้านคนนี้แล้ว

ซึ่งเขาต้องการดูว่าผู้จัดการร้านคนนี้ต้องการจะพูดอะไรอีก

“คือ…คือฉันต้องขอโทษ ประธานซู ด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น”

“ฉันเห็นว่ามีดารามาที่ร้าน เลยตกใจรีบไล่พวกคุณออกไป ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทำแบบนั้นเลย แถมฉันยังอยากขอให้ ประธานซู ใจกว้าง อย่าได้ถือสาคนตัวเล็กๆ อย่างฉันเลยนะคะ!”

ผู้จัดการร้านรีบกล่าวขอโทษ ซูเหวิน

เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสถานะอะไร

แต่เธอรู้อย่างชัดเจนว่า ประธานซู คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา

ล้อเล่นน่า แม้แต่ บอสสวี่ ที่มีมูลค่านับหมื่นล้านยังต้องสุภาพกับ ชายหนุ่มคนนี้

แล้วคนแบบนี้เธอจะไปทำให้เขาขุ่นเคืองได้อย่างไร?

การเปลี่ยนแปลงของผู้จัดการร้านยังทำให้พนักงานหลายคนตกตะลึง

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้จัดการร้านที่ซึ่งหยิ่งผยองเมื่อกี้ ..แต่เพียงแค่รับโทรศัพท์เท่านั้น ทัศนคติของเธอที่มีต่อชายหนุ่มคนนี้ก็พลันเปลี่ยนไป 180 องศา

มัน.. เกิดอะไรขึ้น?

แต่ต่อให้ทัศนคติของผู้จัดการร้านเปลี่ยนไปแล้วอย่างไร ซูเหวิน เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดแค่นี้

เขายิ้มเย็นชา และพูดว่า : “เมื่อกี้ผู้จัดการร้านคุณดูมีอำนาจมากไม่ใช่หรือ และเพื่อดาราคนนี้คุณถึงกับไล่ลูกค้าคนอื่นๆ ออกไป”

“ตอนนี้ฉันก็รู้สึกไม่พอใจดาราคนนั้นเหมือนกัน งั้นขอรบกวนผู้จัดการร้านช่วยฉันหน่อย ไล่เธอออกไป ไม่ทราบว่าคุณผู้จัดการจะว่ายังไง?”

“เอ่อ นี่…”

ผู้จัดการร้านมีสีหน้าพะอืดพะอม และเธออึ้งไปทันทีอยู่ครู่หนึ่ง

คือเมื่อกี้.. อีกฝ่ายว่ายังไงนะ?

อยากให้เธอขับไล่ดาราคนนั้นออกไป?

นี่...

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็เป็นดารานะ!

หากถ้าเธอไล่ดาราคนนี้ออกไปในที่สาธารณะ

ถ้าทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ(เกลียด)จะทำยังไง?

แถมอีกฝ่ายยังเป็นดาราที่ค่อนข้างฮอตมากในช่วงนี้ด้วย

แฟนคลับต้องมีไม่น้อยแน่นอน

เธอทําเช่นนี้ไปพอถูกถ่ายรูปลงโลกออนไลน์ เธอคงไม่โดนแฟนคลับของดาราสาวคนนี้ตามมาบีบคอจนขาดอากาศหายใจตายหรอกใช่ไหม?

“ทำไม หรือคุณไม่เต็มใจทำ?”

“ถ้าคุณไม่เต็มใจแล้วล่ะก็.. ฉันคิดว่าคุณก็ไม่ควรที่จะเป็นผู้จัดการร้านนี้ต่อไป รอให้เจ้านายของคุณไล่ออกเถอะ!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเล ซูเหวิน ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะอีกครั้ง

เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ ต่อผู้จัดการร้านนี้

เมื่อกี้หากเขาไม่ได้โทรหา บอสสวี่ คาดว่าตอนนี้เขาคงจะถูกผู้จัดการร้านคนนี้ไล่ออกไปแล้ว

ตอนนี้เขาแค่ใช้วิธีของคนอื่นมาตอบแทนคนอื่นก็เท่านั้น

และเขาก็อยากรู้ด้วยว่าดาราหญิงคนนั้นรู้สึกอย่างไรเมื่อเผชิญหน้ากับการถูกขับไล่ของผู้จัดการร้าน

และการข่มขู่ของเขาดูเหมือนว่าจะได้ผลมากทีเดียว

พอได้ยินว่าอีกฝ่ายจะให้เจ้านายไล่เธอออกจริงๆ ผู้จัดการร้านก็ตื่นตระหนกทันที

คุณต้องรู้ก่อนว่า แม้ว่าเธอจะเป็นแค่ผู้จัดการร้านเล็กๆ แต่เงินเดือนของเธอก็ยังมากกว่า 10,000 หยวน เลยทีเดียว!

ทั้งยังถือได้ว่าเป็นงานที่ได้เงินเดือนดีมากๆ ระดับหนึ่งในเมืองม่อแห่งนี้

หากถ้าเธอถูกไล่ออก เธอจะไปหางานแบบนี้ได้ที่ไหน?

ดังนั้นเธอจึงมองไปที่ ซูเหวิน และรีบอ้อนวอนทันทีว่า : “ประธานซู คุณเป็นคนใจกว้าง ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าให้เจ้านายไล่ฉันออกเลยนะคะ!”

“ฉันจะไล่เธอออกไป ฉันจะไล่เธอออกไปเดี๋ยวนี้”

พูดจบ เธอก็รีบหันหลังเดินไปทางประตูร้านอย่างลุกลี้ลุกลน แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าดาราคนนั้น

ขณะเดียวกัน ดาราสาวก็รอไม่ไหวแล้ว กําลังเตรียมให้บอดี้การ์ดเข้าไปดู..

พอเห็นผู้จัดการร้านมาถึง เธอก็เปิดปากพูดว่า : “ฉันถามหน่อยว่าร้านพวกคุณนี่มันยังไงกัน แค่ไล่คนออกไม่กี่คนเท่านั้น ทำไมถึงชักช้าจนเสียเวลาไปหลายนาที เร็วหน่อยได้ไหม เวลาของฉันมีค่ามากนะ”

หลิน อวี้ถิง ขมวดคิ้ว และมองไปที่ผู้จัดการร้านที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอในขณะนี้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เอ่อ…”

“คุณหลิน ขอโทษด้วยนะคะ ทางร้านของเราไม่สามารถให้คุณเข้ามาได้ กรุณาไปซื้อเสื้อผ้าที่ร้านอื่นเถอะค่ะ!”

ผู้จัดการร้านรวบรวมความกล้า แล้วพูดประโยคนี้ออกไปโดยตรง…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด