ตอนที่แล้วตอนที่ 14 จ่ายค่าตอบแทน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 แต่เขาอยู่ในใจของจักรพรรดินี

ตอนที่ 15 เขาถือสิทธิอันใดมาดูหมิ่นนาง


ตอนที่ 15 เขาถือสิทธิอันใดมาดูหมิ่นนาง

“อืม” เสียงที่แผ่วเบากว่าปีกผีเสื้อเอ่ยขึ้น

ถ้าซูอันไม่มีสายตาแหลมคมและหูที่ดี เกรงว่าเขาจะไม่ได้ยิน

ตอนนี้หลี่จื่อซวงไม่อยากพูดและไม่รู้จะพูดอะไรด้วย

เพราะมารดาของนางเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก จึงไม่เคยมีใครสอนเรื่องประเภทนี้แก่นาง

หัวใจของนางเต้นแรงมาก รู้สึกเหมือนกำลังไปที่ลานประหารอย่างไรอย่างนั้น

ทันใดนั้นมีสัมผัสที่ไม่อ่อนโยนใต้คางของนาง

ซูอันเชยคางของหลี่จื่อซวงขึ้นและมองขึ้นลงด้วยความละเอียด จากนั้นเขาขมวดคิ้วและแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา

“เจ้าทำหน้าตาแบบนี้ให้ใครดู ทั้งสกปรกมอมแมม มันไม่น่าดูเลย”

ขณะที่เขาพูดก็ดึงมือกลับและสะบัดคล้ายกำลังไล่สิ่งสกปรกออก

ภาพนี้ทำลายเกราะป้องกันตัวที่หลี่จื่อซวงสร้างขึ้นมาทันที

นางเงยหน้าขึ้นและจ้องหน้าซูอันตาเขม็ง

ในที่สุดนางก็พร้อมแล้ว แต่นางยังถูกปฏิเสธ

แม้จะมีการเตือนตัวเองซ้ำๆ แต่นางไม่สามารถต้านทานคำดูแคลนได้ ถ้านางไม่ต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย นางคงจะเดินจากไปแล้วจริงๆ

แต่ถึงแม้นางจะไม่เดินออกไป ในใจยังรู้สึกอับอายยิ่งนัก

เขาถือสิทธิอันใดมาดูหมิ่นนาง

แค่มีตำแหน่งบรรดาศักดิ์ แค่หล่อเหลาไปหน่อยและมีความสามารถดีกว่าไม่ใช่หรือ?

นอกจากนี้เขายังมี...

เฮอะ ก็ดูเหมือนจะค่อนข้างดีไปหมดนั่นแหละ

เมื่อมองนัยน์ตาจริงจังของซูอัน นางจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้นางดูน่าเกลียดจริงหรือ?

นางรีบยกมือขวาขึ้นปิดบังการมองเห็นของซูอันแล้วหันไปมองกระจกในห้อง

สตรีในกระจกดูเหนื่อยล้า ดวงตาแดงก่ำและผมเผ้ายุ่งเหยิง ยิ่งนางมองมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกแตกต่างมากขึ้นเท่านั้น

แต่ในความเป็นจริง

แม้ว่าตอนนี้หลี่จื่อซวงจะดูซีดเซียว ทว่าเสน่ห์ของนางไม่ได้ลดลงเลย ตรงกันข้ามคือมีความงามในความไม่สมบูรณ์แบบราวกับชิ้นส่วนเครื่องลายครามที่แตกหัก

คำกล่าวที่ว่า ‘ดูละเอียดอ่อนกว่าไซซีถึงสามแต้ม’ นั่นไม่เกินจริง

แต่ซูอันยังมองนางด้วยความรังเกียจ “คุณหนูหลี่ เจ้าควรกลับไปอาบน้ำดีกว่า มิฉะนั้นข้าจะคิดว่าเจ้าไม่จริงใจ”

“หากเจ้าไม่จริงใจ เช่นนั้นพ่อของเจ้า...”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ ใบหน้าของหลี่จื่อซวงซีดลง

“หลีเอ๋อร์เข้ามาหน่อย”

หลังจากเรียกสาวน้อยเข้ามาแล้ว ซูอันก็ไม่สนใจว่าหลี่จื่อซวงยังนั่งอยู่ข้างเตียง

เขาคว้าไหล่ของเยี่ยหลีเอ๋อร์แล้วกดนางลงกับเตียง

“นี่ มีคนนอกอยู่ด้วยนะ~”

เยี่ยหลีเอ๋อร์ออกท่าทางเขินอาย

แต่แววตาของนางดูตื่นเต้น ปากพูดเหมือนจะปฏิเสธแต่ก็ยินดีตั้งรับ

ราวกับนี่คือการต่อสู้

“ช่างนางสิ ถ้านางอยากดูก็ดูไป”

  ……

ณ ชายแดนตงโจว

จู่ๆ เยี่ยเสวียนก็โผล่ขึ้นจากแม่น้ำโดยมีพืชน้ำสีเขียวชิ้นหนึ่งอยู่บนศีรษะ

หากมองจากระยะไกลช่างเหมือนกับเต่าที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ

“มังกรอสูรสารเลว ถ้าไม่ใช่เพื่อไข่มุกนั้น ข้าไม่มีทางมีสภาพเช่นนี้เด็ดขาด”

เขายกมือกุมอก ตอนนี้กระดูกที่หน้าอกมีรอยบุบลงไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส

“ฟู่~ข้าเกือบถูกมังกรอสูรนั่นจัดการแล้ว ทำให้ต้องสิ้นเปลืองยันต์เคลื่อนย้ายขนาดเล็กแผ่นสุดท้ายไป”

หลังจากที่เขาลงจากภูเขา เขาก็พบกับช่วงเวลาที่เลวร้าย ราวกับว่าความโชคดีในอดีตได้หมดลงแล้ว

“ทั้งหมดเป็นความผิดของซูอัน!” เขาก่นด่าออกมาอีกครั้งและความไม่พอใจที่มีต่อซูอันยิ่งทวีคูณ

ตั้งแต่เขาได้พบกับคนผู้นั้น โชคลาภของเขาก็เริ่มหมุนกลับ

“ข้ารู้สึกชัดเจนถึงความเป็นเจ้าของไข่มุกนั้น มันคือสิ่งสำคัญสำหรับข้า”

เขาดึงพืชน้ำบนศีรษะออกพลางกลอกตาใช้ความคิด “บางทีข้าอาจกระจายข่าวออกไปและให้ผู้ฝึกตนอื่นๆ ไปต่อสู้กับมังกรอสูรแทน จากนั้นข้าค่อยกอบโกยผลประโยชน์”

หลังจากถูกซูอันหลอกหลายครั้ง บุรุษผู้นี้จึงได้เรียนรู้การใช้เล่ห์เหลี่ยมเป็นแล้ว

“แต่ข้าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของไข่มุกได้ บางทีอาจจะใช้วิธี…” เขาลองไตร่ตรอง ในระหว่างนั้นมีแมลงปอสีเขียวตัวหนึ่งมาเกาะบนศีรษะของเขา ทำให้ศีรษะของเขามีสีเขียวเพิ่มมาอีก

“เอาตามนี้แหละ!”

  ……  

กลับมาที่จวนอู่ซ่วนโหว

ในเวลานี้หลี่จื่อซวงตกอยู่ในภาวะกระสับกระส่ายโดยคิดไม่ตกว่าจะอยู่หรือไปดี

ซูอันยังไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัดแก่นาง

หากนางออกไปก็กลัวว่าซูอันจะไม่ยอมช่วยอีก

ถ้ารอให้ซูอันพอใจ ตอนนั้นบิดาของนางคงจะจากไปแล้ว

นางจึงได้แต่นั่งในที่ของตนและพยายามไร้ตัวตนให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนทั้งสอง

นางรู้สึกเคอะเขินและอึดอัดใจ แต่ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปในส่วนลึกของหัวใจด้วย

ตะวันตกดิน จันทราลอยเด่น

ฟ้ามืดแล้วจริงๆ

ดวงตาของหลี่จื่อซวงยิ่งแดงก่ำมากขึ้น

ช่วยรับปากมาหน่อยว่าจะช่วยเหลือข้า หยุดทรมานคนแบบนี้ได้แล้ว

เวลานี้พลังวิญญาณในร่างกายของเยี่ยหลีเอ๋อร์มาถึงจุดสูงสุด

ลมหายใจของนางเริ่มไม่เป็นจังหวะ

“ข้าใกล้ทะลวงแล้ว!”

อยู่ๆ เยี่ยหลีเอ๋อร์ก็ตะโกนร้องด้วยน้ำเสียงหวานล้ำและรัศมีพลังของนางแผ่กระจายออกมา มันถึงจุดสูงสุดด้วยความรู้สึกของพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้น

เกิดสภาวะล่องลอยตามมา

ขอบเขตก่อกำเนิดบรรลุขั้นสูงสุด!

เยี่ยหลีเอ๋อร์ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการทะลวงตั้งแต่ขอบเขตก่อกำเนิดขั้นแรกมาจนถึงขั้นสูงสุดและมีรากฐานมั่นคง

เหลือเพียงก้าวเดียวก็จะกระโดดขึ้นสู่ระดับจื่อฝู่

ความรวดเร็วนี้อยู่ห่างไกลจากความสามารถของอัจฉริยะทั่วไปชนิดไม่เห็นฝุ่น

“หืม พี่สาวยังอยู่อีกหรือ?”

เมื่อเห็นหลี่จื่อซวงยังนั่งอยู่ข้างเตียง เยี่ยหลีเอ๋อร์ซึ่งใช้นิ้วถูบั้นท้ายของตนเบาๆ จึงอดประหลาดใจไม่ได้

“อืม~” ใบหน้าของหลี่จื่อซวงแดงเรื่อด้วยความเขินอาย และในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกพูดไม่ออก

ข้าก็ตัวไม่เล็ก แต่เจ้ายังมองไม่เห็น เกรงว่าในสายตาของเจ้าคงมีเพียงพี่ซูอันกระมัง?

ตัณหาจัดเกินไปแล้ว!

ถึงขั้นไม่สนใจสายตาของข้า

ซูอันก็นึกไม่ถึงว่าหลี่จื่อซวงจะนั่งชมการถ่ายทอดสดจนจบ เพราะเดิมทีเขาคิดว่านางจะจากไปด้วยความอับอายกลางคัน

แต่ดูเหมือนว่าคุณหนูหลี่ยังมีคุณสมบัติที่จะพัฒนาได้!

“เจ้าควรกลับไปก่อน แล้วข้าจะจัดการเรื่องหลี่เต๋อเฉวียนให้”

“ส่วนค่าตอบแทนจากเจ้านั้น ข้าจะเรียกเก็บเมื่อมีเวลา”

ทันทีที่คำพูดนี้จบลง หลี่จื่อซวงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เดิมทีนางกลัวว่าซูอันจะไม่ยอมรับ

กระนั้นนางยังรู้สึกหดหู่โดยอธิบายไม่ถูกเช่นกัน จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเสน่ห์ของนางไม่มากเท่าของเยี่ยหลีเอ๋อร์และนางไม่น่ามองแม้สักนิด

คงเพราะว่านางอยู่ในสภาพโทรมๆ ไม่ใช่เพราะนางด้อยกว่าเยี่ยหลีเอ๋อร์จริงๆ

เมื่อก้มมองภูเขาหิมะสองลูกของตนซึ่งเห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าของเยี่ยหลีเอ๋อร์ จึงทำให้หลี่จื่อซวงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

นางหวังว่าในครั้งต่อไปจะทำให้เขาหลงใหลจนตาย

เมื่อมีความคิดนี้ ทันใดนั้นใบหน้าของหลี่จื่อซวงยิ่งแดงขึ้น

เหลวไหลสิ้นดี! หลี่จื่อซวงเจ้าคิดบ้าๆ เกินไปแล้ว

นางและซูอันมีความสัมพันธ์เชิงธุรกิจต่อกันเท่านั้น จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงของเขาได้อย่างไร

นางลุกขึ้นยืนด้วยความเร่งรีบจึงได้ตระหนักว่ามีความชื้นมากขึ้นทั่วร่างกาย เพราะนางเผลอร่ายพลังเวทแห่งน้ำโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งทำให้นางอยากหนีจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสีชมพูแห่งนี้เหลือเกิน

“ขอบคุณท่านโหวซู ข้าขอตัวก่อน” นางทำความเคารพห้วนๆ แล้วหันหลังจะจากไป

“ช้าก่อน” ซูอันหยุดนางไว้

“หากเจ้าไม่รู้จะพูดขอบคุณอย่างไร ควรต้องแสดงสีหน้าหน่อยไม่ใช่หรือ?”

“ฮะ?”

ปากเล็กๆ ของหลี่จื่อซวงอ้าออกเล็กน้อย

นี่คือหลักเกณฑ์แบบใด