ตอนที่ 15: ทะลวงวิทยายุทธ์ สยายปีกเหล็ก
ตอนที่ 15: ทะลวงวิทยายุทธ์ สยายปีกเหล็ก
ตกกลางคืน
คราวนี้ฉู่อี้มีประสบการณ์ขณะเลือกปลาแชฮื้อตัวเล็กกว่า ส่วนที่เหลือยังคงปล่อยไว้ในบ่อขณะใช้ “เหยื่อป้อนอาหาร” เหมือนอย่างทุกทีเพื่อให้พวกมันมีชีวิตต่อไป
เมื่อยาออกฤทธิ์ เขาจึงใช้ “วิชาค้างคาวเหล็ก” อีกครั้ง
อาจเป็นเพราะเข้าใกล้การทะลวง กระนั้นฉู่อี้เพียงรู้สึกว่าตอนฝึกฝนวิชาค้างคาวเหล็กในวันนี้กลับมีความรู้สึกถึงความสามัคคีระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
ร่างกายของเขาเบาขึ้นขณะมือเท้าคล้ายกับยิ่งมีความคล่องตัว
เมื่อคิดว่ากำลังจะทำการทะลวงตอนกลางวันและกลายเป็นบรรพชนที่เป็นเซียนนั้นเอง... พลังภายในที่แก่กล้ายิ่งกว่าพลุ่งพล่านผ่านเส้นลมปราณ พวกมันยังคงเติบโตและแข็งแกร่งมากขึ้น
มันเป็นการบ่งบอกถึงขอบเขตสวรรค์ประทานขั้นกลางถึงขั้นท้าย
ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความก็ทราบว่าต้องเป็นการทะลวงวิชาค้างคาวเหล็กไม่ผิดแน่ ซึ่งมันจะทำให้ความเชี่ยวชาญใน “เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ” เพิ่มขึ้น
เขาตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในหน้าต่างระบบทันที
ชื่อ: ฉู่อี้
ขอบเขต: ขั้นท้ายของสวรรค์ประทาน/ระดับหนึ่งของการฝึกลมปราณ
วิทยายุทธ์: วิชากระบี่วายุกระจ่าง (ระดับสี่: 601/800) วิชาค้างคาวเหล็ก (ระดับสาม: 3/400) [สยายปีกเหล็ก]
วิชายุทธ์: เคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะ (ระดับหนึ่ง: 46/100)
ทักษะ: วิชาบำเพ็ญมัจฉาวิญญาณ (เล่มหนึ่ง: 1/200)
ฉู่อี้ไม่คาดคิดว่าความเชี่ยวชาญในเคล็ดน้ำพุวิญญาณเขาหิมะจะเพิ่มขึ้น 11 แต้มในอึดใจเดียว?
ยกเว้นความเชี่ยวชาญเพียง 1 แต้มที่เขาพัฒนาด้วยความพยายามตัวเอง ส่วนความเชี่ยวชาญอีก 10 แต้มที่เหลือได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์จากการทะลวงวิชาค้างคาวเหล็ก
“สมกับเป็นมรดกของนักบุญยุทธ์ ไม่ธรรมดา!”
ฉู่อี้สังเกตเห็นเช่นกันว่าหลังจากวิชาค้างคาวเหล็กทะลวงถึงระดับสาม กลับมีคำเพิ่มเติมขึ้นมาว่า “สยายปีกเหล็ก”
เขาครุ่นคิดสักพักราวกับเข้าใจบางอย่างจากสี่คำนี้
วินาทีต่อมา
ฉู่อี้ควบคุมพลังภายในของวิชาค้างคาวเหล็กขณะรวบรวมไว้ทั้งสองด้านของแผ่นหลังจากภายในจนกระทั่งสัมผัสได้วามันแพร่กระจายไปจนถึงขีดจำกัด
เขาพลันขยับ แล้วเสียงประหนึ่งสยายปีกจึงลอยเข้าหู ร่างกายเบาขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนขณะการมองเห็นยิ่งเด่นชัด ส่วนการได้ยินคล้ายกับพัฒนาขึ้นสิบเท่า
ในตอนนี้ ฉู่อี้มีความรู้สึกบางอย่าง
มันคล้ายกับกลายเป็นค้างคาวสีดำกางปีก
ฟ่าวว!
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านลานบ้านขณะร่างหนึ่งทะยานขึ้นจากพื้นดินแล้วบินไปในอากาศประหนึ่งเซียน
ฉู่อี้มองปฐพีที่ค่อยหายไปขณะไม่รู้สึกอะไรนอกเหนือจากความประหลาดใจที่อยู่ภายใน
เขาถึงกับ... บินได้งั้นหรือ?
มันไม่ใช่วิชาตัวเบาที่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากการหยิบยืมพลัง แต่เป็นปีกหนึ่งคู่ที่งอกขึ้นมาชั่วคราวผ่านพลังภายใน
แม้แต่ในยุครุ่งเรืองของฉู่อี้ก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
"นี่คือปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการหลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบของพลังภายนอกกับภายในของปีกเหล็ก"
ถึงกระนั้น กระบวนท่านี้ต้องใช้พลังภายในมหาศาล
ด้วยพลังภายในขั้นท้ายของฉู่อี้ ทำให้มันสามารถสนับสนุนการบินได้มากสุดถึงหนึ่งร้อยอึดใจ
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด แค่ในแง่ของความสามารถของการหลบหนีเพียงอย่างเดียว สยายปีกเหล็กนี้ย่อมบดขยี้วิทยายุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์อื่นได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ ฉู่อี้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงองค์ชายสามแห่งคฤหาสน์ราชันอู่ที่ได้เห็นในวันนั้น
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาได้รวบรวมข้อมูลในศาลารสมัจฉากับโรงเตี๊ยมกลางแจ้ง แม้จะไม่สามารถยืนยันถึงวัตถุประสงค์ขององค์ชายสามจากคฤหาสน์ราชันอู่ได้ แต่ฉู่อี้ก็ได้รับข่าวเช่นกัน
องค์ชายสามอยู่ที่เมืองหลิงโซ่วมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
แม้อีกฝ่ายไม่ได้จากไปนาน แต่ถ้าบอกว่าทิวทัศน์ของเมืองหลิงโซ่วทำให้เขาหลงใหลก็ออกจะเป็นการกล่าวเกินจริงเสียหน่อย
มันมีความหมายเพียงหนึ่งเดียวว่าธุระที่ทำให้องค์ชายสามมาที่เมืองหลิงโซ่วยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้พบกับความล้มเหลวบางอย่าง
。
ฉู่อี้อยากไปที่นั่นเพื่อสังหารองค์ชายสามเสียเดี๋ยวนี้
แต่ในช่วงวิกฤตินี้เองที่เหตุผลของเขากุมชัยเอาไว้
อีกเสียงโน้มน้าวให้เขาสงบสติอารมณ์
ประการแรก ขอบเขตตัวเองห่างจากขอบเขตสวรรค์ประทานขั้นสมบูรณ์ไม่ไกลนัก
ประการที่สอง องค์ชายสามอยู่ในเมืองหลิงโซ่วมาหนึ่งเดือนแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าไม่มีท่าทีที่จะรีบร้อนจากไปดังคำกล่าวที่ว่าอนาคตยังอีกยาวไกล
หลังจากตัดสินใจแล้ว ในที่สุดฉู่อี้จึงเลือกที่จะปลอดภัยไว้ก่อน
แต่ว่า ความสนใจของเขาจะย้ายมาที่จุดประสงค์ในการสืบสวนคฤหาสน์ราชันอู่กับกลุ่มของเขา
ขอเพียงสามารถกุมสิ่งสำคัญได้ก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะหนีไปไหนแล้ว
…
สามวันต่อมา
ฉู่อี้ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่กับการเยี่ยมชมสถานที่ทั้งหลาย
หลังจากเลือกสถานที่ได้แล้ว ในที่สุดความสนใจของฉู่อี้จึงมาหยุดอยู่กับผู้ชายร้านขายเนื้อผู้ส่งเนื้อไปที่คฤหาสน์ของราชวงศ์ อีกทั้งยังเป็นเกษตรกรที่รับผิดชอบเกี่ยวกับผัก
ยามคนเหล่านี้เข้าออกคฤหาสน์ของราชวงศ์ก็จะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างภายใน รวมถึงความชอบของตระกูลมั่งคั่งเหล่านั้น
แม้พวกเขาจะถูกบอกให้เก็บเป็นความลับหลังจากออกมาแล้ว แต่การโอ้อวดมักเป็นธรรมชาติของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนขี้เมา
ฉู่อี้ให้ความสนใจกับผู้ชายร้านขายเนื้อ แล้วในที่สุดจึงเลือกมารออยู่ที่โรงเตี๊ยม
เขาปะปนอยู่กับนักดื่มขณะสั่งสุรากับเครื่องเคียงที่น่าพึงพอใจไม่โดดเด่น จากนั้นจึงนั่งในตำแหน่งที่สามารถได้ยินเสียงหากทำการเงี่ยหู
ในทางตรงกันข้าม ผู้ชายร้านขายเนื้อยิ่งดื่มยิ่งเมามายขณะผู้คนทั้งหลายที่อยู่ไม่ไกลคอยสนับสนุนเรื่องการดื่มกิน
“หลี่ซาน คราวนี้เจ้ามั่งคั่งมาก! องค์ชายสามแห่งคฤหาสน์ราชันอู่กินเนื้อที่เจ้ายื่นให้กับมือ หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ศาลาร้อยธูปจะต้องอิจฉาตาร้อนอย่างแน่นอน!”
หลี่ซานผู้เป็นผู้ชายขายเนื้ออยู่ในสภาพเมามาย หลังจากได้ยินเช่นนี้จึงมีสีหน้าแดงก่ำก่อนจะแย้มยิ้ม
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย คฤหาสน์ราชันแตกต่างจากภายนอก ผู้ชายที่อยู่ข้างในขาวกว่าเด็กผู้หญิงในซ่องเสียอีก ส่วนสาวใช้ พวกนางงดงามราวกับเทพธิดา…”
หลี่ซานโอ้อวดเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน
ฉู่อี้เงี่ยหูฟังเพื่อไม่ให้ตกหล่นรายละเอียด
นักดื่มจำนวนมากต่างพากันมารวมตัวรอบหลี่ซานอย่างเงียบงัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากทราบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ราชัน
ถึงอย่างไร หากสามารถฟังสิ่งที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ได้ก้ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอะไรไปโอ้อวดยามสนทนากับผู้อื่นในภายภาคหน้า
“ข้ามาทันเวลาพอดี ว่ากันว่าราชันเฒ่ากำลังจะฉลองวันเกิดครบรอบเก้าสิบปี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สมบัติจำนวนมากจะถูกส่งไปที่คฤหาสน์ราชัน รวมถึงทอง เงิน หยก เครื่องเคลือบ... จำนวนของมันมากกว่าที่ข้าเคยเห็นในชั่วชีวิต!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อี้จึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่รอบข้างก็ทำแบบเดียวกัน
ทันทีที่เขาไปถึงมุมหนึ่งของถนน เสียงกีบม้ากับเสียงกระแทกจึงดังมาจากด้านหลัง
“เจ้าคนโอหังหลี่ซาน เจ้าคือคนที่ออกความเห็นผิดเพี้ยนต่อคฤหาสน์ราชันใช่หรือไม่?”
“หัวหน้าสายตรวจเยี่ยน โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
หลังจากนั้น ความแตกตื่นกับความสับสนเกิดขึ้นในหมู่ฝูงชนพร้อมกับเสียงโต๊ะถูกฟันกับไหสุราแตก
ฉู่อี้กล้าพูดได้เต็มปากว่า “หลี่ซาน” ผู้นี้เสียสติจนไม่สามารถควบคุมคำพูดได้
การอวดย่อมเป็นเพียงการอวดดีที่ไม่มีพิษภัยอะไร บางทีคฤหาสน์ราชันเพียงกระตือรือร้นที่จะทำให้ผู้หิวกระหายเหล่านี้พากันอิจฉาเท่านั้น!
ผลที่ได้ หลี่ซานไม่มีทางเลือกนอกจากบอกว่ามีสมบัติอยู่ในคฤหาสน์ราชัน
มันเป็นเพียงความกังวลทั่วไปสำหรับโจรไม่ใช่หรือ?
เมืองหลิงโซ่วไม่ใช่สถานที่ดี โดยเฉพาะองค์ชายสามผู้เป็นคนนอก มังกรที่แข็งแกร่งไม่สามารถเอาชนะงูท้องถิ่นได้ ทันทีที่เปิดเผยความมั่งคั่งก็จะถูกถลกหนังอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ลองไปสำรวจเส้นทางดีกว่า”
ดวงตาของฉู่อี้ขยับขณะหันหลังแล้วเดินเข้าไปในศาลารสมัจฉา
เพียงพริบตา เขาจึงกลายเป็นท่านอี้ผู้มีฝีมือและจิตใจดีอีกครั้ง