ตอนที่ 52 แลกด้วยยาย้อนฝันสิบขวด!
ตอนที่ 52 แลกด้วยยาย้อนฝันสิบขวด!
“ยังไม่ใช่หมายความว่าเจ้าชนะ!” ซูลั่วเผยสายตารังเกียจออกมาให้เห็น
“ถ้าเช่นนั้นศิษย์น้องหญิงซูก็แค่รอคอยและรับชม อันที่จริงต่อให้มันปรุงยาได้สำเร็จ ด้วยระยะเวลาที่นานกว่า อย่างไรชัยชนะก็ต้องตกอยู่แก่ข้า”
เซี่ยปินผู้ออกมาจากห้องหินเผยเสียงหัวเราะของผู้มีชัย ถัดจากนั้นเขาจึงส่งขวดหยกในมือให้กับผู้อาวุโสเถียนด้วยความมั่นใจอันล้นพ้น
“ถูกต้อง เจ้าปรุงยาเสริมลมปราณได้ในระยะเวลาอันสั้น ฝีมือการปรุงยาน่าจะใกล้ทะลวงสู่ขั้นสูงระดับที่หนึ่งแล้ว” พลังจิตของผู้อาวุโสเถียนเริ่มเข้าสำรวจภายในขวดหยก
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบอีกฝ่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝีมือการปรุงยานี้ไร้คู่แข่งในหมู่นักปรุงยาขั้นกลางแล้ว
เคล็ดวิชาปรุงยาที่ใช้ปรุงยาเสริมลมปราณขึ้นมาก็ถือว่าดี หากว่าไม่มีอะไรเกินคาดเกิดขึ้น ผลลัพธ์ย่อมไร้ข้อกังขา
เพราะต่อให้จี้เตี๋ยสามารถปรุงยาได้สำเร็จ คุณภาพของยาก็คงทัดเทียมไม่ต่าง ถึงตอนนั้นก็ต้องพ่ายแพ้เพราะเรื่องของระยะเวลา
“ยาที่ไอ้เด็กนั่นปรุงจะเทียบข้าได้เช่นไร! ผู้อาวุโสเถียนน่าจะประกาศผู้ชนะได้เลยด้วยซ้ำ” เซี่ยปินยืดอกตอบรับอย่างภาคภูมิ ขณะเดียวกันก็รับถุงมิติกลับมาเพื่อส่งหม้อปรุงยาเก็บเข้าไป
ตอนนี้เองที่เสียงทุ้มดังขึ้น ประตูห้องหินที่เคยปิดแน่น ตอนนี้มันขยับเคลื่อนไหวเปิดออกเชื่องช้า
“ฮึ! ระยะเวลาต่างกันไม่ได้นานมากมาย ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวยาแล้ว” เด็กสาวที่พบเห็นเรื่องราวจึงคลายมือที่กำแน่น นางเดินเข้าไปหาจี้เตี๋ยที่เพิ่งเดินผ่านประตูห้องหิน
“เป็นยังไงบ้าง?” นางที่สูงเพียงแค่ครึ่งศีรษะของเด็กหนุ่ม เวลานี้จึงต้องเงยหน้าเพื่อสนทนา
“เรียบร้อยแล้วขอรับ” จี้เตี๋ยมองตอบจนได้เห็นสีหน้าท่าทีกังวลของเด็กสาว เวลานี้เองที่ในใจของเขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นจนคลายฝ่ามือออก ให้เห็นว่ามันมียาจำนวนสี่เม็ด
เด็กสาวกำลังร้อนใจ เวลานี้จึงคว้ายาดังกล่าวมาเพื่อตรวจสอบคุณภาพจากกลิ่นหอมฟุ้ง และก็เป็นตอนนี้เองที่ดวงตาของนางต้องเผยประกาย
“ไอ้หนู แกพ่ายแพ้แล้ว ทำตามข้อตกลงด้วย!”
ขณะเสียงดังขึ้น จี้เตี๋ยหันมองผ่านซูลั่วไปยังเซี่ยปินที่เอ่ยคำไม่เคยชวนน่ารับฟัง เขาเพียงแค่ตอบรับด้วยท่าทีเรียบเฉย “เพราะอะไรถึงคิดเช่นนั้นกันล่ะ?”
สิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้ไม่ได้ผิดเพี้ยน ฝีมือการปรุงยาของอีกฝ่ายดีกว่า ดังนั้นความเร็วในการปรุงยาจึงรวดเร็วกว่า
“ต่อให้เจ้าปรุงยาเสริมลมปราณออกมาได้สำเร็จ แต่เพราะช้ากว่า ผู้ชนะย่อมเป็นข้า!” เซี่ยปินแค่นเสียงตอบคำกลับ
“ระยะเวลาเป็นเพียงหนึ่งในเงื่อนไขชี้วัด อีกส่วนหนึ่งคือคุณภาพของตัวยา”
“พ่ายแพ้แต่ไม่รู้จักยอมรับ! ด้วยยาที่เจ้าปรุงขึ้น อย่างดีก็แค่เสมอทัดเทียมกับของข้า”
เซี่ยปินแค่นเสียงเย้ยหยัน เพราะเขามีประสบการณ์ด้านการปรุงยายาวนานกว่าจี้เตี๋ย ดังนั้นจึงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายที่เพิ่งเรียนรู้มาได้สองเดือน จะปรุงยาออกมาได้มีประสิทธิภาพดีกว่าของตนเอง
“ไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร?” จี้เตี๋ยโบกมือตอบ ก่อนจะใช้พลังวิญญาณควบคุมยาทั้งสามเม็ดที่เหลือส่งไปให้แก่ผู้อาวุโสเถียน
“รบกวนผู้อาวุโสเถียนช่วยตรวจสอบขอรับ”
ผู้อาวุโสเถียนมองคนทั้งสอง สุดท้ายจึงถอนหายใจและโบกมือเพื่อรับเม็ดยาเข้ามาหาตนเอง เดิมเขาคิดว่ามันก็แค่พิธีที่ควรทำให้เรียบร้อย แต่พอได้เห็นยาที่จี้เตี๋ยปรุงขึ้น สายตาของเขาเริ่มแสดงความจริงจังออกมา
“ยานี่…” ลมหายใจของเขาเริ่มถี่รัวขณะถือยาเอาไว้ในมือ สีหน้ายามนี้ค่อนข้างดูรุนแรงเพราะอาการตื่นเต้น
“เจ้าปรุงยานี้ขึ้นมาได้อย่างไร!”
พบเห็นท่าทีตอบสนอง เซี่ยปินถึงขั้นหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ๆ รับชมว่ายาที่เจ้าปรุงมันเลวร้ายจนผู้อาวุโสเถียนไม่อาจยอมรับได้!”
ทุกคำพูดเน้นย้ำถึงการดูแคลน เพียงแต่ผู้อาวุโสยังคงจ้องมองจี้เตี๋ยไม่ละสายตา กระทั่งเมินเฉยเซี่ยปิน
สำหรับนักปรุงยาขั้นสูงระดับหนึ่ง สายตาของเขาย่อมเหนือกว่าอย่างไร้ข้อกังขา ดังนั้นจึงได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมของสมุนไพรจากเม็ดยาที่อุดมสมบูรณ์และยอดเยี่ยมยิ่งกว่ายาที่เซี่ยปินปรุงขึ้น
ลำพังแค่กลิ่นก็แทบพิสูจน์ได้แล้วว่าคุณภาพของมันดีกว่า!
ความเป็นไปได้มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือระหว่างการใช้หม้อปรุงยาทำการขัดเกลาส่วนผสมเอาความไม่บริสุทธิ์ออกมา รวมกับตอนควบแน่นให้เกิดเป็นเม็ดยา สรรพคุณทางยาทั้งหมดได้หลอมรวมกันโดยไม่มีส่วนใดสูญหาย ทำให้ประสิทธิภาพของตัวยายอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่ผู้อื่นปรุงได้!
เพียงแต่แม้กระทั่งเขายังทำไม่ได้ หรือต่อให้เป็นนักปรุงยาขั้นสูงระดับสองก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน
หรือในบางกรณี หากให้นักปรุงยาขั้นสูงบางคนปรุงยาขั้นต้นก็อาจเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ได้
เพียงแต่จี้เตี๋ยเป็นแค่นักปรุงยาขั้นกลางระดับที่หนึ่ง ไฉนเลยจะทำแบบนั้นได้!!
“คือ… ก็แค่… ปรุงไปตามขั้นตอนขอรับ” จี้เตี๋ยผายมือตอบ เพราะเขาไม่ทราบว่าควรตอบเช่นไรดี
มุมปากของผู้อาวุโสเถียนถึงขั้นกระตุกรุนแรง
ท่าทีสงบและเฉยชาของอีกฝ่าย มันทำเขาไม่ทราบว่าควรตอบอะไรดี…
“ผู้อาวุโสเถียน ประกาศผลลัพธ์ได้เลยขอรับ!” เซี่ยปินที่ไม่ทราบเรื่องราวที่คนทั้งสองสนทนา เวลานี้จึงเร่งเร้า
ผู้อาวุโสเถียนมองอีกฝ่าย สุดท้ายจึงหันกลับมามองจี้เตี๋ยและประกาศคำเสียงดังออกมา “ข้าขอประกาศในที่นี้ ว่าผู้ชนะการแข่งขันคือจี้เตี๋ย!”
“ไอ้หนู ถึงตอนนี้เจ้าก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้… เดี๋ยวก่อน ผู้อาวุโสเถียนจำชื่อคนสลับหรือไม่?!”
เซี่ยปินที่พูดได้ยังไม่ทันจบประโยค เกิดตระหนักได้ว่าคำประกาศคล้ายจะผิดไป สีหน้าเวลานี้จึงแปรเปลี่ยนก่อนจะตั้งคำถาม “เพราะอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าข้าปรุงยาสำเร็จก่อนมัน!”
หากว่าเขาต้องพ่ายแพ้การแข่งขันครั้งนี้ มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความอับอาย ปัจจัยหลักที่เขากล้าเดิมพันด้วยความมั่นใจ ก็เพราะเชื่อว่าตนเองจะเอาชนะและขับไล่จี้เตี๋ยไปให้พ้นหน้าได้
เพราะไม่ว่าอย่างไร ต่อให้เป็นใครก็คงไม่อยากทำให้ตัวเองต้องเสียหน้า
“จริงอยู่ที่เจ้าปรุงยาเสร็จก่อน เพียงแต่ยาที่จี้เตี๋ยปรุงขึ้นมานั้นยอดเยี่ยมไปไกลเกินกว่าที่เจ้าทำได้ ดังนั้นด้วยระยะเวลาส่วนต่างอันเล็กน้อยจึงไม่ควรค่าให้นำมานับ” ผู้อาวุโสเถียนอธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ท่านกล่าวว่าอะไร?! ยาที่มันปรุงขึ้นดีกว่าของข้าอย่างนั้นหรือ?! ข้าไม่เชื่อ ท่านต้องสมรู้ร่วมคิดรวมหัวกันโกงแน่! ไฉนเลยยาที่ไอ้เด็กนี่ปรุงขึ้นจะดีไปกว่าของข้าได้? เรื่องนี้ต้องมีการพิสูจน์!”
เซี่ยปินเผยท่าทีดุร้าย นอกจากนี้ยังไม่คิดยอมรับคำประกาศผลแพ้ชนะ สุดท้ายจึงรีบพุ่งตัวไปคว้ายามาตรวจสอบ
แต่พอได้ตระหนักถึงสรรพคุณจากตัวยาอันแรงกล้าและกลิ่นหอม สีหน้ามุ่งร้ายดุดันเมื่อครู่พลันกลายเป็นบิดเบี้ยวเหยเกประหนึ่งเพิ่งทานสิ่งปฏิกูลเข้าไป
คุณภาพของมันดีกว่ายาที่เขาปรุงอย่างชัดเจน!
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปได้ยังไง!” เสียงร้องตะโกนเริ่มดังขึ้น และตอนนี้เองที่เขาหันศีรษะไปมองจี้เตี๋ยตาเขม็ง
“ไอ้หนู กล้าโกงข้างั้นหรือ! คนเช่นเจ้าที่เพิ่งปรุงยาได้สองเดือนไม่มีทางทำอะไรแบบนี้ได้แน่!”
เขาไม่มีทางทำใจยอมรับ ว่าคนที่เพิ่งเรียนรู้การปรุงยาเพียงแค่สองเดือนจะทำอะไรแบบนี้ออกมาได้
เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคือนักปรุงยาขั้นสูง ที่แสร้งแสดงตัวว่าด้อยฝีมือเพื่อจงใจขุดหลุมวางกับดักให้เขามาติดกับ และถึงขั้นหลอกล่อให้เขานำเอาธงวายุออกมาเป็นของเดิมพัน!
“ข้าหรือโกง เป็นเจ้าที่ยืนกรานขอให้เกิดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นมาเอง! ผู้ใดกันจะไปวางกับดักคิดคดโกงเจ้า!” จี้เตี๋ยไม่โกรธ แต่หัวเราะตอบ
“เซี่ยปิน พ่ายแพ้ก็คือพ่ายแพ้ ตอนนี้ส่งธงวายุและยาย้อนฝันตามข้อตกลงมาเสีย!” ซูลั่วเดินกอดอกเข้ามาดูแคลนเซี่ยปิน
“ยาย้อนฝันนั้นได้ แต่ธงวายุเป็นของที่สำนักมอบให้ ข้าขอแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน” เซี่ยปินรู้สึกเสียหน้ายิ่งกว่ากินสิ่งปฏิกูลเข้าไป กระทั่งเผยสีหน้าดำมืดขณะโยนขวดหยกให้กับจี้เตี๋ย
เพราะครั้งที่เขานำเอาธงวายุออกมาเดิมพัน เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้
“แลกเปลี่ยนของอื่นแทนงั้นหรือ ย่อมได้ ข้าก็ไม่ได้ต้องการธงวายุสักเท่าไหร่ เอาเป็นยาย้อนฝันสิบขวดแทนก็แล้วกัน” จี้เตี๋ยรับขวดหยกมาเชยชม พร้อมกับยืนยันว่ามันคือยาย้อนฝันจริงดังข้อตกลง ขณะนี้จึงเก็บมันไปพร้อมเผยยิ้มมองตอบอีกฝ่าย
สิบขวด!
เซี่ยปินเกิดหน้าซีดเซียวขึ้นมา เพราะเขาไม่มีปัญญาหายาย้อนฝันมากมายขนาดนั้นมาได้
“ไม่มีหรือ? งั้นไม่เอายาย้อนฝันแล้วก็ได้ ส่งธงวายุมา”