ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 176 ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่น 2
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 176 ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่น 2
"ต่อไป ยังต้องค่อยวางแผนกันต่อไป!"
"อาหาร”
"นี่เป็นจุดสำคัญ ต้องควบคุมให้ดี"
"ค่ายกลหรือ”
"ดูเหมือน จะต้องวางค่ายกลเอาไว้บ้างแล้ว เสริมในเมืองยักษ์ใหญ่"
"แต่เป็นเรื่องดีที่บรรพบุรุษเพิ่งให้ปืนใหญ่ถล่มฟ้าหนึ่งแสนกระบอกกับข้ามาไม่นานมานี้"
"ถ้านำปืนใหญ่ถล่มฟ้าหนึ่งแสนกระบอกนี้ไปใช้ให้ดี"
"เผ่ามนุษย์เงือกหรือ"
"ถ้าหากเผ่ามนุษย์เงือกตั้งใจจะบุกโจมตีมณฑลตงหวงของข้าจริง ตระกูลหลัวของข้าจะต้องทำให้เผ่ามนุษย์เงือกรู้ซึ้งว่าความหวาดกลัวมันเป็นอย่างไร!"
แน่นอน คิดอย่างนั้นก็คิดไป
แต่ถ้าหากเผ่ามนุษย์เงือกเริ่มการบุกโจมตีจริง
ตระกูลหลัวอาจจะต้องพยายามอย่างหนักถึงจะสามารถต่อต้านการโจมตีของเผ่ามนุษย์เงือกได้
อาณาเขตตระกูลหลัว
ในลานที่ให้ความรู้สึกโบราณงดงามแห่งหนึ่ง
หลัวจิ่วเกอ กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง
ตอนนี้ ตรงหน้าเขามีกระถางโอสถ 108 ใบ ลอยอยู่ในอากาศ และใต้กระถางโอสถแต่ละใบ ก็มีเปลวไฟอสูรกระดูกขาวอันประหลาดลุกโชนอยู่
[ปุ๊ด ปุ๊ด]
[ปุ๊ด ปุ๊ด]
เสียงวัสดุต่างถูกหลอมเหลว กระทั่งเสียงของเหลวเดือดพล่าน ดังขึ้นไม่ขาดสาย
"ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นสอง... สำเร็จ!"
เสียงพูดดังขึ้นแล้ว
ในลานเรือน ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยปราณเซียนอันมหาศาลแผ่ออกมา
ปราณเซียนที่มหาศาลนี้ควบคุมน้ำเหล็กร้อนระอุในกระถางโอสถ 108 ใบ หล่อหลอมอย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่...
ดูเหมือนว่า เมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อปืนใหญ่ถล่มฟ้าก่อรูปขึ้นมาแล้ว คิ้วของหลัวจิ่วเกอกลับขมวดเข้าหากันแน่น
การหลอมปืนใหญ่ถล่มฟ้ารอบนี้ ก็นับว่าสำเร็จแล้ว
แต่ว่า ในแง่ของอานุภาพในการทำลายล้าง และความสมบูรณ์แบบนั้น กลับไม่ได้ถึงระดับที่หลัวจิ่วเกอคาดหวังเอาไว้เลย แม้แต่ 5 ส่วนของความคาดหวังก็ยังไม่ถึง
แต่เมื่อหล่อหลอมเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ก็ไม่มีวิธีแก้ไขใดแล้ว
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หลัวจิ่วเกอจึงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เขามองปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่สองจำนวน 108 กระบอกตรงหน้าที่สูงใหญ่กว่ารุ่นแรกประมาณหนึ่งเมตร
สีสันเข้มขรึมลึกลับยิ่งกว่ารุ่นแรก
อานุภาพก็แข็งแกร่งกว่ารุ่นแรกราวห้าสิบเปอร์เซ็นต์
หลัวจิ่วเกอ ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจเล็กน้อย
"ดูท่า ยังต้องปรับปรุงอีก"
"ถึงแม้ยังไม่ถึงระดับที่คาดหวัง"
"แต่ก็น่าจะใช้ได้แล้ว"
"ปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่สอง หล่อไว้ซักหนึ่งแสนกระบอกก่อน แล้วต่อจากนี้ก็เริ่มวิจัยพัฒนาปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่สามเลยแล้วกัน!"
พูดจบแล้ว
หลัวจิ่วเกอก็โบกมือแล้วเก็บปืนใหญ่ถล่มฟ้าตรงหน้าทั้งหมดเข้าไปในแหวนเก็บของ
จากนั้น จึงนั่งลงที่ศาลาหินอย่างเงียบ
โบกมืออีกทีโต๊ะหินตรงหน้า ก็ปรากฏกาน้ำชากระจ่างเต๋าหนึ่งใบขึ้นมา
แล้วโบกมืออีกที
ภายในกาน้ำชากระจ่างเต๋า ก็มีน้ำเซียน กับใบชากระจ่างเต๋าสีเขียวเข้มสามถึงห้าใบลอยอยู่
จากนั้นก็ต้มด้วยไฟอ่อนไปเรื่อย
หรี่ตาลงเล็กน้อย
เพลิดเพลินไปกับสายลมเย็นที่พัดผ่านมาเป็นระลอก
อืม ความรู้สึกแบบนี้ ยังคงสบายยิ่งนัก
การบำเพ็ญเพียรนั้นสำคัญมาก
การหลอมปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่สอง
การวิจัยปืนใหญ่ถล่มฟ้ารุ่นที่สาม ก็สำคัญไม่แพ้กัน
แต่บางครั้ง ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการผสมผสานระหว่างการพักผ่อนและการทำงานด้วยเช่นกัน อีกอย่าง ถ้าเขาอยากจะก้าวข้ามจากขอบเขตกึ่งเทพไปสู่ขอบเขตเทพชั้นต่ำ
เขาก็จำเป็นต้องมีความเข้าใจต่อโลกนี้ในระดับหนึ่ง
ไม่อย่างนั้น เขาก็จะยากที่จะควบแน่นแก่นเทวะแท้ได้ และถ้าไม่สามารถควบแน่นแก่นเทวะที่แท้จริงได้
เขาก็จะไม่มีทางก้าวข้ามไปยังขอบเขตเทพชั้นต่ำได้เลย
ทวีปซวนหยวน มณฑลว่านกู่
สำนักงานใหญ่ของหอพันโอสถ
ในตำหนักที่ดูมืดทึมอยู่เล็กน้อยแห่งหนึ่ง
ชายชราร่างสูงในชุดคลุมสีเขียวอ่อน
ร่างกาย แผ่ออกมาด้วยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตกึ่งเทพ
ในตอนนี้ กำลังหรี่ตาลงเล็กน้อย
ในดวงตา ประกายเย็นเยียบวาบขึ้นเป็นระยะ
"มณฑลซุยอวิ๋น... ล่มสลายไปแล้วหรือ”
ตอนที่รู้ข่าวนี้ ถังยวี่ บรรพบุรุษตระกูลถังผู้นี้ในใจก็ยังไม่กล้าเชื่อ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตเซียนจำนวนมากเข้าประจำการในมณฑลซุยอวิ๋นอีก
มีกำลังพลมหาศาลขนาดนี้ในมณฑลซุยอวิ๋น
ตามหลักแล้ว มณฑลซุยอวิ๋นจะต้องไม่มีความกังวลใดภายในหนึ่งเดือนได้ แต่ทำไมเมื่อวานมณฑลซุยอวิ๋นถึงได้ถูกยึดครองไปได้
นี่มันไม่สอดคล้องกับหลักการปกติเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ถังยวี่รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างประหลาดเหลือเกิน
แต่ไม่มีทาง ความจริงก็คือความจริง
ความจริงก็คือ มณฑลซุยอวิ๋นถูกยึดครองไปแล้ว
เผ่ามนุษย์เงือก ยึดครองมณฑลซุยอวิ๋น หนึ่งในสิบสามมณฑลของทวีปซวนหยวนได้แล้ว
"ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ทวีปซวนหยวนก็กำลังจะเกิดความวุ่นวายแล้วสินะ"
"หอพันโอสถของข้า ก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดีแล้ว"
"เผ่ามนุษย์เงือกหรือ”
"กองทัพหนึ่งหมื่นล้านหรือ”
"การมีอยู่ของสิ่งนี้ ช่างไม่ง่ายต่อการรับมือเลยจริง ๆ!"
หลังพึมพำเสียงเบาแล้ว
ถังยวี่ ผู้ปกครองคนเก่าของตระกูลถัง และเป็นผู้ที่ควบคุมหอพันโอสถอยู่
เรียกตัวจ้าวซวี่ ผู้บัญชาการใหญ่ของ [กองทัพตะวันคลั่ง] มา
เริ่มออกคำสั่งบางอย่าง
ส่วนสำนักเภสัช
ขุมอำนาจนี้ ต่อเหตุการณ์มณฑลซุยอวิ๋นถูกยึดครองนั้นก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน
แต่เมื่อความจริงได้ถูกกำหนดไปแล้ว ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
ได้แต่ยอมรับความเป็นจริงนี้
เริ่มเตรียมพร้อม ว่าต่อไปจะรับมือกับการบุกโจมตีจากเผ่ามนุษย์เงือกอย่างไรดี
ทวีปซวนหยวน
พื้นที่ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในมณฑลกลาง
อาณาเขตตระกูลจักรพรรดิโบราณซวนหยวน
ในลานเรือนที่มีกลิ่นอายแห่งโบราณลอยอ้อยอิ่งแห่งหนึ่ง
ซวนหยวนหมิง ผู้เป็นนายน้อยตระกูลซวนหยวนที่สวมชุดขาวเรียบง่าย ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย รูปร่างผอมบางเล็กน้อย
กำลังไพล่มือไว้ข้างหลัง สีหน้าสงบนิ่งอย่างยิ่ง
"นายท่าน"
"มณฑลซุยอวิ๋น ถูกยึดครองแล้ว"
"ขุมอำนาจนับไม่ถ้วนในทวีปซวนหยวนเริ่มวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ"
"จ้าวตระกูลให้ข้ามาถามนายท่านว่า ต่อไปตระกูลซวนหยวนของเราควรจะทำอย่างไร หรือควรจะได้ประโยชน์อย่างมากที่สุดในช่วงยุคสมัยแห่งความโกลาหลครั้งนี้ได้อย่างไร"
ข้างหลังซวนหยวนหมิง
คนรับใช้ของตระกูลซวนหยวนที่สวมชุดคลุมสีเขียว ก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าดูนอบน้อมอย่างยิ่ง กำลังกล่าวถามเสียงเบา
"มณฑลซุยอวิ๋นถูกยึดครองไปแล้วหรือ”
"ต่อไป ในช่วงยุคสมัยแห่งความโกลาหลครั้งนี้ ตระกูลซวนหยวนของเราควรจะทำอย่างไรงั้นรึ”
ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว
ซวนหยวนหมิง ผู้ไพล่มือไว้ข้างหลัง สีหน้าสงบนิ่งยิ่ง
บนใบหน้าซีดขาวนั้น จึงเผยรอยยิ้มจางออกมาโดยไม่รู้ตัว พลางกล่าวตอบเสียงเบาว่า
"บอกท่านพ่อไป ไม่ต้องร้อนใจ"
"แผนการทั้งหมด ก่อรูปขึ้นในใจของข้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
"ต่อไป ตระกูลซวนหยวนเพียงแค่ทำตามแผนการของข้าไปทีละขั้นตอนก็พอ"
"ในตอนนั้น ตระกูลซวนหยวนของเรายิ่งย่อมสามารถอาศัยภัยพิบัตินี้ค่อยขยายใหญ่ขึ้น แม้กระทั่งสามารถกุมอำนาจปกครองทั่วทั้งทวีปซวนหยวนอีกครั้งได้แน่นอน"
พูดถึงตรงนี้ ในดวงตาของซวนหยวนหมิงก็ฉายแววสว่างวาบขึ้นมา
บนใบหน้า รอยยิ้มก็เจิดจ้ายิ่งขึ้นอีกหลายส่วน
สำหรับเขาผู้ที่ตั้งแต่เด็กก็แบกรับภารกิจการทำให้ตระกูลซวนหยวนเจริญรุ่งเรืองไว้บนบ่า
ตระกูลซวนหยวน ก็คือชีวิตของเขา
ถ้าหากก่อนตาย เขาสามารถเห็นตระกูลซวนหยวนค่อยก้าวขึ้นสู่บัลลังก์สูงสุดที่ไม่มีใครเทียบเท่าบนทวีปซวนหยวนได้อีกครั้ง
เช่นนั้นแล้ว ต่อให้เขาตายไป
ก็จะไม่มีความเสียใจใดหลงเหลืออยู่