บทที่ 69 ฝึกฝนศิษย์ช่างหลอมอาวุธ
บทที่ 69 ฝึกฝนศิษย์ช่างหลอมอาวุธ
ท่าเรือเกาะซวงหู
เรือมังกรฟ้าจอดอยู่ท่ามกลางเรือบรรทุกทาสของตระกูลเฉินที่มีความยาวกว่าร้อยห้าสิบจั้ง มันเลยดูเล็กลงมาก
หน้าท่าเรือ…
เฉินเซียนเหอโบกมือ “ไม่ต้องไปส่งแล้ว พวกเจ้ากลับไปกันเถอะ”
เฉินเซียนเหอกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดลงที่เฉินเต้าเสวียน ความไม่เต็มใจแวบผ่านในดวงตาของเขา
“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”
“ขอรับ ผู้นำตระกูลรุ่นเยาว์”
เฉินเต้าเสวียนสั่งให้ผู้คนถอยออกไป ก้าวไปข้างหน้า “การเดินทางไปเมืองกวงอันครั้งนี้ ท่านอาสิบสามยังคงรักษาจำนวนกระบี่บินที่ขายในตอนแรกไว้จะดีกว่า”
ได้ยินดังนั้น เฉินเซียนเหอก็พยักหน้า “ควรเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ตระกูลเฉินของเราสร้างเส้นพลังปราณได้ และมีรากฐานแล้ว รอแค่เต้าฉูและคนอื่นๆ เติบโตขึ้น พวกเขาก็สามารถแบกรับภาระของตระกูลได้ ค่อยขายกระบี่บินจำนวนมากในตอนนั้นก็ไม่สาย”
เมื่อเห็นเฉินเต้าเสวียนพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เฉินเซียนเหอก็ยิ่งวางใจเขามากขึ้น
นี่ยิางพิสูจน์ว่า เฉินเต้าเสวียนไม่ได้ถูกผลกำไรมหาศาลจากธุรกิจกระบี่บินทำให้มัวเมา เขารู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตระกูลเฉินในตอนนี้ ไม่ใช่การหาหินจิตวิญญาณจำนวนมาก แต่เป็นเวลาในการเติบโต
แม้ว่าตลาดอาวุธวิเศษมือสองในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระของเมืองกวงอันส่วนใหญ่ จะถูกครอบครองโดยผู้ฝึกตนอิสระ แต่ก็ยากที่จะบอกว่าไม่มีตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง
ต่อให้ตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ไม่สนใจผลกำไรเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ลูกหลานของตระกูลขนาดใหญ่ที่จัดหาอาวุธวิเศษมือสองให้กับร้านอาวุธวิเศษ พวกเขาก็ต้องได้ส่วนแบ่งกำไร
การที่ตระกูลเฉินขายกระบี่บินมือหนึ่งจำนวนมาก ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของร้านค้าอาวุธวิเศษมือสองเหล่านี้ แต่ยังส่งผลกระทบต่อลูกหลานของตระกูลขนาดใหญ่ที่จัดหาสินค้าให้กับร้านค้าอาวุธวิเศษเหล่านี้ด้วย
ตระกูลเฉิน ณ ปัจจุบัญ ยังไม่ควรสร้างศัตรูเหล่านี้
ก่อนหน้านี้ ตระกูลเฉินยังไม่มีเส้นพลังปราณ จึงต้องทำตัวแข็งกร้าว
มิฉะนั้น หากไม่มีพลังปราณในการบำเพ็ญเพียร ระดับขอบเขตก็จะไม่ก้าวหน้า ใครจะสนใจว่าจะขุ่นเคืองใครหรือไม่?
แต่ตอนนี้ตระกูลเฉินมีเส้นพลังปราณแล้ว หากยังคิดที่จะผูกขาดตลาดอาวุธวิเศษในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระของเมืองกวงอันอีก พงกเขาอาจจะถูกเจ้าของร้านค้าอาวุธวิเศษเดิมและลูกหลานของตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่บางคนเกลียดชังอย่างแน่นอน
การถูกศัตรูเกลียดชังตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อแลกกับเงินที่ยังไม่ได้ใช้ในตอนนี้ ถือเป็นเรื่องที่โง่มาก
เฉินเซียนเหอเป็นผู้นำตระกูลเฉินมาหลายปี แม้ว่าตระกูลจะเสื่อมถอย แต่ก็ยังคงตั้งมั่นอยู่บนเกาะซวงหู ก็เพราะความรอบคอบ
เฉินเต้าเสวียนเห็นว่าอาสิบสามเข้าใจความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว ก็พยักหน้าอย่างโล่งใจ
ในความคิดของเขา ก่อนที่ความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินจะแข็งแกร่งขึ้น เขาไม่คิดที่จะยึดครองตลาดอาวุธวิเศษในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ
อาวุธวิเศษในตลาดอาวุธวิเศษของตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธวิเศษระดับหนึ่ง
ผู้ฝึกตนอิสระอย่างมาก พงกเขาสามารถซื้ออาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นกลาง ราคาหนึ่งร้อยหินจิตวิญญาณได้
แม้แต่อาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นสูง ก็มีน้อยมากในร้านอาวุธวิเศษของตลานัดผู้ฝึกตนอิสระ
ไม่ใช่ว่าเจ้าของร้านค้าอาวุธวิเศษ หาอาวุธวิเศษระดับหนึ่งขั้นสูงไม่ได้ แต่เป็นเพราะผู้ฝึกตนอิสระเงินน้อย กำลังซื้อจึงมีจำกัด
นอกจากนี้ การหลอมอาวุธวิเศษนั้นยากลำบาก ผลกำไรของอาวุธวิเศษระดับหนึ่งมีน้อย ตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่จึงมักจะไม่สนใจตลาดอาวุธวิเศษในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระเท่าไหร่นัก
อย่างเช่น ตระกูลหยาง หากต้องการซื้ออาวุธวิเศษ ก็จะไปที่ร้านอาวุธวิเศษตระกูลโจวโดยตรงเพื่อสั่งซื้อจำนวนมาก
การค้าขายอาวุธวิเศษระหว่างตระกูลใหญ่เช่นพวกเขา มักจะมีขนาดหลายพันชิ้น หรือแม้แต่นับหมื่นชิ้น!
ด้วยจำนวนช่างหลอมอาวุธของตระกูลโจว การที่จะตอบสนองความต้องการอาวุธวิเศษของผู้ฝึกตนในตระกูลหลายแสนคน และความต้องการอาวุธวิเศษของลูกหลานของตระกูลผู้ฝึกตนขนาดใหญ่อื่นๆ ก็เหนื่อยมากแล้ว
ใครจะมีเวลาดูแลผู้ฝึกตนอิสระในตลาดนัดผู้ฝึกตนอิสระอีก ใช่ไหม?
มีข่าวลือว่า ตระกูลโจวเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาวุธวิเศษอย่างมากทุกปี
พูดอีกอย่างก็คือ อาวุธวิเศษของร้านค้าอาวุธวิเศษตระกูลโจวจำนวนมาก นำเข้ามาจากเมืองอื่นๆ หรือแม้แต่แคว้นอื่นๆ ผ่านช่องทางพิเศษ
อาวุธวิเศษที่พวกเขาหลอมขึ้นมาเอง แม้แต่ผู้ฝึกตนในตระกูลหลายแสนคนก็ยังไม่สามารถตอบสนองได้
จริงๆ แล้ว
จากสงครามกว่าสี่ร้อยปีระหว่างนิกายกระบี่เฉียนหยวนกับอาณาจักรฉู่หยุน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ขาดแคลนทรัพยากรต่างๆ เช่น อาวุธวิเศษ หรือโอสถจิตวิญญาณ
แต่สงครามดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายไม่กล้าถอยแม้แต่ก้าวเดียว เพราะหากถอย มันก็อาจจะไม่มีวันฟื้นตัวได้
ไม่ว่าจะเป็นนิกายกระบี่เฉียนหยวนหรือพันธมิตรเสวียนชิงเต๋า ต่างก็กำลังกัดฟันสู้
โชคดีที่นิกายกระบี่เฉียนหยวนมีชัยเหนือกว่าในสงครามครั้งนี้ เปลวเพลิงแห่งสงครามก็โหมกระหน่ำอยู่ในอาณาจักรฉู่หยุน ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานที่มั่นของทะเลหมื่นดวงดาว
ดังนั้น ตระกูลเฉินที่อยู่ห่างไกลจากเมืองกวงอัน แคว้นชางโจว จึงแทบจะไม่รู้สึกถึงผลกระทบจากสงคราม
แต่สำหรับผู้ฝึกตนของอาณาจักรฉู่หยุน สงครามที่ดำเนินมาสี่ร้อยปีนี้ มันส่งผลกระทบต่อพวกเขามากเกินไป…
หลังจากส่งเฉินเซียนเหอไปแล้ว
เฉินเต้าเสวียนก็เริ่มสอนการหลอมอาวุธวิเศษให้กับผู้ฝึกตนระดับขอบเขตหลอมรวมพลังปราณใหม่ทั้งห้าคนของตระกูลเฉินอย่างเป็นทางการ
เฉินเต้าเสวียนคิดว่า
ทรัพยากรในการเรียนรู้การหลอมอาวุธวิเศษของเฉินเต้าฉูทั้งห้าคน ดีกว่าเขาในตอนนั้นหลายร้อยเท่า
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น
เพียงแค่ขั้นตอนหลักสามขั้นตอนของการหลอมอาวุธวิเศษ การสกัด การขึ้นรูป และการหลอมรวมวงเวทย์อักขระ
อย่างแรกคือการสกัดที่ยุ่งยากที่สุด เนื่องจากมีเตาหลอมรวมจิตวิญญาณ จึงไม่ต้องทำขั้นตอนนี้โดยตรง
ต้องรู้ว่า
การข้ามขั้นตอนการสกัดวัสดุ ไม่เพียงแต่ไม่ต้องเรียนรู้ทักษะควบคุมไฟ
ยังรวมไปถึง พลังงานมหาศาลที่เสียไปในระหว่างกระบวนการสกัดวัสดุทุกครั้งด้วย
เฉินเต้าเสวียนจำได้ว่า ตอนที่เขาเรียนรู้การหลอมอาวุธวิเศษ ทุกครั้งที่เขาสกัดวัสดุเสร็จ แม้ว่า “คัมภีร์เต๋าหงเหมิงรู้แจ้ง” จะช่วยฟื้นฟูจิตสำนึก แต่ปราณแก่นแท้ที่ใช้ไปนั้นเป็นของจริง
เขาต้องกลั่นพลังปราณทีละนิดเพื่อฟื้นฟู
การสกัดวัสดุใช้เวลาประมาณสองถึงสามวัน การฟื้นฟูปราณแก่นแท้ใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งคืน
เมื่อรวมกันแล้ว แม้ว่าจะมีความช่วยเหลือจาก “คัมภีร์เต๋าหงเหมิงรู้แจ้ง” เฉินเต้าเสวียนก็สามารถลองขึ้นรูป และหลอมรวมวงเวทย์อักขระได้เร็วที่สุด ก็ประมาณสามวันกว่าๆ
นี่เป็นการไม่นับรวมความล้มเหลวในการสกัดวัสดุอีกนะ
นับประสาอะไรกับการที่เฉินเต้าเสวียนเรียนรู้ด้วยตัวเองในตอนนั้น ไม่มีใครสอนความรู้เรื่องวงเวทย์อักขระและการหลอมรวมวงเวทย์อักขระ
จากมุมมองนี้ พรสวรรค์ของเฉินเต้าเสวียนในด้านการหลอมอาวุธวิเศษนั้นช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
แม้แต่ในเมืองกวงอันอันกว้างใหญ่ ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่มีพรสวรรค์ด้านการหลอมอาวุธวิเศษแบบนี้มากก่อน
และตอนนี้
ทรัพยากรในการเรียนรู้การหลอมอาวุธวิเศษของเฉินเต้าฉูและคนอื่นๆ ดีแค่ไหนล่ะ?
ไม่เพียงแต่ไม่ต้องสกัดวัสดุ พวกเขายังสามารถลองขึ้นรูปและหลอมรวมวงเวทย์อักขระได้มากที่สุดห้าครั้งต่อวัน
หากให้คนงานในโรงงานกระบี่บินทำงานสามกะ พวกเขาจะมีโอกาสหลอมกระบี่บินมากที่สุดสิบสองครั้งต่อวัน
ยิ่งไปกว่านั้น การขึ้นรูปและหลอมรวมวงเวทย์อักขระของกระบี่บินระดับหนึ่งงขั้นต่ำ ไม่ได้ใช้จิตสำนึกและปราณแก่นแท้มากนัก
แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตหลอมรวมพลังปราณขั้นหนึ่ง ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
ไม่เพียงเท่านั้น
พวกเขายังมีเฉินเต้าเสวียน ช่างหลอมอาวุธระดับสูงขั้นต้น คอยสอนอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา
และเกือบจะตะโกนใส่หูพวกเขาด้วยโทรโข่งอีกด้วย!
“เฉินเต้าฉู! เจ้าเป็นหมูหรือไง?”
เฉินเต้าเสวียนที่ใจเย็นแค่ไหน ก็ถูกเฉินเต้าฉูและคนอื่นๆ ทำให้โมโหจนแทบบ้า
“ข้าบอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้วว่า การหลอมรวมวงเวทย์อักขระนั้นอยู่ที่พื้นฐาน ลวดลายวงเวทย์อักขระแรกของเจ้าก็สลักไม่มั่นคง แล้วจะสลักเส้นต่อไปได้อย่างไร? นับประสาอะไรกับการหลอมรวมวงเวทย์อักขระเข้ากับตัวอาวุธในขั้นตอนสุดท้าย!”
เมื่อได้ยินคำดุด่านี้ ไหล่เล็กๆ ของเฉินเต้าฉูก็สั่นเทา ใบหน้าบูดบึ้ง
หลังจากสอนมานานกว่าหนึ่งเดือน
แม้แต่เฉินเต้าเสวียนที่ใจเย็น ก็เกือบจะถูกเด็กโง่ๆ เหล่านี้ทำให้จิตใจไม่มั่นคง
ตอนนี้เฉินเต้าเสวียนเข้าใจความรู้สึกของบิดามารดา ที่คอยสอนการบ้านลูกๆ ในวิดีโอต่างๆ ในโลกเดิมแล้ว
เมื่อไม่ได้เรียน ก็จะเป็นบิดามารดาและบุตรที่รักใคร่กลมเกลียวกัน พอเริ่มเรียนปุ๊บ ก็จะกลายเป็นไก่บินไหวๆ หมาเห่าดังลั่น! (เปรียบประมาณร้องตระโกนด่าโวยวาย)